LOGINเคยได้ยินว่ามีเชื้อจากอังกฤษบ้าง เชื้อจากอินเดียบ้าง หรือบางทีก็เป็นเชื้อจากแอฟริกา ทว่าแต่ละสายพันธุ์ก็ล้วนแต่มีวัคซีนที่ผลิตออกมารักษาให้หายขาดได้ทั้งสิ้น สวนทางกับเชื้อสายพันธุ์ New Hell ที่เปรมเป็นตัวพาหะ ฤทธานุภาพแม่งคนละเรื่อง! แล้ววัน ๆ เปรมก็ต้องทำงานร่วมกับคนเป็นจำนวนมาก ออกพ่นก๊าซแต่ละครั้งก็มักจะมีประชาชนทยอยออกมารับบริการไม่ต่ำกว่าร้อย จากที่ว่าจะหายทุกคน ก็เลยกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงไปโดยปริยาย
.
ลึกลงไปจากตึกสำนักงานใหญ่ชั้นสูงสุด มิวท์มองไม่เห็นหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ข้างล่างนั่น แต่เธอสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของเปรม ชวนให้เธอจินตนาการไปถึงผู้คนที่ทยอยกลายร่างจนสภาพเป็นเหมือนเขา โควิดกำลังจะกลืนกินร่างต้น มันไม่ใช่เชื้อกระจอกที่ใครต่อใครจะปรามาสได้ และบางทีพวกมันก็คงจะรอโอกาสนี้อยู่นานแล้ว ที่จะได้ออกมาเจิดจรัสในฐานะของผู้สั่งการ แทนที่จะเป็นแค่ปรสิตติดสอยห้อยตามร่างต้นอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
.
เชื้อมันเอาจริง ไม่งั้นมิวท์ไม่ลุกลี้ลุกลนขนาดนี้หรอก
.
“โถ่เอ๊ย!”
“ถ้าเป็นงั้นจริง.. เราแย่แน่!"
“กรอดดดด.. ด.. ด.. ด”
คิดไปพลางขบกรามไปด้วย มิวท์ขยุ้มชายเสื้อคลุมจนยับย่น เพราะรู้ดีว่ากลุ่มเสี่ยงสูงที่กล่าวถึงไม่ได้มีแค่พลเรือนในเมืองหลวง หากแต่ควบรวมไปถึงทีมแพทย์พยาบาลและบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรเฉพาะทางที่ประเมินค่าไม่ได้ในยุคปัจจุบัน
.
แต่นี้ต่อไปใครจะทำงานให้เธอ ใครจะรักษาผู้ป่วย ใครจะเป็นคนจ่ายยา ใครจะออกไปไล่ล่าผู้คน เปรมก็มากลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดไปซะอีก ทุกอย่างจึงมืดแปดด้านพอ ๆ กับทัศนียภาพที่เห็นอยู่ภายนอก มิวท์เหมือนถูกขังอยู่ในหอคอยอันไร้ทางออก มิหนำซ้ำแม้แต่ตัวเองก็ยังมีเชื้อนรกนี้อยู่ในตัว จึงทำได้แค่รอแล้วก็รอ อยู่แค่ว่าจะกลายร่างตามเปรมไปเมื่อไหร่ก็เท่านั้นเอง
.
“กริ๊งงง~!!!!”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังสนั่นขึ้น ชวนให้มิวท์ต้องผละตัวออกจากหน้าต่างแล้วย้ายไปที่โซฟาหน้าทีวีแทน
.
เธอกดรับสายแล้วก็ทำให้ทราบว่า คู่สนทนาที่พูดด้วยก็คือเจ้าหน้าที่หน่วยคัดกรองเชื้อภาคสนาม ที่ถูกส่งออกไปล่าตัว LGBT นั่นเอง
.
“ขออนุญาตรายงานสถานกาณณ์ครับคุณมิวท์ ตอนนี้ตัวอย่างเลือดจาก LGBT หายากมาก เป้าหมายต่างพากันหลบซ่อนตัว ผมสันนิษฐานว่าออเดอร์ที่ล็อคสเปคไว้คงจะหาให้ไม่ทัน ต้องขออภัยด้วยครับ"
"พวกเราถูกต่อต้านหนักมากจากประชาชน หนำซ้ำระยะหลังแพทย์ในทีมก็มีอาการป่วยเพิ่มขึ้นจากการติดเชื้อที่ไม่ทราบสาเหตุ เราต้องพักครับคุณมิวท์! เราฝืนทำงานแบบนี้ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีมีบุคลากรมากพอ ได้โปรดพิจารณาข้อเสนอจากเราด้วยครับ”
.
“ค่ะ.. เข้าใจแล้ว จะนำเข้าที่ประชุมให้นะคะ”
.
