เสียงกรีดร้องอันแหลมสูงของเงาปีศาจอินทรีดังก้องไปทั่วโถงทางเดินที่มืดมิด มันพุ่งโฉบลงมาอีกครั้ง ปีกขนาดมหึมาของมันพัดกระแสลมอันรุนแรงเข้าใส่โชที่กำลังต่อสู้ด้วยพละกำลังที่ร่อยหรอ เขาหลบหลีกการโจมตีอย่างยากลำบาก ร่างของเขาเริ่มสั่นเทา เหงื่อกาฬไหลซึมทั่วใบหน้า ไอโกะเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก พลังจากคาถาฟื้นฟูของเธอกำลังจะหมดลงในไม่ช้า และโชก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับมือกับการโจมตีที่รวดเร็วและต่อเนื่องของเงาปีศาจอินทรีได้อีกต่อไป
“ไม่ไหวแล้วโช!” ไอโกะตะโกน เธอรู้ว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ “เราต้องถอยก่อน!” ทันทีที่พูดจบ ไอโกะก็รวบรวมสมาธิทั้งหมดที่เหลืออยู่ เธอเริ่ม ร่ายคาถาพลางตัว เสียงสวดของเธอดังก้องแผ่วเบา ร่างของทั้งเธอและโชเริ่มพร่าเลือนไปกับความมืดมิด ราวกับถูกกลืนกินโดยเงา อาคมนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาล่องหนอย่างสมบูรณ์ แต่ทำให้การมองเห็นของเงาปีศาจอินทรีถูกรบกวน ยากที่จะจับตำแหน่งที่แน่นอนได้ “ไปทางนี้!” ไอโกะกระซิบ เธอคว้าแขนของโชที่กำลังอ่อนแรงลงอย่างหนักจากความเหนื่อยล้า แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของเธอกะพริบถี่ ๆ บ่งบอกถึงระดับพลังงานที่เหลือน้อย เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีลากโชให้พุ่งตรงไปยัง มุมอาคารที่มืดสนิท ซึ่งเป็นจุดอับสายตาที่เงาปีศาจอินทรีไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายนัก พวกเขาแทรกตัวเข้าไปหลบหลังซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว เสียงปีกที่กระทบอากาศดัง "ฮือ ฮือ" ยังคงก้องกังวานอยู่ด้านนอก ราวกับว่าเงาปีศาจอินทรีย์กำลังตามหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง โชทรุดตัวลงพิงกำแพง เขาหอบหายใจอย่างหนัก “แย่แล้วไอโกะ…พลังของคาถาฟื้นฟูเริ่มหมดแล้ว…ฉันรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวเลย” ไอโกะจ้องมองออกไปนอกที่ซ่อน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความคิดที่แล่นไปมาอย่างรวดเร็ว เธอพยายามนึกถึงตำราเก่า ๆ ที่เคยอ่าน หรือคำสอนของลุงภารโรง “มันบินเร็วเกินไป… เราต้องทำให้มันเชื่องช้าลง หรือหาจังหวะที่มันจะหยุดนิ่ง…” เธอพึมพำกับตัวเอง “แล้วจะทำยังไงล่ะ? เราไม่มีอะไรที่จะทำให้มันหยุดนิ่งได้เลยนะ” โชถามด้วยความท้อแท้ ไอโกะเงยหน้าขึ้นมองโช ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความเข้าใจบางอย่าง รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแม้จะยังคงซีดเผือด “ฉันรู้แล้วว่าจะทำยังไงให้แทงที่หัวมันได้!” โชเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ทำยังไง!?” “ง่าย ๆ เลยโช” ไอโกะเริ่มอธิบายแผนการอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของเธอมั่นคงและเต็มไปด้วยความมั่นใจ “เงาปีศาจอินทรีตัวนี้มันเป็นสัตว์เวทที่ใช้ความเร็วและการเคลื่อนไหวเป็นหลัก เพราะฉะนั้น…เราจะล่อให้มันพุ่งเข้าใส่กำแพง!” โชขมวดคิ้ว “อะไรนะ? ให้มันพุ่งชนกำแพง? มันจะช่วยได้ยังไง?” “ฟังนะโช” ไอโกะไม่รอช้า เธอชี้ไปที่มุมกำแพงใกล้ ๆ ที่พวกเขากำลังซ่อนตัวอยู่ “ดูรอยร้าวบนกำแพงนี่สิ มันเป็นรอยร้าวที่เกิดจากการที่เงากระทิงพุ่งชนเมื่อกี้ ใช่ไหม? และเมื่อเรามองไปที่กำแพงฝั่งตรงข้าม…ก็มีรอยร้าวที่คล้ายกัน” โชมองตามที่ไอโกะชี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเมื่อเริ่มเข้าใจ “ใช่แล้วโช!” ไอโกะกล่าวต่อ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เราจะล่อให้มันพุ่งเข้าใส่จุดที่เราต้องการ และเราจะใช้ ‘สายฟ้าผนึกพลัง’ ที่ฉันร่ายอยู่ตอนนี้” เธอโชว์นาฬิกาข้อมือที่ยังคงส่องแสงจาง ๆ แต่สัญญาณกลับแรงขึ้นเล็กน้อย “อาคมนี้จะสร้างตาข่ายพลังงานที่มองไม่เห็นขึ้นมาตรงกลางโถงทางเดิน คอยดูดซับพลังงานและทำให้สิ่งที่ติดกับมันเคลื่อนไหวช้าลงอย่างกะทันหัน” “ตาข่ายพลังงานงั้นเหรอ?” โชทวนคำ “แต่มันจะต้านพลังของไอ้อินทรีนั่นได้เหรอ? มันเร็วมากเลยนะ!” “นั่นแหละคือประเด็นโช!” ไอโกะยิ้มกว้าง “เราจะล่อให้มันพุ่งเข้าใส่ตาข่ายนี้ด้วยความเร็วเต็มที่ เมื่อมันโดนตาข่าย สายฟ้าจะดูดพลังงานของมันไป ทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลงอย่างกะทันหัน และด้วยความเร็วที่มันพุ่งเข้ามา มันจะควบคุมตัวเองไม่ได้และพุ่งชนเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลังอย่างจัง!” “แล้วหลังจากนั้น…” โชต่อประโยคด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เมื่อมันชนกำแพงอย่างจัง มันจะมึนงงชั่วครู่ หรืออาจจะบาดเจ็บ ทำให้มันช้าลง…และนั่นแหละคือจังหวะของเรา!” “ใช่แล้ว!” ไอโกะพยักหน้าอย่างมั่นใจ “เมื่อมันชนกำแพง นายต้องพุ่งเข้าไปและแทงเข้าที่ ‘หัว’ ของมันให้เร็วที่สุด! หัวของมันต้องเป็นจุดอ่อนหลักเพราะมันควบคุมการเคลื่อนไหวทั้งหมด” โชกำมีดอาคมแน่น “เข้าใจแล้ว…แต่แผนนี้มันอันตรายนะไอโกะ ถ้าเกิดมันไม่ชนกำแพง หรือฉันเข้าไปไม่ทัน…” “เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วโช!” ไอโกะตัดบท สีหน้าของเธอมุ่งมั่น “พลังของฉันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเรา เราต้องเสี่ยง!” โชพยักหน้า เขามองไปที่ไอโกะ ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดบัดนี้กลับมาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวไอโกะอีกครั้ง “โอเค! แผนนี้แหละ…มาจบเรื่องนี้กันเถอะ!” หลังจากปรึกษาแผนการเสร็จสิ้น ทั้งคู่ก็ออกจากมุมอับนั้น ไอโกะยังคงร่ายคาถาพลางตัวเพื่อให้พวกเขามีโอกาสเข้าใกล้เงาปีศาจอินทรีได้มากขึ้น แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะถูกฉายออกไปกลางโถงทางเดิน เป็นสัญญาณล่อลวง เงาปีศาจอินทรีที่กำลังบินวนอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นแสงไฟฉายก็คำรามด้วยความโมโห มันคิดว่าเหยื่อของมันกำลังเผยตัวออกมา มันพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ปีกของมันกางเต็มที่ หวังจะใช้กรงเล็บแหลมคมบดขยี้พวกเขาในพริบตา “ตอนนี้แหละโช!” ไอโกะตะโกน น้ำเสียงของเธอตึงเครียด เธอเร่งการสวดคาถา “สายฟ้าผนึกพลัง” แสงสีฟ้าอ่อน ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ขวางทางที่เงาปีศาจอินทรีจะพุ่งเข้ามา เงาปีศาจอินทรีพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเต็มที่ ร่างของมันกระแทกเข้ากับตาข่ายพลังงานที่มองไม่เห็นอย่างจัง “ก๊าซซซซซซซซซซซ์!!!” เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเงาปีศาจอินทรีดังสนั่น แรงปะทะทำให้ตาข่ายพลังงานสั่นสะเทือน แต่ก็ยังคงยึดมันไว้ได้แน่น ร่างของมันที่เคยเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงพลันชะงักงันและเคลื่อนไหวช้าลงอย่างกะทันหันราวกับถูกตรึงไว้กับที่ ดวงตาสีแดงก่ำของมันเบิกโพลงด้วยความตกใจ มันพยายามจะดิ้นรนแต่ก็ไร้ประโยชน์ และด้วยความเร็วที่มันพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง มันจึงไม่สามารถควบคุมทิศทางได้อีกต่อไป ร่างมหึมาของมันพุ่งชนเข้ากับกำแพงด้านหลังอย่างจัง “ตูมมมมมมมมมมมมมม!!!” เสียงปะทะสนั่นหวั่นไหว โรงเรียนร้างทั้งหลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เศษปูนและฝุ่นผงถล่มลงมาเป็นห่าฝน กำแพงด้านหลังถึงกับพังทลายลงไปเป็นช่องขนาดใหญ่ ร่างของเงาปีศาจอินทรีทรุดลงกองกับพื้น มันส่งเสียงครางแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาที่เคยส่องประกายสีแดงก่ำบัดนี้เหลือเพียงแสงริบหรี่ มันพยายามจะกระพือปีกแต่ก็ทำได้เพียงเล็กน้อย “ตอนนี้แหละโช! ไปเลย!” ไอโกะตะโกน เธอปลดคาถาพลางตัวและเปิดทางให้โชพุ่งเข้าไป โชพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจอินทรีด้วยความเร็วที่เหลืออยู่ทั้งหมด มีดอาคมในมือของเขาส่องประกายวาววับ เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขาแทงมีดอาคมลงไปกลาง “หัว” ของเงาปีศาจอินทรีอย่างสุดแรง “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วอาคาร เสียงนั้นรุนแรงและเจ็บปวดกว่าเสียงใด ๆ ที่เคยได้ยินมา ร่างของเงาปีศาจอินทรีบิดเกลียวอย่างทรมาน แสงสีแดงจากดวงตาของมันดับวูบลง ก่อนที่ร่างของมันจะแตกสลายกลายเป็นละอองควันดำฟุ้งกระจายไปในอากาศ เหลือไว้เพียง ดวงจิตสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ ที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ เปล่งแสงเรืองรองอย่างน่าขนลุก ไอโกะไม่รอช้า เธอท่องคาถาผนึกดวงจิตอย่างรวดเร็ว เปิดขวดอาคมดูดดวงจิตสีม่วงเข้มนั้นเข้ามาในขวดจนหมดสิ้น เสียง "ป๊อก!" ดังขึ้นเบา ๆ เป็นการผนึกชัยชนะของพวกเขา โชทรุดตัวลงคุกเข่า เขาหอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของเขาอ่อนล้าจนแทบจะหมดสติ แต่บนใบหน้าของเขากลับมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้น ไอโกะรีบวิ่งเข้าไปหาเขา เธอทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ด้วยความโล่งใจที่ถาโถมเข้ามา “เรา…เราทำได้แล้วโช!” ไอโกะร้องด้วยความดีใจ เสียงของเธอแหบพร่าแต่ก็เต็มไปด้วยความปิติยินดี เธอโอบกอดเขาเบา ๆ ด้วยความระมัดระวัง โชพยักหน้า เขายกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาจากหน้าผาก ดวงตาของเขามองไปที่ขวดอาคมในมือของไอโกะ “เก่งมากไอโกะ…เธอเก่งมากจริง ๆ” เขากล่าวชมด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ไอโกะส่ายหน้า “เราเก่งต่างหากโช ถ้าไม่มีนาย ฉันก็ทำไม่ได้หรอก” เธอมองไปรอบ ๆ ซากปรักหักพังของโรงยิมที่ตอนนี้เงียบสงบลงอย่างน่าประหลาด “ต่อไป…เราไปตามหาผ้ายันต์ผืนที่ 2 กันเถอะ” ทั้งคู่มองหน้ากัน สัญญาณจากนาฬิกาของไอโกะยังคงบ่งชี้ถึงพลังงานมหาศาลที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปในโรงเรียนร้างนี้ พวกเขารู้ว่าภารกิจยังไม่จบลงง่าย ๆ แต่ด้วยความร่วมมือและไหวพริบ พวกเขาก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำมันสำเร็จได้ลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส