ในความเงียบงันที่กลับมาเยือนโรงละคร ฮานาและโกฮันยังคงหอบหายใจอย่างหนัก พวกเขาพยุงตัวเองขึ้นยืน สายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าสีเทาหม่นที่ปกคลุมสวนสนุกร้างแห่งนี้ มันดูเหมือนเป็นผืนผ้าใบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับมืดมิด
“พวกมัน… พวกมันน่าจะซ่อนตัวอยู่บนนั้น” ฮานาเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความกังวล “แต่เราจะทำยังไงดี ถ้าพวกมันอยู่บนนั้น เราก็จับสัญญาณของพวกมันไม่ได้เลยนี่นา” เธอก้มลงมองนาฬิกาอาคมที่ตอนนี้กลับมานิ่งสนิทอีกครั้ง โกฮันกัดฟันแน่น ดวงตาคมกริบจ้องมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความมุ่งมั่น “มันต้องมีสักทางสิฮานา ฉันจะไม่ยอมให้เราเป็นเป้าโจมตีฝ่ายเดียวหรอก!” แววตาของเขาฉายความเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเขาไล่มองไปทั่วท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่โครงสร้างโลหะขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล… ชิงช้าสวรรค์ ที่หยุดนิ่งสนิท “นายมองอะไรน่ะโกฮัน?” ฮานาถาม เมื่อเห็นแววตาครุ่นคิดของเพื่อน โกฮันไม่ตอบทันที เขายังคงจ้องมองชิงช้าสวรรค์เหมือนกำลังประเมินบางอย่างในใจ “ถ้าเราขึ้นไปบนนั้นได้…” โกฮันเอ่ยเสียงพร่า “เราก็จะใกล้พวกมันมากขึ้นใช่ไหม? อย่างน้อยก็จะได้หาสัญญาณเจอได้ง่ายขึ้น” ฮานาเบิกตากว้าง “แต่มันอันตรายเกินไปนะโกฮัน! ชิงช้าสวรรค์มันเก่าแล้ว แถมพวกเงาปีศาจก็อยู่บนฟ้า เราอาจจะตกเป็นเป้าได้ง่ายกว่าเดิมอีก” เธอพยายามดึงแขนเขา “ถ้าไม่ลองดูจะรู้ได้ไงล่ะฮานา?” โกฮันตอบ น้ำเสียงแน่วแน่ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาสะบัดมือเล็กน้อยเพื่อสื่อว่าเขาตัดสินใจแล้ว “เราจะให้พวกมันเป็นฝ่ายบงการเราอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้หรอก” พูดจบ โกฮันก็หันหลังเดินออกจากอาคารมุ่งหน้าเดินตรงไปยังชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ฮานาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอรู้ว่าโกฮันเป็นคนแบบนี้เสมอ เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเขาได้ เธอจึงจำใจเดินตามไปติดๆ ระหว่างทาง ฮานาพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ “โกฮัน! เดี๋ยวสิ!” เธอรีบเดินไปคว้าแขนเขาให้หยุดชะงัก โกฮันหันมามองด้วยความแปลกใจ “มีอะไรฮานา?” “ฉันว่าเรารวบรวม ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด ก่อนดีไหม?” ฮานาเสนอ ไอเดียนี้ผุดขึ้นมาในหัวเธออย่างกะทันหัน แต่ก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล “ไอโกะเคยพูดถึงเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ? ว่าผ้ายันต์พวกนี้ถูกซ่อนอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ ของสวนสนุก และมันมีพลังที่จะช่วยขับไล่หรือกักขังพวกเงาปีศาจได้ เผื่อผ้ายันต์จะช่วยอะไรเราได้มากกว่าที่เราคิด” โกฮันหยุดชะงักฝีเท้าลง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจระคนกับความรู้สึกผิด “จริงด้วย! ฉันลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย! มัวแต่คิดว่าจะบุกขึ้นไปจัดการพวกมันอย่างเดียว” เขาตบหน้าผากตัวเองเบาๆ “ดีนะที่เธอนึกขึ้นได้ฮานา ขอบใจนะ” “ไม่เป็นไรหรอกน่า” ฮานายิ้มบางๆ รู้สึกโล่งใจที่โกฮันยอมรับฟัง “งั้นเราเริ่มหาจากที่ใกล้ๆ ก่อนดีไหม?” เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ “อย่างเช่น… ม้าหมุน ที่อยู่ตรงนั้น” เธอมองไปยังม้าหมุนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางลานกว้างไม่ไกลจากโรงละครที่พวกเขาเพิ่งออกมา โกฮันพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งคู่จึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังม้าหมุนแห่งนั้น มันเป็นม้าหมุนที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ตัวม้าที่ทำจากไม้แกะสลักอย่างวิจิตรถูกทาสีซีดจางไปตามกาลเวลา โครงสร้างโลหะที่เคยเงาวับบัดนี้เต็มไปด้วยสนิม เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแผ่วเบาเมื่อมีลมพัดผ่าน พวกเขาเดินวนรอบม้าหมุน สำรวจอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ใต้ที่นั่ง รอบเสา กลีบดอกไม้แกะสลัก แม้กระทั่งใต้ฐานของม้าหมุนตัวต่างๆ แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่พบสิ่งใดเลย “นี่มันจะซ่อนอยู่ตรงไหนกันแน่เนี่ย” ฮานาบ่นอย่างหงุดหงิด เธอพยายามใช้มือลูบคลำไปตามตัวม้าที่ทำจากไม้ ดูว่าจะมีช่องลับหรือสัญลักษณ์ซ่อนอยู่หรือไม่ แต่ก็ไม่พบอะไร “ลองดูตรงนี้สิฮานา” โกฮันเรียก เขาเอื้อมมือไปเคาะที่หัวของม้าหมุนตัวหนึ่ง เสียงที่ตอบกลับมานั้นค่อนข้างทึบ ไม่ได้กลวงโบ๋อย่างที่ควรจะเป็น “หืม? มีอะไรเหรอ?” ฮานาเดินเข้าไปใกล้ พลางยกนาฬิกาอาคมขึ้นมาจ่อที่หัวม้าตัวนั้น แต่สัญญาณก็ยังคงนิ่งสนิท ทันใดนั้นเอง! ครืดดดดดด! ม้าหมุนที่เคยหยุดนิ่งสนิท จู่ๆ ก็เริ่มหมุนเองช้าๆ เสียงกลไกเก่าๆ ดังเอี๊ยดอ๊าดน่าขนลุก ท่ามกลางความเงียบงันของสวนสนุกร้าง “นี่มันอะไรกันเนี่ย!” ฮานาร้องออกมาอย่างหวาดกลัว เธอรีบกระโดดขึ้นไปบนตัวม้าหมุนตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อทรงตัว เพราะแรงเหวี่ยงเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แรงหมุนเริ่มทวีความเร็วขึ้น ชิงช้าสวรรค์ที่เคยอยู่นอกสายตาบัดนี้เริ่มเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นเรื่อยๆ จนน่ากลัวว่าจะพังลงมาเมื่อไหร่ “ฮานา! ลงมาเดี๋ยวนี้!” โกฮันตะโกนสุดเสียง เขาพยายามจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่จังหวะการหมุนที่เร็วขึ้นทำให้เขาสามารถเข้าใกล้ได้ยาก ฮานาพยายามจะกระโดดลง แต่ด้วยความตกใจและแรงเหวี่ยงทำให้เธอไม่กล้าปล่อยมือออกจากตัวม้าหมุนที่เธอกอดไว้แน่น “ฉัน… ฉันลงไม่ได้โกฮัน! มันเร็วเกินไป!” ม้าหมุนหมุนเร็วขึ้นอีกราวกับมีพลังงานบางอย่างเข้ามาควบคุม เสียงลมปะทะใบหน้าของฮานาจนรู้สึกแสบไปหมด ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัว โลกหมุนคว้างไปหมด “ส่งมือมาฮานา! จับมือฉันไว้!” โกฮันตะโกนลั่น เขาวิ่งตามจังหวะการหมุนของม้าหมุน พลางเอื้อมมือออกไปให้ฮานาคว้า มือของเขาที่เคยมีบาดแผลจากการต่อสู้กับเงาปีศาจนกยักษ์กลับไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว เขามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การช่วยเพื่อนสนิทเพียงอย่างเดียว ฮานาพยายามรวบรวมสติ เธอเหลือบมองมือที่ยื่นมาของโกฮัน แรงเหวี่ยงทำให้แขนของเธอแทบจะหลุดจากเบ้า แต่เธอก็รวบรวมพลังทั้งหมด เอื้อมมือออกไปจับมือของโกฮันไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมับ! มือของทั้งคู่สัมผัสกัน โกฮันใช้แรงทั้งหมดของเขา