เข้าสู่ระบบ
มลพิษในอากาศพุ่งทะยานสูงไปถึง 3,000 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในยุคนี้เราอาจจะได้ยินคำว่าฝุ่นผง Pm 2.5 แต่เชื่อไหมว่าในขณะที่นิยายเรื่องนี้ดำเนินไปตัวเลขมันพุ่งไปถึง Pm 8.0 เข้าไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ปริมาณฝุ่นในอากาศที่มนุษย์อาศัยได้โดยไม่เป็นอันตรายคือ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
.
ด้วยความสัตย์จริงโลกไม่ได้เกิดสงครามนิวเคลียร์ แต่พวกเรากำลังเผชิญอยู่กับเชื้อร้ายที่แผ้วถางทุกสรรพสิ่งอย่าง "โคโรน่าไวรัส" แล้วก็อาจจะเป็นเพราะจำยากล่ะมั้ง เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายจึงตั้งชื่อโรคอุบัติใหม่นี้ว่า "covid -19" ซึ่งเกิดจากการรวมคำสามคำ (c)orona , (vi)rus , (d)isease และ starting in 20(19) เข้าด้วยกัน!
.
ไวรัสร้ายกัดกินไปทุกพื้นที่มันแทรกซึมเข้าสู่ผู้คน , สัตว์เลี้ยง , ปศุสัตว์ , หรือแม้กระทั่งแหล่งน้ำ ปลาทะเลสัตว์น้ำจืดต่าง ๆ ล้วนถูกปนเปื้อนหมด การแพร่ระบาดอันหนักหน่วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2019 จวบจนถึงปีปัจจุบัน แล้วโลกก็ถึงกาลปาวสานอย่างสมบูรณ์แบบ!
.
ทั่วทุกหัวระแหงกลายสภาพเป็นทะลทราย ตึกรามบานช่องถูกทิ้งร้างเต็มไปด้วยฝุ่นผงและเถ้ากระดูกของซากศพที่ตายแล้วไม่ได้ฌาปนกิจ พวกเขาถูกปล่อยให้เน่าตายอย่างน่าสงสาร การกักตัวอันแสนทรมานทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในสภาวะอดอยากขาดของกิน เกิดการจราจลปล้นสะดมไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เงินไม่มีค่าแบงค์พันเป็นปึกก็ไม่ต่างจากเศษกระดาษ เพราะเอาไปซื้ออะไรใครก็ไม่ยอมขาย
.
ซากกระดูกร่างหนึ่งหล่นลงมาจากแง่งระเบียงของคอนโดที่เคยหรู ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง รู้แต่ว่าแห้งผากเหมือนขาดน้ำ อวัยวะภายในระเหยหายไปหมดไม่ต่างจากมัมมี่ วินาทีที่ตกกระทบพื้นจากความสูงระดับตึก 10 ชั้น ทำให้เศษชิ้นส่วนแตกกระจายเกลื่อน ผมเผ้าไม่เหลือสักเส้น แขนไปทางขาไปทางชวนให้จิตตก ก่อนที่จู่ ๆ จะมีฝูงหมาหิวโซราว 3 - 4 ตัว ปรี่เข้ามารุมแทะ
.
"บ๊อก! , บ๊อก! , บ๊อก!"
"งั่ม! , ง่ำ ๆ ๆ , ง่ำ ๆ ๆ , งั่ม!"
.
กระดูกกับหมาล้วนเป็นของคู่กันแต่ทำไมนะทำไมกัน คราวนี้เห็นทีจะไม่ใช่! เมื่อ covid-19 กินลึกเข้าไปถึงไขกระดูก มันยักย้ายถ่ายเทเชื้อจากร่างพาหะหนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง โดยไม่สนว่าจะเป็นคนหรือเป็นหมา ฉะนั้นทันทีที่ฝูงหมาดังกล่าวถอยร่นออกมาหลังกินเสร็จ ร่างของพวกมันก็เริ่มหลอมละลาย
.
covid - 19 พัฒนาการได้เร็วมากใน ค.ศ.นี้ มันไม่ได้เล่นงานแค่ปอดทำให้หายใจลำบากอย่างเดียว แต่มันฆ่าทุกเซลล์ พลาสม่าในกระแสเลือดเหยื่อจะทำปฏิกิริยากับเอมไซม์ทำให้เลือดมีสภาพเป็นกรด
.
