ในความเงียบงันที่กลับมาเยือนโรงละคร ฮานาและโกฮันยังคงหอบหายใจอย่างหนัก พวกเขาพยุงตัวเองขึ้นยืน สายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าสีเทาหม่นที่ปกคลุมสวนสนุกร้างแห่งนี้ มันดูเหมือนเป็นผืนผ้าใบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับมืดมิด
“พวกมัน… พวกมันน่าจะซ่อนตัวอยู่บนนั้น” ฮานาเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความกังวล “แต่เราจะทำยังไงดี ถ้าพวกมันอยู่บนนั้น เราก็จับสัญญาณของพวกมันไม่ได้เลยนี่นา” เธอก้มลงมองนาฬิกาอาคมที่ตอนนี้กลับมานิ่งสนิทอีกครั้ง โกฮันกัดฟันแน่น ดวงตาคมกริบจ้องมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความมุ่งมั่น “มันต้องมีสักทางสิฮานา ฉันจะไม่ยอมให้เราเป็นเป้าโจมตีฝ่ายเดียวหรอก!” แววตาของเขาฉายความเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเขาไล่มองไปทั่วท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่โครงสร้างโลหะขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล… ชิงช้าสวรรค์ ที่หยุดนิ่งสนิท “นายมองอะไรน่ะโกฮัน?” ฮานาถาม เมื่อเห็นแววตาครุ่นคิดของเพื่อน โกฮันไม่ตอบทันที เขายังคงจ้องมองชิงช้าสวรรค์เหมือนกำลังประเมินบางอย่างในใจ “ถ้าเราขึ้นไปบนนั้นได้…” โกฮันเอ่ยเสียงพร่า “เราก็จะใกล้พวกมันมากขึ้นใช่ไหม? อย่างน้อยก็จะได้หาสัญญาณเจอได้ง่ายขึ้น” ฮานาเบิกตากว้าง “แต่มันอันตรายเกินไปนะโกฮัน! ชิงช้าสวรรค์มันเก่าแล้ว แถมพวกเงาปีศาจก็อยู่บนฟ้า เราอาจจะตกเป็นเป้าได้ง่ายกว่าเดิมอีก” เธอพยายามดึงแขนเขา “ถ้าไม่ลองดูจะรู้ได้ไงล่ะฮานา?” โกฮันตอบ น้ำเสียงแน่วแน่ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาสะบัดมือเล็กน้อยเพื่อสื่อว่าเขาตัดสินใจแล้ว “เราจะให้พวกมันเป็นฝ่ายบงการเราอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้หรอก” พูดจบ โกฮันก็หันหลังเดินออกจากอาคารมุ่งหน้าเดินตรงไปยังชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ฮานาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอรู้ว่าโกฮันเป็นคนแบบนี้เสมอ เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเขาได้ เธอจึงจำใจเดินตามไปติดๆ ระหว่างทาง ฮานาพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ “โกฮัน! เดี๋ยวสิ!” เธอรีบเดินไปคว้าแขนเขาให้หยุดชะงัก โกฮันหันมามองด้วยความแปลกใจ “มีอะไรฮานา?” “ฉันว่าเรารวบรวม ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด ก่อนดีไหม?” ฮานาเสนอ ไอเดียนี้ผุดขึ้นมาในหัวเธออย่างกะทันหัน แต่ก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล “ไอโกะเคยพูดถึงเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ? ว่าผ้ายันต์พวกนี้ถูกซ่อนอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ ของสวนสนุก และมันมีพลังที่จะช่วยขับไล่หรือกักขังพวกเงาปีศาจได้ เผื่อผ้ายันต์จะช่วยอะไรเราได้มากกว่าที่เราคิด” โกฮันหยุดชะงักฝีเท้าลง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจระคนกับความรู้สึกผิด “จริงด้วย! ฉันลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย! มัวแต่คิดว่าจะบุกขึ้นไปจัดการพวกมันอย่างเดียว” เขาตบหน้าผากตัวเองเบาๆ “ดีนะที่เธอนึกขึ้นได้ฮานา ขอบใจนะ” “ไม่เป็นไรหรอกน่า” ฮานายิ้มบางๆ รู้สึกโล่งใจที่โกฮันยอมรับฟัง “งั้นเราเริ่มหาจากที่ใกล้ๆ ก่อนดีไหม?” เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ “อย่างเช่น… ม้าหมุน ที่อยู่ตรงนั้น” เธอมองไปยังม้าหมุนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางลานกว้างไม่ไกลจากโรงละครที่พวกเขาเพิ่งออกมา โกฮันพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งคู่จึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังม้าหมุนแห่งนั้น มันเป็นม้าหมุนที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ตัวม้าที่ทำจากไม้แกะสลักอย่างวิจิตรถูกทาสีซีดจางไปตามกาลเวลา โครงสร้างโลหะที่เคยเงาวับบัดนี้เต็มไปด้วยสนิม เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแผ่วเบาเมื่อมีลมพัดผ่าน พวกเขาเดินวนรอบม้าหมุน สำรวจอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ใต้ที่นั่ง รอบเสา กลีบดอกไม้แกะสลัก แม้กระทั่งใต้ฐานของม้าหมุนตัวต่างๆ แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่พบสิ่งใดเลย “นี่มันจะซ่อนอยู่ตรงไหนกันแน่เนี่ย” ฮานาบ่นอย่างหงุดหงิด เธอพยายามใช้มือลูบคลำไปตามตัวม้าที่ทำจากไม้ ดูว่าจะมีช่องลับหรือสัญลักษณ์ซ่อนอยู่หรือไม่ แต่ก็ไม่พบอะไร “ลองดูตรงนี้สิฮานา” โกฮันเรียก เขาเอื้อมมือไปเคาะที่หัวของม้าหมุนตัวหนึ่ง เสียงที่ตอบกลับมานั้นค่อนข้างทึบ ไม่ได้กลวงโบ๋อย่างที่ควรจะเป็น “หืม? มีอะไรเหรอ?” ฮานาเดินเข้าไปใกล้ พลางยกนาฬิกาอาคมขึ้นมาจ่อที่หัวม้าตัวนั้น แต่สัญญาณก็ยังคงนิ่งสนิท ทันใดนั้นเอง! ครืดดดดดด! ม้าหมุนที่เคยหยุดนิ่งสนิท จู่ๆ ก็เริ่มหมุนเองช้าๆ เสียงกลไกเก่าๆ ดังเอี๊ยดอ๊าดน่าขนลุก ท่ามกลางความเงียบงันของสวนสนุกร้าง “นี่มันอะไรกันเนี่ย!” ฮานาร้องออกมาอย่างหวาดกลัว เธอรีบกระโดดขึ้นไปบนตัวม้าหมุนตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อทรงตัว เพราะแรงเหวี่ยงเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แรงหมุนเริ่มทวีความเร็วขึ้น ชิงช้าสวรรค์ที่เคยอยู่นอกสายตาบัดนี้เริ่มเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นเรื่อยๆ จนน่ากลัวว่าจะพังลงมาเมื่อไหร่ “ฮานา! ลงมาเดี๋ยวนี้!” โกฮันตะโกนสุดเสียง เขาพยายามจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่จังหวะการหมุนที่เร็วขึ้นทำให้เขาสามารถเข้าใกล้ได้ยาก ฮานาพยายามจะกระโดดลง แต่ด้วยความตกใจและแรงเหวี่ยงทำให้เธอไม่กล้าปล่อยมือออกจากตัวม้าหมุนที่เธอกอดไว้แน่น “ฉัน… ฉันลงไม่ได้โกฮัน! มันเร็วเกินไป!” ม้าหมุนหมุนเร็วขึ้นอีกราวกับมีพลังงานบางอย่างเข้ามาควบคุม เสียงลมปะทะใบหน้าของฮานาจนรู้สึกแสบไปหมด ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัว โลกหมุนคว้างไปหมด “ส่งมือมาฮานา! จับมือฉันไว้!” โกฮันตะโกนลั่น เขาวิ่งตามจังหวะการหมุนของม้าหมุน