หน้ากากผ้าถูกสวมคลุมกระชับ บางคนถึงกับควักเอาหน้ากากกันแก๊สขึ้นมาครอบทั้งหน้าเอาไว้ สถานการณ์ดูโกลาหลหนัก ทุกส่วนสัดวุ่นวายจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เหล่ารปภ.ต่างกรูกันเข้ามารุมทึ้งร่างอันไร้วิญาณของลุงคนสวน พวกเขาเปลี่ยนคฤหาสน์ส่วนหน้าให้เป็นดั่งตลาดสดที่คนออกันเต็มพื้นที่
.
การสิ้นชีพของลุงเป็นดั่งหลักฐานสำคัญว่าต่อให้เคหะสถานหรูแค่ไหนเชื้อมันก็ไม่เว้น ทุกคนในบ้าน AP กำลังไม่ปลอดภัย และทางที่ดีก็ควรจะรีบย้ายศพออกไปทำลายทิ้ง แล้วก็ปิดข่าวให้เงียบที่สุด
.
พีวิเคราะห์
.
เขายังคงนั่งยองกุมมือแพรวเอาไว้แน่น ความตื่นเต้นทำเอาเจ้าตัวสั่นไปหมด แม้จะอยู่ในร่างชายแต่จิตใจหาได้กล้าหาญสมดั่งสรีระไม่ เหงื่อเปียกชุ่มมือ มีจังหวะหนึ่งแพรวคิดจะชะเง้อคอส่องเข้าไปดูข้างในเขาก็ยังรั้งเธอเอาไว้
.
"อีพี! มึงเป็นบ้าอะไร? กูแค่จะชะเง้อดูเฉย ๆ นิดเดียวเอง!"
ไม่แปลกที่แพรวจะโกรธเพราะเธอโดนเบรคมาหลายทีแล้ว
.
"ชู่ววว~!"
.
ร่างหนารีบจี่ปากสั่งให้เงียบ เนื่องด้วยเสี้ยววินาทีต่อมานั้นบรรดารปภ.ที่รายล้อมศพอยู่ก็เริ่มออกอาการชักเกร็ง พวกเขาทยอยคุกเข่าลงกับพื้นทีละคนสองคน บางคนกุมมือไว้ที่หน้าอกแล้วก็เริ่มไอค๊อก ๆ แค๊ก ๆ ณ ตอนนี้หน้ากากผ้าดูจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว พีกับแพรวเห็นเต็มตาว่าสายรัดนั้นเริ่มละลาย บริเวณที่เป็นแผ่นกรองก็ถึงกับย้วยหยดหลอมลงมาเป็นเมือก
.
"แหมะ!"
.
หน้ากากกันแก๊สเองก็เช่นกัน แผ่นกระจกกั้นขึ้นฝ้ามองไม่เห็น อุณหภูมิภายในน่าจะสูงสุดมันถึงได้ร้าวแล้วก็ปริแตกออกจากกันเสียงดังเพล๊ง! ยามแต่ละคนดิ้นพล่านราวกับตกนรก ลำตัวพวกเขาหงิกงอพับยู่พลันสิ้นใจตายด้วยทุกขเวทนาสังขาร 10 ศพแน่นิ่งอิงชิดติดกับศพลุง
.
"อ๊ะ!"
"อะ..อะไรกันเนี่ยะ?"
แพรวปิดปากแผดเสียงกรี๊ดในลำคอ ก่อนจะหลุบสายตาหันมามองใบหน้าพีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
.
"มันชัดยิ่งกว่าชัดอีกมึง มิวท์ติดเชื้อและพวกเราไม่ควรอยู่ที่นี่"
"ต้องรีบไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ให้เร็วที่สุด! , ไป! , ไปเดี๋ยวนี้เลย!"
.
กระเทยควายตะคอกใส่ หมดความจำเป็นที่ทั้งสองจะกระซิบกระซาบกันอีกต่อไป เพราะต่อให้เสียงดังยังไงก็ไม่เหลือยามหน้าไหนมาล็อคตัวอยู่ดี แพรวเห็นด้วยกับสิ่งที่พีพูดทุกอย่างเธอประเมินสถานการณ์เข้ากับข่าวที่เพิ่งดูมา เลยพอจะอนุมานได้ว่ามิวท์น่าจะติดเชื้อจากอสุจิ ดูจากพฤติกรรมการคุกเข่าอมนกเขาให้คนสวนแล้ว แค่นี้เพื่อนลุคคุณหนูก็ไม่ใช่คนเดิมที่แพรวเคยรู้จักอีกต่อไป
.
วาดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์โดยพลัน ภาพสุดท้ายก่อนยวดยานพาหนะจะลับทิวรั้วไป เธอมองเห็นภาพมิวท์ตอนกำลังคุกเข่าถ่างปากอ้าซ่าโม้คดุ้นให้พี่เปรม แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง
.
"หืม?"
"ใจเย็นแพรว มึงรอดแน่มึงไม่ต้องร้องหรอกกูเปียกหลัง"
.
"ฮึ.. ฮือ.. ฮือ.. ฮือ.."
"ใครบอกกูร้อง กูไม่ได้ร้องสักหน่อย.. ฮือ.. ฮือ.. ฮือ.."
.
.
การตายรายวันยังคงมีต่อเนื่อง เชื้อไวรัสร้ายแพร่กระจายขึ้นสู่อากาศต้านทานแรงโน้มถ่วงทำให้ลอยค้างอยู่ได้นานถึง 3 วัน 3 คืนโดยไม่ตกกระทบสิ่งใด ทำให้มันแพร่ระบาดไปได้ไกลโดยไม่ต้องใช้วีซ่า มันกระจายลงสู่แหล่งน้ำแทรกซึมลงไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นน้ำประปา , แม้น้ำลำคลอง , ท่อระบายน้ำอันโสโครก , หรือแม้กระทั่งท้องทะเลมันก็แพร่ลงไปถึง ไวรัสไม่ได้มีเหงือกไว้หายใจแต่มันก็ไม่ตายแม้จะอยู่ในน้ำที่มีออกซิเจนน้อยเต็มที
.
ผลพวงจากการระบาดนี้ทำให้หน้ากากครอบแก้วติดใบพัดของบริษัท AP ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า รูปลักษณ์ของเจ้านี่คงไม่ต้องอธิบายซ้ำ แพรวใช้มันจนคล่องแถมคนอื่น ๆ ก็ขาดมันไม่ได้เช่นกัน บริษัท AP ตักตวงจากนวัตกรรมชนิดนี้จนได้รับเม็ดเงินไปมหาศาล พวกเขาขายหน้ากากรุ่นใหม่ตัดราคาหน้ากากอนามัยของรัฐบาล แถมยังส่งออกไปต่างประเทศอีกตั้งหลายคอนเทนเนอร์
.
ยังมีเรื่องของน้ำดื่ม ด้วยความที่ตัวเชื้อแพร่กระจายลงสู่แหล่งน้ำอุปโภคบริโภค ประชาชนจึงจำเป็นจะต้องกดน้ำจากตู้กรองของบริษัท AP เพียงอย่างเดียว มันถูกเรียกว่าตู้อัลตร้าเพราะใช้ระบบแสงอัลตร้าไวโอเลตในการทรานซิสชั่นน้ำให้กลายเป็นไอ ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกก็เหมือนตู้กดน้ำหยอดเหรียญธรรมดาทั่วไปนี่แหละ มันถูกติดตั้งกระจายไปตามแหล่งชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ แล้วก็มีช่องหยอดเหรียญที่รองรับแค่เหรียญ 10 เพียงอย่างเดียว มิหนำซ้ำยังต้องหยอดถึง 8 เหรียญต่อน้ำเพียง 1 ขวด โอ้แม้เจ้า! โปรดจินตนาการเอาเถอะว่าบริษัท AP จะร่ำรวยขนาดไหน
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าท่ามกลางความวิกฤตเช่นนี้ คนเดียวในประเทศที่ยังคงเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ก็คือมหาเศรษฐีจากบริษัท AP นี่เอง มิวท์กับครอบครัวกำลังมั่งคั่งขึ้นเป็นเท่าทวี ซึ่งนี่แหละคือความจริงที่มิอาจปฏิเสธ
.
.
"วี้หว่อ! , วี้หว่อ! , วี้หว่อ! , วี้หว่อ!"
.
เสียงหวอรถตำรวจดังแข่งกับรถพยาบาล สถานการณ์อันตึงเครียดทำให้บุคลากรต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ ทว่าระยะหลังมานี้ปริมาณเกินกว่าครึ่งดันกลายเป็นเสียงหวอสัญญาณของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแทน
.
นั่นก็เพราะชาวต่างชาติทุกคนที่ลงเครื่องมาล้วนต้องถูกกักตัวทั้งหมด พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้หากไม่ได้รับการกักกันโรคจนครบระยะเวลาฟักตัวที่ 14 วัน "State Quarantine" คือชื่อเรียกปฏิบัติการ โดยจะทำการคัดสรรโรงแรมต่าง ๆ ที่สะอาดสะอ้านและมีศักยภาพพอเพื่อนำมาใช้เป็นที่กักกัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีโรงแรมไหนเข้าเกณฑ์เลยสักแห่งนอกเสียจากโรงแรมในเครือ AP ที่มีนวัตกรรมฆ่าเชื้อแบบอัลตร้าลักษณะเดียวกับที่ใช้ในตู้กดน้ำ
.
ความชาญฉลาดของพวกเขากลายเป็นการผูกขาดแบบกลาย ๆ เหมือนเป็นการมัดมือชกให้ภาครัฐไม่มีทางเลือกจนต้องยอมจ่ายเพื่อให้มาตรการนี้ดำเนินต่อไป นี่แหละคือธุรกิจเพราะถ้าลองนับดูแล้วตั้งแต่เหนือจรดใต้โรงแรมของบริษัท AP มีมากถึงพันกว่าแห่ง ชนิดที่ต่อให้ไม่มีโรคระบาดเฮงซวยนี่แค่ค่าเปิดห้องให้คนเข้าไปขี้ AP ก็นับเงินแต่ละปีไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
.
ก็เลยไม่แปลกใจที่พอเวลาผ่านไปสักพัก กระแสความไม่พอใจของสังคมจะปะทุขึ้นมา!
.
รถตำรวจตม.วิ่งจับฝรั่งต่างชาติ รถพยาบาลวิ่งขนส่งผู้ป่วยที่ติดเชื้อ แล้วรถตำรวจล่ะคิดว่าวิ่งกันทำไม? คำถามนี้คนที่น่าจะตอบเราได้ดีที่สุดเห็นจะเป็นแพรว เพราะตอนนี้เธอแทบจะอยู่ใจกลางกลุ่มผู้ชุมนุมเลย
.
"ออกไป! , ออกไป! , ออกไป! , ออกไป! , ออกไป! , ออกไป!"
"AP จงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ!"
เป็นสโลแกนที่แกนนำตะโกนใส่โทรโข่ง เพื่อเชื้อเชิญให้ม็อบพูดตามจะได้ปลุกพลังให้ฮึกเหิม
.
แน่นอนว่าแพรวเองก็ใส่สุดเสียง เธอชูกำปั้นขึ้นฟ้าขย่มโครม ๆ ไปตามจังหวะ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าสิ่งที่บริษัท AP ทำนั้นไม่ถูกต้อง พวกเขาควรจะอยู่ข้างประชาชนที่ลำบากไม่ใช่มาขูดเลือดขูดเนื้อกันในยามวิกฤตเช่นนี้
.
"ไอ้ขี้ตู่! , ไอ้ขี้ตู่! , ไอ้ขี้ตู่!"
เธอตะโกนเสริม ด้วยความหมั่นไส้ AP ที่ตอแหลมานานแสนนาน ผนวกรวมกับการโกรธมิวท์ด้วยก็ส่วนหนึ่ง
.
บ้านเมืองกำลังเกิดกลียุค สถานการณ์บานปลายจนขยายวงกว้าง ทุกอย่างกำลังจะเอาไม่อยู่ กระแสธารแห่งความไม่พอใจถาโถมหนักขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดันในทุก ๆ มิติ เพราะถ้าไม่ง้อนวัตกรรมของบริษัทหน้าเลือดนี่ชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็จะเป็นอันตราย บุคลากรที่เก่งที่สุดในประเทศล้วนสังกัดอยู่ใน AP พวกเขามีโรงพยาบาลเอกชนที่เจ๋งที่สุดในโลก พวกเขามีโรงแรมที่ฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตร้าเทคโนโลยีระดับสูง มิหนำซ้ำยังมีทีมวิศวกรที่ควบคุมอุปกรณ์ไฮเทคทุกชนิดในประเทศนี้ได้ โดยใช้เพียงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อบเพียงแค่เครื่องเดียว
.
เรียกได้ว่าภาครัฐไม่มีแต้มต่อใด ๆ เลยมีแต่ตายกับตาย แต่ก็ถือว่ายังพอมีโชคอยู่บ้างเพราะท้ายที่สุดแล้วประเทศนี้ก็หลุดพ้นจากวิกฤตม็อบมาได้ ด้วยการใช้วิกฤตโรคภัยที่มีอยู่เดิมให้เป็นประโยชน์
.
นั่นก็คือ..
.
จู่ ๆ พื้นถนนก็แตกระแหง รอยแยกฉีกตัวเป็นแนวยาวราวกับสายฟ้าฟาดปักลงไปในเนื้อดิน ท่อแก๊สรั่วพ่นละอองฟูฟ่อง กลุ่มคนแตกกระเจิงต่างคนต่างไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าพลานุภาพของเชื้อไวรัสมรณะสายพันธุ์นรกจะรุนแรงถึงเพียงนี้ คำเตือนที่ว่าให้รักษาระยะห่างจึงไม่ใช่เรื่องตลก เพราะถ้าพวกเขาแออัดยัดเยียดจนเกินไปก็จะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของมัน
.
กลุ่มผู้ประท้วงหลอมละลายดุจไอติมแท่ง เสื้อผ้าพวกเขากลืนหายกลายเป็นน้ำกลั้วไปกับกระดูกที่โดนเชื้อร้ายย่อยสลายจนเละเทะ นับร้อยชีวิตไหลย้อยลงไปในซอกถนนที่แตกระแหง ไม่เหลือแม้แต่ศพ ไม่มีแม้แต่เศษชิ้นส่วนเนื้อ covid สายพันธุ์ใหม่ทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธเคมีใด ๆ ดีแค่ไหนแล้วที่แพรวหนีรอดออกมาได้อย่างเฉียดฉิว
.
ภาพการตายหมู่กับเสียงโหยหวนยังคงก้องอยู่ในหูเธอ หมดกันความเกรี้ยวกราดอยากเรียกร้องที่เตรียมมา แม้แต่ป้ายผ้าป้ายไฟก็ยังไม่ได้ใช้ งานนี้ม็อบเป็นฝ่ายแพ้อย่างราบคาบ "อย่าเก๋ากับธรรมชาติ" น่าจะเป็นคำคมที่เหมาะที่สุดเพราะศัตรูตัวจริงหาใช่บริษัท AP หรือรัฐบาลไม่ หากแต่เป็นเชื้อไวรัสขนาดจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าต่างหาก
.
บทเรียนจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มาตรการต่าง ๆ ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เสียงไซเรนดังระงมไปทั่ว จากแต่ก่อนที่เป็นเสียงหวอของรถตำรวจ , รถพยาบาล , แล้วก็รถตม. ตอนนี้ได้เพิ่มหวอของรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่เข้ามาด้วย พวกมันได้รับคำสั่งให้วิ่งพร่านไปทั่วทั้งเมืองเพื่อสุ่มตรวจผู้คนซึ่งเป็นการตรวจแบบเชิงรุก กล่าวคือหากพบผู้ติดเชื้อเมื่อไหร่ก็จะทำการจับกุมและนำตัวมากักกันในทันทีไม่มีข้อยกเว้น
.
.
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึี่งในสังกัดของ AP
.
ในห้องประชุมปลอดเชื้อต่อหน้าฟิล์ม TC แสกนของผู้ป่วย covid รายหนึ่ง คณะแพทย์กำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นการรักษาอย่างเข้มข้น
.
"ตัวอย่างเลือดหมายเลข 001 ให้ผลออกมาเป็นบวก มีความเป็นไปได้ที่เราจะทำการผลิตแอนติบอดี้จากเลือดของเขาครับ"
นายแพทย์คนหนึ่งบอก เขาเดินไปดูใกล้ ๆ ฟิล์มแสกน พลางทอดสายตาลงต่ำมองดูผู้ป่วยที่สลบอยู่บนเตียงผ่านจอมอนิเตอร์ไปด้วย
.
"แต่มันจะเป็นการทรมานผู้ป่วยนะ พวกเขาไม่ใช่ศพยังเป็นคนที่มีลมหายใจ ผมไม่เห็นด้วย! เราควรทดลองกับสัตว์ทดลองก่อนอย่างน้อยก็ไม่ผิดจรรยาบรรณ"
หมออีกคนค้าน
.
"แล้วมันมีเวลาขนาดนั้นไหมล่ะ! คุณก็เห็นว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีหมออย่างเราประเทศนี้ก็ไม่มีทางรอด!"
.
"แต่?"
.
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เราได้ข้อสรุปแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะทำลายตัวเองถ้าใช้แอนติบอดี้ของผู้ป่วยเก่า ถ้าคุณกลัวทำคนตายนักคุณก็แค่ไปหาผู้ป่วยมาสะสมไว้เยอะ ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว"
.
คำพูดจากปากหมอช่างเหมือนหมาซะยิ่งกระไร หลังการถกเถียงอันเผ็ดร้อนก็ได้มีการเซ็นคำสั่งอนุมัติโดยท่านประธานใหญ่ของ AP ข้อมูลผู้ป่วย covid มากมายใน State Quarantine ก็เลยถูกเปิดเผยออกมาหมด นั่นเท่ากับว่าบรรดาผู้ป่วยล้วนต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นหนูทดลองให้พวกหมอ ๆ โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
.
แต่ก็ยังไม่พอเพราะเมื่อความรุนแรงของเชื้อถูกนำมาเป็นข้ออ้างโดยชอบทำ กระดาษคำสั่งแผ่นนั้นจึงเป็นดั่งอาญาสิทธิ์ที่เปิดทางให้รถตรวจเชื้อวิ่งไปที่ไหนก็ได้ เพื่อควานหาคนติดเชื้อเข้ามาเพิ่ม
.
ยานพาหนะสี่ล้อหักเลี้ยวเข้ามาจอดนิ่งอยู่ในซอกตึกแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ในชุดเกราะถือไม้กระบองกระโดดลงจากท้ายรถ พลันกระหน่ำฟาดใส่คนทุกคนที่เดินผ่านมาจนช้ำ พวกเขาพิพากษาคนผ่านปืนวัดอุณหภูมิที่ถือไว้ในมืออีกข้าง ใครมีไข้สูงถือว่ามีความเสี่ยงและจะต้องโดนจับไปตรวจอย่างละเอียดบนรถอีกรอบ หากพบว่าเป็นบวกคือเรียบร้อย! ต้องถูกส่งเข้าสถานกักกันทันที
.
ปากก็อ้างว่ารักษาแต่ความจริงคือการเอาคนไปสกัดเป็นยาเสียมากกว่า นี่เหรอหมอ? นี่เหรอบุคลากรทางการแพทย์ที่ใครต่างก็คาดหวัง
ภายใต้ผนังห้องที่ทึบตันอับทึบแสง แดดจะแยงยังยากลำบาก มิหนำซ้ำยังถูกพอกทับด้วยกระดาษกาวนานาชนิดที่ปิดผนึกทุกอย่างเอาไว้กันเชื้อโรค ให้ตายเถอะถ้าไม่ขาดใจตายก็มีแต่จะร้อนตายกันเท่านั้น เพื่อนซี้ที่เพิ่งได้กันเลยค่อย ๆ เผยอเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้น.แพรวลุกขึ้นได้ก่อนเธอเห็นทุกอย่างขาวพร่าดวงตายังไม่โฟกัส แต่สติยังอยู่ดีไม่ได้ความจำเสื่อม กลีบผกายังคงแสบเสียวสะท้อนให้เห็นว่ากระเจี๊ยวที่แยงแหย่นั้นเร่าร้อนขนาดไหน.“ซีดดด.. มึนหัวจัง”พูดพลันเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อยืดตัวบางมาสวมใส่แบบโนบลา ก่อนจะนั่งลงห้อยขาโน้มตัวมาด้านหน้าทำสีหน้าเศร้า.“มึงเป็นไงบ้างพี..?”.ร่างใหญ่ตวัดพลิกดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าเนื้อตัวดำกร้านของเขากลืนไปกับบรรยากาศห้องที่มืดหม่น เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา เอามือผสานกันวางไว้ที่ตักแบบเดียวกับที่แพรวทำ.“ครือ..อ..อ..อ..อ~!”เสียงแอร์ดังกลบทุกสรรพสิ่ง ราวกับว่าต่างคนต่างรอให้อีกคนมีปฏิกิริยาก่อน .“เราได้กันแล้ว..”พีเปิดประเด็น.“กูขอโทษ~ กูไม่เมาหรอก~ กูไม่~ แบบ..บ..บ..บ”“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำอะไรลงไปวะ?”ตีอกชกตัวทำทุกอย่างที่มีความรุนแรง แต่ใบหน้าดำคล้ำ
ปลายลิ้นสากลากวนหัวถันยอดเกสรลุกชูชันเกินจะต่อต้าน แพรวเริ่มขยับหนีตามจริตจะกร้านด้วยเพราะรู้โดยสันดานว่าตัวเองก็สมยอม แต่ก็ต้องพยายามขัดเอาไว้หน่อยไม่ให้ฝ่ายนั้นคิดว่าง่ายเกินไป เธอกระเถิบตัวขึ้นไปพิงกับพนักวางแขนของโซฟา ครานั้นพีก็ยังตามขึ้นมาโดยการใช้คางพาดไว้บนเนินอก.“หนีทำไม?”เขาเค้นเสียงถาม ลมหายใจร้อนผ่าวจนผิวเต้าเกร็งลุก.“…….”แพรวไม่ตอบเธอเหลือบมองไปทางอื่น พลันใช้มือปิดบังหน้าอกตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดันร่างอันบอบบางกระเถิบหนีขึ้นไปพิงกับพนักโซฟา.“กูไม่ให้มึงหนีหรอก มึงพลาดแล้วที่คิดจะยั่วกูอีแพรว!”.ร่างหนาโผขึ้นไปประกบ ชั่วเสี้ยวอึดใจสองกายก็กลมกลึงรวมเป็นหนึ่ง พีสอดแขนเข้าล็อคตัวแพรวเอาไว้ก่อนจะใช้เข่าดันลำตัวส่วนบนอันแน่
เทปกาวหลายขนานปิดทับช่องว่างใต้ประตู ขอบหน้าต่างอัดแน่นไปด้วยกาวยางซิลิโคน ชนิดที่แม้แต่แมลงวันสักตัวก็แทรกผ่านเข้ามาไม่ได้ แอร์ถูกปิด เปิดเพียงระบบฟอกอากาศพอให้ได้ใช้หายใจ และถ้าหากฆ่าแพรวที่มีส่วนร่วมในการแย่งหายใจทิ้งได้ พีก็คงทำไปแล้ว.“มึงเว่อร์อ่ะอีพี!”แพรวตะโกนบอก ขณะนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่บนโซฟา.“ช่างมึงสิ! ก็นี่มันห้องกู ๆ จะทำอะไรก็ได้ มึงไม่เห็นสิ่งที่มิวท์ทำเหรอ? มึงเห็นกับตาแล้วมิใช่รึไงว่าข้างนอกนั้นเป็นยังไงบ้าง กันไว้ดีกว่าแก้นะมึง!”ร่างหนาดั่งหมีป่าแบกตู้กับข้าวโครม ๆ พีลากมันมากั้นประตูหน้าห้องเอาไว้ เขากลัวเชื้อไวรัสขึ้นสมองจนต้องรีบกลับมารีโนเวทห้องตัวเอง ให้เป็นดั่งห้องปิดตายอย่างที่เห็น.“เฮ๊อะ! ตื่นตูมชะมัด! ต่อให้มีโคนัน 10 คนก็ไขเข้ามาไม่ได้หรอกถ้ามึงทำขนาดนี้”แพรวประชด.“ไม่ช่วยก็อย่าพาลดิ กูรู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ในหัว ทำเป็นกลบเกลื่อนความเสียใจใช่ไหมล่ะ? ตอนซ้อนมอไซต์กูกลับมามึงถึงไม่พูดไม่จาสักคำ”.เจอประโยคนี้เข้าไปเล่นเอาสาวเจ้าถึงกับจุก แพรวเสยผมหนึ่งทีถึงรู้ว่าใบหน้าที่เคยขาวเด้งบัดนี้มีแต่คราบน้ำตา พีแทบไม่อยากเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห
เปรมที่ยืนอยู่บนท้ายกระบะพร้อมอยู่แล้ว เริ่มมีการขยับแข้งขาให้เข้าที่ ด้านหลังเขาคือตู้ตรวจเชื้อกระจกใส แต่ด้านหน้าคือฝูงชนมากมายที่ทยอยกันเข้ามาแออัดเนืองแน่น ส่วนหนึ่งต้องชมเจ้าหน้าที่ด้วยที่ทำงานได้อย่างขมีขมัน พวกเขากวาดต้อนผู้คนได้ครบจนเกือบหมด ไม่เช่นนั้นภาพที่ออกมาคงไม่คลาคล่ำขนาดนี้.หัวหน้าหน่วยเป่าปากพรูส่วนมือก็เริ่มมีการขยับ เปรมเริ่มหมุนจุกก๊อกตรงกลางฝ่ามือออกทั้งสองข้าง พลันทิ้งฝาปิดลงกับพื้นแล้วทันใดนั้นเอง กลุ่มก๊าซสีแดงฉานก็ลอยเอ่อออกมาจากรู บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง..~!.“พร้อมแล้วทีนี้ก็เข้ามาเลย! พ่อจะพ่นให้ร่วงเป็นยุงหน้าฝนเลยคอยดู ไอ้ไวรัสสารเลว ฮึ่ย~!".คิดได้ดังนั้นการลงมือก็บังเกิด สายละอองก๊าซลอยคละคลุ้งเป็นมุมเสยขึ้นไปบนฟากฟ้า อาศัยว่ายืนอยู่บนจุดที่สูงกว่ามวลก๊าซก็เลยโค้งปกคลุมลงมาโดนศีรษะของผู้ติดเชื้อแบบครบทุกคน แดงฉานบานสะพรั่ง ใครใส่เสื้อสีขาวมาเจอละอองแห่งการรักษานี้เข้าไปมีสิทธิ์กลายเป็นหนึ่งในแกนนำนปช.ได้ในทันที.แม้กระบวนการจะดูนอกคอกไปนิด แต่ก็ได้ผลดีเหมือนเช่นทุกหน ไม่มีประชาชนคนไหนคิดจะหลบหนีเลย พวกเขาต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำคืออะไร ใ
จักรกลสี่ล้อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกันเป็นกลุ่มราว 3 - 4 คัน กลุ่มคาราวานนี้เคยเป็นรถกระบะใหม่เอี่ยมมาก่อน หากแต่ตอนนี้ได้แปรสภาพให้ด้านหลังมีลักษณะคล้ายกับตู้กระจก ภายในมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุด PPE หนึ่งคนนั่งประจำอยู่ งานของบุคลากรรายนี้คือการสวนโพรงจมูกชาวบ้านแล้วเอาสารคัดหลั่งมาตรวจสอบหาเชื้อในห้องแล็บ.เปรมนั่งอยู่ในห้องโดยสารของรถคันหน้าสุด คาราวานสืบสวนโรคจะเคลื่อนที่ไปทางไหนจะซ้ายหรือขวา ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาทั้งสิ้น ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้การมีสกิลแห่งการรักษาอยู่บนฝ่ามือทำให้ทุกคนยอมทำตาม เปรมจึงกลายเป็นบุคคลที่แสนจะ VIP ไปเลย.“เอาไงดีครับคุณเปรม ให้ผมขับไปทางไหนดี?”พี่คนขับถามขึ้น แกอยู่ในชุดคลุมปลอดเชื้อบนหัวสวมใส่หน้ากากครอบแก้วเสร็จสรรพ.เปรมสอดหนังสือคำสั่งจากทางภาครัฐและพับเอกสารคู่มือการใช้ฝ่ามือเข้าไปเก็บในเก๊ะหน้ารถ ก่อนจะหันมาโฟกัสกับเจ้าของน้ำเสียง .“ไม่ต้องคิดมากพี่ที่ไหนก็ได้แบบที่เราเคยทำ เอาที่ ๆ คนเยอะ ๆ ผมพร้อมเสมอแหละ”.“งั้นเอาเป็นซอยข้างหน้าเลยนะครับ ตรงนั้นเคยเป็นถนนคนเดินเมื่อตอนที่เชื้อยังไม่ระบาดผู้คนจากทั้งย่านชอบไปเดินซื้อของกันที่
เกรียวฝาจุกหลุดร่วงลงกระทบพื้น เปรมยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าเล็งให้ตรงกับลุงขอทาน ทันใดนั้นกลุ่มก๊าซปริมาณมหาศาลสีแดงเหมือนเลือดก็พ่นออกมาจากฝ่ามือ.“ฟู่!!!”.โอ้แม่เจ้า! สสารดังกล่าวย้อมทุกสรรพสิ่งรอบบริเวณให้คละคลุ้งฟุ้งกระจาย คุณหมอผมสีดอกเลาถึงกับต้องรีบเผ่นหนี ระหว่างหนีก็ยังใช้มือถือตวัดหันกลับมาถ่ายคลิปเก็บข้อมูลหลักฐานเอาไว้ แม้จะไม่ชัดมากแต่ก็เห็นพอลาง ๆ ว่าเปรมยังคงยืนเด่นเป็นสง่า เขาไม่มีทีท่าจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย มิหนำซ้ำยังใช้อุปกรณ์ที่เพิ่งได้รับมาได้อย่างคล่องแคล่ว.“ได้ผลจริงด้วยพวกเราทำสำเร็จแล้ว! การผ่าตัดฝังจักรกลลงอวัยวะบรรลุผล! การที่ร่างทดลองสามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์เป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขา ชิ้นส่วนเหล็กกล้าเข้าไปแทนที่กระดูกกับเส้นเลือดได้อย่างหมดจด หมดความกังวล”“จบการ