หลักฐานคือการหอนแบบแหบแห้งที่ไม่ต่างจากการไอ กลุ่มเจ้าตูบผู้หิวโหยนอนเอาหัวพิงกันตะกุยตะกายแช่มช้า แล้วต่อมาขนของพวกมันก็เริ่มหลุดร่วง ผิวหนังปริแตกออกเป็นเยื่อบาง ๆ เปื่อยยุ่ยไหลลงมากองรวมกันบนพื้นอย่างน่าขนลุก มีเลือดกรดไหลซึมออกมาพร้อมกับฟองอันฟดฟู่ ช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่แต่ก็ยังดีที่ไม่กี่อึดใจต่อมา สัตว์ทั้งหลายก็สูญสลายกลายเป็นไอละออง
.
"ฟู่~~~!"
.
เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นทุกตารางเมตรบนโลก ไม่ว่าจะในเมืองหลวงหรือชนบท มนุษย์โลกลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วนับจากการระบาดเมื่อ 3 ปีก่อน ณ ปัจจุบันเราเหลือจำนวนประชากรโลกเพียง 1 ใน 3 หรือ 2 พันล้านคนจาก 7 พันล้านคนเมื่อปี 2019 แล้วก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดลงเลย นับวันคนก็ยิ่งตาย สภาวะอดอยากเข่นฆ่าแย่งทรัพยากรมีปรากฏให้เห็นในทุกประเทศ ไม่ว่าจะชาติไหนหรือนับถือศาสนาอะไร
.
พระเจ้าไม่อาจช่วย อัลเลาะห์ก็ไม่แยแส ส่วนเจ้าชายสิทธัตถะจากอินเดียน่ะเหรอ ต้นโพธิ์ที่พระองค์นั่งตรัสรู้ตอนนี้ก็น่าจะถูก covid -19 กัดกร่อนลงไปยังรากลึกแล้ว โลกกำลังจะตายโดยไม่ต้องสืบ วิกฤตโลกร้อน Climate Change , ปรากฏการณ์เอลนินโญ่ , พายุหมุน , สึนามิ , สกิลการทำลายของภัยพิบัติเหล่านั้นช้าเป็นเต่าคลาน เมื่อเทียบกับความตะกละตะกลามของไวรัสร้ายนามว่าโควิด
.
.
ณ แอ่งน้ำอันแห้งขอดแห่งหนึ่ง สันนิษฐานจากสายตาคิดว่าน่าจะเป็นบ่อบำบัดน้ำเสียของโครงการบ้านจัดสรรสักที่ ทว่ากลับไม่มีใครสน ฝ่าเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าบูธหุ้มข้ออย่างดีย่างกายไต่ขอบตลิ่งลงไปสู่ก้นบ่อด้านล่าง เศษธุลีดินโบยบินเศษหินปลิวว่อนฟุ้งโขมง บ่งบอกว่าความเหือดแห้งกลางใจเมืองนั้นแสบทรวงขนาดไหน
.
หล่อนย่ำเท้าไปข้างหน้า 30 ก้าว กว่าจะค้นพบแหล่งที่มีความชื้นปรากฏ สักพักรองเท้าบูธก็เริ่มมีรอยบุ๋มและมีเศษดินโคลนเปื้อนติด นั่นทำให้เธอพอจะมีความหวัง
.
"ได้การณ์ล่ะ! ตรงนี้พอจะมีน้ำแฮะ!"
หญิงสาวพูดกับตัวเอง พลันซ่อนรอยยิ้มสวยเอาไว้ภายใต้หน้ากากกันฝุ่นรุ่นพิเศษ
.
จากนั้นจึงค่อย ๆ ย่อตัวลงช้อนฝ่ามือทั้งสองข้างแหวกผ่านมวลโคลนตม เพื่อตักเอาน้ำอันน้อยนิดขึ้นมาซดเสียงดัง โครกกกก!! ลงสู่ลำคอ
.
