บรรยากาศในห้องเรียนยังคงตึงเครียดถึงขีดสุด เสียงคำรามของปีศาจเงาที่กรีดร้องอยู่ด้านนอกหน้าต่างที่แตกละเอียดนั้นยังคงดังก้อง สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง เหล่านักเรียนต่างกอดกันแน่น ซบหน้ากับไหล่เพื่อน บางคนหลับตาปี๋ไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยังชายชราผู้กล้าหาญที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา นั่นคือ ลุงภารโรง ผู้ซึ่งกำลังถือมีดสั้นสีเงินเรืองรองเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับหายนะเบื้องหน้าเพียงลำพัง
ไอโกะ กำขวดแก้วใส่ดวงจิตปีศาจไว้แน่นในมือ เธอจ้องมองแผ่นหลังของลุงภารโรงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความกลัวผสมปนเปกัน เธอรับรู้ได้ถึงภารกิจอันใหญ่หลวงที่รออยู่ ลุงภารโรงยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของท่านจับจ้องไปยังเงาปีศาจที่กำลังส่งเสียงขู่คำรามอยู่ด้านนอกอย่างแน่วแน่และเด็ดขาด ท่านกำมีดสั้นสีเงินในมือแน่นขึ้นอีกครั้ง เส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปนบ่งบอกถึงพลังที่กำลังถูกรวบรวมไว้ เพียงชั่ววินาทีเดียว ท่านก็ตัดสินใจ! "อึก... ไปล่ะนะเด็ก ๆ!" ลุงภารโรงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ท่านไม่รอช้า ออกตัววิ่งด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อสำหรับชายชราวัยนี้! เขาวิ่งตรงไปยังหน้าต่างที่แตกละเอียด ราวกับไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ เหล่านักเรียนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงกับความเร็วของลุงภารโรง "ลุงครับ!" เก็น ตะโกนเรียกด้วยความตกใจ เมื่อเห็นลุงภารโรงพุ่งทะยานออกไป ไม่ทันที่ใครจะได้ร้องห้าม ลุงภารโรงก็ กระโดดทะลุช่องหน้าต่างที่แตกออกไปอย่างรวดเร็ว! ร่างของท่านลอยละลิ่วกลางอากาศ เข้าปะทะกับร่างมหึมาของเงาปีศาจที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่ห้องเรียนพอดี ฉัวะ! ในชั่วพริบตาเดียว มีดสั้นสีเงินในมือของลุงภารโรงก็ พุ่งเข้าปักกลางศีรษะของเงาปีศาจอย่างแม่นยำ! แรงกระแทกจากการโจมตีไม่ได้รุนแรงมากนัก ราวกับมีดทะลุผ่านอากาศ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นกลับน่าอัศจรรย์และน่าสะพรึงกลัวในคราวเดียวกัน กรี๊ดดดด! เงาปีศาจส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความทรมานและสิ้นหวัง เสียงกรีดร้องนั้นดังแสบแก้วหูจนทุกคนต้องยกมือขึ้นปิดหูแน่น ร่างกายของมันเริ่มสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ท่ามกลางสายตาที่เบิกกว้างของนักเรียนทั้งยี่สิบคน ร่างของเงาปีศาจตัวมหึมานั้นก็เริ่ม สั่นไหวและแตกสลายออกเป็นกลุ่มควันสีดำ ราวกับฟองสบู่ที่แตกออกไปในอากาศ ควันดำเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไปในความมืดมิดของยามค่ำคืน เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า พร้อมกันนั้นเอง กลุ่มควันสีดำบางเบาที่เหลืออยู่ ก็เริ่มถูกดูดเข้าไปในขวดแก้วเล็กๆ ในมือของไอโกะ! มันลอยเป็นเกลียววนเข้าไปในขวดอย่างรวดเร็ว จนของเหลวสีดำที่อยู่ภายในขวดขยายตัวขึ้นเล็กน้อย และเมื่อกลุ่มควันทั้งหมดถูกดูดเข้าไปจนหมด ขวดแก้วก็ส่องประกายเรืองรองสีดำอ่อน ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ ความเงียบเข้าปกคลุมห้องเรียนอีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบหายใจของเหล่านักเรียนที่ยังคงสั่นสะท้านจากความกลัว "มัน... มันหายไปแล้ว..." เคนตะ พึมพำเสียงแผ่ว ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ยูเมะ ที่ยังคงหลับตาปี๋ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อไม่เห็นเงาปีศาจอีกแล้ว "มัน... มันตายแล้วเหรอ?" โช หายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก "ลุงภารโรง... ทำได้แล้ว!" เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งใจดังระงมไปทั่วห้อง ทุกคนต่างรู้สึกดีใจอย่างสุดซึ้ง ร่างกายที่เคยแข็งเกร็งด้วยความหวาดกลัวก็เริ่มผ่อนคลายลง ความสุขและความหวังเข้าแทนที่ความสิ้นหวังเมื่อครู่ ไอโกะ มองขวดแก้วในมือด้วยความประหลาดใจระคนงุนงง นี่คือดวงจิตของปีศาจเงาที่ถูกกักเก็บไว้? เธอเพ่งมองขวดนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองยังหน้าต่างที่ลุงภารโรงกระโดดออกไป ลุงภารโรงที่กระโดดออกมาจากหน้าต่างนั้น ลงสู่พื้นดินด้านล่างอย่างนุ่มนวล ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย ใบหน้าของท่านเปื้อนฝุ่นเล็กน้อย แต่ดวงตาของท่านกลับฉายแววโล่งอกเล็กน้อย ท่านเงยหน้าขึ้นมองไปยังช่องหน้าต่างที่แตกละเอียด แล้วตะโกนเสียงดังขึ้นมาที่เหล่านักเรียนที่ยังคงอยู่ภายในห้อง "เด็กๆ ฟังลุงให้ดีนะ!" เสียงของท่านก้องกังวาน แม้จะมีความเหนื่อยล้าแฝงอยู่บ้าง "ข้างนอกนี่มันอันตรายกว่าที่พวกเธอคิดนัก! อย่าออกจากห้องนี้เด็ดขาด! เข้าใจไหม?!" คำสั่งของลุงภารโรงนั้นหนักแน่นและจริงจัง ทำให้ความยินดีที่เพิ่งปรากฏขึ้นในใจของนักเรียนบางคนต้องหุบลงทันที เก็น มองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเขากวาดมองไปยังความมืดมิดที่ปกคลุมอยู่ภายนอก แม้ปีศาจตนหนึ่งจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ยังคงเกาะกินใจเขาอยู่ ท้องฟ้ายังคงมืดมิดผิดปกติ และเสียงลมก็ยังคงหวีดหวิวอย่างน่าขนลุก ราวกับกำลังบอกว่าหายนะที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น "ลุงภารโรง... แล้วลุงจะไปไหนคะ?" ฟูมิโกะ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ลุงภารโรงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองพวกเด็กๆ อีกครั้ง "ลุงจะไปจัดการกับพวกที่เหลือ... อย่าห่วงเลย" ท่านพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน แต่แววตาของท่านกลับฉายแววหนักใจที่ซ่อนเร้น ไอโกะ กำขวดในมือแน่นขึ้น เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหญ่ พวกเขายังคงต้องพึ่งพาลุงภารโรงเสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง