เมื่อครบหนึ่งชั่วโมง ผู้เข้าร่วมงานทุกคนทยอยกลับเข้าสู่ห้องโถงใหญ่อีกครั้ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงพูดคุยที่ดังอยู่เบาๆ ค่อยๆ เงียบลงเมื่อพิธีกรก้าวขึ้นเวที
“สวัสดีทุกท่านอีกครั้งค่ะ” พิธีกรสาวในชุดกี่เพ้าสีแดงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่คณะกรรมการได้พิจารณาผลงานทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย นั่นคือการประกาศผลการประกวดค่ะ”
เธอหยุดชั่วครู่ ก่อนจะหยิบซองสีทองขึ้นมา “สำหรับการประกวดในครั้งนี้ จากโรงงานที่เข้าร่วมทั้งหมดเจ็ดโรงงาน ทางคณะกรรมการจะมอบรางวัลดังนี้ รางวัลชนะเลิศหนึ่งรางวัล รางวัลรองชนะเลิศหนึ่งรางวัล และที่เหลือเป็นรางวัลชมเชยโดยไม่มีการจัดอันดับ”
หวงเสี่ยวเหมยกุมมือซุยหลันซีไว้แน่น ในขณะที่เสี่ยวน่าและเสี่ยวจูก็ไม่ต่างกันอยู่ด้านหลัง
“ก่อนที่จะประกาศผลรางวัลชนะเลิศ ฉันขอเรียนให้ทราบว่า รางวัลรองชนะเลิศนั้นจัดไว้ในกรณีที่ผู้ชนะไม่สามารถส่งผลงานเข้าร่วมการเดินแบบในงานเทศกาลแฟชั่นและวัฒนธรรมนานาชาติฮ่องกงที่ฮ่องกงได้”
พิธีกรอธิบายด้ว
“หลันหลัน ลุงรู้จักพ่อของหนูมาตั้งแต่ครั้งที่พวกเรายังเป็นทหารรุ่นหนุ่มๆ” ท่านนายพลหยุดไปครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววระลึกถึงความหลัง“ตอนนั้นพวกเราถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนด้านตะวันตก มีครั้งหนึ่งที่หน่วยของลุงถูกโจมตีอย่างหนัก ลุงได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกตัดขาดจากกองกำลังหลัก พ่อของหนูเสี่ยงชีวิตฝ่าแนวข้าศึกเข้ามาช่วย แบกลุงเดินทางข้ามเขาสามวันสามคืนจนกลับมาถึงฐานที่มั่นได้”ซุยหลันซีนั่งฟังอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินเรื่องราวของบิดา เติ้งเว่ยหมิงที่นั่งข้างๆ ค่อยๆ เลื่อนมือมาจับมือภรรยาไว้อย่างให้กำลังใจ“ตอนนี้ลุงไม่ได้นิ่งนอนใจเลยนะ” ท่านนายพลกุ้ยเอ่ยต่อน้ำเสียงจริงจัง “ที่เงียบไปหลายเดือนเพราะไม่อยากให้เรื่องกระเทือนไปถึงพวกที่คอยจับตาดูอยู่ แต่ลุงได้ติดต่อกับหลิวป๋อไปรับหลักฐานสำคัญจากคนของเราที่ชายแดน หลักฐานชิ้นนี้จะพิสูจน์ได้ว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมา”“จริงหรือคะ...?” ซุยหลันซีเอ่ยถามเสียงมีความหวัง“คุณพ่อจะได้กลับมาจริงๆ หรือคะ?”ท่านนายพลพยักหน้า “ใช่ ลุงสัญญาว่าไม่เกินสี่เดือน พ่อของหนูจะต้องได้รับอิสรภาพ ทุกข้อก
ห้องบันทึกรายการโทรทัศน์เงียบลงชั่วขณะเหรินหย่าเฟยถูกลากตัวออกไปจากงาน เสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่ค่อยๆ เงียบหายไป ทิ้งความเงียบงันไว้ชั่วครู่ ก่อนที่พิธีกรสาวจะได้รับสัญญาณจากท่านรัฐมนตรีพิธีกรหญิงหัวไวสมกับที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ เมื่อท่านรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมได้ส่งสัญญาณมาให้ พิธีกรสาวจึงได้หันไปทางท่านประธานคณะกรรมการที่ยืนอยู่บนเวทีแล้ว“ท่านประธานคณะกรรมการคะ เรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ทางท่านประธานและคณะกรรมการมีคำตัดสินเป็นอย่างไรคะ” พิธีกรสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงชัดเจนประธานคณะกรรมการหญิงหันไปมองคณะกรรมการที่นั่งอยู่ด้านข้างเวที สายตาของเธอกวาดมองไปทีละคนอย่างช้าๆ เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้าเห็นพ้องต้องกัน จึงหันกลับมาที่ไมโครโฟน ก่อนจะประกาศเสียงดังฟังชัด“ทางคณะกรรมการขอตัดสินให้โรงงานเฟิงหยุนเป็นผู้ชนะในการแข่งขันในวันนี้ค่ะ”เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้องส่ง พิธีกรสาวรอให้เสียงปรบมือเบาลงก่อนจะเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม“เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว ดังนั้น ฉันขอถือโอกาสนี้เริ่มการมอบรางวัลชนะเล
“แล้วหลักฐานล่ะ?” ท่านรัฐมนตรีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “มีเพียงคำให้การของพยานคนเดียวไม่อาจยืนยันได้ว่าโรงงานหย่งเจิ้นเป็นผู้ว่าจ้างหญิงคนนี้ ในทางกลับกัน คุณอาจจะเป็นคนจ้างหญิงคนนี้มาใส่ร้ายโรงงานหย่งเจิ้นก็อาจเป็นไปได้”เติ้งเว่ยหมิงค้อมศีรษะให้กับท่านรัฐมนตรีอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุม “ท่านรัฐมนตรีพูดถูกครับ หญิงคนนี้เป็นเพียงแม่บ้านทำความสะอาด คำพูดของหล่อนอาจจะไม่น่าเชื่อถือ อาจจะจริงอย่างที่ท่านว่า อาจจะเป็นผมที่จ้างหญิงคนนี้มาใส่ร้ายโรงงานหย่งเจิ้น”เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ “แต่ว่า... ถ้าพยานเป็นท่านผู้นี้ ท่านรัฐมนตรียังคิดว่าคำพูดของท่านไม่น่าเชื่อถืออยู่อีกไหมครับ?”เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องในห้องที่เงียบกริบทุกสายตาหันไปมองประตูทางเข้า ที่ซึ่งชายสูงวัยในเครื่องแบบทหารยศนายพลกำลังก้าวเข้ามา ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองไปที่เหรินหย่าเฟยนิ่ง จนเธอถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ“ท่าน...ท่านนายพลกุ้ย!” ท่านรัฐมนตรีอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง การปร
เมื่อครบหนึ่งชั่วโมง ผู้เข้าร่วมงานทุกคนทยอยกลับเข้าสู่ห้องโถงใหญ่อีกครั้ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงพูดคุยที่ดังอยู่เบาๆ ค่อยๆ เงียบลงเมื่อพิธีกรก้าวขึ้นเวที“สวัสดีทุกท่านอีกครั้งค่ะ” พิธีกรสาวในชุดกี่เพ้าสีแดงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่คณะกรรมการได้พิจารณาผลงานทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย นั่นคือการประกาศผลการประกวดค่ะ”เธอหยุดชั่วครู่ ก่อนจะหยิบซองสีทองขึ้นมา “สำหรับการประกวดในครั้งนี้ จากโรงงานที่เข้าร่วมทั้งหมดเจ็ดโรงงาน ทางคณะกรรมการจะมอบรางวัลดังนี้ รางวัลชนะเลิศหนึ่งรางวัล รางวัลรองชนะเลิศหนึ่งรางวัล และที่เหลือเป็นรางวัลชมเชยโดยไม่มีการจัดอันดับ”หวงเสี่ยวเหมยกุมมือซุยหลันซีไว้แน่น ในขณะที่เสี่ยวน่าและเสี่ยวจูก็ไม่ต่างกันอยู่ด้านหลัง“ก่อนที่จะประกาศผลรางวัลชนะเลิศ ฉันขอเรียนให้ทราบว่า รางวัลรองชนะเลิศนั้นจัดไว้ในกรณีที่ผู้ชนะไม่สามารถส่งผลงานเข้าร่วมการเดินแบบในงานเทศกาลแฟชั่นและวัฒนธรรมนานาชาติฮ่องกงที่ฮ่องกงได้”พิธีกรอธิบายด้ว
