หนูนั่งหลบสายตาพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกัน
จะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วย
พ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับหนูเลยสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปากแน่น ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างเกร็งๆ
พ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปาก
หนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากเลย “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”
หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปด้วยอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด
“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”
“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”
“วะ... วันนี้ค่ะ”
“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปพักใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี
“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อออกไป เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วย
พ่อรวบช้อนทันที เงยหน้าขึ้นมองหนูด้วยท่าทางอารมณ์ไม่ดีนัก
“อย่างน้อยก็น่าจะเลือกผู้ชายที่ดูดีกว่านี้หน่อยนะ” หนูสะอึก รู้สึกกินข้าวไม่ค่อยลงขึ้นมา “สักทั้งตัว ตัวใหญ่เหมือนควายแบบนั้น ลูกไม่กลัวสักวันมันจะทำร้ายลูกบ้างเหรอ”
หนูเม้มริมฝีปากแน่น จริงๆ ใครจะรู้ว่าหนูโดนบังคับให้ทำความรู้จัก ให้กลายเป็นแฟนเขาไปโดยที่คัดค้านอะไรไม่ได้เลย แถมครั้งแรกที่เจอเขายังขู่เก็ตจนต้องลงจากรถ BTS แถมยังบังคับพาหนูเข้าโรงแรมอีกด้วย
จะบอกพ่อได้ยังไงล่ะ ไม่งั้นหนูก็ต้องโดนตีไปด้วยน่ะสิ ที่ไม่รักนวลสงวนตัว
หนูเองก็รวบช้อนเหมือนกัน เพราะกินไม่ค่อยลงเลย เหลือบตาขึ้นมองพ่ออย่ากล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่จะพูดออกมา “อิ่มแล้วค่ะ”
“ขึ้นไปอาบน้ำ อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัย แล้วก็ไปนอนไป” พ่อพูดตามปกติที่พูดกับหนูทุกวัน เพราะบ้านของเราพ่อเคยเป็นข้าราชการครูมาก่อน และมีพี่ชายเป็นถึงนายกจังหวัด แต่มาเกษียณเพราะพอแม่เสีย พ่อก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานต่ออีก
หนูเสียแม่ไปตั้งแต่อายุสิบขวบ แม่หายออกไปจากบ้าน มารู้อีกทีก็ยืนอยู่หน้ารูปขาวดำของแม่หน้าโลงศพ หนูร้องไห้ แต่ก็ไม่หนักเท่าคุณพ่อ พ่อร้องไห้กลางดึกอยู่เป็นเดือนๆ เลยค่ะ จนทุกวันนี้เริ่มทำงานขายหนังสือที่ร้านหนังสือเจ้าประจำที่พ่อกับแม่เคยไปเดทด้วยกัน
หนูโตมาโดยที่ได้รับความรักจากพ่อ ถึงแม้ว่าท่านจะดุ จะตีบ้างเวลาหนูกลับบ้านดึกเพราะแค่อยากไปเที่ยวกับเพื่อน จะคาดคั้นไม่ให้หนูมีแฟน แต่สุดท้ายที่พ่อทำไป ก็คือพ่อเขารักหนูนั่นเอง
หนูรู้ดีเลยล่ะ เลยพยายามทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอด สอบได้ที่หนึ่ง ได้เกรดสี่ทุกวิชา แม้ว่าเรื่องกีฬาจะแทบไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม
แต่ก็เพราะเกรงใจพ่อที่หาเลี้ยงหนูตัวคนเดียวนั่นล่ะ หนูถึงได้กลัวพ่อขนาดนี้
หนูเข้าไปอาบน้ำ ก่อนที่จะแต่งตัวด้วยชุดนอนกางเกงขายาวสีชมพูอ่อน
นอกหน้าต่างฝนเริ่มลงเม็ดจนเริ่มเป็นเม็ดใหญ่ หนูเหลือบมองตอนที่นั่งทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ พร้อมกับหาข้อสอบเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในโน๊ตบุ้คไปด้วย
นั่งอ่านอยู่สักพัก ฝนเริ่มตกแรงขึ้นจนสาดหน้ากระจกเสียงดัง หนูที่กลัวเสียงฟ้าร้องมาตั้งแต่เด็กจึงคว้าหูฟังมาเปิดเพลงเปียโนคลาสสิคคลอฟังเบาๆ ระหว่างที่นั่งติวการบ้าน เพื่อให้ตัวเองสงบจิตใจลง
จนในจังหวะหนึ่ง
หนูรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเคาะกระจกปึงปังดังลอดเข้ามาในหูฟัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงดังในระดับหนึ่งแน่ๆ หนูเงยหน้าขึ้นไปมองกระจกใสที่มีผ้าม่านสีครีมปิดไว้ ก่อนที่จะเดินไปเปิดมันออกเพื่อดูลาดเลาด้านนอก
“...!!” แต่หนูก็ต้องตกใจผงะถอยหลังหนีแทบไม่ทันเมื่อมีคนกำลังเอาหน้าแนบกระจกแล้วฉีกยิ้มยิงฟันใส่จนเห็นเขี้ยวขาวทั้งสองข้างอยู่อีกฝั่งของบานหน้าต่าง
พะ... พี่ขวด!
“เปิด ให้ หน่อย” เขาพูดไม่มีเสียงตอนที่ใช้นิ้วกลางเคาะบานกระจก หนูสั่นหน้าทันที ร่างสูงเลยเลิกคิ้ว หนูเลยสั่นหน้าอีก
พี่ขวดเบะปาก ก่อนที่เขาจะล้วงค้อนออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เปียกโชก (แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาพกมันมาได้ยังไง) แล้วเงื้อมือจะฟาดค้อนทุบหน้าต่างหนูโดยที่ไม่ปรึกษาก่อน
หนูรีบดันหน้าต่างออกมาทันที เพราะถ้าเขาทุบหน้าต่างหนูแบบนั้น พ่อต้องได้ยินแน่ๆ
“กว่าจะเปิดนะหนู” คำแรกที่เขาทักทายคือคำนี้ตอนที่ทิ้งค้อนลงบนหลังคา (บ้านหนูเป็นบ้านเล็กๆ ชั้นสองห้องหนูจึงไม่มีระเบียงค่ะ) แล้วยื่นหน้าเข้ามา “โคตรหนาวอ่ะ ฝนเสือกตกซ้ำอีก”
“พะ พี่ขึ้นมาได้ยังไงคะ” หนูละล่ำละลั่กพูดเสียงสั่นตอนที่คนตัวสูงโปร่งปีนหน้าต่างแล้วกระโดดโหยงลงพื้นห้องด้วยเสียงที่เบามากเหมือนเคยทำแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้ง
“ปีนขึ้นมา” เขาตอบหน้าตาเฉย หนูอ้าปากค้างทันที “บ้านหนูปีนง่ายดี รั้วก็โคตรเตี้ย ขโมยไม่เข้าบ้างเหรอวะถามจริง”
คนที่น่ากลัวกว่าขโมยก็คือพี่นั่นแหละค่ะ
“พี่ต้องรีบกลับนะคะ พ่อหนูก็อยู่นะ” หนูแทบจะร้องไห้พอพูดคำนั้น ถ้าพ่อรู้ล่ะก็หนูคงโดนตีจนขาลายแน่เลย
“ก็คิดถึงอะ” เขาทำเสียงออดอ้อน ซึ่งดูไม่น่ารักเลยสักนิดพอมาอยู่กับผู้ชายตัวโตแถมยังสักเต็มทั้งสองแขนแบบพี่ขวด เขาคว้าไหล่หนูด้วยมือหนาที่เปียกฝนแล้วกำชับให้เข้ามาชนหน้าอกของเขา
“...!”
“ห่างแค่ชั่วโมงเดียวก็คิดถึงจะตายห่าละ”
“ยะ... อย่าค่ะ หนูเจ็บ” หนูร้องออกมาเบาๆ เมื่อพี่ขวดบีบไหล่หนูแน่นขึ้นอีกจนหัวไหล่ทั้งสองข้างรู้สึกปวดแสบ
“พี่เปียกอ่ะ” เขาแสร้งทำเสียงอ่อย สะบัดศีรษะที่เปียกน้ำแล้วเสยผมที่เป็นทรงสกินเฮดย้อมสีทองสว่างของเขาขึ้นโดยที่ไม่มีผมติดมาสักเส้นเดียว ก่อนที่จะเลิกเสื้อนอนหนูขึ้นด้วยมือหนาข้างเดียว “เช็ดหน้าหน่อย”
“อะ...!” หนูร้องออกมาเมื่อพี่ขวดค้อมตัวลงแล้วรั้งชายเสื้อหนูถลกมาจนเลยขึ้นมาถึงเอวเล็กๆ แล้วเอาชายเสื้อหนูมาเช็ดหน้าตัวเอง
หนูยืนตัวเกร็ง แข็งค้างเมื่อเขาเช็ดเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นช้อนสายตาหยาดเยิ้มนั้นขึ้นมาเป็นจังหวะ หน้าหนูร้อนวูบเมื่อเขาชักชายเสื้อหนูเข้ามาด้วยแรงผู้ชายจนหนูเซเข้าไปใกล้เขาโดยที่รั้งแรงไว้ไม่ทัน
... แก้มของหนูชนเข้าที่ปลายจมูกโด่งของเขาพอดีเลย
“หื้มมมมมม สักฟอดดิ๊” เขาสูดลมหายใจจนเกิดเสียงโดยทำเพียงแค่แตะปลายจมูกลงกับแก้มหนูผ่านๆ หนูกรี๊ดในใจแล้วพยายามดันไหล่แกร่งของเขาให้ออกห่าง แต่พี่ขวดกลับคว้าหมับที่เอวของหนูแล้วบีบแน่นจนหนูแทบกรี๊ดออกเสียงจริงๆ “แก้มหอม เพิ่งอาบน้ำอะดิ”
“พะ... พี่ขวด” หนูกลั้นใจเรียกชื่อเขาเสียงสั่น แบบนี้มันคุกคามกันชัดๆ หนูไม่มีความรู้สึกอื่นใดเลยนอกจากความกลัว “ปล่อยหนูก่อนได้ไหมคะ”
“หวงตัวกับแฟนทำไมจ้ะ” เขาพูดจ้ะจ๋าแล้วใช้ริมฝีปากคาบกระดุมเม็ดเล็กๆ ของหนู แล้วปะ... ปลดมันออกด้วยลิ้น “กินเหล้ามาอะ ค่อนข้างเมา ขอหอมดับเมาหน่อยได้ปะ”
ตรงนั้นมัน...“เฮ้ย” ผมรีบผละออกทันที น้องมนต์ยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นแบบอับอายสุดกู่ ผมที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ถึงกับชี้นกชี้ฟ้า “นี่อะไรอะ”“อะ... ฮึก”“หนูฉี่ราดอ่อ?”น้องมนต์ร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที เธอคงขายหน้าจนหยุดไม่อยู่ ขาเรียวเล็กและขาวจัดสั่นระริก น้องเอามือปิดหน้าอยู่แบบนั้น ในขณะที่ผมจะผละออก วางขาน้องลงทันทีน้องฉี่ราดว่ะ เหมือนกลัวมากจนเผลอเล็ดออกมามันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับผม แต่ออกจะเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกแย่ อาจจะดูเหมือนผู้ชายเหี้ยๆ คนนึงที่คิดแต่เรื่องกามๆ แต่ก็คงเป็นงั้นจริงๆ สงสัยผมรุกหนักเกินไป เด็กมันเลยกลัวจนเป็นแบบนี้รู้สึกละอายใจ แต่เพราะนิสัยเลวๆ ที่ติดเป็นนิสัย ผมทำทีเป็นยิ้มแห้งๆ ออกมา“อะ... ออกไปนะ” น้องไล่ผมด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวสุดขีด “... ไม่เอาแล้ว”“เอาเป็นว่า” ผมเกาคางตัวเอง ท่ามกลางเสียงห่าฝนมันพาลทำให้นึกอะไรไม่ออก จะแก้ต่างอะไรให้ตัวเองงั้นเหรอ? ในเมื่อผมทำลงไปซะขนาดนี้แล้ว“...”“จะเก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้”“...”“ไปก่อนนะคะ” ผมพูดกับน้องมนต์ที่นั่งน้ำตาร่วงเผาะหน้าแดงก่ำอยู่ที่เก้าอี้ ไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั
“กินเหล้ามาอะ ค่อนข้างเมา ขอหอมดับเมาหน่อยได้ปะ”“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพ่อมาเห็น” หนูห้ามเขา ลุกลนจนปากสั่นไปหมด พออยู่ใกล้กันแบบนี้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด หัวใจหนูเต้นแรงมากๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฟังเลยพี่ขวดใช้ลิ้นปลดกระดุมหนูอีกเม็ดจนมันเผยไหปลาร้าของหนู หนูหน้าแดงก่ำ แต่อยู่ในท่าทางที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย พอขยับตัวพี่ขวดก็จะบีบเอวหนูจนรู้สึกเจ็บคนตัวใหญ่กว่าเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น พี่ขวดมองหนูด้วยแววตาหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก เขาใช้มือข้างที่ว่างดันหน้าท้องหนูจนหนูหงายหลังกระแทกลงกับเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ“หนูขาวอมชมพูมาก” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าคลั่งไคล้แบบบอกไม่ถูก “ที่เคยคุยมามีแต่ดำๆ ไม่ขาวจัดแบบนี้เลยว่ะ”“พะ พี่ขวด” หนูเรียกชื่อเขาเสียงสั่นเพื่อเตือนสติเผื่อว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาจากอาการเมามายจนน่ากลัว แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิดพี่ขวดนั่งคุกเข่าตรงระหว่างขาของหนูด้วยท่าทางที่อันตรายมากๆ ดวงตาของเขาฉ่ำปรือ และใบหน้าของเขาก็ประจันหน้าอยู่ตรง ‘นั้น’ พอดี หน้าหนูร้อนจนชาเมื่อเขาเอานิ้วโป้งมาปาดลิ้นสากแล้วเริ่มปลดกระดุมหนูที่เหลือออกด้วยมือแทน
หนูนั่งหลบสายตาพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกันจะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วยพ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับหนูเลยสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปากแน่น ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างเกร็งๆพ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปากหนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากเลย “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปด้วยอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”“วะ... วันนี้ค่ะ”“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปพักใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อออกไป เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วยพ่อรวบช้อนทันที เงยหน
“ถามว่าเข้าใจไหม?” เขาย้ำอีกทีตอนที่เขยิบเอาไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยสักมาชนหน้าอกหนู หนูสะดุ้งโหยงเลย แทบจะร้องไห้ออกมาด้วย“ขะ เข้าใจค่ะ” สุดท้ายก็ลงเอยต้องตอบกลับไปแบบนี้ทั้งที่ในใจไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่ยังไม่ทันที่พี่ขวดจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้พลั่ก!ไม้หวายของพ่อก็พุ่งเข้ากระแทกศีรษะของเขาอย่างแรงจนพี่ขวดที่ไม่ทันตั้งตัวทำรถคว่ำเซเกือบล้มตึงไป หนูที่แทบจะล้มลงไปด้วยเกิดอาการตกใจเลยกรี๊ดออกมา พอๆ กับที่ได้ยินเสียงทุ้มใหญ่พ่อดังก้องอยู่หน้าบ้าน“มึงเป็นใคร ทำไมมากับลูกสาวกู!!”“ไอ้เชี่ย!” พี่ขวดสบถคำหยาบคายออกมาเสียงดังลั่นตอนที่แฮนด์รถกระแทกพื้น เขาขยับรถกลับมาตั้งตรงตามเดิม ในขณะที่หนูที่เผลอดึงชายเสื้อช็อปสีเทาของเขาเอาไว้ต้องรีบชักมือออกอย่างตกใจ เลิ่กลั่กมองไปทางพ่อที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาที หันไปมองร่างสูงข้างหน้าที่กุมศีรษะตัวเองที “โยนมาทำเหี้ยไรวะไอ้แก่!!”หนูอ้าปากค้าง พอๆ กับที่พ่อที่เข้ามาประชิดตัวได้กระชากคอเสื้อของเขามาชิดใบหน้าทันที“... มึงเรียกใครว่าไอ้แก่ฮะ?”[พาร์ท : ตะขวด]ผมเหลือบมองผู้ชายวัยกลางคนเบ้าหน้าดุดันที่กระชากคอเสื้อผมไว้จนตัวแทบลอย รอยตีนกาบนหน้าทำเอ
