ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ประดับประดาด้วยดวงดาวนับล้านกลับถูกฉีกกระชากด้วยเงาที่ดำมืดกว่ารัตติกาล เงาร่างนั้นพุ่งทะยานลงมาจากเบื้องบนด้วยความเร็วที่เหนือการมองเห็นของมนุษย์ปกติ เป้าหมายชัดเจน… ฮารุ
ฮารุกำลังเดินเคียงข้างอิจิ สายตาเหม่อมองดวงจันทร์สีนวลอย่างเพลินเพลิน ทันใดนั้น ความรู้สึกผิดปกติก็แผ่ซ่านเข้ามาในประสาทสัมผัสของเธอ อากาศรอบกายเย็นเยียบลงอย่างกะทันหัน ราวกับมีบางสิ่งดึงเอาความร้อนทั้งหมดออกไปจากชั้นบรรยากาศ “อิจิ…” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ชอบมาพากล ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เสียงคำรามต่ำลึกก็ฉีกผ่านความเงียบสงัด คลื่นเสียงนั้นไม่ใช่เสียงจากสัตว์ป่าบนโลก แต่เป็นเสียงที่มาจากห้วงลึกของความมืดมิด… เสียงของบางสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่จริง อิจิไม่รอช้า สัญชาตญาณนักรบของเขาพลุ่งพล่าน เขาเห็นเงาขนาดมหึมาที่กำลังทิ้งตัวลงมา รูปร่างคล้ายสัตว์ร้าย แต่บิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยหนามแหลมคม มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เขารู้จัก ไม่ใช่ภูตผีธรรมดาที่เคยเผชิญหน้า “หลบ!” อิจิตะโกนลั่น พร้อมกับตวัดแขนออกไปคว้าเอวของฮารุ กระชากร่างบอบบางให้พุ่งหลบออกไปจากจุดที่เงาปีศาจกำลังจะพุ่งลงมาอย่างเฉียดฉิว พื้นหินเบื้องหลังพวกเขายุบตัวลงเป็นหลุมลึก เสียงกระแทกสนั่นเลือนลั่นราวกับแผ่นดินไหว เศษหินกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า “อะไรน่ะ อิจิ! มันคืออะไร?!” ฮารุตื่นตระหนก ใบหน้าซีดเผือด เธอไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน ดวงตาของเงาปีศาจนั้นแดงก่ำเรืองรองราวกับถ่านเพลิงในนรก อาวุธของมันคือหนามแหลมคมที่ยื่นออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย ราวกับสัตว์ที่รวมร่างมาจากความเจ็บปวด “ไม่รู้… แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่แค่ภูตผีธรรมดา” อิจิตอบ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ดวงตาจับจ้องไปที่เงาปีศาจที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า มันสูงใหญ่กว่ามนุษย์ถึงสามเท่า และมีออร่าสีดำมืดแผ่ออกมา รอบกายของมันบิดเบี้ยวราวกับภาพหลอน มันไม่ใช่เพียงแค่เงา แต่เป็นความดำมืดที่จับต้องได้ “มันพุ่งเป้ามาที่เธอ ฮารุ… หลบอยู่ข้างหลังฉัน” อิจิสั่งเสียงเข้ม พร้อมกับชักดาบเล่มยาวที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา แสงจันทร์สาดส่องลงกระทบคมดาบสะท้อนประกายวาววับ เงาปีศาจคำรามอีกครั้ง คราวนี้เสียงก้องกังวานกว่าเดิม มันขยับตัวด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ร่างใหญ่โตของมันพุ่งเข้าใส่พวกเขาอีกครั้ง หนามแหลมคมหลายสิบอันยืดออกเตรียมจะแทงทะลุร่างของฮารุ เคร้ง! อิจิยกดาบขึ้นป้องกัน คมดาบปะทะเข้ากับหนามแหลมคมเกิดเสียงโลหะเสียดสีรุนแรง สะเก็ดไฟแลบแปลบปลาบไปทั่วบริเวณ แรงปะทะมหาศาลทำให้อิจิต้องขยับเท้าถอยหลังไปหลายก้าว กล้ามเนื้อแขนของเขากระตุกอย่างรุนแรง “แข็งแกร่งกว่าที่คิด…” อิจิสบถ “ไม่ใช่แค่แรงเฉยๆ มันมีพลังที่บิดเบือนอยู่รอบตัว” “อิจิ! ระวังนะ!” ฮารุร้องเตือน เมื่อเงาปีศาจถอยออกไปเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อจู่โจมซ้ำ มันไม่ได้โจมตีด้วยหนามแหลมคมเพียงอย่างเดียว คราวนี้มันกลับสร้างลูกบอลพลังงานสีดำมืดขึ้นมาในอุ้งมือ พุ่งตรงมายังพวกเขา อิจิดึงฮารุให้กระโดดหลบอีกครั้ง ลูกบอลพลังงานพุ่งผ่านไปกระทบต้นไม้ใหญ่เบื้องหลัง เสียงดังสนั่น ต้นไม้ทั้งต้นระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นรอยไหม้สีดำลึกที่พื้นดิน “มันใช้พลังด้วย! ต้องทำให้มันเคลื่อนไหวไม่ได้!” อิจิพูดกับตัวเอง เขารู้ว่าการตั้งรับแบบนี้ไม่มีทางชนะได้แน่ “นายจะทำยังไง?!” ฮารุถาม เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก เธอไม่เคยเห็นอิจิต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายขนาดนี้มาก่อน “ฉันจะพยายามดึงความสนใจมันเอาไว้ เธอหาที่กำบังให้ดี และอย่าออกมาจนกว่าฉันจะจัดการมันได้!” “แต่ว่า…” “ไม่มีเวลาแล้ว ฮารุ! นี่ไม่ใช่เวลามาเถียงกัน!” อิจิตวาดเสียงเข้ม สายตาของเขาเปลี่ยนไป ไม่ใช่สายตาของนักเรียนหนุ่ม แต่เป็นสายตาของนักรบที่พร้อมจะสละทุกสิ่งเพื่อปกป้องคนที่เขารัก เงาปีศาจไม่ปล่อยให้พวกเขามีเวลาคุยกันนานนัก มันพุ่งเข้าใส่อิจิอีกครั้ง คราวนี้มันใช้ความเร็วและพลังที่เหนือกว่าเดิม หนามแหลมคมของมันฟาดฟันเป็นวงกว้าง อิจิรับมือด้วยความว่องไว เขาใช้ดาบปัดป้องและเบี่ยงเบนการโจมตีอย่างแม่นยำ ทุกการเคลื่อนไหวของเขามีประสิทธิภาพและไร้ที่ติ ฉัวะ! ในจังหวะที่เงาปีศาจเหวี่ยงแขนกว้าง อิจิใช้ช่องว่างนั้น พุ่งตัวเข้าประชิด พยายามที่จะฟันเข้าไปที่กลางลำตัวของมัน แต่คมดาบของเขากลับกระทบเข้ากับบางสิ่งที่คล้ายเกราะที่มองไม่เห็น มันให้ความรู้สึกเหมือนฟันลงบนหินผา ไม่ใช่เนื้อหนัง “เกราะงั้นหรือ?” อิจิขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเจอปีศาจที่มีเกราะพลังงานแบบนี้มาก่อน เงาปีศาจไม่พลาดโอกาส มันเหวี่ยงมืออีกข้างที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมใส่เขา อิจิกระโดดถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ห่างจากปลายหนามเพียงไม่กี่เซนติเมตร “มันไม่ได้มีแค่พละกำลังและพลังโจมตี… มันมีเกราะป้องกันด้วย แถมยังฟื้นตัวเร็วอีกต่างหาก” อิจิวิเคราะห์ เขาสังเกตเห็นว่ารอยขีดข่วนเล็กๆ ที่เขาพอจะสร้างได้จากการโจมตีเมื่อครู่หายไปอย่างรวดเร็ว “อิจิ! ทางนี้!” ฮารุที่หลบอยู่หลังโขดหินใหญ่ ตะโกนบอก เธอเห็นบางอย่างที่อาจเป็นประโยชน์ “ฉันเห็นรอยแยกเล็กๆ บนพื้นดิน ใกล้ๆ ที่มันยืนอยู่!” อิจิมองตามสายตาของฮารุ เขากระโดดหลบการโจมตีอีกครั้ง พลางเหลือบมองไปที่รอยแยกนั้น มันเป็นรอยร้าวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากการที่เงาปีศาจพุ่งลงมาจากฟ้าและกระทบพื้นอย่างรุนแรง “รอยแยกงั้นหรือ?!” อิจิฉุกคิด เขานึกถึงตำราโบราณที่เคยอ่านเกี่ยวกับการต่อสู้กับปีศาจบางชนิดที่พลังงานเชื่อมโยงกับโลกภายนอก ถ้าสร้างความเสียหายให้กับจุดเชื่อมโยงนั้น อาจจะทำให้พลังของมันอ่อนแอลงได้ “เข้าใจแล้ว!” อิจิตะโกนตอบ เขารู้ว่าฮารุฉลาดและช่างสังเกตเสมอ เขาจะใช้ความได้เปรียบนี้ “มันจะทำยังไงนะ…” ฮารุพึมพำกับตัวเอง เธอเห็นอิจิเริ่มเคลื่อนไหวอย่างแตกต่างออกไป ไม่ใช่การตั้งรับเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการรุกที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ อิจิเริ่มจู่โจมเงาปีศาจอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่เน้นการสร้างความเสียหายโดยตรง แต่เน้นการสร้างแรงปะทะและการเบี่ยงเบนความสนใจ เขาฟันดาบใส่มันอย่างรุนแรง พยายามดันมันให้เคลื่อนที่ไปทางรอยแยก “แกจะต้องล้มลงตรงนั้นแหละ!” อิจิคำราม แรงปะทะจากการฟันดาบของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เงาปีศาจเริ่มรู้สึกถึงแรงต้านทานที่มากขึ้น มันพยายามที่จะต้านทานและโจมตีกลับ แต่จังหวะการโจมตีของอิจิก็รวดเร็วและต่อเนื่องจนมันตั้งตัวไม่ทัน โครม! อิจิใช้จังหวะที่เงาปีศาจกำลังเสียหลักจากการรับดาบของเขา ตวัดดาบเฉือนเข้าที่ขาของมันอย่างแรง แม้จะสร้างรอยขีดข่วนได้ไม่มาก แต่ก็ทำให้มันถอยไปชนกับรอยแยกบนพื้นดินพอดี ทันทีที่เท้าของเงาปีศาจเหยียบลงบนรอยแยก รอยร้าวเล็กๆ นั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงสีดำทะมึนเริ่มรั่วไหลออกมาจากรอยแยกนั้น ราวกับบางสิ่งถูกปลดปล่อย “อ๊ากกกกกกกก!” เงาปีศาจคำรามด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของมันสั่นสะท้าน ออร่าสีดำที่แผ่ออกมารอบกายเริ่มบิดเบี้ยวและจางหายไป “ได้ผล! จุดอ่อนของแกคือพื้นดินที่เชื่อมโยงกับพลังงานมืดของแกสินะ!” อิจิแสยะยิ้ม เขาเห็นโอกาสที่จะจบการต่อสู้ “อิจิ! รีบจัดการมัน!” ฮารุที่เฝ้ามองอยู่ตะโกนบอก เธอรู้สึกได้ว่าพลังงานที่น่ากลัวของปีศาจกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว อิจิไม่รอช้า เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจที่กำลังอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว เขาตวัดดาบขึ้นเหนือหัว รวบรวมพลังทั้งหมดที่ปลายดาบของเขา ดาบเปล่งประกายสีเงินวาววับตัดกับความมืดมิด “นี่แหละคือจุดจบของแก!” ฟิ้วววววว… ฉึบ! คมดาบของอิจิฟันทะลุผ่านเกราะที่มองไม่เห็นของเงาปีศาจเข้าไปอย่างง่ายดาย มันไม่ใช่การฟันเพียงครั้งเดียว แต่เป็นการฟันที่เฉือนผ่านจากปลายขาขึ้นไปจนถึงลำตัวของปีศาจ เงาปีศาจกรีดร้องอย่างโหยหวน ร่างกายของมันเริ่มสลายกลายเป็นละอองสีดำมืดปลิวหายไปในอากาศช้าๆ มันพยายามที่จะคว้าจับอิจิเป็นครั้งสุดท้าย แต่แขนของมันก็สลายไปก่อนที่จะสัมผัสตัวเขา “มัน… มันหายไปแล้วเหรอ?” ฮารุเดินออกมาจากที่กำบังอย่างระมัดระวัง ดวงตาจับจ้องไปยังเศษละอองสีดำที่กำลังจางหายไปในอากาศ อิจิเก็บดาบเข้าฝัก เขายืนหอบหายใจอย่างแรง เหงื่อกาฬไหลชุ่มใบหน้า การต่อสู้ครั้งนี้ใช้พลังงานจากเขาไปมาก “ใช่… มันหายไปแล้ว” อิจิตอบเสียงแผ่ว “แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะหายไปตลอดกาล” “นายหมายความว่ายังไง?” ฮารุเดินเข้ามาใกล้ อิจิทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพิงโขดหินอย่างหมดแรง “ปีศาจแบบนี้… มันไม่ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ แค่ถูกขับไล่กลับไปยังที่ๆ มันจากมา… และมันสามารถกลับมาได้อีก ถ้าเงื่อนไขเหมาะสม” อิจิอธิบาย “เงื่อนไขอะไร?” “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน… แต่มันเป็นปีศาจที่แตกต่างจากที่ฉันเคยเจอมา มันมีพลังที่บิดเบี้ยวและฉลาดกว่า” อิจิถอนหายใจ “ที่สำคัญ… มันจงใจพุ่งเป้ามาที่เธอ” ฮารุเบิกตากว้าง “ที่ฉันเหรอ? ทำไมล่ะ?” อิจิส่ายหน้า “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน… ปกติปีศาจพวกนี้จะพุ่งเป้าไปที่พลังงานที่แรงกล้า หรือจิตใจที่อ่อนแอ แต่เธอ… เธอไม่ได้มีพลังอะไรเป็นพิเศษ และจิตใจของเธอก็แข็งแกร่ง” “หรือว่า… หรือว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันเห็นนิมิต? เรื่องที่ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ ในหัว?” ฮารุเสนอความคิดอย่างลังเล อิจิเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาดูครุ่นคิดอย่างหนัก “นิมิตงั้นเหรอ? เธอบอกว่ามันเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่เธอต้องทำ… บางสิ่งที่อาจจะเปลี่ยนแปลงโลก” “ใช่… ฉันเห็นเมืองที่ไม่คุ้นเคย และภาพของบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะตื่นขึ้นมา” ฮารุพูดเสียงเบาลง “มันทำให้ฉันกลัว… แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่าง” “ฟังนะ ฮารุ…” อิจิเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาของเขาฉายแววจริงจัง “ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นจริง และปีศาจตัวนี้พุ่งเป้ามาที่เธอเพราะเรื่องนิมิตของเธอ… แสดงว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนกว่าที่เราคิดไว้เยอะ” “แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะ?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอเจือความกังวล “เราต้องหาคำตอบ” อิจิตอบ “ว่าทำไมปีศาจถึงพุ่งเป้ามาที่เธอ และนิมิตที่เธอเห็นมันคืออะไร… เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น” เขายันตัวลุกขึ้นยืน แม้จะอ่อนแรงแต่แววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันจะปกป้องเธอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” อิจิพูดขึ้น พร้อมกับมองตรงเข้าไปในดวงตาของฮารุ “แต่เธอเองก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริง” ฮารุพยักหน้าช้าๆ “ฉันจะพยายาม… แต่ฉันคงทำไม่ได้ถ้าไม่มีนาย” อิจิยิ้มเล็กน้อย เขาวางมือลงบนบ่าของฮารุเบาๆ “เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” คำพูดของอิจิทำให้ฮารุรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าในใจจะยังคงเต็มไปด้วยความกังวลท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ประดับประดาด้วยดวงดาวนับล้านกลับถูกฉีกกระชากด้วยเงาที่ดำมืดกว่ารัตติกาล เงาร่างนั้นพุ่งทะยานลงมาจากเบื้องบนด้วยความเร็วที่เหนือการมองเห็นของมนุษย์ปกติ เป้าหมายชัดเจน… ฮารุฮารุกำลังเดินเคียงข้างอิจิ สายตาเหม่อมองดวงจันทร์สีนวลอย่างเพลินเพลิน ทันใดนั้น ความรู้สึกผิดปกติก็แผ่ซ่านเข้ามาในประสาทสัมผัสของเธอ อากาศรอบกายเย็นเยียบลงอย่างกะทันหัน ราวกับมีบางสิ่งดึงเอาความร้อนทั้งหมดออกไปจากชั้นบรรยากาศ“อิจิ…” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ชอบมาพากลยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เสียงคำรามต่ำลึกก็ฉีกผ่านความเงียบสงัด คลื่นเสียงนั้นไม่ใช่เสียงจากสัตว์ป่าบนโลก แต่เป็นเสียงที่มาจากห้วงลึกของความมืดมิด… เสียงของบางสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่จริงอิจิไม่รอช้า