เมื่อสิ้นสุดการนำเสนอของโรงงานที่หก ก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นของทางโรงงานเฟิงหยุน ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวน่าที่จะต้องเดินแบบทั้งที่ชุดนั้นมีตำหนิ หวงเสี่ยวเหมยที่ลุ้นถึงผลลัพธ์ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ซึ่งมันต่างจากที่วาดภาพไว้มาตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาตอนนี้ซุยหลันซีต้องกลายเป็นคนมานำเสนอผลงานแทนหวงเสี่ยวเหมยเมื่อซุยหลันซีเดินออกไปเพื่อไปเตรียมตัวรอที่จุดรอขึ้นเวที เหรินหย่าเฟยที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดส่งยิ้มเยาะมาให้ ซุยหลันซีสะดุดการก้าวเดินเล็กน้อย แต่เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วทำเป็นไม่ใส่ใจ ก้าวออกไปยังจุดเตรียมตัวอย่างเชื่อมั่น“ต่อไปขอเชิญตัวแทนจากโรงงานเฟิงหยุนค่ะ”เมื่อเสียงดนตรีดังคลอขึ้นพร้อมกับเสี่ยวน่าเดินออกมาจากหลังฉาก ซุยหลันซีที่ขึ้นไปยืนในตำแหน่งผู้นำเสนออยู่แล้ว เริ่มการนำเสนอด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์ เธอพูดอย่างมีจังหวะสอดรับกับการเดินของเสี่ยวน่า“สวัสดีท่านคณะกรรมการและผู้ร่วมงานทุกท่าน ฉันซุยหลันซี จากโรงงานเฟิงหยุนบนจอภาพตรงหน้าท่าน คือชุด ‘กำเนิดหงส์ทอง’ ท
ทุกคนเข้ามาที่ห้องประชุมเล็กกันอย่างพร้อมเพรียง เสี่ยวน่ากับเสี่ยวจูหอบหิ้วชุดที่ถูกทำลายมาด้วยตามมาเป็นคนสุดท้าย เมื่อมาถึงท่านประธานก็ให้นำชุดนั้นไปวางไว้บนโต๊ะตรงกลาง เสี่ยวน่าวางชุดลง หลังจากนั้นคณะกรรมการก็ไปมุงดูชุดที่ถูกทำลาย และมีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลห้องเก็บชุดด้วย โดยตัวแทนจากโรงงานเฟิงหยุนทุกคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา ยังคงรออย่างสงบเวลาผ่านไปกว่าสิบนาที คณะกรรมการก็กลับไปนั่งที่ ท่านประธานเป็นคนเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก“ทางผู้กำกับรายการบอกมาว่าเราต้องใช้เวลาให้เร็วที่สุด เพราะจะต้องทำการอัดรายการอยู่ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทางคณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบว่า การที่ชุดของทางผู้เข้าร่วมการแข่งขันถูกทำลายให้เสียหาย เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของทางผู้จัดงาน ทางเราจึงขอสอบถามว่า ทางผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะให้ทางเรารับผิดชอบยังไง?”ทางโรงงานเฟิงหยุนหลังจากที่ได้รับฟังคำอธิบายก็หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หวงเสี่ยวเหมยจะเป็นคนที่แสดงความต้องการออกไป“ทางโรงงานเฟิงหยุนต้องการนำเสนอชุดต่อไปตามปกติค่ะ”“หือ เพราะอะไรเหรอ&r