ดึงตัวฮานาลงจากม้าหมุนที่กำลังหมุนด้วยความเร็วสูง! ร่างของฮานาถูกเหวี่ยงเข้ามากระแทกกับอกของโกฮันอย่างแรง ทั้งคู่เสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นด้วยกัน ติ๊ดๆๆ นาฬิกาอาคมบนข้อมือของฮานาพลันส่งสัญญาณเตือนดังขึ้นมาอีกครั้ง! สัญญาณสีแดงกะพริบถี่รัว พลางชี้ไปที่… ใต้ท้องม้าหมุน ที่กำลังหมุนอย่างบ้าคลั่ง! “ดูนั่นสิฮานา!” โกฮันตะโกนพลางชี้ไปที่แสงเรืองรองสีขาวจางๆ ที่ส่องออกมาจากใต้ฐานของม้าหมุนที่หมุนเร็วขึ้นจนราวกับจะหลุดออกเป็นชิ้นๆ “ผ้ายันต์! ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่น!” ฮานาอุทานด้วยความตื่นเต้นระคนกับความหวาดกลัว เมื่อเห็นสัญลักษณ์ที่เรืองแสงบนผ้ายันต์ที่โผล่พ้นออกมาจากใต้ฐานม้าหมุนเพียงเล็กน้อย แต่การจะเข้าไปเอาผ้ายันต์ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย! ม้าหมุนหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมีประกายไฟจากการเสียดสีของโลหะ เสียงกลไกเอี๊ยดอ๊าดน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เงาดำขนาดเล็กเริ่มพุ่งออกมาจากใต้ฐานม้าหมุนที่กำลังหมุน และตรงเข้าโจมตีพวกเขา! “ดูเหมือนมันจะไม่ยอมให้เราเอาไปง่ายๆ นะ” โกฮันพูดเสียงเข้ม เขายันตัวลุกขึ้นยืน คว้ามีดอาคมในมือเตรียมพร้อมรับมือกับเงาดำที่พุ่งเข้าใส่ ฮานาเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เธอหยิบขวดเก็บวิญญาณขึ้นมาเตรียมพร้อม “พวกมันคงรู้ว่าผ้ายันต์นี่มีความสำคัญ!”หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดกับบริวารแห่งความมืด ฮานาและโกฮันก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า หอคอยแห่งความมืด ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางสวนสนุกร้าง ตัวหอคอยสูงเสียดฟ้า ปกคลุมไปด้วยเงามืดทะมึนราวกับถูกสร้างขึ้นจากความสิ้นหวัง แสงสลัวๆ รอบๆ ไม่สามารถส่องเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย มันดูดกลืนทุกสิ่งไว้ในความมืดมิด มีเพียงแสงเรืองรองสีแดงฉานจากดวงตาปีศาจที่ประดับอยู่ตามผนังหอคอยเท่านั้นที่กะพริบเป็นจังหวะ ราวกับกำลังจับจ้องพวกเขา กลิ่นอายความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาทำให้รู้สึกอึดอัดและหนาวเหน็บไปถึงกระดูก“นี่แหละ… ที่ที่จอมมารแห่งเงามืดซ่อนผ้ายันต์สองผืนสุดท้ายไว้” ฮานากล่าว เสียงของเธอหนักแน่น แม้จะมีความกังวลฉายแววในดวงตา“มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดเยอะเลยนะฮานา” โกฮันพึมพำ เขากำมีดอาคมแน่น แสงสีเทาจากมันส่องสว่างขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านลบมหาศาล“ใช่… แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วโกฮัน” ฮานาตอบ เธอสอดส่องสายตาไปรอบๆ หอคอย “ท่านภูติแห่งวารีบอกว่ามีเงาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดเฝ้าอยู่”“เราพร้อมแล้วฮานา! เราฝึกมาหนักเพื่อวันนี้!” โกฮันประกาศด้วยความมุ่งมั่น ดวงตาของเขาฉายแววกล้าหาญ “ไปกันเถอะ!”พวกเขาเ
