แชร์

DEEP LOVE : 01 (1/2)

ผู้เขียน: ฮวายอน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-14 12:30:05

แผ่นหลังฉันแนบชิดสนิทเบาะหนังเพราะความเร็วที่เกินกว่ามาตรฐานกำหนด ปลายเท้าเล็กแตะคันเร่งโดยไม่เว้นช่องว่างให้อากาศลอดผ่านเลยสักวินาที สองมือเล็กกำพวงมาลัยแน่น พลางหักไปซ้ายขวาตามพื้นที่ว่างบนท้องถนน สายตาจ้องผ่านกระจกออกไปข้างหน้าราวกับโกรธแค้นมันมาเป็นสิบชาติ โทสะในตัวปะทุปุดๆ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิด

ปึกกก!!!

“อ๊ายยยยย”

ฉันยกกำปั้นซ้ายทุบพวงมาลัยพร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียงภายในสปอร์ตคันหรูของตัวเอง เผื่อความร้อนในกายมันจะทุเลาลงบ้างแต่ไม่เลย…ไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าสิ่งที่ทุบเมื่อกี้เป็นหน้าหมอนั่น ก็คงจะช่วยได้เยอะกว่านี้

ฉันกดปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัยเลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิทบนจอ LED ขนาดย่อมตรงคอนโซลรถ แล้วกดโทรออกทันที

ตื๊ดดดด ตื๊ดดดดด

“ไงคะ…อีคุณหนูขาวีน”

“มึงอยู่ไหน”

“อยู่คอนโด”

สายถูกตัดด้วยปลายนิ้วทันทีที่รู้จุดหมายปลายทาง ก่อนจะหักพวงมาลัยชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าคอนโดเพื่อนรักตัวเอง

ฉันกลับมาไทยเพราะคำสั่งกายสิทธิ์ของผู้สูงวัยที่มีอิทธิพลกับชีวิตที่สุดตั้งแต่ป๊าจากไปอย่างกะทันหัน เมื่อสิบปีก่อน คนนั้นคือ อาม่า คนที่รักและห่วงใยฉันมากกว่าแม่แท้ๆ บางทีอาจเป็นเพราะท่านมีครอบครัวใหม่ ความรัก ความใส่ใจที่มีต่อฉันมันจึงน้อยลง

ส่วนธุรกิจของป๊า ก็ตกเป็นของแม่โดยปริยาย ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านทั้งสองสร้างมาด้วย ฉันมีสิทธิ์แค่ถือหุ้นเล็กๆ ในบริษัทก็เท่านั้น เรื่องราวภายใต้ธุรกิจคงมีอะไรมากกว่านั้นที่ฉันไม่รู้

ความจริงฉันก็ไม่ซีเรียสนะ…เพราะไม่ตั้งใจจะกลับมาไทยอยู่แล้ว ฉันกะลงหลักปักฐานใช้ชีวิตสงบสุขที่นั่นเลย

แต่ก็นั่นแหละ…ฉันขัด อาม่า ไม่ได้ ด้วยประโยคเบสิกที่ท่านชอบพูด

‘ม่าจะตายวันตายพรุ่งก็มะรู้ แค่นี้ทำให้ม่าไม่ได้เหรอ’ และฉันก็ต้องยอมท่านทุกครั้ง

แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ถ้ารู้ก่อนว่าเหตุผลที่ท่านตามฉันกลับมาในครั้งนี้ คือการมาเข้าร่วมพิธีมงคลสมรส โดยที่ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไปกว่า 90% เหลือแค่รอส่งตัวบ่าวสาวในวันพิธีก็เท่านั้น ไม่มีทางที่จะเห็นฉันที่นี่แน่ๆ

ไม่ว่ายกแม่น้ำ ยกภูเขา หรือยกมาทั้งอวกาศ เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการยกเลิกงานแต่งครั้งนี้ อาม่าก็ไม่ยอมและไม่มีท่าทีจะอ่อนลง ทางเดียวที่จะล้มเลิกงานแต่งครั้งนี้ได้ คือ เจ้าบ่าวต้องปฏิเสธงานแต่งนี่ด้วยตัวเขาเองเท่านั้น

และก็อย่างที่เห็น เขาเป็นคนยินยอมที่จะให้มีพิธีแต่งงานเกิดขึ้น เพียงเพราะธุรกิจบ้าบอนั่นและอยากเอาชนะฉัน

ผู้ชายคนนั้น นายมธุษินทร์ อัครจินดา เขาโผล่เข้ามาในชีวิตฉันตั้งแต่ป๊ายังมีชีวิตอยู่ เพราะพ่อเราสองคนเป็นเพื่อนรักกัน แต่ความเป็นเพื่อนรักนั่น มันไม่ได้สืบทอดกันมาเป็นมรดก ฉันเลยไม่ชอบขี้หน้าเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอ เราไม่เคยญาติดีกันเลยสักครั้ง

‘คอยดูนะ ฉันจะเอาชนะเธอให้ได้ ฉันจะทำให้เธออยู่ในกำมือฉันให้ได้ ยัยคุณหนูจองหองเอ๊ย’ ไม่คิดว่าประโยคที่เขาเคยพูดไว้เมื่อสี่ปีก่อน เขาไม่เคยลืมและตั้งใจจะทำแบบนั้นกับฉันจริงๆ แต่ตอนนี้ต้องตัดโทสะ อารมณ์ส่วนตัวไปก่อนเพราะฉันต้องใช้สติและสมองมากกว่า