มิวท์ตอบแบบห้วน ๆ ประชุมห่าอะไรล่ะ! ขนาดท่านประธานอย่างเปรมยังถูกขังอยู่ในห้องอยู่เลย ด้วยความสัตย์จริงมิวท์รู้โดยพฤตินัยว่าอีกประเดี๋ยวกลุ่มแพทย์หน่วยนี้ก็คงจะมีอาการไม่ต่างจากเปรม พวกเขาเองก็กำลังจะกลายร่าง นี่จึงไม่ใช่สัญญาณที่ดีสักเท่าไหร่ เชื้อกลายพันธุ์คงจะกระจายตัวไปตามหน่วยแพทย์อื่น ๆ อีกมาก ถ้าไม่เร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด
.
ประธานสาวจึงเลือกที่จะหลุบสายตาลงไปมองยังสมาร์ทโฟน พลางกดเข้าโหมดธุรกรรมเพื่อเช็คดูตัวเลขของหุ้นและยอดขายผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท ปรากฏว่าค่อนข้างออกมาดีทีเดียว ยังมีเงินไหลเข้าบัญชีไม่หยุดหย่อน แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นเม็ดเงินจากต่างประเทศ โควิดระบาดไปทั่วโลก การยอมเสียสะตุ้งสตังค์เพื่อเอาก๊าซที่ AP ผลิตได้ไปใช้ ก็เลยยังมีให้เห็นอยู่เนือง ๆ ตามต่างประเทศ
.
นอกจากก๊าซแล้วก็ยังมีอุปกรณ์และเครื่องป้องกันต่าง ๆ อีก AP ทำเงินจากหน้ากากครอบแก้วและชุด PPE ได้อีกเป็นกอบเป็นกำ จึงกล่าวได้ว่าในพาร์ทของธุรกิจนั้นมิวท์ไม่ได้แย่เลย เธอคือทายาทผู้สืบทอดกิจการที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าวล้วนต้องแลกมาด้วยความขมขื่นอันมากมายมหาศาล มิวท์ไร้ซึ่งความสุข นานวันเข้าผู้คนที่เธอรักก็มีแต่ทยอยล้มหายตายจากไปทีละคนสองคน
.
“ปั๊กกก!!!”
.
ชั่วเสี้ยวอึดใจเปรมพุ่งหน้าเข้ามาชนกับกำแพงกระจก เสียงอัดกระแทกเรียกร้องให้มิวท์ต้องผินหน้าหันไปมองด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ต่อมาเธอจะเริ่มส่ายหน้าและหลั่งน้ำตาออกมาเอง
.
เธอมองเห็นทางเลือดที่รินไหล แผลบนหน้าผากปริแตกแดงฉานย้อมกำแพงใสให้หดหู่หัวใจเจ็บแสนสังเวช เปรมแสยะยิ้มออกมา เขาเอียงคอจ้องมองมิวท์ในชุดคลุมบางใส ก่อนจะเริ่มเลียลงไปที่บานกระจกกั้น.. แผล่บ.. แผล่บ.. แผล่บ.. ลิ้นสากตวัดวนเขี่ยราวกับท่วงท่าที่เขาใช้กับเธอตอนปฏิสนธิ แววตาเฉี่ยวแบบนั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่ากำลังเงี่ยน เปรมลากฝ่ามือปาดลงมากับแนวคราบเลือด เขาบี้บดมันให้คดโค้งจนคล้อยไปกับองศาสัดส่วนของมิวท์ที่ยืนดูอยู่ด้านนอก ก่อนจะทำการกระทุ้งท่อนเอ็นอัดเข้ากับกำแพงกระจกต่ออีกยก!
.
“ปั๊กกก!!! , ปั๊กกกก!!!! , ปั๊กกกก!!! , ปั๊กกกก!!!”
“โครมมมม!!! , โครมมมม!!! , โครมมมม!!! , โครมมมม!!!”
.
“อ่าาา.. มาเอากัน.. มาเอากัน.. น.. น.. น.. ซีดดด!.. เอากัน.. น.. น.. น”
เสียงกระเส่าเร้าใจโพยพุ่งออกมา มิวท์ไม่ได้ยินแต่อ่านได้จากริมฝีปาก
.
นี่คือพฤติกรรมของคนที่ถูกกลืนกินโดยเชื้อโควิดโดยแท้ และมิวท์ก็แทบจะไม่อยากจะมองมันอีก เธอไม่เห็นเปรมเป็นคนรักเก่าอีกต่อไป ใบหน้าก็ไม่เหมือนเดิมแถมบุคลิกนิสัยก็ต่ำสถุล ซะจนไม่ทำให้เกิดอารมณ์กระสันซ่านขึ้นมาแต่อย่างใด เธออยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้เสียด้วยซ้ำ อยากจะหนีไปให้ไกลจากห้องรับรองสุดหรูนี่ให้รู้แล้วรู้รอด
.
แต่เดชะบุญที่ทำไม่ได้! เมื่อจู่ ๆ สมาร์ทโฟนที่ถืออยู่บนมือก็แจ้งเตือนว่ามีเมลล์ด่วนเข้ามาอีก
.
“อะไรอีกล่ะ?”
มิวท์คิดในขณะที่อีกฝั่งก็ยังกระทุ้งดุ้นอัดใส่กำแพงกระจกโครม ๆ
.
“เอกสารคำรับรองขออนุมัติการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี?”
“What..???”
“อะไรอ่ะเราไม่เห็นเคยรู้เรื่อง..?”
.
“ปั๊กกกกกกก! , ปั๊กกกกกกก! , ปั๊กกกกกก!”
“โครมมมม!!! , โครมมมม!!! , โครมมมม!!! , โครมมมม!!!”
.
“หรือจะเป็นสัญญาที่พี่เปรมทำไว้ก่อนหน้านี้โดยไม่ผ่านเรา?”
.
หมดปัญญาจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ สัตรว์ประหลาดบ้าเซ็กส์อย่างเปรมไม่อยู่ในสภาพที่จะทำธุรกิจจอยด์เวนเจอร์กับองค์กรใดได้หรอก มิวท์ก็เลยถือวิสาสะกดเข้าไปอ่านอีเมลล์ฉบับดังกล่าวดู
.
ความก็เลยแตกออกมาว่าอีเมลล์นี้ถูกส่งมาจากชาติมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก พวกเขามีความสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องลิขสิทธิ์ยารวมไปถึงสูตรในการผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด จึงอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีที่มีระหว่างกัน ในขณะเดียวกันเปรมก็ได้เซ็นต์ตกลงโดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าหากฝั่งโน้นมีนวัตกรรมอะไรที่น่าสนใจ AP จะได้สิทธิ์ในการเข้าถึงองค์ความรู้ทุกอย่างเป็นเจ้าแรก กลายเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างบริษัทแบบ win & win ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ มีแต่ประชาคมโลกที่จะได้รับผลประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ที่จะผลิตขึ้นร่วมกันในอนาคต
.
แล้วสาระสำคัญของอีเมลล์ฉบับนี้ก็อยู่ตรงนี้ สำคัญจนถึงขนาดที่มิวท์ต้องอ่านทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่านับสิบ ๆ หน
.
“สัญญาอนุมัติการปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรโลก?”
“ดาวเทียมอะไร? จรวดอะไร? บ้าบออะไรของพี่เนี่ยะพี่เปรม? พี่ไปแลกเปลี่ยนอะไรกับพวกฝรั่งไว้เยอะแยะคะ?”
.
มิวท์ใช้เวลาอ่านรายละเอียดโครงการนี้อยู่นานพอควร แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ ประกอบกับการได้เห็นสภาพของเปรมที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน ความบ้าคลั่งของเขา ความกระสันอยากเอา และร่างกายที่เริ่มจะไม่เหลือเค้าความเป็นคน ทำให้มิวท์ต้องตัดสินใจ
.
“เซ็นต์ ๆ ไปคงไม่เป็นไรมั้ง ปล่อยจรวดออกจากพื้นที่เกาะนอกชายฝั่งทะเลแคริบเบียน ถ้าแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีแล้วผลที่ได้ออกมาดี บางทีพวกชาติมหาอำนาจอาจจะค้นพบวิธีรักษาพี่ให้กลับมาเป็นคนปกติก็ได้”
“มิวท์เซ็นต์เลยนะคะถ้างั้น คงไม่เป็นไรใช่ไหมพี่เปรม?”
.
จบประโยคนี้มิวท์ก็เดินย้อนกลับมาที่ห้องนอนผนังกระจกอีกครั้ง เธอสบตากับเปรมน้ำตาของเธอกับเลือดในตาเขาแทบจะขนานอยู่ในระดับเดียวกัน ห่างกันเพียงกระจกกั้น ก่อนที่มิวท์จะใช้ปลายนิ้วเซ็นต์คำสั่งอนุมัติผ่านจอทัชสกรีนลงไป
.
“กรรรรรร!!! , เอากัน! , เอากัน! , มิวท์มาเอากัน! , กรรรรรรร!!!”
.
เธอเซ็นต์เพื่อความหวังจะเห็นอนาคตใหม่ แต่ฝ่ายชายกลับยังคงครางแต่ถ้อยคำในอดีตเดิม ๆ ออกมา
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