เมื่อสองฝาแฝดก้าวเข้าไปในห้องโถงที่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำ พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในสถานที่ที่ดูเหมือนเป็นวิหารโบราณ ที่ใจกลางห้องโถงมี หินแกะสลักรูปปีกนก ขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงเรืองรองอยู่ หินแกะสลักนั้นมีลักษณะเหมือนกับเครื่องรางที่ครอบครัวของพวกเขาให้มาไม่มีผิดเพี้ยน บนผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดโบราณที่สลักเสลาอย่างประณีต และมีข้อความโบราณมากมายที่ดาอิไม่คุ้นเคย
"ที่นี่มัน...อะไรกันแน่" ดาอิพึมพำด้วยความทึ่ง เธอเดินเข้าไปสำรวจภาพวาดเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด และพบว่ามันเล่าเรื่องราวของ ชนเผ่าโบราณ ที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน ชนเผ่านี้เป็นผู้พิทักษ์ของประตูมิติ ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกของพวกเขากับโลกของปีศาจ แต่แล้ว...ความมืดมิดก็เริ่มเข้ามาครอบงำชนเผ่านี้ ทำให้พวกเขาต้องผนึกประตูมิติด้วยหีบปริศนา และด้วยพลังของหินแกะสลักรูปปีกนกที่เรียกว่า 'ศิลาแห่งแสง' "ศิลาแห่งแสง..." ไดชิพึมพำด้วยความประหลาดใจ เขามองไปที่หินแกะสลักนั้นอีกครั้ง และรู้สึกถึงพลังงานที่บริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากมันอย่างรุนแรง "แล้วเครื่องรางของนายล่ะ?" ดาอิถามอย่างสงสัย "มันเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ ของศิลาแห่งแสง" ไดชิกล่าว "ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษของเราจะเป็นส่วนหนึ่งของชนเผ่านี้" ทันใดนั้นเอง...ก็มีเสียงแหบพร่าดังขึ้นในหัวของพวกเขา ทำให้ทั้งคู่ต้องตกใจ "ใช่แล้ว...พวกเจ้าคือ ทายาท ของผู้พิทักษ์" ทั้งสองหันไปมองรอบๆ และพบว่ามีร่างเงาของชายชราคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ร่างของเขาโปร่งใสและเปล่งแสงสีขาวนวลออกมา ทำให้พวกเขาดูเหมือนวิญญาณมากกว่าสิ่งมีชีวิต "ท่านคือใคร?" ดาอิถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ "ข้าคือ...ผู้พิทักษ์แห่งศิลา...และเป็นวิญญาณของผู้พิทักษ์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่" วิญญาณของชายชรากล่าว "ข้าได้รอคอยพวกเจ้ามานานนับร้อยปี...รอคอยให้พวกเจ้ากลับมายังที่แห่งนี้" "ท่านรอพวกเราทำไม?" ไดชิถามอย่างสงสัย "เพราะพวกเจ้าคือผู้ที่จะต้องสานต่อภารกิจที่บรรพบุรุษของพวกเจ้ายังทำไม่สำเร็จ" วิญญาณของชายชรากล่าว "พวกเจ้ามีสายเลือดของผู้พิทักษ์อยู่ในตัว และมีพลังที่จะทำลายปีศาจเหล่านั้นได้" "แต่เรา...เราจะทำได้ยังไง?" ดาอิถามด้วยความสิ้นหวัง "พวกมันมีจำนวนมหาศาล และเราก็เหลือกันแค่สองคน" "ไม่ต้องห่วง" วิญญาณของชายชรากล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "พวกเจ้าไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง...ศิลาแห่งแสงจะมอบพลังให้กับพวกเจ้า!" ทันใดนั้นเอง...ศิลาแห่งแสงก็เริ่มเปล่งแสงเรืองรองออกมาอย่างรุนแรง แสงนั้นพุ่งตรงเข้ามาหาไดชิและดาอิ และห่อหุ้มพวกเขาไว้ในแสงที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ "รู้สึกดีมากเลย..." ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ เธอรู้สึกเหมือนพลังงานทั้งหมดที่เคยใช้ไปกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว "พลังนี้..." ไดชิกล่าวพร้อมกับมองไปที่ดาบอาคมของเขาที่กำลังเปล่งแสงสีเงินอร่ามกว่าเดิม "มันคือพลังของผู้พิทักษ์" "พลังนี้จะช่วยให้พวกเจ้าสามารถควบคุมพลังแห่งแสงและพลังแห่งความมืดได้อย่างสมบูรณ์แบบ" วิญญาณของชายชรากล่าว "แต่จงจำไว้...พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับภาระที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน" "ภาระอะไร?" ดาอิถามอย่างไม่เข้าใจ "พวกเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับ ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ที่กำลังจะโผล่ออกมาจากรอยแยกมิติ" วิญญาณของชายชรากล่าว "มันคือปีศาจที่บรรพบุรุษของพวกเจ้ายังไม่สามารถทำลายมันได้ แต่พวกเจ้าจะต้องทำลายมันให้ได้ ก่อนที่มันจะทำลายโลกของพวกเจ้า" "เราจะทำได้ยังไง?" ไดชิถามอย่างกังวล "ด้วยพลังของพวกเจ้าและพลังของศิลาแห่งแสง" วิญญาณของชายชรากล่าว "จงใช้พลังของพวกเจ้าในการปิดรอยแยกมิติ และทำลายปีศาจตนนั้นให้หมดสิ้น" "แต่ว่า...เราจะปิดรอยแยกมิติได้ยังไง?" ดาอิถาม "ด้วยพลังของหีบปริศนา" วิญญาณของชายชรากล่าว "หีบนั่นไม่ใช่แค่เครื่องมือที่จะผนึกปีศาจ แต่เป็นกุญแจที่จะเปิดและปิดประตูมิติได้...และพวกเจ้ามีมันอยู่กับตัว" ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหีบปริศนาที่พวกเขาค้นพบจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำลายปีศาจทั้งหมด "เราต้องรีบไปแล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับมองไปที่ดาบอาคมของเขาที่กำลังเปล่งแสงเรืองรอง "ก่อนที่พวกมันจะทำลายโลกของเรา" "ไม่ต้องห่วง...ข้าจะนำทางพวกเจ้าไป" วิญญาณของชายชรากล่าวพร้อมกับเดินนำพวกเขาไปที่ทางเดินลับอีกทางหนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของวิหาร เมื่อออกมาจากวิหารแล้ว พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเงาปีศาจที่กำลังพยายามที่จะทำลายศิลาแห่งแสงที่อยู่ด้านใน "พวกมันกำลังพยายามที่จะทำลายวิหาร!" ดาอิกล่าวด้วยความตกใจ "เราต้องไปหยุดพวกมันให้ได้!" ไดชิกล่าวพร้อมกับชูดาบอาคมในมือขึ้น "เราจะทำลายพวกมันให้หมด!" ไดชิและดาอิพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจจำนวนมหาศาลอย่างไม่ลังเล คราวนี้พวกเขาไม่ได้ต่อสู้ด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว แต่กลับใช้พลังของผู้พิทักษ์ในการโจมตี เงาปีศาจที่ถูกดาบอาคมของไดชิฟันเข้าใส่ต่างสลายไปอย่างง่ายดายราวกับควันไฟ ดาอิก็ใช้ขวดกักเก็บดวงวิญญาณในการดูดกลืนดวงวิญญาณของปีศาจที่ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว "พวกมันอ่อนแอลง!" ดาอิกล่าวด้วยความประหลาดใจ "พลังของผู้พิทักษ์ทำให้พวกมันอ่อนแอลง!" "ใช่แล้ว...พวกมันเป็นแค่เศษเสี้ยวของพลังมืดที่ถูกปลุกขึ้นมา" วิญญาณของชายชรากล่าว "แต่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่...พวกมันไม่ใช่แค่เศษเสี้ยว...แต่มันคือตัวตนแห่งความมืดมิดที่แท้จริง" การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและยาวนานจนเงาปีศาจที่รายล้อมถ้ำสลายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ความเงียบสงบที่กลับมาปกคลุมอีกครั้ง "เราทำได้แล้ว!" ดาอิกล่าวด้วยความดีใจ "ยังไม่หมดหรอก..." วิญญาณของชายชรากล่าวพร้อมกับชี้ไปที่รอยแยกมิติที่ยังคงสั่นสะเทือนอยู่ "มันยังไม่ได้ออกมาจากรอยแยกมิติ...มันแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น" ทันใดนั้นเอง...เสียงคำรามที่รุนแรงกว่าปกติก็ดังขึ้นมาจากรอยแยกมิติ พร้อมกับเงาขนาดใหญ่กว่าตัวที่พวกเขาเคยเจอถึงร้อยเท่ากำลังจะโผล่ออกมา "ไม่จริงน่า..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ เธอมองไปที่เงาขนาดใหญ่ตัวนั้นด้วยความหวาดกลัว "มันตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะเลย" "นี่แหละ...ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่" วิญญาณของชายชรากล่าว "มันคือ จ้าวแห่งเงามรณะ ที่บรรพบุรุษของพวกเจ้ายังไม่สามารถทำลายมันได้" "เราจะสู้กับมันได้ยังไง?" ไดชิถามอย่างกังวล "ด้วยพลังทั้งหมดที่มีของพวกเจ้า...และพลังของหีบปริศนา" วิญญาณของชายชรากล่าว "จงใช้พลังของพวกเจ้าในการปิดรอยแยกมิติ และทำลายมันให้สิ้นซาก!" "แต่ว่า...เราไม่มีทางสู้กับมันได้หรอก" ดาอิกล่าวด้วยความสิ้นหวัง "ไม่ต้องห่วง..." ไดชิกล่าวพร้อมกับจับมือของดาอิไว้แน่น "เราทำได้...เราจะต้องทำมันให้ได้!" ทั้งสองสบตากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเขากำมือกันแน่น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่คาดฝันอีกครั้ง "เอาล่ะ...จ้าวแห่งเงามรณะ...ได้เวลาที่เราจะมาสู้กันแล้ว!" ไดชิคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขายกดาบอาคมในมือขึ้นเหนือหัว แสงสีเงินอร่ามจากดาบเปล่งประกายออกมาอย่างรุนแรงจนเงาปีศาจที่ยังคงเหลืออยู่ต้องถอยห่าง การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ไดชิใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าใส่จ้าวแห่งเงามรณะอย่างไม่ยั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย ร่างของมันดูเหมือนจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะถูกทำลาย "ฮึ่ย! ทำไมมันไม่โดนเลยวะ!" ไดชิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด "พลังของมันแข็งแกร่งเกินไป!" ดาอิกล่าวด้วยความตกใจ "เราต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีในการโจมตีมัน!" "ฉันก็ทำอยู่นี่ไง!" ไดชิกล่าวพร้อมกับฟันดาบอาคมเข้าใส่จ้าวแห่งเงามรณะอีกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับใช้มือขนาดมหึมาของมันจับดาบของเขาไว้แน่น "ฮ่าๆๆ! มนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างแก...ไม่มีทางทำลายข้าได้หรอก!" จ้าวแห่งเงามรณะหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง "อย่ามาดูถูกกันนะ!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในการดึงดาบกลับมา แต่ก็ไม่เป็นผล "พอเถอะไดชิ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความเป็นห่วง "เราสู้มันไม่ได้หรอก! เราต้องหนี!" "ไม่! ฉันจะไม่หนี! ฉันจะทำลายมันให้ได้!" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว เขายกมือขึ้นและพึมพำคาถาโบราณที่เขาเคยได้ยินจากวิญญาณของชายชรา "โอ...ผู้พิทักษ์แห่งแสง...ขอจงมอบพลังให้กับข้า...