ความมืดมิดที่ไม่อาจเข้าถึงได้จากแสงสว่างใด ๆ ยังคงปกคลุมห้องเก็บของเก่า กลิ่นอับชื้นและไอเย็นยะเยือกของความมืดที่แทรกซึมเข้ามาทุกอณู ยิ่งบีบรัดความรู้สึกให้หนักอึ้ง ไอโกะยังคงเฝ้าระวังโชอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความเงียบงันที่บีบคั้น เธอสัมผัสได้ถึงชีพจรของโชที่เริ่มเต้นสม่ำเสมอขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เธอกรอกยาให้เขาเมื่อครู่ ดวงตาของโชค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ยังคงมีความมุ่งมั่นอยู่
“โช!” ไอโกะอุทานด้วยความโล่งใจ น้ำตาที่คลอเบ้าเมื่อครู่ไหลอาบแก้ม เธอรีบปาดมันออกอย่างลวก ๆ “นายฟื้นแล้ว! เป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนอีกไหม?” โชพยายามจะยิ้ม แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันเบา ๆ แขนที่บาดเจ็บของเขายังคงปวดร้าวอย่างรุนแรง “ฉัน…ฉันดีขึ้นมากเลยไอโกะ…ขอบใจนะ” เสียงของเขาแหบพร่าแต่ก็หนักแน่นขึ้นกว่าเดิมมาก “ที่นี่ที่ไหน?” “ห้องเก็บของเก่าในโรงเรียนร้างน่ะ” ไอโกะตอบ พลางใช้ไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือฉายส่องไปรอบ ๆ เพื่อให้เขามองเห็นได้ราง ๆ ผนังที่เต็มไปด้วยรอยคราบดำมืดและสัญลักษณ์อาคมโบราณที่ดูน่าขนลุกยิ่งขึ้นในความมืดมิด “เราหนีไอ้เงากระทิงนั่นมาได้น่ะ โชคดีที่ลุงภารโรงบอกทางลับนี้ไว้” โชกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องภายใต้แสงไฟฉายสลัว ๆ แววตาของเขาจับจ้องไปที่สัญลักษณ์อาคมป้องกันบนผนังที่ดูราวกับกำลังเต้นระริกในความมืด “ลุงภารโรงนี่…ไม่ธรรมดาจริง ๆ แฮะ” เขาพึมพำ ก่อนจะหันมามองไอโกะด้วยสีหน้าจริงจัง “เราพักไม่ได้นานหรอกไอโกะ…เราต้องรีบไป” ไอโกะขมวดคิ้ว “แต่นายยังบาดเจ็บหนักอยู่นะโช แขนของนาย…ฉันว่าเราควรจะพักก่อนนะ” เธอพยายามจะคัดค้าน เธอไม่อยากให้โชต้องเสี่ยงอีกแล้วในสถานที่ที่ความมืดและความชั่วร้ายเข้าครอบงำไปทั่วแบบนี้ “พักไม่ได้หรอกไอโกะ!” โชแทบจะตะคอก เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกระวนกระวาย “เธอจำที่ลุงภารโรงบอกไม่ได้เหรอ? ประตูมิติ ที่เราใช้เข้ามาน่ะ…พวกพ่อกับแม่ของเพื่อน ๆ ทุกคนกำลังช่วยลุงภารโรงรักษามันเอาไว้ และพวกท่านจะเปิดมันได้ไม่นานหรอก” คำพูดของโชเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของไอโกะ เธอจำได้ดีถึงคำเตือนของลุงภารโรงก่อนที่พวกเขาจะก้าวผ่านประตูนั้น ท่านบอกว่าการเปิดประตูมิติระหว่างโลกนั้นต้องใช้พลังงานมหาศาล และหากทิ้งไว้ไม่นานเกินไป อาจจะเกิดอันตรายต่อทั้งสองโลกได้ และที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของพ่อแม่และลุงภารโรงที่กำลังแบกรับภาระหนักอึ้งนั้นไว้ท่ามกลางความมืดที่อาจแผ่ขยายไปถึงโลกของพวกเขา “แต่ว่า…นายยังไม่พร้อมนะโช” ไอโกะยังคงลังเล ดวงตาของเธอฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดในแสงไฟฉาย “ฉันต้องพร้อมสิไอโกะ! เราไม่มีเวลาแล้ว!” โชพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ความเจ็บปวดที่แล่นแปลบมาจากแขนขวาที่ยังคงบิดผิดรูปทำให้เขาต้องทรุดตัวลงไปอีกครั้ง “อึก!” ไอโกะเห็นดังนั้นก็รู้สึกผิด เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่าง แม้จะไม่ใช่การรักษาแบบแพทย์ แต่เธออาจจะมีวิธีอื่น “โอเค ๆ ๆ ฉันเข้าใจแล้วโช” เธอพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋านักเรียน ดึงเอา ตำราคาถาเก่าแก่ เล่มหนึ่งออกมา มันคือตำราที่ แม่ของเธอ มอบให้ก่อนที่เธอจะออกเดินทาง บอกว่าเป็น ‘ของประจำตระกูล’ ที่จะช่วยคุ้มครองเธอได้หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เธอไม่เคยเปิดมันมาก่อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุดนี้ ตำราคาถาเล่มนั้นเก่าจนกระดาษเป็นสีเหลืองซีด มีอักขระโบราณที่สลักไว้บนปกหนังสีเข้ม ไอโกะพลิกเปิดหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอไล่อ่านตัวอักษรและสัญลักษณ์ที่สลับซับซ้อน เธอกัดริมฝีปากแน่นเมื่อพบกับบทหนึ่งที่มีชื่อว่า “คาถาฟื้นฟูแห่งชีวิต” “นาย…นั่งอยู่เฉย ๆ นะโช” ไอโกะบอก เธอหลับตาลง รวบรวมสมาธิทั้งหมดที่เธอมี พลังปราณสีขาวจาง ๆ ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นรอบตัวเธอ เธอเริ่ม ร่ายคาถาฟื้นฟูร่างกาย เสียงสวดของเธอดังก้องไปทั่วห้องที่มืดมิด มันเป็นภาษาโบราณที่ไพเราะแต่แฝงไปด้วยพลังวิเศษ เมื่อเธอร่ายคาถาไปเรื่อย ๆ แสงสีเขียวอ่อน ๆ ก็เริ่มเปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของไอโกะ แสงนั้นค่อย ๆ แผ่ซ่านเข้าสู่ร่างของโชอย่างช้า ๆ เป็นประกายเรืองรองเดียวในความมืดที่ไร้สิ้นสุด โชรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่าง ความเจ็บปวดที่เคยแล่นแปลบอย่างรุนแรงเริ่มทุเลาลง กล้ามเนื้อที่เคยตึงเครียดค่อย ๆ คลายตัว แขนที่บิดผิดรูปดูเหมือนจะค่อย ๆ กลับเข้าที่อย่างช้า ๆ รอยฟกช้ำสีม่วงคล้ำเริ่มจางลงอย่างน่าอัศจรรย์ เขามองดูไอโกะที่กำลังหลับตาตั้งสมาธิอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าของเธอมีเหงื่อผุดพรายจากการใช้พลังงานมหาศาล แสงสีเขียวจากคาถาขับไล่ความมืดมิดรอบ ๆ ตัวพวกเขาออกไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น “รู้สึกดีขึ้นมากเลย…” โชพึมพำด้วยความประหลาดใจ “ขอบใจนะไอโกะ…ฉันดีขึ้นมากจริง ๆ” เมื่อคาถาจบลง ไอโกะก็ลืมตาขึ้น เธอมองดูโชด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ใบหน้าของเธอยังคงซีดเซียวเล็กน้อย แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโล่งใจ “ไม่เป็นไร…” ไอโกะตอบเสียงแผ่ว “แต่คาถานี้ฉันยังใช้ไม่เก่งนัก อาคมอาจจะอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงนะ” เธอถอนหายใจ “ถึงแม้จะทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว แต่มันก็เหมือนเป็นการเร่งพลังชีวิต มันจะอยู่ได้ไม่นานหรอก ถ้าเราไม่รีบ…พลังก็จะค่อย ๆ ลดลง” โชพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขากระชับแขนของตัวเองที่บัดนี้กลับมาใช้งานได้เกือบจะปกติแล้ว เขาทดลองกำหมัดและเหยียดแขนเล็กน้อย แม้จะยังมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาจ้องมองไปในความมืดที่ไร้จุดสิ้นสุดนอกห้องเก็บของ “งั้นเรารีบไปกันเถอะ” โชเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นกว่าเดิม เขาลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง ไม่เหลือเค้าของคนที่บาดเจ็บสาหัสเมื่อครู่ ไอโกะลุกตามขึ้นยืน หยิบมีดอาคมของโชที่กระเด็นตกไปให้เขา เขารับมันมาถือไว้แน่น พร้อมกับยันต์กันภัยที่ลุงภารโรงให้มาก็อยู่ในกระเป๋าของโช “เราต้องหาผ้ายันต์ที่เหลือให้เจอให้เร็วที่สุด” ไอโกะกล่าว พลางชี้ไปที่ประตูทางออกที่มืดมิดกว่าเดิม “แล้วจัดการกับเงาปีศาจทั้งหมดซะ ก่อนที่ประตูมิติจะปิดลง และพวกเราจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไป ท่ามกลางความมืดมิดและปีศาจเหล่านี้” ทั้งคู่สบตากัน แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่มีความลังเลหลงเหลืออยู่ในใจอีกแล้ว พวกเขาพยักหน้าให้กัน ก่อนจะก้าวออกจากห้องเก็บของไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงความเงียบงันและความหวังที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างริบหรี่ในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้างแห่งนี้... เวลาของพวกเขามีจำกัด และเดิมพันก็สูงขึ้นเรื่อย ๆลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส