เมื่อจัดการกับเหล่าเงาปีศาจที่ดักรออยู่นอกถ้ำได้แล้ว ไดชิและดาอิก็เดินนำชาวบ้านกลุ่มเล็กๆ เข้าไปในป่าที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดของยามราตรี เสียงร้องของนกฮูกและเสียงลมที่พัดผ่านยอดไม้ทำให้บรรยากาศดูวังเวงและน่าขนลุก แต่ความกลัวนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้
"รู้สึกเหมือนว่าป่านี้จะมีชีวิต" ดาอิพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอรู้สึกเหมือนมีดวงตามากมายกำลังจ้องมองพวกเขามาจากรอบๆ ตัว "ใช่แล้ว..." ไดชิกล่าวพร้อมกับกำดาบอาคมในมือแน่น "ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน...ระวังตัวไว้ให้ดี" ทันใดนั้นเอง...พื้นดินที่พวกเขาเหยียบอยู่ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ตัวพวกเขาก็เริ่มที่จะมีแสงสีแดงก่ำส่องประกายออกมาจากภายในลำต้น ราวกับกำลังจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวโผล่ออกมาจากภายใน "อะไรน่ะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ "ถอยไป!" ไดชิคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาดันดาอิให้ถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว และในพริบตานั้น...ต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ตัวพวกเขาก็เริ่มที่จะมีรูปร่างที่เปลี่ยนไป มันมีแขนขาและหัวที่น่ากลัว และดวงตาของมันก็เป็นสีแดงก่ำที่กำลังจ้องมองพวกเขาอย่างน่ากลัว "นี่มัน...ปีศาจต้นไม้!" ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ "ฮ่าฮ่าฮ่า!" เสียงหัวเราะที่น่ากลัวดังขึ้นไปทั่วทั้งป่า "พวกแก...คิดว่าจะหนีข้าไปได้งั้นรึ" และในพริบตานั้น...ปีศาจต้นไม้ก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่รูฟและชาวบ้านที่ตามมาด้วยก็ใช้หอกและคันธนูที่ทำจากไม้ในการโจมตีพวกมันอย่างไม่ยั้ง ทำให้ปีศาจต้นไม้ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ "ข้าจะจัดการกับมันเอง!" ไดชิคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าที่ปีศาจต้นไม้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่ก็ไม่เป็นผล ดาบของเขาไม่สามารถทำลายปีศาจต้นไม้ได้เลยแม้แต่น้อย "ฮึ่ย! ทำไมมันถึงไม่โดนเลยวะ!" ไดชิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด "เพราะมันไม่ใช่แค่ปีศาจธรรมดา..." เสียงของรูฟดังขึ้นอย่างเคร่งขรึม "มันคือ ผู้พิทักษ์แห่งป่า ที่ถูกครอบงำด้วยพลังของความมืด!" "ผู้พิทักษ์แห่งป่า..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ "นี่มันหมายความว่าเราต้องสู้กับผู้พิทักษ์ด้วยงั้นเหรอ" "ใช่...พวกมันเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยพลังของจอมเวทแห่งเงามืด" รูฟกล่าว "พวกมันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดและจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถูกทำลายอย่างสิ้นซาก" การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและสิ้นหวัง ไดชิและดาอิพยายามที่จะต่อสู้กับปีศาจต้นไม้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ไม่เป็นผล พวกมันมีจำนวนมากเกินไปและแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้ "ฮึ่ม! พวกมันเยอะเกินไป!" ไดชิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับกำแพงที่ไม่มีวันพังทลายลงได้ "ไม่ต้องห่วงไดชิ! ฉันจะจัดการมันเอง!" ดาอิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังปีศาจต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้มันสลายไปในพริบตา แต่ก็มีอีกตัวโผล่ออกมาแทนที่ทันที "ไม่จริงน่า!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ "พวกมันไม่จบไม่สิ้นเลยหรือไง!" ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่นั้น เสียงของรูฟก็ดังขึ้นอย่างเคร่งขรึม "พวกเจ้าต้องหาทางไปให้ถึงใจกลางของป่าให้ได้! ที่นั่นคือที่ที่ผ้ายันต์แห่งความรู้ถูกซ่อนอยู่!" "แต่ว่า...พวกเราจะไปถึงที่นั่นได้ยังไง!" ไดชิคำรามออกมาอย่างสิ้นหวัง "ด้วยพลังของพวกเจ้า...และพลังแห่งความหวัง!" รูฟกล่าว "พวกเจ้าต้องเชื่อในตัวเอง...และเชื่อในกันและกัน!" ไดชิและดาอิต่างสบตากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเขากำมือกันแน่น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเจอมาอย่างแน่นอน "เอาล่ะ...ได้เวลาที่เราจะมาสู้กันแล้ว!" ไดชิคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในการพุ่งเข้าใส่ปีศาจต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่ก็ไม่เป็นผล ปีศาจต้นไม้มีจำนวนมากเกินไปและแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ ไดชิรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับกำแพงที่ไม่มีวันพังทลายลงได้ เขาเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่กัดกินพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายของเขา "ฮึ่ม! ยอมแพ้ซะเถอะ! เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก!" เสียงของจอมเวทแห่งเงามืดดังขึ้นอย่างเยาะเย้ยมาจากในป่า "ไม่มีทาง!" ดาอิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เธอใช้พลังทั้งหมดที่มีในการสร้างบาเรียป้องกันที่แข็งแกร่ง และเข้าโจมตีปีศาจต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าของเธออย่างรวดเร็ว บาเรียเข้าโจมตีพวกมันอย่างรุนแรง ทำให้พวกมันต้องล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง "ไปเลยไดชิ!" ดาอิคำรามออกมา "ฉันจะปกป้องทางให้เอง!" "โอเค!" ไดชิคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาวิ่งฝ่ากำแพงของปีศาจต้นไม้ไปอย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าไปยังใจกลางของป่าอย่างไม่ลังเล การเดินทางของเขาในครั้งนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ เขาต้องไปเอาผ้ายันต์แห่งความรู้มาให้ได้...เพื่อที่จะไปทำลายปีศาจพวกนั้นให้หมดสิ้นไปจากโลกใบนี้...หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