"อึก ๆ , อึก ๆ , อึก...ก...ก..ก , อึก ๆ"
.
"อ่าาาาาา~!"
.
ไม่ถึงกับชื่นใจแถมยังฝืดคอเป็นที่สุด อย่างที่รู้ว่ามันคือบ่อบำบัดน้ำเสียแล้วจะไปเอาความสะอาดสดใสเหมือนน้ำดื่มตราสิงห์ในขวดพลาสติกได้ยังไง เม็ดทรายนับล้านกลิ้งกลอกลงลำคอ แต่ก็ช่างมันเถอะ! ในเมื่อความกระหายกำลังจะฆ่าเธอกับเพื่อน ๆ ให้ตายอยู่รำไร เจออะไรก็ต้องกระดกเอาไว้ก่อน
.
หญิงสาวอยู่ในชุดผ้าคลุมสีเขียวขี้ม้า เธอมีผมตรงยาวประบ่าสีส้มอมแดงแถมยังเต็มไปด้วยคราบเขม่า เนื้อตัวสกปรกมอมแมมตามสไตล์ของผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายซึ่งละม้ายคล้ายกับซอมบี้มากกว่าจะเป็นคน แต่ก็ไม่ใช่เพราะเธอยังมีจิตใจเมตตาเป็นกุศลอยู่ หลังจากซดน้ำล้างคอเสร็จ ก็เลยตัดสินใจลงมือทำแบบเดิมซ้ำอีกรอบ
.
ทว่าคราวนี้ต่างจากเดิมหน่อยเพราะน้ำในอุ้งมือที่ช้อนมาได้จู่ ๆ ก็ถูกเทเข้าไปในกระเป๋ากางเกงซะอย่างงั้น! เธอนั่งลงตักอีกสามสี่ทีจนกระเป๋ากางเกงตุงได้ที่ จึงได้ยืนขึ้นแล้วก็เอื้อมมืออีกข้างมาตบลงที่กระเป๋าเสียงดัง "เพลี๊ยะ!" ทำให้มีน้ำกระฉอกออกมาเล็กน้อย
.
สิ่งนี้คือนวัตกรรมล้ำโลก เป็นเทคโนโลยีที่ถูกผลิตขึ้นในปีปัจจุบันโดยบริษัทสัญชาติไทยยักษ์ใหญ่นามว่า "AP" ซึ่งมีเจ้าของเป็นเจ้าสัวคุมกิจการการค้าและสินค้าทางการเกษตรของทั้งภูมิภาค
.
การตบเมื่อครู่ทำให้ตัวเลขดิจิตอลแสดงขึ้นที่ตะเข็บกระเป๋ากางเกง ก่อนที่สาวเจ้าจะหลุบสายตาลงไปมองแล้วก็ใส่ตัวเลข 70 เข้าไป แล้วก็กดปุ่ม "Enter" ไม่ช้าไม่นานกระเป๋ากางเกงลายพรางที่มีน้ำ 3 อุ้งมือก็เริ่มสั่นไหว! กระบวนการแยกกรดเบสท์ออกจากอนุภาคไอออนเกิดขึ้นในกระเป๋า จนกระทั่งผ่านไปราวครึ่งนาทีเสียงสัญญาณเตือนดัง "ติ๊ด!" ก็ดังขึ้น
.
"อืม..เรียบร้อยแล้วสินะ!"
.
เธอพูดหลังจากยืนเหม่อลอยอยู่ท่ามกลางอ่างเก็บน้ำอันเวิ้งว้างและแห้งแล้ง ก่อนจะใช้มือเปล่า ๆ สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วก็ได้ออกมาเป็นแคปซูลบรรจุน้ำจำนวน 70 เม็ดตามที่ได้คีย์ข้อมูลเอาไว้ จัดว่าเป็นอะไรที่พกง่ายกินตอนไหนก็ได้ แถมยังง่ายต่อการจำหน่ายจ่ายแจก
.
"โอเคเท่านี้ก็ย้อนกลับขึ้นไปหาทุกคนข้างบนได้แล้ว ต้องขอบคุณบริษัท AP กับเจ้าสัวคนรวยพวกนั้นล่ะนะ ที่ผลิตของเจ๋ง ๆ แบบนี้ออกมาในยามที่ชาติวิกฤต แต่จะดีกว่านี้มากถ้า AP ช่วยขจัดเชื้อ covid -19 ให้ออกจากประเทศเราไปเลย!"
.
จบประโยคปลายนิ้วสวยก็ได้กดปุ่มเล็ก ๆ บริเวณหลังหู แล้วทันใดนั้นเอง! ครอบแก้วขนาดพอเหมาะก็พับตัวขึ้นมาเหวี่ยงสะบัดงับปิดใบหน้า "แกร็ก!" เว้นแค่ลูกตาเอาไว้เหมือนใส่หน้ากาก พอกดปุ่มเดิมซ้ำอีกทีใบพัดสีแดงสะท้อนแสงแวววับที่อยู่ภายในก็เริ่มหมุน มันจะทำการฟอกอากาศทุกอณูที่เข้าไปให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่มีพิษและปลอดเชื้อ ซึ่งหน้ากากแก้วตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ทางบริษัท AP คิดค้นขึ้นเพื่อช่วยคนในชาติเช่นกัน
.
"ฮืดดด....ฮาดดดด....ฮืดดดด.....ฮาดดดดด"
.
"ใกล้แล้วทุกคน.. ใกล้แล้ว.. ฉันจะเอาน้ำขึ้นไปให้เดี๋ยวนี้แหละ.. อดทนหน่อยนะ.. แฮ่ก ๆ แฮ่ก ๆ"
.
แพรว อิสรา คือชื่อของเธอ ด้วยบุคลิกและท่าทางในตอนนี้ผู้อ่านอาจจะคิดว่าเธอเป็น "อลิส" ในหนังเรื่อง Resident evil แต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม! แพรวก็แค่นักศึกษาหญิงธรรมดาคนหนึ่งที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โลกหลังการระบาดของ covid- 19 เปลี่ยนโฉมหน้าไปโดยสิ้นเชิง มันทำให้คนรวยเปลี่ยนเป็นคนโลภ , คนจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว , แล้วก็เปลี่ยนคนใจดีให้เป็นฆาตกร ไม่เว้นแม้แต่เธอ ที่เปลี่ยนสถานภาพจากนักศึกษากลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้?
.
"เฮือกกกกก! "
"ถึงแล้ว! แฮ่ก ๆ , ถึงสักที! แฮ่ก ๆ"
.
หน้ากากครอบแก้วเต็มไปด้วยฝ้าละออง ใบพัดฟอกอากาศทำงานหนักมากเพราะต้องแข่งกับการหายใจที่หอบรัว แพรวยิ้มอยู่ภายในโดยไม่ให้ใครเห็น การทำความดีคงไม่ต้องอวดเบ่งคือสิ่งที่เธอคิดหลังก้าวขึ้นมาบนขอบตลิ่งได้สำเร็จ นั่นเผยให้เห็นภาพเบื้องหน้าที่เป็นคาราวานรถออฟโร้ดจำนวน 4 คัน จอดเรียงกันอยู่ รอยกระสุน , เศษดินโคลน , กระจกกระจังหน้าที่แตกร้าว , บวกกับความสมบุสมบันสารพัด ล้วนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนกลุ่มนี้ผ่านอะไรร่วมกันมาบ้าง
.
ผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากหลังรถ พวกเขากระชับพานท้ายปืน กำมีดกำไม้กำด้ามกระทะทำทุกอย่างเพื่อเตรียมปะทะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น กะจากสายตาน่าจะมีกันราว 15 ชีวิตเห็นจะได้ ดูจากชุดที่แต่งก็บอกได้อีกเช่นกันว่ามีกันหลายอาชีพ ไล่มาตั้งแต่นักศึกษา , พยาบาล , คนขายล็อตเตอรี่ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก!
