เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีทันทีที่อีกฝ่ายโน้มหน้าลงมา
ภามม์ชะงักครู่หนึ่งจึงแสยะยิ้มถูกใจ “ดุเหมือนกันนี่ งั้นมาสนุกกันต่อดีกว่าเพราะนายทำฉันสนุก นายก็ต้องรับผิดชอบนะเจ้าหนู”
“เฮ้ย! อย่า! อย่านะ!”
ไม่ว่าคิระจะวอนขอหรือดิ้นรนขัดขืนยังไงเขาก็ไม่ปล่อย หนำซ้ำยังก้มหน้าซุกไซร้ซอกคอของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
เด็กหนุ่มดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่พ้นมือแข็งแกร่งที่กำข้อมือเขาตรึงไว้กับผนังอย่างไร้ทางสู้ มืออีกข้างของเขาเลื่อนลงมาจับหน้าอกนอกร่มผ้าบีบเค้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบแววตาฉ่ำน้ำตาของคิระ
“คนเลว! ปล่อยผมนะ! คุณทำแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง ผมไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ”
“แบบที่ฉันคิด? แบบไหนล่ะ” พูดจบก็คลายวงแขนจากการกักกดร่างเล็กกว่าของคิระกับผนัง ลูบแก้มข้างที่โดนต่อยแล้วแสยะยิ้มอีกครั้งก่อนจะโถมร่างแนบชิดอีกรอบอย่างแทบจะฝังร่างของตัวเองเข้ากับคิระ
“บอกให้ฉันรู้หน่อยสิว่าคนแบบไหนที่นายไม่อยากเป็น”
“กะ... ก็แบบผู้หญิงใจง่ายคนนั้น อื้อออออ”
เด็กหนุ่มผลักร่างกำยำออกห่าง หลังมือถูกยกขึ้นถูริมฝีปากตัวเองด้วยความขยะแขยง เขาสะอึกสะอื้นน้ำตายังไหลไม่หยุด
“เมื่อกี้ฉันเห็นนายจ้องร่างกายฉันตาเป็นมัน แต่พอโดนจูบก็ทำเป็นรังเกียจ หรือนายอยากให้ฉันทำอย่างว่า ไม่ใช่แค่จูบแน่ๆ”
“บ้าดิ! ใครจะบ้าคิดงั้น ผมก็แค่เอาแฟ้มขึ้นมาให้ แต่เป็นคุณเองที่ทำกันประเจิดประเจ้อ ผมก็เลย”
“แอบดู?”
“ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่ ผมเคาะแล้วแต่คุณกำลัง เอ่อ... กำลังแบบว่า... เอง จะโทษใคร”
“ฮ่า ฮ่า นั่นสินะ ฉันมีอะไรกับผู้หญิงในห้องของตัวเอง ส่วนนายกล้าที่จะสั่งสอนฉันที่เป็นเจ้าของห้อง นายว่าเคสนี้ใครผิด”
“ผม”
“นั่นสิ”
“โอ๊ย! ผมไม่รู้แล้ว!”
เด็กหนุ่มพูดจบก็เลือดขึ้นหน้าอีกหน ถึงแม้เรื่องสัมพันธ์หญิงชายจะเป็นเรื่องธรรมดาโลก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเอามาพูดให้คนอื่นฟังโดยไม่กระดากใจ
“แต่นายก็ดูสนใจนี่ หรือว่าอยาก...”
“คุณ! พูดจาอุบาทว์” คิระตวาดแว้ดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมไหนทั้งนั้นแล้ว พอรู้ตัวก็ถอยหลังกรูดเพราะแววตาอีกฝ่ายแข็งกร้าวหลังจากเขาสบถ
หรือหมอนี่จะโกรธแล้ววะ!
คิระรู้สึกใจคอไม่ดีหน่อยๆ ที่เรื่องบานปลายมาถึงขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้เขาคงชวดฉลูขาลเถาะจากตำแหน่งนักร้องประจำดีพบลูซีบาร์แล้วแน่ๆ ก็ใครจะรับคนที่เถียงตัวเองฉอดๆ ได้ล่ะ
เฮ้อ!
ไม่เป็นไร ก็เขาไม่ชอบให้ใครดูถูกนักหรอก...
ภามม์หน้านิ่งเฉยราวกับไม่สะทกสะท้านครู่หนึ่งก็โน้มหน้าเข้ามาจนคิระถึงกับผงะถอยหลัง แค่นั้นริมฝีปากสากหนาก็กระตุกขึ้นอย่างเป็นต่อ ไม่แค่ดวงหน้าเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้าจะแฝงซึ่งแววตาหื่นกระหายแล้ว ยังบีบหัวไหล่คิระจนเจ็บก่อนจะก้มหน้าลงมา แต่คิระสะบัดหนีทันที
“นายนี่มันปากดี แถมยังทำให้ฉันอารมณ์ค้างเพราะฉะนั้นนายต้องรับผิดชอบ”
“ผมไม่เกี่ยวนะ คุณทำตัวเอง!”
คิระพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากสากหนาของคนแปลกหน้าเป็นครั้งที่สาม คิระดิ้นขลุกขลักทั้งผลักทั้งดัน แต่คนตรงหน้าราวกับพายุที่ซัดเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนที่สติจะเตลิด ร่างกายจะยอมศิโรราบ เด็กหนุ่มฮึดอึดใจกระทุ้งเข่าขึ้นตรงกล่องดวงใจอีกฝ่ายอย่างแรงจนถึงกับผงะทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าทันที
“นาย! นาย!”
ภามม์กุมกล่องดวงใจหน้าซีดหน้าเผือดไม่พอยังยกนิ้วสั่นระริกขึ้นมาชี้หน้าคิระ แต่คิดเหรอว่าคิระจะไม่กล้าทำร้ายคนที่คิดข่มเหงเขากัน!
“คุณทำร้ายผม เมื่อกี้สำหรับความทุเรศของคุณแต่ถ้าเข้ามาอีกทีโดนต่อยอีกแน่ ไอ้คนสารเลว!”
“สารเลวเหรอ! นายกล้ามากนะที่ด่าฉัน” ภามม์ตวาดแล้วตั้งท่าลุกขึ้น
คิระผงะถอยหนีเห็นประตูห้องอยู่แค่เอื้อมก็อาศัยช่วงที่ภามม์ยังตั้งตัวไม่ได้เปิดประตูออกไปจึงชนเข้ากับใครคนหนึ่งซึ่งละล้าละลังอยู่หน้าห้อง
“เจ้าคิว!”
“ลุงตฤณ!” คิระดีใจยังกับพระมาโปรด กระโจนเข้าเกาะแขนผู้เป็นลุงแน่น “ช่วยผมด้วยฮะ!”
“เกิดอะไรขึ้น!”
“คนบ้านั่นมันจะปล้ำผม!” คิระละล่ำละลักชี้มือไปทางห้องที่ประตูเปิดแง้ม
ตฤณชะเง้อมองตามมือไปแต่กลับไม่เห็นใครที่กระทำการจาบจ้วงเมื่อครู่ตามออกมาทั้งที่ไล่ตามตะครุบตัวเขาแหมบๆ “ใจเย็น ค่อยพูดค่อยจานะเจ้าคิว”
“แต่ไอ้ปีศาจบ้ากามอยู่ในห้องนั้นฮะ ลุง!”
“หา! ปีศาจบ้ากามที่ไหนกันนั่นมัน...”
“จริงๆ นะฮะลุง เขาจะปล้ำผมจริงๆ”
“เฮ้ย!เราเข้าใจผิดแล้ว...” ชายกลางคนพูดไม่ทันจบก็ชะงักเมื่อสบเข้ากับดวงตาแวววาวที่จ้องเขาในห้องนั้น “เอ่อ ลุงไม่น่าให้เรามาแทนเลย ลุงก็ลืมบอกไปว่าคุณภามม์ เอ่อ...”
ตฤณหยุดคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะโบกมือไล่ “แกลงไปรอข้างล่างก่อนเถอะ”
“แต่ว่า... เขา”
“ไปเถอะน่า” ตฤณตวาดใส่
คิระหน้าหมองลง ได้แต่พยักหน้าก้าวตามหลังผู้เป็นลุงที่มุ่งตรงไปยังลิฟต์แต่ช้ากว่าร่างสูงเพรียวของสตรีนางหนึ่งที่ออกจากลิฟท์มาพอดี
ซึ่งไม่ใช่ใคร...
“อ้าวคุณลินี”
ชาลินีสวมชุดสีแดงเพลิงสั้นจู๋สวมรองเท้าส้นเข็มสูงกว่าสี่นิ้วเดินสะพายกระเป๋าสีดำรุ่นใหม่ไฮแบรนด์ตรงเข้ามาที่คิระและตฤณด้วยสีหน้าเครียด ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มใช้สายตาคมกริบตวัดมองก่อนจะปรายตามองตฤณที่ร้องทัก
“คุณตฤณ เห็นคุณภามม์ไหมคะ!” เธอเปิดปากถามทันที
ตฤณเห็นท่าไม่ดีรุนหลังเด็กหนุ่มไปด้านหลังแล้วพินอบพิเทาตอบ “คุณลินี เอ่อ.. คุณภามม์... คือ”
“คือคาเอ้ออ้าอยู่นั่นแหละ ฉันถามว่าเห็นคุณภามม์ไหมคะ” เธอว่าพลางตวัดตามองเด็กหนุ่มหัวจรดปลายเท้าอีกรอบก่อนเอ่ย “แล้วเด็กคนนี้คือ...”
“หลานชายผมเองครับ”
ท่ามกลางความอึดอัดที่ต้องเผชิญหน้า ลุงตฤณที่เป็นผู้ใหญ่กว่าคิระดึงมือเขาไว้แล้วพาตัวเองมายืนต่อหน้าชาลินีแทน พอหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ชักสีหน้าหงุดหงิดทันที
“หลานชายต้องขึ้นมาหาภามม์กับคุณตฤณด้วยเหรอคะ”
มะลิคงเห็นผมมีพิรุธเพราะไม่ยอมสอบตาเธอ จึงคะยั้นคะยออีก“มีงานอะไรเหรอ บอกได้ปะ”มะลิเหมือนนกรู้ เห็นท่าทีผมแปลกๆ เธอย่อมจับทิศทางได้ก็เลยรีบบอกไปจะได้จบเรื่อง “จะไปงานเลี้ยงจบการศึกษาของพี่จุลฮะ”“วันนี้เหรอ!”“ฮะ”“มิน่าล่ะ คีของเราใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”มะลิตาวาว ผมหรี่ตามองเธอบ้าง เห็นท่าทีกระตือรือร้นของมะลิก็ยิ่งขัดเขิน“งั้นมานั่งนี่เลย”เจ้นีคู่หูมะลิบอกพลางคว้าแขน ดันผมไปที่เก้าอี้แล้วจับไหล่ผมกดลงนั่งประจำที่ โดยที่ผมยังงงๆ“ทำอะไรอะเจ้”“มาๆ เจ้จะจัดโบนัสพิเศษทำผมสีน้ำตาลขนกวางเทรนด์ใหม่มาแรงแห่งปีให้”“น้ำตาลขนกวางเลยเหรอ” ผมมองหน้าตากับทรงผมกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรงของตัวเองหน้ากระจกแล้วรีบปฏิเสธ “ไม่เอาอะ ผมไปดีกว่า”“ไม่ด้าย!”มะลิกดไหล่ผมสองข้างลงนั่งตามเดิมแล้วมายืนซ้อนหลังช่วยเจ้นีจับ สองมือเธอจับแก้มผมหันซ้ายหันขวาสีหน้าครุ่นคิด ผมพยายามปฏิเสธแต่เธอไม่ยอม“ไม่เอานะเจ้นี เจ้ลิ ผมอายเค้า”“ไม่ต้องอาย อยู่ในกำมือเจ้แล้ว คีของเจ้ใหญ่ไฟกะพริบต้องโดดเด้ง ใครๆ ก็ต้องเหลียวมอง เข้าใจไหม”“แต่ผมว่า...”“เงียบ!”ผมหุบปากแทบไม่ทัน มะลิกับเจ้นีไม่ฟังผมเลย เธอจัดแจงตรึงผมไว้กับ
“เอาตามนี้เลยครับ คิดเงินเลย”“โอ้ว วันนี้ซื้อแต่ของดีๆ ทั้งนั้น สงสัยคนรู้จักที่ว่าคงสำคัญสำหรับปู่เรามากสินะถึงทำให้คนขี้ตืดอย่างนั้นยอมควักตังค์จ่ายได้น่ะ”“โธ่ ป้า อย่างปู่ผมน่ะ เขาไม่เรียกว่าขี้ตืด เขาเรียกว่ารู้จักใช้เงินฮะ” ผมตอบป้าไปแบบติดตลก ป้ากดเครื่องคิดเลขไปหัวเราะไปแล้วยื่นเครื่องคิดเลขมาให้ผม “อะ ป้าคิดให้ถ้วนๆ เศษไม่ต้อง”“ขอบคุณฮะป้า”“เอาอะไรเพิ่มอีกไหม”.”ไม่ละฮะ ผมรีบ” ผมรีบบอกรีบจ่ายจะได้รีบกลับไปเตรียมตัวไปงานพี่จุลคืนนี้เดินต่อไปได้ไม่กี่แผงก็เจอกับลุงสำลีเจ้าของแผงผักเจ้าดัง ลุงเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ผิวแตกต่างจากชื่อชนิดที่เรียกได้ว่าน้องๆ ดาร์กช็อกโกแลตนิดนึง ผมไม่พ้นสายตาลุงสำลีไปได้จึงถูกเรียกไว้อีก“เฮ้ย! เจ้าคี มานี่ก่อนมา”“มีอะไรฮะลุง ผมรีบ”“เออ รู้แล้ว มานี่แป๊บ นังมะลิมันโทรหาแกไม่ได้ก็เลยโทรมาฝากเรื่องไว้ให้บอกแก” ลุงสำลีตะโกนฝ่าแผงผักมาอีก“เรื่องไรอะลุง”“มันบอกให้แกแวะไปหามันที่ร้านเสริมสวยเจ้นีวันนี้บ่ายโมง มันจะไลฟ์สดขายเสื้อ อยากให้แกมาเป็นนายแบบให้”ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วพยักหน้า “อ่อ ได้ๆ ขอบคุณนะลุง”“เออ รอบก่อนแกไปช่วยเป็นนายแบบให้ มันบอก
“ไม่หรอกปู่ พี่จุลไม่ใช่คนแบบนั้น” ผมตอบอย่างมั่นใจปู่ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ผมรู้ว่าปู่เป็นห่วงเรื่องที่ผมหายไปทุกเย็นหลังเสร็จจากรับจ้างขนผักกับของสดในตลาดไปส่งตามร้านอาหาร ผมชอบแวะไปบ้านพี่จุลเพื่อเรียนเปียโนกับเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเล็กน้อยและมักจะได้สารพัดขนมติดมือกลับมากินแล้วเผื่อแผ่มาถึงปู่ ปู่เคยบอกว่ามือไม้ก็มีให้ทำมาหากินอย่าเอาแต่แบมือขอ แต่ผมไม่ได้ขอ ที่ได้มาเพราะพ่อแม่พี่จุลใจดีกับผม ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่พวกท่านมีน้ำใจให้โดยเฉพาะพี่จุล...คนที่แสนจะใจดี คนที่ชีวิตนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะเจอคนดีๆ แบบพี่เขาได้ที่ไหนอีก...“เออนี่... เจ้าคี”“ฮะ”“แกคิดว่าคุณตรีเป็นยังไงบ้าง”จู่ๆ ปู่ก็ถามเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา มือยังคงเป็นระวิงกับการถอนเข็มหมุดขณะเร่งฝีเข็มจักรอย่างขมักเขม้น ผมสงสัยนิดๆ แต่ก็ไม่คิดว่ามีอะไรพิเศษจึงตอบปู่ไปโดยไม่ต้องคิดเลย“ก็เป็นคนหน้าตาดี”“แกชอบเขาไหม”“ไม่ชอบ ผมไม่ถูกชะตา” ผมตอบไม่คิดสักนิด“แต่เขาเป็นคนดีที่พึ่งพาได้”“ผมก็ไม่เคยคิดพึ่งเขาสักหน่อย”“แต่ปู่อยากให้แกชอบเขา แกต้องชอบเขาเข้าใจไหมเจ้าคี”“ทำไมอะ!”“ก็ไม่ทำไม บอ
“นี่ไง คนนี้ไงคะคุณพ่อ” เธอบอกอย่างกระตือรือร้นไม่พอยังดึงมือผมแล้วย้ายตัวเองขึ้นมานั่งตักก่อนจะเปิดเสียงเพลงให้ดังขึ้น ผมเลิกคิ้ว ชี้นิ้วไปที่หน้าจอแต่นาราเหมือนหวงเอาโทรศัพท์หนีเฉยเลย “นาราจะฟัง” “พ่อก็ให้หนูฟังนี่ไง” ผมบอกพลางลูบผมนิ่มสีน้ำตาลเข้มของเธอไปพลาง “นาราอยากเรียนเปียโนค่ะคุณพ่อ” “พ่อก็ให้ครูมาสอนให้นี่คะ” “ไม่เหมือนกันค่ะ นาราอยากเรียนกับครูคนนี้” เธอว่าพลางจิ้มนิ้วอ้วนๆ ไปที่เจ้าของมือในคลิป “คุณพ่อให้พี่คนนี้มาสอนนาราแทนครูนิคได้ไหมคะ” “ครูนิคสอนไม่ดีเหรอลูก” “ดีค่ะ แต่ว่านาราจะเอาคนนี้ นาราอยากได้คนนี้ คุณพ่อให้พี่เค้ามาสอนนาราได้ไหมคะ”ผมฟังเด็กดื้อเจื้อยแจ้วแล้วลอบถอนใจเพราะรู้ว่าเจ้าของมือเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าเด็กที่ตั้งชื่อตัวเองในไลน์ได้แสนโอเว่อร์ว่า keyofheart นั่นแหละ“ได้สิ เอาไว้พ่อจะถามดูนะ” ผมแบ่งรับแบ่งสู้“ดีจัง นารารักคุณพ่อที่สุดเลย” นาราหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะหลับตาพริ้มฟังเสียงเปียโนบรรเลง ริมฝีปากกระจับสีชมพูระเรื่อของเธอขยับไปมาตามท่วงทำนอ
“สำคัญสิฮะ”ผมอึ้ง ส่วนเขาก็นิ่งไป ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงเขาตอบกลับมา “คุณอย่าลืมส่งที่อยู่ที่จะให้ส่งสูทมาทางนี้ด้วยนะฮะ ผมจะได้ไม่ต้องโทรกวนคุณอีก”“อืม”“ไปละ บาย”เหอะ...ผมกดตัดสายแล้วไถหน้าจอดูโพรไฟล์ของเขาในไลน์ แล้วสะดุดเข้ากับโพสหนึ่งอย่างจัง เป็นประโยคสั้นที่ดูเหมือนคนโพสจะตัดพ้อต่อว่าชะตาชีวิตอย่างไรพิกล...กล้ำกลืนคำพูดคนดูแคลนแปรเปลี่ยนเป็นพลัง...…แล้วมันจะผ่านไป......สู้ๆ นะตัวเรา...“นายพูดว่าอะไรนะครับ”คำถามจากสนธยาทำให้ผมสะดุ้งรีบปฏิเสธ “เปล่าหรอก แค่อ่านอะไรขำๆ ไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะเขียนอะไรแบบนี้ สงสัยอยากเป็นไลฟ์โค้ช”“เด็กคนไหนครับอยากเป็นไลฟ์โค้ช อย่าบอกว่าเป็นเจ้าหนูสกปรกคนนั้นนะครับนาย”ผมแทบสำลักกับคำพูดของสนธยา รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ต่อไปนายอย่าเรียกเด็กนั่นว่าหนูสกปรกอีกนะ ฉันไม่ชอบ”“ครับนาย”“เพราะฉันเรียกได้คนเดียว”“ครับ”ผมกระแอมเบาๆ แล้วเมินหน้าออกไปนอกหน้าต่าง รู้สึกว่าน้ำเสียงตัวเองเมื่อครู่ห้วนจัดจนสนธยาที่ลอบมองต้องหลบตานี่ผมคงบ้าไปแล้วที่เคืองคำพูดของสนธยาแทนเด็กนั่นทั้งๆ ที่ผมเองแท้ๆ ที่เป็นคนเรียกก่อน“ส่งฉันเสร็จแล้วนายก็รีบไปพักเถอะ” ผมต
เขาเงียบไปครู่ก็รับคำโดยดี “ก็ได้ เอาไว้ผมติดต่อคุณใหม่ก็แล้วกันนะฮะ”“โอเค”“งั้นแค่นี้นะคุณ”“อืม” ผมตอบสั้นๆ แต่นึกอะไรได้จึงเรียกไว้ “นี่เดี๋ยวก่อนสิ”“หือ.. มีอะไรอีกฮะ”“ไม่มี” ผมบอกปัดแล้วกดตัดสายทิ้งทันทีเขาคงสงสัยนั่นแหละเพราะไม่กี่นาทีต่อมาขณะที่ผมกำลังเคว้งคว้างอยู่หน้าโรงพยาบาลเพราะสั่งให้สนธยากลับไปก่อน ก็มีเสียงไลน์ดังขึ้น ผมก้มดูหน้าจอแล้วก็เห็นเป็นเด็กคีตาที่แอดไลน์ผมมาตามด้วยตัวการ์ตูนหน้าแป้นแล้นทะเล้นยกมือสวัสดี ผมลังเลว่าจะตอบหรือกดเพิ่มเพื่อนดีหรือไม่ แล้วเขาก็ส่งข้อความมาอีกรับผมหน่อย...เหอะ... ดูชื่อที่เขาใช้สิ KeyofHeart งี้ น่ารักตายล่ะKeyofheart : กดรับเพื่อนหน่อยผมกดสติ๊กเกอร์เครื่องหมายคำถามส่งไป ครู่หนึ่งก็ขึ้นข้อความว่าอ่านแล้วก่อนที่เสียงไลน์จะดังขึ้นอีกKeyofheart : รับหน่อยนะ Keyofheart : คุณคุยนาน ผมไม่อยากเสียค่าโทรKeyofheart : คุ๊นนนนน รับเร็ววววหน็อย ไอ้เด็กนี่!ผมปวดหัวจี๊ด รู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาสั่งให้ผมซ้ายหันขวาหัน ช่างไม่ดูตัวเองเสียบ้าง...Keyofheart : ก็ได้ ถ้าไม่ตอบคุณก็ส่งที่อยู่ให้ผมทางนี้ด้วย ผมก็ไม่ได้อยากคุยกั