สัญชาตญาณนักรบของเขาพลุ่งพล่าน เขาเห็นเงาขนาดมหึมาที่กำลังทิ้งตัวลงมา รูปร่างคล้ายสัตว์ร้าย แต่บิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยหนามแหลมคม มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เขารู้จัก ไม่ใช่ภูตผีธรรมดาที่เคยเผชิญหน้า“หลบ!” อิจิตะโกนลั่น พร้อมกับตวัดแขนออกไปคว้าเอวของฮารุ กระชากร่างบอบบางให้พุ่งหลบออกไปจากจุดที่เงาปีศาจกำลังจะพุ่งลงมาอย่างเฉียดฉิว พื
เสียงกรีดร้องแหบพร่าเมื่อครู่ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของฮารุและอิจิ ทั้งคู่ยืนนิ่ง สายตาจับจ้องไปยังซอกตึกมืดมิดที่มาของเสียง ความเงียบที่กลับคืนมาดูเหมือนจะหนักอึ้งกว่าเดิม บรรยากาศกดดันจนสัมผัสได้ถึงหยาดเหงื่อเย็นๆ ที่ผุดขึ้นบนแผ่นหลังของอิจิ"เมื่อกี้...มันอะไรกัน" ฮารุถามเสียงกระซิบ มือยังคงกำขวดกักเก็บวิญญาณแน่นอิจิส่ายหน้าช้าๆ "ไม่รู้สิ...แต่นาฬิกาของเธอก็ยังไม่เตือนเลยนะฮารุ"ทันใดนั้นเอง...ฟิ้ว!เสียงบางอย่างเคลื่อนผ่านด้านหลังพวกเขาไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม กระแสลมเย็นวาบที่ปะทะกับแผ่นหลังของทั้งคู่ทำให้พวกเขาถึงกับสะดุ้งเฮือก มันไม่ใช่เสียงลมพัด แต่เป็นเสียงของการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไวเกินมนุษย์"อะไรน่ะ?!" ฮารุอุทานด้วยความตกใจ หันขวับไปมองด้านหลังทันทีแต่ก่อนที่ฮารุจะทันได้เห็นสิ่งใด อิจิก็ตอบสนองเร็วกว่าสัญชาตญาณ เขาไม่ได้หันไปมองด้านหลัง แต่ใช้เท้าทั้งสองข้างถีบพื้นออกตัวพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันทีราวกับจรวด ด้วยความเร็วของนักกีฬาที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก ร่างของเขาพุ่งเข้าไปในซอกตึกที่มืดมิดซึ่งเป็นทิศทางที่เสียงนั้นเคลื่อนผ่านไป"อิจิ! เดี๋ยว!" ฮารุร้องเรียกด้ว
ประตูมิติที่เรืองแสงสีม่วงหม่นอยู่เบื้องหน้าบิดเบี้ยวคล้ายภาพสะท้อนในกระจกที่แตกละเอียด ฮารุในชุดนักเรียนที่ดูคล่องตัวไม่ต่างจากชุดผจญภัย จ้องมองช่องว่างแห่งมิติด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือข้างหนึ่งกระชับกล้องถ่ายรูปที่ห้อยอยู่ข้างตัว อีกข้างหนึ่งพร้อมที่จะหยิบขวดกักเก็บวิญญาณที่เหน็บไว้กับเข็มขัดข้างๆ กัน อิจิเองก็มีสีหน้าเคร่งขรึมไม่แพ้กัน ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องไปยังความว่างเปล่าเบื้องหลังประตู พลางกำด้ามมีดอาคมที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้ออย่างมั่นคง แม้ความกลัวจะเกาะกุมอยู่ในใจ แต่ในฐานะเพื่อนและผู้ร่วมภารกิจ เขาจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด"พร้อมนะฮารุ" อิจิเอ่ยเสียงเรียบ พยายามระงับความประหม่าฮารุพยักหน้าเล็กน้อย "กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ไม่พร้อมก็บ้าแล้วล่ะ" เธอกล่าวพร้อมกับฉีกยิ้มบางๆ ที่มุมปากเพื่อคลายความตึงเครียด "ไปกันเลย!"ไม่รอช้า ฮารุก็ออกก้าวแรก ทะลวงผ่านผืนอากาศที่บิดเบี้ยวของประตูมิติ ตามมาด้วยอิจิที่ก้าวตามหลังทันที ราวกับมีแรงดูดมหาศาลดึงพวกเขาเข้าไปทันทีที่ก้าวพ้นจากประตู มิติแห่งกาลเวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงพวกเขายืนอยู่ท่ามกลาง เมือง