และทำลายความมืดมิดให้หมดสิ้น!" ทันทีที่เขาร่ายคาถาจบ ร่างของเขาก็เปล่งแสงสีขาวออกมาอย่างรุนแรง พร้อมกับดาบอาคมในมือที่เริ่มเปล่งแสงเรืองรองจนจ้าวแห่งเงามรณะต้องปล่อยมือจากดาบของเขาด้วยความเจ็บปวด "แก...ใช้พลังของบรรพบุรุษ!" จ้าวแห่งเงามรณะคำรามออกมาด้วยความโกรธ "ใช่! และฉันจะใช้พลังนี้...ในการทำลายแก!" ไดชิกล่าวพร้อมกับชูดาบอาคมในมือขึ้นเหนือหัว แสงสีขาวนวลจากดาบพุ่งตรงไปยังจ้าวแห่งเงามรณะอย่างรุนแรง แคร้ง! เสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังสนั่น ร่างของจ้าวแห่งเงามรณะเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และมีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนตัวของมัน "ไม่จริงน่า! ข้า...ไม่ยอมแพ้!" จ้าวแห่งเงามรณะคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น มันใช้มืออีกข้างหนึ่งพุ่งเข้ามาโจมตีไดชิอย่างรวดเร็ว แต่แล้ว...ทันใดนั้นเอง ดาอิก็ใช้ขวดกักเก็บดวงวิญญาณของเธอพุ่งเข้าใส่จ้าวแห่งเงามรณะอย่างรวดเร็ว และพึมพำคาถาโบราณที่เธอเคยได้ยินมาจากวิญญาณของชายชรา "โอ...ผู้พิทักษ์แห่งความมืด...ขอจงมอบพลังให้กับข้า...และทำลายความมืดมิดให้หมดสิ้น!" ทันทีที่เธอร่ายคาถาจบ ขวดกักเก็บดวงวิญญาณของเธอก็เปล่งแสงสีม่วงเข้มออกมาอย่างรุนแรง พร้อมกับดวงวิญญาณปีศาจที่เธอเคยเก็บไว้ในขวดก็พุ่งออกมา และเข้าโจมตีจ้าวแห่งเงามรณะอย่างไม่ยั้ง "นี่มัน...อะไรกัน!" จ้าวแห่งเงามรณะคำรามออกมาด้วยความตกใจ มันพยายามที่จะดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ แต่ก็ไม่เป็นผล "เราจะทำลายแกให้หมด!" ดาอิกล่าวพร้อมกับใช้พลังทั้งหมดที่มีในการควบคุมดวงวิญญาณปีศาจเหล่านั้นให้เข้าโจมตีจ้าวแห่งเงามรณะอย่างไม่ลดละ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนานจนจ้าวแห่งเงามรณะเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ร่างของมันเริ่มสลายไปทีละนิดๆ และรอยแยกมิติที่มันเคยออกมาก็เริ่มหดตัวลงเรื่อยๆ "ไม่นะ! ไม่จริงน่า! ข้าไม่ยอมแพ้!" จ้าวแห่งเงามรณะคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น มันพยายามที่จะดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล และแล้ว...รอยแยกมิติก็หดตัวลงเรื่อยๆ พร้อมกับจ้าวแห่งเงามรณะที่ถูกดูดกลับเข้าไปในมิติของมันจนหมดสิ้น แคร้ง! เสียงเหมือนแก้วแตกดังสนั่น รอยแยกมิติก็ปิดลงทันที พร้อมกับความเงียบงันที่กลับมาปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ "เราทำได้แล้ว!" ดาอิและไดชิกล่าวพร้อมกันด้วยความดีใจ พวกเขาโผเข้ากอดกันด้วยความโล่งอก "เรา...กลับบ้านได้แล้วใช่ไหม?" ดาอิถามอย่างไม่แน่ใจ "ใช่...เรากลับบ้านได้แล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน เขามองไปที่ท้องฟ้าที่ตอนนี้กำลังเริ่มมีแสงสว่างรำไรๆ จากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น "มาสิ...กลับบ้านกันเถอะ" ไดชิกล่าวพร้อมกับจับมือของดาอิไว้แน่น พวกเขาทั้งสองเดินไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยความมืดมิด แต่คราวนี้...พวกเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวอีกแล้ว เพราะพวกเขารู้ดีว่า...ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน...พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