เข้าสู่ระบบ"ใครที่ติดเชื้อถือเป็นเลือดไม่บริสุทธิ์ ใช้ไม่ได้! หวังว่าทุกคนคงเข้าใจ!"
แพรวแผดเสียงดังขึงขัง เธอลดปืน 9 มม.กร็อก18 เก็บเข้าที่ซองเก็บด้านหลัง พลันผายมือบอกให้ทุกคนขึ้นรถ
.
เชื่อไหมว่าไม่มีใครกล้าหือกับเธอสักคน ทุกคนนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตาเก็บของทำตามคำสั่ง การที่มีเด็กท้ายรถคนหนึ่งติดเชื้อนั่นหมายความว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป อาจจะต้องหิวข้าวหิวน้ำกันอีกหลายวัน แต่ก็ช่วยไม่ได้! ทุกคนต่างรีบเคี้ยวแคปซูลที่ได้รับแจกมากันตุ้ย ๆ ก้นหน้าก้มตากลับมาทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิม
.
"มันไม่โหดไปหน่อยเหรอคะน้องแพรวพี่ว่า.. บางที.. ขวัญกำลังใจของ.ง.ง"
.
"ไม่หรอกค่ะหนูเข้าใจว่าพี่เป็นพยาบาล พี่เคยอยู่ในที่ ๆ เต็มไปด้วยพลังบวก มีแต่คนใจดีอยู่รอบตัวเต็มไปหมด พี่ไม่เหมือนหนูโลกแบบนั้นไม่มีอีกแล้วพี่ ให้ความสวยอยู่บนใบหน้าหนูก็พอ พี่ไม่ต้องโลกสวยหรอกมันเปล่าประโยชน์!"
.
กดปุ่มที่หลังหูดัง "กริ๊ก" โดยฉับพลัน! หน้ากากครอบแก้วอันเดิมตวัดขึ้นมาครอบหน้า พร้อมกับการทำงานของใบพัดฟอกอากาศ ~~ฟู่...ฟู่..~~
.
"แต่น้องแพรวคะ!?"
.
"ไม่ค่ะพี่! ใส่หน้ากากซะแล้วไปขึ้นรถ! ต่อไปนี้พี่ต้องคุมรถคันหลังสุดให้ดี ในกรงนั่นไม่ใช่เด็ก ๆ พวกเขาคือสินค้า พลาสม่าในเลือดอันบริสุทธิ์คือยารักษาเชื้อ Covid - 19 ที่ประเมินค่าไม่ได้ ได้โปรดจำเอาไว้ด้วย! อย่าให้เลือดบริสุทธิ์ปนเปื้อนอีกเป็นอันขาด เด็กเหล่านั้นคือทางรอดเดียวของพวกเรา"
"ส่วนเรื่องอาหารการกิน , ที่อยู่อาศัย , การคุ้มกันความปลอดภัย หนูกับทีมส่วนหน้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง พี่ไม่ต้องห่วงแค่ทำหน้าที่ของพี่ให้ดีที่สุดก็พอโอเคนะคะ!"
.
"อะ..อืม..ค่ะ"
พยาบาลสาวตอบกลับเสียงอ่อย แม้ไม่อยู่ในชุดเครื่องแบบแต่สีหน้าท่าทางของเธอ ก็ยังคงเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตาธรรมอยู่ดี
.
เธอเดินอ้อมไปอีกฟากเพื่อเช็คประตูลูกกรง ก่อนจะเปิดประตูรถด้านข้างคนขับขึ้นไปนั่ง ส่วนแพรว อิสรานั้นอ้อมไปอีกฝั่ง เธอชะโงกหน้าขึ้นไปคุยกับพี่โชว์เฟอร์คนขับ ที่บัดนี้ก็คาดหน้ากากครอบแก้วแบบเดียวกับเธอไว้แล้ว เสียงปั่นของใบพัดสองอันดังจนคุยกันไม่ได้ยินนัก แต่ถึงกระนั้นแพรวก็แค่ยื่นมือมาเคาะที่จอตรงคอนโซลหน้ารถสองสามที พลางทำมือชี้ไปข้างหน้าเท่านี้ก็เป็นอันรู้กัน
.
"รับทราบครับคุณแพรว.. แผนที่กับพิกัดเป้าหมายต่อไปจะส่งมาทางจอนี้ใช่ไหมครับ?"
.
"(ค่ะ^^)"
เธอตอบด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนไว้ใต้หน้ากาก ก่อนจะกระโดดลงจากประตูรถออฟโรดโหลดสูง แล้ววิ่งย้อนกลับไปยังรถคันแรกเพื่อสั่งการบังคับบัญชาไปสู่ที่หมายต่อไป
.
ที่ ๆ เธอเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ รู้แต่ว่าเป็นที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับทุกคน เพราะมีตัวเลขของการแพร่กระจายสะสมน้อยที่สุด
.
"ขึ้นเหนือกันพี่! ลองขับขึ้นเหนือดูเมืองหลวงอย่างที่นี่ ไม่เหลืออะไรให้เราแสวงโชคอีกแล้ว!"
.
.
"บรื้นนนนน!!!! ๆ ๆ ! , บรื้นนนนนน!!! ๆ ๆ ! , ปี้น ๆ ๆ !"
.
.
ล้อรถหมุนบดพื้นถนนสอดคล้องกับเข็มบนหน้าปัดนาฬิกาที่หมุนกลับทิศ ย้อนเล่าเหตุการณ์ถอยหลังกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ปี 2019 ปีที่ไวรัสโคโรน่าส่งผลรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามของคนทั้งโลก
.
ณ หอพักนักศึกษาในย่านกลางเมืองอันแสนสงบ ขอสงวนชื่อเอาไว้แต่อยากให้รู้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ สถาบันแห่งนี้ผ่านมาแล้วทั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง , สงครามกลางเมือง 14 ตุลา 2516 , หรือแม้กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ประวัติศาสตร์อันโหดร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าถาโถมเข้าใส่อัครสถานแห่งการศึกษาแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนแปลกประหลาดเท่าครั้งนี้มาก่อน มหาลัยต้องปิดการเรียนการสอนทั้งหมด หอพักนักเรียนต้องขับไล่ผู้คนออกจากโรงนอน เพียงเพราะเชื้อไวรัสร้ายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
.
โรคระบาด! แต่ทว่าก็ยังมีพวกขี้กากที่อาศัยอยู่ในหอต่อไปโดยไม่แคร์คำสั่งจากเบื้องบน เขาคนนั้นคือ "เปรม" ชื่อจริงคือ "เปรมนัศ" ที่ไม่ใช่ "ธรรมนัส" ผู้โด่งดังจากการค้าแป้งบนเวทีการเมือง เปรมลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่งที่เพื่อน ๆ คนอื่นต่างพากันขนข้าวของย้ายออกไปกันหมด ความหล่อของเขาเรียกได้ว่าทรมานกระจกทุกบาน แต่ก็สายเกินต้านเมื่อหอรวมแห่งนี้ไม่มีสาว ๆ เหลืออยู่เลยสักคน ทุกอย่างโล่งเตียนเงียบเหงาจนหอพักที่ใหญ่ที่สุดในย่านมีสภาพไม่ต่างจากอพาร์ทเมนต์ผีสิง
.
น้ำสะอาดกระซ่านเซ็นเต็มใบหน้าพอชำระล้างหน้าตาเสร็จ เปรมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาหยิบสมาร์ทโฟนของตนเองขึ้นมาเช็ควันเวลาบนหน้าจอ แต่ทว่าสิ่งที่เห็นกลับกลายเป็นเบอร์โทรศัพท์ของสาวเจ้านางหนึ่งซึ่งเป็นคนที่เขาแอบรัก
.
"เฮ้อ.. เราจะตายก่อนรึเปล่านะ?"
"ไอ้เปรมเอ๊ย! แค่บอกรักผู้หญิงคนเดียวยังไม่กล้า อุตส่าห์อยู่หอนี้มานานจนได้เป็นถึงประธานหอแล้วแท้ๆ ดันไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง"
"เวรเอ๊ย! เกลียดตัวเองชะมัด!"
พูดเสร็จก็คว่ำหน้าจอสมาร์ทโฟลงบนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกทีชำระล้างร่างกายให้สะอาดสดชื่น
.
เสร็จแล้วจึงเดินออกมาใหม่พร้อมกับทรงผมทรงเก่งและเสื้อกราวน์สีขาวสุดเนี๊ยบ
.
ใช่แล้ว! เปรมคือนักศึกษาคณะเภสัชชั้นปีที่ 3 เขาอาจจะต้องใช้เวลาเรียนอีกหลายปีกว่าจะจบ แต่บารมีกับภาษีสังคมที่ได้รับมานั้นก็ถือว่าใช่ย่อย ความหล่อยืนหนึ่งบุคลิกภูมิฐานสะอาดสะอ้านตามมาเป็นอันดับสอง ซึ่งแค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้พี่น้องชาวหอทั้งหลายยกเปรมให้เป็นประธานโดยไม่ต้องเลือกตั้ง น้ำเสียงที่สุภาพ , ท่วงท่าที่อ่อนน้อม , ดูผ่าน ๆ บุคลิกของเขาช่างคล้ายคลึงกับคุณหมอทวีศิลป์ โฆษกสาธารณสุขที่แถลงข่าว covid- 19 ให้พวกเราฟังอยู่ทุกวันเหลือเกิน ต่างกันแค่เป็นเวอร์ชั่นย้อนยุคและยังหนุ่มยังแน่น
.
เปรมเดินออกมาจากหอพักลัดเลาะไปตามขอบฟุตบาท ใช้เวลาอยู่ร่วม 5 นาทีในที่สุดก็มาถึงร้านขายยาอันเป็นเป้าหมาย ร้านแห่งนี้เป็นร้านของคุณน้าของเขา และด้วยความที่มหาลัยไม่มีการเรียนการสอนเปรมก็เลยต้องมาหาอะไรทำที่นี่ไปพลางก่อน
.
ด้วยความรู้ความสามารถที่มีถึงจะยังเรียนไม่จบ แต่ถ้าเป็นเพียงยาสามัญประจำบ้านแล้วล่ะก็คงมิใช่ปัญหา เขาสามารถแนะนำและจัดยาให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างสบาย ๆ
.
ครืดดดดด! , ครืดดดดดดด!
เสียงประตูเหล็กหน้าร้านเปิดสูงขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ภายใน
.
"เอ้าเปรม! มาแล้วเหรอลูก! มาเร็วจัง!"
.
"ครับน้า! บอกเลยนะครับว่าวันนี้จะให้ผมทำอะไร คิดซะว่าผมเป็นเด็กฝึกงานคนหนึ่ง"
.
น้าสาวพยักหน้าเอ็นดูในความตั้งใจของหลาน เพราะงั้นถึงสั่งให้เปรมเอาโต๊ะพับไปกางที่หน้าร้าน "พวกเราจะทำการแจกหน้ากากอนามัยกัน" แกว่าอย่างงั้น ไอเท็มโคตรแรล์ของที่หายากยิ่งกว่าทองคำในยุคสมัยที่พ่อค้าคนกลางพากันกักตุนและฟันกำไรมหาศาล ทว่ากับร้านขายยาแห่งนี้ ญาติสนิทมิตรสหายของเปรมกำลังจะทำการแจกจ่ายมันฟรี ๆ ให้แก่ใครก็ได้ที่เดินผ่านไปผ่านมา
.
"ช่วยในแบบที่เราช่วยได้.. ถ้าน้าทำกับข้าวอร่อยป่านนี้น้าทำกับข้าวแจกทุกคนไปแล้ว"
น้าสาวยิ้มกว้างใจดีตามสไตล์ แล้วก็คงเป็นเพราะแบบนี้ละมั้งเปรมจึงมีนิสัยหล่อ ๆ เหมือนกับหน้าตาของเขาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
.
ใช้เวลาตระเตรียมแบกลังหน้ากากมากองสุม ทำป้ายประชาสัมพันธ์อยู่อีกหน่อยนึงไม่นานก็แล้วเสร็จ ปรากฏว่ามีคนมาเข้าคิวรับหน้ากากแจกเป็นระยะ แล้วก็มีคุณป้าคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาขอคำแนะนำจากเปรมผู้ซึ่งแต่งตัวดูเหมือนหมอที่สุดในกลุ่ม แกถามเขาว่า
.
"มันเหมือน "โบโลน่า" ที่ใส่แซนวิซไหมลูก ไอ้ไวรัส "โคโรน่า" อะไรเนี่ยะ?"
.
เปรมทำหน้างง แม้แต่เจ้าของร้านกับลูกน้องคนอื่น ๆ ก็งงตามไปด้วย
.
"ไม่เหมือนหรอกครับป้า.. ป้าใส่แมสไว้ตลอดนะครับ.. ถ้าไม่อยากตาย!"
เขาตอบห้วน ๆ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาไปทั่วบริเวณ
.
.
กว่าจะแจกของเสร็จช่วงเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ตอนเย็นซะแล้ว หนุ่มหล่อลุคคุณหมอจึงเลือกที่จะเข้ามาเดินเล่นในมหาลัย ที่นี่เงียบเหงามากจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าสถานการณ์ยืดยาวต่อไปผู้คนจะมีชีวิตอยู่กันยังไง? ความดีที่ทำไปจะมีประโยชน์อะไร? เขาคิดย้อนถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิด ความพลั้งพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำกับเธอคนนั้นให้เสียใจจนยากจะให้อภัยตัวเอง..
.
ลมโชยโบยแก้มก่อนจะมาหยุดฝีเท้าเอาตรงหน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า "Gutuso cafe" มันเคยเป็นที่ ๆ เขากับเธอชอบมานั่งด้วยกันเป็นประจำ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนผันไปหมดแล้ว
.
รูดม่านปิดบัง! , กันสาดถูกพับ! , ดอกไม้ในกระถางแห้งตาย! , ต้นไม้เหี่ยวเฉา! , ชานระเบียงที่ยื่นออกมาเต็มไปด้วยขี้ฝุ่น!
.
"เปรี๊ยะ!!!"
.
แล้วจู่ ๆ โสตประสาทก็รับรู้ได้ถึงเสียงฝ่ามือที่กระทบใบหน้า! ความเจ็บแปร๊บนี้แลบขึ้นมาจากห้วงแห่งความทรงจำของเปรม
.
"เธอทำแบบนี้กับเราได้ไง?!"
"ไม่คิดอะไร..? , แล้วใจที่มันให้ไปแล้วล่ะวะ..? , ใครจะรับผิดชอบ!"
.
แพรว อิสรา ในชุดนักศึกษาตะโกนขึ้นกลางร้าน เธอปรี่เข้ามาประชิดตัวแล้วทุบตีเปรมด้วยสันกำปั้นอันแผ่วเบา ทุบ ๆ ๆ ! ตี ๆ ๆ ! ยิ่งตีน้ำตาก็ยิ่งไหล ฝั่งเปรมเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดเธอไว้ เขาปล่อยให้เธอทำต่อไปทำทุกอย่างตราบเท่าที่เธอสบายใจตามแต่ใจต้องการ
.
"เราขอโทษ..~"
เขาพูด จำนวนคนในร้านอาจจะบางตาทว่าหน้ากากที่ใส่แล้วเห็นแต่ลูกตาก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขากำลังตกเป็นเป้าสนใจ
.
กระทั่งตัวเขาต้องดึงสติกลับออกมาสู่โลกปัจจุบัน! เปรมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เคลื่อนตัวแช่มช้าคล้ายจะหยุดนิ่ง สีเหลืองอมส้มแดงเรื่อของมันถูกฉาบทับด้วยม่านควันจากฝุ่นละออง PM 3.0 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก.. หายใจก็ไม่ออก.. เจ้าตัวยังคิดอยู่เลยว่าตัวเองผ่านเรื่องแบบนั้นมาได้ยังไง
.
.
เขายังคงหวนคิดถึงมันอยู่เรื่อย ๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ที่หน้าร้านกาแฟร้านเก่ง บรรยากาศเดิม ๆ ครื้นเครง ต่างกันแค่หนนี้ไม่มีใครเห็นเลย (มันมีแต่ความเงียบเหงา)
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ
"ซึบ!!!".เสียบ ๆ ๆ ! กระซวก ๆ ๆ ! ย้ำแผลเดิมอีกราวสิบกว่าครั้ง ทำให้ร่างเปลือยของชายที่แน่นิ่งอยู่แล้วกลายเป็นเหมือนหมูที่อยู่บนเขียง กงเล็บของมิวท์ถูกดึงขึ้นมา ความแหลมเฟี้ยวดังกล่าวถูกฉาบเคลือบไว้ด้วยลิ่มเลือดที่หยดติ๋ง ๆ ไหลซึมลงมาถึงข้อศอก.แววตาแดงก่ำไม่เห็นแม้แต่ลูกตาดำ ขนาดฟันเขี้ยวด้านหน้ายังยื่นแหลมงุ้มออกมาพ้นมุมปาก ไม่มีทางเลยที่มิวท์ตัวจริงจะต่อต้านตัวตนใหม่เฉกเช่นปีศาจนี้ได้ มันบังคับร่างกายเธอให้เคลื่อนไหวไปไหนต่อไหนตามอำเภอใจ และครั้งนี้ก็คงจะหิวถึงได้เริ่มคอนโทรลมืออีกข้างของมิวท์ให้ควักลงไปในปากแผล พลันดึงเอาเครื่องในอวัยวะสด ๆ ออกมาจากลำตัว."ควัก!!!""หมึบบบ! , หมับบบ!!!".ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ไม่ถามดินถามฟ้า พอได้ออกมาก็จับยัดเข้าปากแล้วก็เคี้ยวตุ้ย ๆ แทบจะทันที ซึ่งนั่นก็คือภาพสุดท้ายที่มิวท์หวนคิดถึง....ตัดภาพกลับมา ณ เหตุการณ์ปัจจุบันในเฮลิคอปเตอร์.หญิงสาวลุคคุณหนูกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว เธออยู่ในอาภรณ์มิดชิด ปากยังคงเคี้ยวเอื้องเอาเศษอวัยวะของพี่พลขับลงคอไปเป็นอาหาร.. อึก.. อึก...ตอกย้ำว่ามิวท์รู้ทุกอย่างว่าที่ผ่านมานั้นคืออะไร เธอถูกเชื้อโค
เหงื่อนองท่วมร่างกาย กะบังลมเคลื่อนตัวเทียวหดเทียวขยายหอบแฮ่ก ๆ กันทั้งสองคน ลำควยยังคงปักเสียบอยู่ในหี เวลาผ่านไปร่วมหนึ่งนาทีเมือกคาวสีขาวขุ่นอันเกิดจากน้ำเชื้อแห่งการผสมพันธุ์ ก็ซึมทะลักออกมาตามช่องว่างระหว่างอวัยวะเพศ."แหมะ! , แหมะ!".มันหลากล้นออกมาเปื้อนพุ่มไหมดงแมกไม้ของพี่พลขับเต็มไปหมด แต่ครานั้นนวลนางผู้คร่อมร่างอยู่ข้างบนก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติง มิวท์นิ่งราวกับโดนถอดปลั๊ก! เธอยังคงชูแขนพับข้อศอกอยู่ในท่ามัดผม พลันหลับตากัดริมฝีปากแล้วก็ค้างเติ่งอยู่เช่นนั้น จนพี่เขาชักจะประหลาดใจ."นี่คุณเล่นมุกอะไรของคุณเนี่ยะคุณมิวท์?""แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ "เขาลองตวาดถามดูอีกครั้งถามแม่งทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่หายเหนื่อย และการหอบหายใจสั่นรัวดังกล่าวก็ทำเอาร่างบางที่คร่อมอยู่มูฟตัวเองโยกโยนตามไปด้วย."แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ หนอยแน่! ดีล่ะ! ถ้าจะเล่นแบบนี้ล่ะก็..""ผมก็จะง้างปากคุณด้วยแท่งควยของผมเอง..""ให้มันรู้ไปสิว่าคุณจะนิ่งต่อไปได้ ถ้าโดนควยกระทุ้ง!"."แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ ""ฮึบ!!!"."สวบ! , สวบ! , สวบ! , สวบ! , สวบ! , สวบ!".กัดฟันรวบรวมพลังทั้งหมดส่งจากปลายตีนขึ้นมาถึงบั้นเด้า พี่เขาเอาจริงไม่






