บ้านของฟูมิโกะ: ตำนานแห่งผู้เยียวยาและผู้พิทักษ์มิติ
ฟูมิโกะ กลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อและแม่ ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวจากเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ดวงตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น "พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... มันคืออะไรกันแน่คะ? ทำไมหนูถึงรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างในตัว?" ฟูมิโกะถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย พ่อของฟูมิโกะเดินเข้ามาใกล้ลูกสาว ลูบหัวเธอเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน "ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเล่าให้ลูกฟังนะฟูมิโกะ เรื่องราวของตระกูลเรา... มันต่างออกไปเล็กน้อย" แม่ของฟูมิโกะพยักหน้า ก่อนจะเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างรุนแรงนั้น... โลกไม่ได้มีเพียงการต่อสู้ด้วยคมมีดหรือคาถาที่รุนแรงเพียงอย่างเดียวหรอกนะลูก" พ่อของฟูมิโกะเสริม "ตระกูลของเราคือ ผู้เยียวยา และ ผู้รักษาสมดุล บรรพบุรุษของเราไม่ได้เป็นนักรบแนวหน้า แต่เป็นผู้ที่คอย รักษาชีวิต และ ซ่อมแซมความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้" "ทวดของทวดของพ่อ" พ่อของฟูมิโกะเริ่มต้น "ท่านเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน คาถาฟื้นฟู และ การชำระล้างพลังงานชั่วร้าย ในช่วงสงครามกับปีศาจเงา นักรบหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนเกือบจะเสียชีวิตเพราะถูกพลังงานปีศาจกัดกินวิญญาณ ทวดของทวดของพ่อ ท่านได้ใช้พลังเวทมนตร์ของท่านในการรักษาบาดแผลเหล่านั้น ทั้งทางกายและทางใจ" "ท่านไม่ได้แค่รักษาคนเท่านั้นนะลูก" แม่ของฟูมิโกะเล่าต่อ "แต่ท่านยังสามารถ ชำระล้างพลังงานปีศาจ ที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ ทำให้สิ่งมีชีวิตและธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบกลับมาฟื้นคืนอีกครั้ง ทวดของทวดของพ่อ ท่านคือผู้ที่ทำให้ความหวังยังคงอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง ท่านเป็นเหมือนแสงสว่างที่ช่วยเยียวยาทุกสิ่งที่ถูกปีศาจทำลายไป" พ่อของฟูมิโกะเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น "แต่บทบาทของตระกูลเราไม่ได้มีแค่นั้นนะลูก ด้วยความสามารถในการสัมผัสและชำระล้างพลังงาน ทวดของทวดของพ่อยังเป็นผู้ที่สามารถ ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของมิติ และ ช่องว่างที่ปีศาจใช้เป็นทางผ่าน ได้อย่างแม่นยำที่สุด" "ในสงครามครั้งสุดท้าย เมื่อเหล่าปีศาจจำนวนมหาศาลทะลักเข้ามา ทวดของทวดของพ่อ ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้โดยตรง แต่ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ สร้างม่านพลังแห่งการชำระล้าง ขนาดใหญ่รอบๆ โรงเรียนริโอะเอนในปัจจุบัน ม่านพลังนั้นไม่ใช่กำแพงป้องกัน แต่มันคือ เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่จะคอยชำระล้างพลังปีศาจที่พยายามจะแทรกซึมเข้ามา ทำให้พวกมันอ่อนแอลงและไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อโลกได้อย่างเต็มที่" แม่ของฟูมิโกะมองลูกสาวด้วยความรักและภาคภูมิใจ "การต่อสู้ครั้งนั้นจบลงได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะพลังชำระล้างของบรรพบุรุษเรา ที่ทำให้ปีศาจอ่อนแอลงพอที่นักเวทย์คนอื่นๆ จะผนึกพวกมันไว้ได้" "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา ฟูมิโกะ... การเป็นผู้รักษา การนำแสงสว่างมาสู่ความมืด และการชำระล้างความแปดเปื้อน" พ่อของฟูมิโกะกล่าวปิดท้าย "พลังที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังแห่งการเยียวยาและการชำระล้าง ลูกคือความหวังที่จะรักษาโลกนี้ให้สมดุล" ฟูมิโกะฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกทึ่งและตระหนักถึงภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไวต่อพลังงาน และทำไมเธอถึงรู้สึกอยากจะช่วยผู้อื่นเสมอมา พลังแห่งการเยียวยากำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเธอ บ้านของฮานา: เรื่องเล่าแห่งผู้เชื่อมโยงและผู้ทำนาย ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของ ฮานา บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง แม้จะเต็มไปด้วยความกังวลจากเหตุการณ์เมื่อคืน ฮานากลับถึงบ้านพร้อมพ่อและแม่ และทันทีที่ก้าวเข้าประตู คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความห่วงใย "ฮานา! หลานตาไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก!? คุณยายเป็นห่วงแทบแย่!" คุณตาและคุณยายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน พวกท่านลูบหลังฮานาเบาๆ ราวกับปลอบประโลม ฮานา รู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อกับแม่... เรื่องเมื่อคืนนี้... หนูอยากรู้ความจริงทั้งหมดเลยค่ะ" คุณตาของฮานาถอนหายใจช้าๆ ท่านมองไปยังพ่อและแม่ของฮานา ก่อนจะหันมามองหลานสาวด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง "เอาล่ะ... ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องรู้เรื่องราวที่แท้จริงของตระกูลเรานะฮานา" คุณตาเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้และประสบการณ์อันยาวนาน "เรื่องนี้ถูกเล่าสืบทอดกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยล่ะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่งนั้น ตระกูลของเราไม่ได้เป็นนักรบแนวหน้า หรือผู้เยียวยาโดยตรง แต่พวกเราคือ ผู้เชื่อมโยง และ ผู้ทำนาย" "ทวดของทวดของตา" คุณตาเล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน การติดต่อสื่อสาร กับพลังงานที่อยู่เหนือการรับรู้ของคนทั่วไป ท่านสามารถ เชื่อมโยงจิตวิญญาณ ของเหล่านักเวทย์สายขาวที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกได้" คุณยายของฮานาเสริม "ในยุคที่ไม่มีเทคโนโลยีสื่อสารเหมือนสมัยนี้ การที่จะรวบรวมเหล่านักเวทย์สายขาวให้มารวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับปีศาจนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่ทวดของทวดของตา ท่านได้ใช้พลังจิตวิญญาณของท่านในการ ส่งกระแสจิต ไปยังทายาทสายขาวคนอื่นๆ ทำให้พวกเขารับรู้ถึงภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง และนำพวกเขามารวมตัวกันที่โรงเรียนริโอะเอน ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมพลังงานสำคัญ" พ่อของฮานาเล่าต่อ "นอกจากนี้ บรรพบุรุษของเรายังมีความสามารถพิเศษในการ ทำนายเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของปีศาจเงา" "ทวดของทวดของตา ท่านได้ใช้พลังแห่งการทำนายของท่านในการ มองเห็นเส้นทางของปีศาจ และ คาดการณ์การโจมตีครั้งสำคัญ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" คุณตาเล่าด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ท่านได้บันทึกคำทำนายเหล่านั้นไว้ใน วิทยุไม้แกะสลักรูปพระจันทร์ ที่ถูกส่งต่อมาในตระกูลของเรานั่นแหละ มันไม่ใช่แค่วิทยุธรรมดา แต่มันคือเครื่องมือในการรับส่งสัญญาณพลังงาน และเป็นคลังเก็บคำทำนายที่สำคัญที่สุดของตระกูลเรา" "ในสงครามครั้งสุดท้าย เมื่อเหล่าปีศาจกำลังจะถูกผนึก ทวดของทวดของตา ท่านได้ทำนายถึง การกลับมาของปีศาจเงาในอนาคต และได้ทิ้งคำเตือนและแนวทางในการรับมือไว้ในวิทยุนั้น" คุณยายกล่าวปิดท้าย "หน้าที่ของตระกูลเราคือการเป็น ผู้ส่งสาร การ เชื่อมโยง ผู้คนเข้าหากัน และการ ทำนายอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคาม" ฮานาฟังเรื่องราวด้วยความรู้สึกทึ่งและเข้าใจในทันที เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัว และทำไมเธอถึงมักจะมีความรู้สึกบางอย่างบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าเสมอมา พลังแห่งการเชื่อมโยงและทำนายกำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเธอ เรื่องเล่าจากอดีตของแต่ละครอบครัว ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยความลับที่ถูกซ่อนไว้มานาน แต่ยังเป็นการปลุกจิตวิญญาณของทายาทนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมที่จะรับมือกับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าในคืนวันพรุ่งนี้เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง