ความหวังที่ริบหรี่ได้ถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง เมื่อแผนที่โบราณที่เด็กชายมอบให้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ไดชิและดาอิยืนอยู่เบื้องหน้ากองไฟในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าของพวกเขาจริงจังและมุ่งมั่น ต่างจากเมื่อหลายวันที่แล้วที่พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชาวเผ่าอายาที่มีรูฟและปู่เฒ่าดาฟเป็นผู้นำ ต่างก็มารวมตัวกันเพื่อวางแผนการเดินทางครั้งใหม่
"ตามแผนที่นี้ ผ้ายันต์ผืนที่สามน่าจะอยู่ใน ป่าแห่งเงามืด ที่อยู่ทางทิศใต้ของเกาะ" ไดชิกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่จุดที่สามบนแผนที่ "แต่จากที่ได้ยินมา...ป่าแห่งนั้นเต็มไปด้วยปีศาจและอันตรายมากมาย" "ไม่ต้องห่วง...พวกเราจะไปกับพวกเจ้า" ชายฉกรรจ์คนหนึ่งในหมู่บ้านกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว "เราไม่ยอมให้พวกเจ้าไปเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพังหรอก" "ใช่แล้ว! พวกเราจะไปด้วย!" เสียงของชาวบ้านคนอื่นๆ ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทุกคนต่างพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อกอบกู้บ้านเกิดของตัวเอง "ขอบคุณนะครับ" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ชาวบ้านมอบให้ "แต่...พวกเจ้าต้องระวังให้ดี" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม "ในป่าแห่งเงามืดไม่ได้มีเพียงแค่ปีศาจธรรมดา แต่ยังมี จอมเวทแห่งเงามืด ที่คอยปกป้องผ้ายันต์อยู่ด้วย มันเป็นปีศาจที่ทรงพลังและอันตรายยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ที่พวกเจ้าเคยเจอมา" "จอมเวทแห่งเงามืด..." ไดชิพึมพำด้วยความกังวล เขารู้สึกถึงพลังที่ชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากชื่อนั้น "ไม่ต้องกังวลไป" รูฟกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "พวกเราจะช่วยพวกเจ้าเอง...และพวกเราก็จะพาพวกเจ้าไปที่ป่าแห่งเงามืดด้วย" หลังจากนั้น...พวกเขาก็ใช้เวลาที่เหลือในการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ไดชิและดาอิได้ทบทวนวิชาอาคมที่พวกเขาได้เรียนรู้มาจากไคและฟาร่าอีกครั้ง และตรวจสอบอาวุธของพวกเขาให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ ในเช้าวันรุ่งขึ้น...ก่อนที่แสงอาทิตย์จะสาดส่องลงมาบนผืนโลก ไดชิและดาอิพร้อมกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็ออกเดินทางจากถ้ำที่เคยเป็นที่พักพิงของพวกเขา ทุกคนต่างสวมใส่ชุดเกราะที่ทำจากหนังสัตว์และถืออาวุธที่ทำจากไม้ที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า แต่ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากถ้ำ...พวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีเงาปีศาจจำนวนมหาศาลกำลังยืนดักรอพวกเขาอยู่ พวกมันยืนเรียงรายกันราวกับกำแพงที่มองไม่เห็น ดวงตาของพวกมันเป็นสีแดงก่ำและมีเสียงคำรามที่น่ากลัวดังขึ้นเป็นระยะๆ ราวกับกำลังรอคอยเหยื่อที่กำลังจะก้าวขาออกมาจากถ้ำ "ไม่จริงน่า...พวกมันรู้ได้ยังไงว่าเราจะออกมาจากถ้ำนี้" ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ "ดูเหมือนว่า...เราจะถูกจับตาดูอยู่ตลอดเวลานะเนี่ย" ไดชิกล่าวพร้อมกับกำดาบอาคมในมือแน่น "ไม่ว่ายังไง...เราก็จะฝ่าพวกมันไปให้ได้!" "ใช่แล้ว! พวกเราจะฝ่าพวกมันไปให้ได้!" เสียงของชาวบ้านคนอื่นๆ ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทุกคนต่างไม่มีความหวาดกลัวในสายตาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อกอบกู้บ้านเกิดของตัวเอง และแล้ว...การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น! ไดชิและดาอิพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจจำนวนมหาศาลอย่างไม่ลังเล ชาวบ้านเองก็ใช้หอกและคันธนูที่ทำจากไม้ในการโจมตีพวกมันจากทางด้านหลัง "ไปเลย! ไดชิ!" ดาอิคำรามออกมา เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังเงาปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้มันสลายไปในพริบตา "ใช่แล้ว!" ไดชิคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าใส่เงาปีศาจที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้พวกมันแตกสลายเป็นควันสีดำจางๆ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและยาวนานจนชาวบ้านหลายคนเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พวกเขากัดฟันสู้กับเหล่าปีศาจอย่างสุดกำลัง "ฮึ่ม! พวกมันเยอะเกินไป!" ไดชิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับกองทัพที่ไม่มีวันจบสิ้น เงาปีศาจที่ถูกกำจัดไปตัวหนึ่ง ก็จะมีอีกตัวโผล่ออกมาแทนที่ทันที "ไม่ต้องห่วงไดชิ! ฉันจะจัดการมันเอง!" ดาอิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เธอใช้พลังอาคมในการสร้างบาเรียป้องกันที่แข็งแกร่ง และเข้าโจมตีเงาปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของเธออย่างรวดเร็ว บาเรียเข้าโจมตีพวกมันอย่างรุนแรง ทำให้พวกมันต้องล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง "สุดยอดไปเลยดาอิ!" ไดชิกล่าวด้วยความทึ่ง "ยังไม่หมดแค่นี้หรอก!" ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังเงาปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้พวกมันสลายไปในพริบตา หลังจากจัดการกับเงาปีศาจทั้งหมดได้แล้ว ไดชิและดาอิก็นั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง พวกเขาหอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของพวกเขาเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ภูมิใจในชัยชนะที่เพิ่งได้รับมา "เรา...ทำได้แล้ว" ดาอิพึมพำด้วยความโล่งใจ "ใช่...เราทำได้แล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาลุกขึ้นยืนและเดินนำดาอิไปยังทิศทางของป่าแห่งเงามืดอย่างช้าๆ การเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเขารู้ดีว่าภารกิจของพวกเขายังไม่จบ และการเดินทางที่รออยู่ข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเจอมาอย่างแน่นอนหลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