.
พวกเขาน่าจะหนีตายกันมาแล้วก็ถูกแพรวช่วยไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้กลุ่มค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นเป็นคาราวานที่รักและคอยปกป้องซึ่งกันและกัน หลักฐานก็คือเสียงตะโกนของเด็กชายคนหนึ่งที่แว่วดังออกมาจากกลุ่ม
.
"พี่แพรวมาแล้วววววว!! , น้ำมาแล้ว!!"
หัวกลมผมชี้วิ่งพรวดออกมากระโดดกอดแพรวอย่างน่าเอ็นดู หนุ่มน้อยรายนี้น่าจะอายุราว 8 - 9 ขวบเท่านั้น เทียบกันแล้วก็น่าจะอยู่ราวป. 2 - ป. 3 แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อโรงเรียนทั้งหมดล้วนถูกสั่งปิดไปตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน
.
"หมับ!"
พวกเขาสวมกอดกัน ด้วยสภาพที่โคตรจะมอมแมมสกปรก
.
"อย่าวิ่งเร็วนักสิโบ๊ท! เอ้านี่! แบมือมาเอาน้ำไปกิน!"
แพรวส่งแคปซูลน้ำที่เพิ่งเก็บมาให้ 1 เม็ด หนูน้อยไม่รอช้าอ้าปากงับทันทีในเสี้ยวอึดใจ
.
"ง่ำ ๆ , อ่าาาาาา~ ชื่นใจจังครับพี่แพรว , พี่แพรวใจดีที่สุดเลย!"
.
"..........."
เธอไม่ตอบอะไรบุคลิกขี้อายกับรอยยิ้มสวย ๆ ล้วนถูกซ่อนไว้ใต้หน้ากากครอบแก้ว ก่อนจะกวักมือเรียกทุกคนออกมา วางอาวุธแล้วเอาน้ำไปกินแก้กระหายกัน พวกเขากินน้ำกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อ 2 - 3 วันที่แล้ว
.
.
การรับแจกแคปซูลดำเนินผ่านไปด้วยดีตามวัตถุประสงค์ แต่ทว่าเมื่อถึงคิวคนสุดท้ายพี่พยาบาลวัยกลางคนที่ไม่ได้สวมชุดพยาบาลก็ได้ป้องปากบอกกับแพรวว่า คาราวานมีปัญหาบางอย่างที่เธอไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยตัวคนเดียว
.
"ซุบซิบ ๆ , ซุบซิบ ๆ "
.
"ห๊ะ! เป็นไปได้ไงคะพี่! หนูอุตส่าห์กำชับกับพี่ไว้แล้วว่าอย่าให้เรื่องนี้เกิดขึ้น! พี่คือหมอที่เก่งที่สุดที่เรามีแล้วนะคะ!"
.
"ใจเย็นค่ะน้องแพรว อย่าเสียงดังไปเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เอาเป็นว่าน้องมาดูกับพี่ก่อน.."
.
"ค่ะ...เอางั้นก็ได้"
.
ปล่อยให้ชาวแก๊งค์คนอื่น ๆ ดื่มด่ำกับน้ำแคปซูลที่เก็บมาจากบ่อบำบัดไป ส่วนสองสาวผู้กุมความลับไว้ก็ได้เดินอ้อมกลุ่มรถออฟโร้ดมายังรถคันที่อยู่หลังสุด สีของมันดำขลับตัวถังเต็มไปด้วยร่องรอยเฉี่ยวชนและการบุบจากการโดนกระแทก กระบะหลังมีการเชื่อมโครงเหล็กทำเป็นลูกกรงเอาไว้ พลางใช้ผ้าใบสีดำคลุมทับอีกทีราวกับเป็นของสำคัญมากๆ ที่ต้องปกป้อง แต่สุดท้ายก็ต้องโดนแพรว อิสรา กระชากออกอยู่ดี
.
"พรึบบบบ!!!!"
.
สว่างจ้าแสบตาเป็นยองใยเมื่อภาพที่เห็นคือกลุ่มเด็ก ๆ อายุราว ๆ กับโบ๊ทนั่งเว้นระยะห่างกันประมาณ 1 ช่วงแขนตามทฤษฎี Social Distancing เป๊ะ! ๆ ดูจากสายตาน่าจะมีราว ๆ 10 กว่าคนแล้วก็มีทั้งเพศชายและเพศหญิง พวกเขาไม่ได้มีท่าทางตกใจอะไรแต่แค่แสบตาเล็กน้อย มิหนำซ้ำยังยิ้มให้พี่แพรวใจดีของพวกเขาด้วย
.
"แล้วไงคะพี่..แพรวก็เห็นว่าทุกคนปกติดี"
.
"ไม่ค่ะ!?"
พยาบาลตอบเสียงสั่น เธอเอื้อมมือไปข้างหลังเพื่อหยิบเอาปืนวัดอุณหภูมิออกมาถือไว้ ก่อนจะพูดต่อ
.
"หมายเลข 013 ออกมาที่หน้ากรงด้วย.."
.
เด็กหญิงผูกผมเปียตาบ่องแบ้วคนหนึ่งค่อย ๆ แหวกขอทางเพื่อนออกมา สีหน้าเธอเป็นกังวลผิดวิสัยมิหนำซ้ำยังตัวสั่นเป็นลูกนก ราวกับรู้ตัวว่าตนเองผิดปกติ
.
สอดคล้องกันกับคุณพยาบาลที่จัดแจงยิงปืนวัดอุณหภูมิเข้าที่หน้าผาก ตัวเลขสูงปรี๊ดขึ้นไปถึง 39.7 ทั้งที่อุณหภูมิปกติกของคนเราอยู่แค่ 37 องศาเท่านั้น สิ่งนี้บ่งบอกว่าแม่หนูหมายเลข 013 กำลังเป็นไข้ แล้วแพรวผู้เป็นหัวหน้าก็ต้องทำอะไรสักอย่าง
.
"นะ...หนูขอโทษพี่แพรว...หนู....ฮือ...ฮือ...ฮือ...."
ร่างจิ๋วร้องไห้เกาะลูกกรงอย่างน่าสงสาร แม้แต่พี่พยาบาลเองก็ต้องเดินเลี่ยงออกไปน้ำตาคลอเบ้า หลังจากสังเกตเห็นสิ่งที่แพรวกำลังจะทำ
.
เธอเอื้อมมือไปที่ด้านหลัง สอดฝ่ามือขวาล้ำเข้าไปใต้ชายเสื้อกล้ามสีเขียวขี้ม้า พลันควักเอาปืนพก 9 มม. กร็อก 18 Burst Fire ความจุกระสุน 33 นัด ขึ้นมาถือไว้ในมือ ก่อนจะหันปลายกระบอกปืนไปจ่อเข้าที่กึ่งกลางหน้าผากเด็ก!
.
"ปัง!!!!!!!"
หนึ่งนัดเข้าหน้าผาก
.
"ปัง!!! , ปัง!!! , ปัง!!!! , ปัง!!!!"
โหมด Burst Fire ทำให้ที่เหลือเป็นการยิงรัวกราดซ้ำจนหมดแม็ก! ศพเด็กกองอยู่ใต้ลูกกรง!
.
.
เสียงปืนดังกล่าวดังสนั่นหวั่นไหว! จนทำให้ทุกคนที่เคยกระโดดโลดเต้นเพราะได้น้ำกินหันมองเป็นตาเดียวกัน ไม่มีคนพูดอะไร สักพักถึงมีวัยรุ่นในกลุ่ม 3 - 4 คนเดินมาเก็บศพราวกับรู้หน้าที่ พวกเขาโยนร่างอันไร้วิญญาณลงไปในบ่อน้ำอันแห้งเหือดดด..