แสงสีฟ้าอ่อนนวลตาห่อหุ้มร่างของ ฮานา และ โกฮัน ลอยขึ้นช้าๆ ผ่านโพรงถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยเรืองแสง พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบริสุทธิ์ของโลกใต้บาดาลที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในกาย พลังงานที่ได้จากการฝึกฝนอย่างหนักในห้องต่างๆ ภายใต้การชี้แนะของเหล่าวิญญาณภูมิ“เรากลับมาแล้วฮานา…” โกฮันพึมพำ ดวงตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่น“ใช่… ถึงเวลาที่เราจะต้องทำในสิ่งที่ต้องทำแล้วโกฮัน” ฮานาตอบ เสียงของเธอหนักแน่น ไม่มีความลังเลอีกต่อไป ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดผืนในมือของเธอเปล่งแสงสีเทาอ่อนๆ ที่แสดงถึงพลังแห่งแสงและความมืดที่หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อร่างของพวกเขาพ้นจากปากโพรงถ้ำ แสงแดดที่เจิดจ้าก็สาดส่องกระทบดวงตา ทำให้พวกเขาต้องหรี่ตาลง สวนสนุกร้างที่เคยดูมืดมิดและน่ากลัว บัดนี้กลับมีแสงสว่างสลัวๆ ส่องเข้ามาจากด้านบน เผยให้เห็นซากปรักหักพังที่น่าเศร้าและบรรยากาศที่เงียบงันราวกับถูกทิ้งร้างมานานหลายศตวรรษ“พวกเจ้ากลับมาแล้ว…” เสียงใสราวระฆังแก้วของ ภูติแห่งวารี ดังขึ้น เบื้องหน้าพวกเขา ภูติแห่งวารีกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน รายล้อมด้วยพลังงานแสงสีฟ้าอ่อนโยน“ท่านภูติแห่งวารี!” ฮานาและโกฮันกล่
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการควบคุม ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว นี่คือบททดสอบสุดท้ายของการฝึกฝนในโลกใต้บาดาล แสงภายในห้องนี้แตกต่างจากทุกห้องที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่แสงสีเดียว แต่เป็นแสงสีขาวดำที่สลับกันไปมาอย่างรวดเร็วราวกับชีพจรของจักรวาล พื้นห้องเป็นเหมือนตารางหมากรุกขนาดใหญ่ที่ช่องสี่เหลี่ยมสีขาวและดำเคลื่อนไหวและสลับตำแหน่งกันไม่หยุด กำแพงห้องทอดยาวขึ้นไปสูงลิบตาจนมองไม่เห็นเพดาน และมีกระแสพลังงานที่มองไม่เห็นไหลวนไปมา ทำให้รู้สึกถึงความสมดุลที่เปราะบางและพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ บรรยากาศเงียบสงัดไร้เสียงใดๆ มีเพียงเสียงการเคลื่อนไหวของแสงและเงาที่สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดและกดดัน“ห้องนี้… มันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ฮานา” โกฮันกระซิบเสียงแผ่ว เขากำมีดอาคมแน่น แสงสีเทาที่เปล่งออกมาจากผ้ายันต์และมีดอาคมของพวกเขาส่องสว่างตัดกับแสงขาวดำในห้อง“ใช่… เหมือนมันกำลังเตือนว่าทุกอย่างมันต้องอยู่ในความสมดุล” ฮานาตอบ เธอพยายามตั้งสติ ผ้ายันต์ในมือของเธอกำแน่นทันใดนั้นเอง! แสงสีขาวดำที่สลับกันไปมาก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีเทาอ่อน รูปร่างของเขาดูคล้ายชายชราผู้ทรงภูมิ มีเครายาวส
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการแยกสมาธิ ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นและความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แสงภายในห้องนี้แตกต่างออกไปอีกครั้ง ที่นี่มืดมิดเกือบสนิท มีเพียงแสงสลัวๆ สีฟ้าอมเขียวคล้ายแสงออโรร่าที่เต้นระริกบนเพดานและผนังห้อง ทำให้เกิดเงาที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว พื้นห้องเต็มไปด้วยแท่นหินเล็กๆ นับไม่ถ้วนที่เรียงรายอยู่ไม่เป็นระเบียบ แต่ละแท่นมีอักขระโบราณที่ส่องแสงริบหรี่จารึกไว้ เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ไม่สามารถจับใจความได้ดังแว่วมาเป็นระยะๆ ชวนให้รู้สึกรบกวนสมาธิ“ห้องนี้ดูประหลาดกว่าห้องอื่นอีกนะฮานา” โกฮันพึมพำ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง มีดอาคมในมือของเขาส่องแสงสีเทาอ่อนๆ“ใช่… บรรยากาศมันชวนให้รู้สึกสับสนยังไงก็ไม่รู้” ฮานาตอบ เธอพยายามตั้งสติ ผ้ายันต์ในมือของเธอเปล่งแสงสีเทาเช่นกันทันใดนั้นเอง! แสงสลัวๆ บนเพดานก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีม่วงเข้ม รูปร่างของเขาดูสง่างามคล้ายนักปราชญ์โบราณ เขามีผมสีขาวยาวสลวยผูกเป็นมวยไว้ด้านหลัง ดวงตาของเขาสุกใสราวกับดวงดาวที่มองเห็นทะลุปรุโปร่งทุกสิ่ง ในมือถือคัมภีร์เล่มเก่าที่เปล่งแสงเรื