พลางเอื้อมมือออกไปให้ฮานาคว้า มือของเขาที่เคยมีบาดแผลจากการต่อสู้กับเงาปีศาจนกยักษ์กลับไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว เขามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การช่วยเพื่อนสนิทเพียงอย่างเดียว ฮานาพยายามรวบรวมสติ เธอเหลือบมองมือที่ยื่นมาของโกฮัน แรงเหวี่ยงทำให้แขนของเธอแทบจะหลุดจากเบ้า แต่เธอก็รวบรวมพลังทั้งหมด เอื้อมมือออกไปจับมือของโกฮันไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมับ! มือของทั้งคู่สัมผัสกัน โกฮันใช้แรงทั้งหมดของเขา ดึงตัวฮานาลงจากม้าหมุนที่กำลังหมุนด้วยความเร็วสูง! ร่างของฮานาถูกเหวี่ยงเข้ามากระแทกกับอกของโกฮันอย่างแรง ทั้งคู่เสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นด้วยกัน ติ๊ดๆๆ นาฬิกาอาคมบนข้อมือของฮานาพลันส่งสัญญาณเตือนดังขึ้นมาอีกครั้ง! สัญญาณสีแดงกะพริบถี่รัว พลางชี้ไปที่… ใต้ท้องม้าหมุน ที่กำลังหมุนอย่างบ้าคลั่ง! “ดูนั่นสิฮานา!” โกฮันตะโกนพลางชี้ไปที่แสงเรืองรองสีขาวจางๆ ที่ส่องออกมาจากใต้ฐานของม้าหมุนที่หมุนเร็วขึ้นจนราวกับจะหลุดออกเป็นชิ้นๆ “ผ้ายันต์! ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่น!” ฮานาอุทานด้วยความตื่นเต้นระคนกับความหวาดกลัว เมื่อเห็นสัญลักษณ์ที่เรืองแสงบนผ้ายันต์ที่โผล่พ้นออกมาจากใต้ฐานม้าหมุนเพียงเล็กน้อย แต่การจะเข้าไปเอาผ้ายันต์ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย! ม้าหมุนหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมีประกายไฟจากการเสียดสีของโลหะ เสียงกลไกเอี๊ยดอ๊าดน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เงาดำขนาดเล็กเริ่มพุ่งออกมาจากใต้ฐานม้าหมุนที่กำลังหมุน และตรงเข้าโจมตีพวกเขา! “ดูเหมือนมันจะไม่ยอมให้เราเอาไปง่ายๆ นะ” โกฮันพูดเสียงเข้ม เขายันตัวลุกขึ้นยืน คว้ามีดอาคมในมือเตรียมพร้อมรับมือกับเงาดำที่พุ่งเข้าใส่ ฮานาเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เธอหยิบขวดเก็บวิญญาณขึ้นมาเตรียมพร้อม “พวกมันคงรู้ว่าผ้ายันต์นี่มีความสำคัญ!”ในความเงียบงันที่กลับมาเยือนโรงละคร ฮานาและโกฮันยังคงหอบหายใจอย่างหนัก พวกเขาพยุงตัวเองขึ้นยืน สายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าสีเทาหม่นที่ปกคลุมสวนสนุกร้างแห่งนี้ มันดูเหมือนเป็นผืนผ้าใบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับมืดมิด“พวกมัน… พวกมันน่าจะซ่อนตัวอยู่บนนั้น” ฮานาเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความกังวล “แต่เราจะทำยังไงดี ถ้าพวกมันอยู่บนนั้น เราก็จับสัญญาณของพวกมันไม่ได้เลยนี่นา” เธอก้มลงมองนาฬิกาอาคมที่ตอนนี้กลับมานิ่งสนิทอีกครั้งโกฮันกัดฟันแน่น ดวงตาคมกริบจ้องมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความมุ่งมั่น “มันต้องมีสักทางสิฮานา ฉันจะไม่ยอมให้เราเป็นเป้าโจมตีฝ่ายเดียวหรอก!” แววตาของเขาฉายความเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนสายตาของเขาไล่มองไปทั่วท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่โครงสร้างโลหะขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล… ชิงช้าสวรรค์ ที่หยุดนิ่งสนิท“นายมองอะไรน่ะโกฮัน?” ฮานาถาม เมื่อเห็นแววตาครุ่นคิดของเพื่อน โกฮันไม่ตอบทันที เขายังคงจ้องมองชิงช้าสวรรค์เหมือนกำลังประเมินบางอย่างในใจ“ถ้าเราขึ้นไปบนนั้นได้…” โกฮันเอ่ยเสียงพร่า “เราก็จะใกล้พวกมันมากขึ้นใช่ไหม? อย่างน้อยก็จะได้หาสัญญาณเจอได
เสียงคำรามกึกก้องจากเงาปีศาจนกยักษ์ที่ชนประตูโรงละครยังคงดังอยู่นอกอาคาร แต่ในความมืดสลัวของโรงละครร้าง ฮานา และ โกฮัน กลับต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่มองไม่เห็น กลิ่นอับชื้นและกลิ่นดินคละคลุ้งในอากาศ เสียงครืนๆ ที่ดังขึ้นมาจากใต้เวทียิ่งทำให้บรรยากาศน่าขนลุก“นายได้ยินไหมโกฮัน?” ฮานาถามเสียงสั่น ร่างกายยังคงสั่นสะท้านจากความหวาดกลัวและการวิ่งหนีเมื่อครู่ โกฮันพยักหน้ารับ มือยังคงกำมีดอาคมไว้แน่น ดวงตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ พยายามจับต้นตอของเสียงทันใดนั้นเอง!เพล้ง!เสียงกระจกแตกดังสนั่นหวั่นไหว หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไปบนผนังอาคารแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษกระจกปลิวกระจายไปทั่วพื้น พร้อมกับที่ เงาดำนับสิบ พุ่งทะลุเข้ามาในโรงละครราวกับกระสุนปืน แต่ละตัวมีรูปร่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่บิดเบี้ยว เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเงียบงันติ๊ดๆๆนาฬิกาอาคมบนข้อมือของฮานาพลันส่งเสียงเตือนดังลั่นไม่หยุด“รีบร่ายคาถาฮานา!” โกฮันเอ่ยลั่น น้ำเสียงหนักแน่น เขารีบวิ่งเข้าไปในความมืดที่เต็มไปด้วยซากเก้าอี้และม่านเวทีที่ห้อยระโยงระยาง เขาเห็นเงาดำหลายสิบตัวกำลังพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ทั้งจากทางด้านบนของระเบียงชั
เสียงหวีดหวิวของลมที่พัดผ่านช่องว่างมิติเหมือนเสียงกระซิบจากอีกฟากโลก ฮานา กับ โกฮัน ยืนอยู่หน้าประตูมิติที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อน ภาพสะท้อนของครอบครัวและคนอื่นๆ ที่ยืนส่งอยู่ด้านหลัง ประกายแห่งความหวังฉายชัดในดวงตาของพวกเขา ความหวังที่ฝากไว้กับสองคู่หูที่กำลังจะก้าวสู่ความมืดมิด“ทุกคน… พวกเราจะกลับมา” ฮานาเอ่ยเสียงแผ่ว พลางปรายตามองเพื่อนทีละคน โกฮันพยักหน้ารับช้าๆ มือใหญ่ของเขาเลื่อนมากอบกุมมือของฮานาไว้แน่น สัมผัสอุ่นร้อนที่ส่งผ่านถึงกันนั้นคือเครื่องยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว“พร้อมนะฮานา?” โกฮันถาม ใบหน้าจริงจังฉายแววกังวลเล็กน้อย ฮานาบีบมือเขาตอบ “พร้อมเสมอแหละน่า โกฮัน”วินาทีถัดมา ทั้งคู่จับมือกันแน่น ก้าวแรกที่เท้าสัมผัสพื้นภายในประตูมิติ ความรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนลงไปในอุโมงค์มืดมิดที่ปลายทางมีแสงสว่างจางๆ อยู่ เมื่อแสงนั้นสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง“ที่นี่งั้นเหรอ?” ฮานาเอ่ย พลางมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ สวนสนุกร้าง บรรยากาศเงียบสงัดเข้าแทนที่เสียงอึกทึกครึกโครมจากโลกที่พวกเขาจากมา ม้