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ
"ซึบ!!!".เสียบ ๆ ๆ ! กระซวก ๆ ๆ ! ย้ำแผลเดิมอีกราวสิบกว่าครั้ง ทำให้ร่างเปลือยของชายที่แน่นิ่งอยู่แล้วกลายเป็นเหมือนหมูที่อยู่บนเขียง กงเล็บของมิวท์ถูกดึงขึ้นมา ความแหลมเฟี้ยวดังกล่าวถูกฉาบเคลือบไว้ด้วยลิ่มเลือดที่หยดติ๋ง ๆ ไหลซึมลงมาถึงข้อศอก.แววตาแดงก่ำไม่เห็นแม้แต่ลูกตาดำ ขนาดฟันเขี้ยวด้านหน้ายังยื่นแหลมงุ้มออกมาพ้นมุมปาก ไม่มีทางเลยที่มิวท์ตัวจริงจะต่อต้านตัวตนใหม่เฉกเช่นปีศาจนี้ได้ มันบังคับร่างกายเธอให้เคลื่อนไหวไปไหนต่อไหนตามอำเภอใจ และครั้งนี้ก็คงจะหิวถึงได้เริ่มคอนโทรลมืออีกข้างของมิวท์ให้ควักลงไปในปากแผล พลันดึงเอาเครื่องในอวัยวะสด ๆ ออกมาจากลำตัว."ควัก!!!""หมึบบบ! , หมับบบ!!!".ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ไม่ถามดินถามฟ้า พอได้ออกมาก็จับยัดเข้าปากแล้วก็เคี้ยวตุ้ย ๆ แทบจะทันที ซึ่งนั่นก็คือภาพสุดท้ายที่มิวท์หวนคิดถึง....ตัดภาพกลับมา ณ เหตุการณ์ปัจจุบันในเฮลิคอปเตอร์.หญิงสาวลุคคุณหนูกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว เธออยู่ในอาภรณ์มิดชิด ปากยังคงเคี้ยวเอื้องเอาเศษอวัยวะของพี่พลขับลงคอไปเป็นอาหาร.. อึก.. อึก...ตอกย้ำว่ามิวท์รู้ทุกอย่างว่าที่ผ่านมานั้นคืออะไร เธอถูกเชื้อโค
เหงื่อนองท่วมร่างกาย กะบังลมเคลื่อนตัวเทียวหดเทียวขยายหอบแฮ่ก ๆ กันทั้งสองคน ลำควยยังคงปักเสียบอยู่ในหี เวลาผ่านไปร่วมหนึ่งนาทีเมือกคาวสีขาวขุ่นอันเกิดจากน้ำเชื้อแห่งการผสมพันธุ์ ก็ซึมทะลักออกมาตามช่องว่างระหว่างอวัยวะเพศ."แหมะ! , แหมะ!".มันหลากล้นออกมาเปื้อนพุ่มไหมดงแมกไม้ของพี่พลขับเต็มไปหมด แต่ครานั้นนวลนางผู้คร่อมร่างอยู่ข้างบนก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติง มิวท์นิ่งราวกับโดนถอดปลั๊ก! เธอยังคงชูแขนพับข้อศอกอยู่ในท่ามัดผม พลันหลับตากัดริมฝีปากแล้วก็ค้างเติ่งอยู่เช่นนั้น จนพี่เขาชักจะประหลาดใจ."นี่คุณเล่นมุกอะไรของคุณเนี่ยะคุณมิวท์?""แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ "เขาลองตวาดถามดูอีกครั้งถามแม่งทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่หายเหนื่อย และการหอบหายใจสั่นรัวดังกล่าวก็ทำเอาร่างบางที่คร่อมอยู่มูฟตัวเองโยกโยนตามไปด้วย."แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ หนอยแน่! ดีล่ะ! ถ้าจะเล่นแบบนี้ล่ะก็..""ผมก็จะง้างปากคุณด้วยแท่งควยของผมเอง..""ให้มันรู้ไปสิว่าคุณจะนิ่งต่อไปได้ ถ้าโดนควยกระทุ้ง!"."แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ ""ฮึบ!!!"."สวบ! , สวบ! , สวบ! , สวบ! , สวบ! , สวบ!".กัดฟันรวบรวมพลังทั้งหมดส่งจากปลายตีนขึ้นมาถึงบั้นเด้า พี่เขาเอาจริงไม่