[พาร์ท : ตะขวด]ผมนั่งดูทีวีในม่านรูดจนง่อยกินไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง น้องมนต์ก็มีสายเรียกเข้า ตอนแรกผมเหลือบตามองว่าเป็นใครเพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหวงขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่น้องมนต์ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อเธอผมก็ยิ้มกริ่มน้องมนต์ที่หน้าซีดเซียวเดินหนีไปคุยกับพ่อที่หน้าประตู น้องคุยเสียงค่อยมาก แต่ได้ยินลางๆ ว่าพ่อมาตามกลับบ้านอะไรทำนองนั้นพอวางสาย เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่ละล่ำละลั่กบอกผมว่า“ถะ... ถ้าไม่กลับบ้านก่อนหกโมงเย็นพ่อจะตีหนูนะคะ”ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้อง เข็มนาฬิกาตีขึ้นที่ 5.30 นาที ก่อนที่จะไหวไหล่ พ่อท่าทางจะดุ แต่คงสู้กูไม่ได้หรอกครับ“เค๊” ผมมันเป็นผู้ชายที่ทั้งเฟี้ยวและว่าง่ายสุดๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”หน้าน้องมนต์เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้น“มะ ไม่ได้นะคะ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องตีหนูแน่ๆ”“กลัวไรอ่ะ เดี๋ยวให้พ่อเธอตีพี่แทนก็ได้” พูดไปงั้น ลองตีผมดิผมจะสวนให้ แก่ๆ ก็ไม่เว้นหรอก “บ้วนปากแปป”“... พี่คะ” คนตัวเล็กน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาตอนที่ผมเดินผ่านตัวเธอจะเข้าไปบ้วนปากถ่มน้ำลายทิ้งในห้องน้ำโรงแรม “ขอร้องนะคะ อย่าไปส่งหนูเลยนะ”ผมเลิกคิ้ว อะไรที่ทำให้น้อ
“แต่งงานกับพี่ดีไหม” อีกฝ่ายเบิกตาโตเมื่อกูพูดออกมาโต้งๆ “พอดีพี่ชอบหนูมาก เห็นครั้งแรกก็แบบตกหลุมรักเลยอะ แบบรอได้ ถ้าจะได้สปาร์คจอยด้วย”“...”“ถือว่าวันนี้เราเข้าม่านรูดด้วยกัน เป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมทึกทักเอาเอง เพราะผมชอบแล้วผมต้องได้อะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ผมยังซิงแถมไร้เดียงสารู้จักแค่โลกต่อยตี เลยไม่รู้ว่าควรต้องจีบผู้หญิงยังไง “ฝากไปบอกแม่ด้วย”“...!!”ก็ผมสปาร์คกับน้องตั้งแต่แรกพบอะ แล้วผมก็ต้องได้น้องมาเป็นแฟนด้วย[จบพาร์ท : ตะขวด]หนูนั่งกำมือที่สั่นเทาอยู่บนหน้าตัก ระหว่างที่พี่ขวดคนนั้นเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำโรงแรมอาจจะดูไม่ฉลาดเลยที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วปล่อยหนูอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่หนูกลับไม่กล้าที่จะลุกเดินออกไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ละ... แล้วจะลุกไปได้ยังไงล่ะคะก็พี่ขวดเขาเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้นี่“ไม่มาอาบด้วยกันจริงดิ” เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้องน้ำในนาทีนั้น หนูสะดุ้งโหยง พาให้ขนลุกซู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สบู่ที่นี่หอมสลัด แถมมีน้ำอุ่นด้วยนะ”“มะ ไม่ค่ะ” เสียงหนูค่อยมากจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“*วยพี่แข็งด้วย มาช่วยหน่อยดิ”“มะ... ไม่ค่