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการแยกสัมผัส ท่ามกลางความงุนงง แสงสว่างภายในห้องนี้ดูแปลกประหลาด มันเป็นแสงสีรุ้งที่หมุนวนไปมาอย่างช้าๆ ทำให้ภาพที่เห็นบิดเบี้ยวและพร่าเลือน ผนังห้องทำจากวัสดุโปร่งแสงที่ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร ทุกอย่างในห้องดูเลือนลางและไม่แน่นอน กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยคละคลุ้งในอากาศ ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและมึนงง“นี่มัน… ห้องอะไรกันเนี่ย?” ฮานาพึมพำ เธอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเมื่อมองแสงสีรุ้งที่หมุนวนไม่หยุด“ฉันก็ไม่แน่ใจฮานา… แต่บรรยากาศมันประหลาดมาก” โกฮันตอบ เสียงของเขามีอาการมึนงงเล็กน้อย เขากำมีดอาคมแน่น พยายามตั้งสติทันใดนั้นเอง! แสงสีรุ้งก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีขาวบริสุทธิ์ รูปร่างคล้ายหญิงสาวงดงามราวกับนางฟ้า เธอมีปีกสีรุ้งโปร่งแสงขนาดใหญ่ ผมยาวสลวยสีเงินระยิบระยับ ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าไร้เมฆ และมีรัศมีอ่อนโยนแผ่ออกมาจากตัวเธอ“ยินดีต้อนรับ… ผู้กล้าทั้งสอง” เสียงใสราวกับเสียงกระดิ่งแก้วดังขึ้นในห้อง “ข้าคือ วิญญาณแห่งดารา ผู้พิทักษ์ห้องแห่งการแยกสัมผัส… ข้าจะทดสอบความสามารถในการแยกแยะของพวกเจ้า… ทั้งการแยกแยะประสาทสัมผัส… และการแยกแยะคว
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งพละกำลัง ด้วยความตื่นเต้นระคนความเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนในห้องแห่งความเร็ว แสงสว่างภายในห้องนี้แตกต่างจากห้องก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ที่นี่สว่างไสวด้วยแสงสีส้มอมแดงที่ดูอบอุ่นและมั่นคง ผนังห้องเป็นหินแกรนิตสีเข้มแข็งแกร่ง มีรอยจารึกรูปค้อนและขวานโบราณประดับอยู่ทั่วไป กลิ่นดินและแร่ธาตุที่คุ้นเคยในโลกใต้บาดาลกลับเข้มข้นขึ้นในห้องนี้ ให้ความรู้สึกดิบและทรงพลัง“ดูเหมือนว่าห้องนี้จะไม่ได้เน้นความเร็วแล้วนะฮานา” โกฮันกล่าว เขากำหมัดแน่น รู้สึกถึงพละกำลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายหลังจากได้รับการเยียวยาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“ฉันก็ว่างั้น… บรรยากาศมันต่างกันลิบลับเลย” ฮานาตอบพลางกวาดตามองไปรอบๆ เธอยกผ้ายันต์ในมือขึ้น มันเปล่งแสงสีขาวนวลตัดกับแสงสีส้มอมแดงของห้องทันใดนั้นเอง! เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นราวกับแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นมาจากมุมมืดของห้อง ร่างสูงใหญ่กำยำปรากฏตัวขึ้นช้าๆ มันเป็นร่างโปร่งแสงสีน้ำตาลเข้ม มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ผมของเขาสั้นเกรียน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราดกดำ ดวงตาคมกริบราวกับหินผา ในมือถือค้อนขนาดมหึมาที่ดูหนักอึ้ง“ยินดีต้อนรับ… ผู้กล้าทั้งสอง” เสียงท