ปลายนิ้วเรียวถูกยกกดกริ่งหน้าคอนโดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมาสี่ปีแต่เราคอลหากันอยู่ตลอด ตอนที่ฉันอยู่อีกซีกโลก ซึ่งความจริงก็เหมือนไม่ได้ห่างกันเลยสักนิด เธอคือ จ๊ะจ๋า เพื่อนสนิทที่สุดเพียงคนเดียวของฉัน

ไม่นานประตูห้องก็เปิดพร้อมกับเสียงเจื้อยแจ้วและมือที่ผายออกเป็นเชิงยินดีต้อนรับของเพื่อนตัวดี

“เวลคัมทูไทยแลนด์ค่ะ ว่าที่เจ้าสาว”

“Shut up!” ฉันว่าพลางตวัดตามองเจ้าของห้องที่รีบยกมือขึ้นปิดปากด้วยท่าทีเสแสร้งเป็นว่า นี่ฉันพูดอะไรออกไป เหอะ…ว่าที่เจ้าสาวงั้นเหรอ ไม่มีวันซะหรอก

ก่อนจะพาตัวเองไปยังชุดโซฟาสุดหรูกลางห้องแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง แหงนคอพิงพนัก เหม่อมองเพดานสีครีมตกแต่งด้วยดวงไฟเล็กหลายจุดและดวงใหญ่ที่ห้อยกึ่งกลางโดดเด่น ตั้งแต่ลงเหยียบบนแผ่นดินไทย ฉันยังไม่ได้พักเลย ในหัวมีแต่เรื่องงานแต่งที่จะเกิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คิดไม่ตก หาทางออกไม่เจอ ถ้าตอนนี้ป๊ายังอยู่ ลูกคงไม่โดนอาม่าบังให้แต่งงานกับคนที่ไม่ชอบเพื่อธุรกิจที่ป๊าสร้างขึ้นมาหรอกใช่ไหม

“กูจะหนีงานแต่ง” ฉันพูดออกไปอย่างเลื่อนลอย สมองฉันคิดได้แค่นี้…นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวฉันตอนนี้

“มึงจะบ้าเหรอ ไม่กลัวอาม่าช็อกตายรึไง” มันว่าพลางกระโดดมานั่งข้างฉันด้วยท่าทางตื่นตระหนก

“อาม่าแข็งแรงจะตาย มึงไม่เห็นไง๊” ฉันแย่งด้วยความจริงที่เป็นอยู่ ก่อนจะหันหน้าไปหาเพื่อน ผงกศีรษะขึ้นวางบนมือที่ตั้งศอกยันกับพนักพิงโซฟาแทน

อาม่าพูดว่าเป็นนั่นเป็นนี่เพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้ฉันทำตามความต้องการของตัวเองก็เท่านั้น ความจริงท่านไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรเลย เรื่องนี้ฉันรู้ดี…แค่ไม่อยากขัด แต่ครั้งนี้มันเกินไป

“แล้วธุรกิจของป๊ามึงละ” มันถาม

“กูไม่เอา กูไม่ได้อยากได้แต่แรกแล้ว” คำตอบนี่ฉันแทบไม่ต้องคิดเลย ถ้าฉันอยากได้คงไม่คิดจะไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตั้งแต่แรก

“มึงคิดดีแล้วเหรอ” มันถามต่อ

“ดีที่สุด”

“กูให้คิดอีกที” มันยังพยายาม

“ไม่” ฉันปฏิเสธด้วยเสียงหนักแน่น จ๊ะจ๋าทำหน้าเหมือนคิดอะไรสักอย่างก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบไวน์แดงที่วางบนเคาน์เตอร์ครัวพร้อมแก้วสองใบแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม

“แต่กูว่า…” มันพูดขึ้นในตอนที่กำลังรินไวน์ใส่แก้วให้ แต่ฉันพูดแทรกขึ้นก่อนในจังหวะที่มันเว้นช่วง

“ทำไมมึงดูอยากให้กูไปใช้ชีวิตกับผู้ชายแบบนั้นจังเลยวะ”

ฉันรับแก้วไวน์มาแกว่งอยู่ในมือ หรี่ตามองเพื่อนตัวเองอย่างจับผิด

“ไม่ใช่แบบนั้น” มันปฏิเสธแล้วกระดกไวน์เข้าปาก ฉันเองก็ด้วย หน้าตาฉันเหยเกทันทีที่กลืนไวน์ลงคอ พร้อมกับจ้องแก้วไวน์ในมือ

ไวน์นี่ราคาเท่าไหร่กันนะ…รสชาติแย่ชะมัด ก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะในจังหวะที่เพื่อนรักเริ่มสาธยายต่อ

“กูว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ถ้าคิดในเชิงธุรกิจ มีแต่ได้กับได้ไม่ใช่ง่ะ? งั้นเขาก็คงไม่ตกลงแต่งงานกับมึงหรอก”

“แต่เขาไม่ใช่คนดี” ฉันสวนทันควัน

“มึงก็ไม่ใช่นะ”

“อีจ๋า!” ฉันตวัดตามองเพื่อน...ที่เริ่มไม่แน่ใจว่ามันใช่เพื่อนฉันจริงๆ รึเปล่าด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เมื่อมันหาว่าฉันก็ไม่ต่างจากคนประเภทนั่น แต่เชื่อเถอะ…เขาเลวกว่าฉันหลายร้อยเท่า แล้วมันก็ยังพยายามโน้มน้าวฉันต่อ

“กูกำลังคิดว่า เขาก็คิดแต่เรื่องธุรกิจ ไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักความใคร่อะไร ก็ต่างคนต่างอยู่ได้หนิ แต่งแค่ในนาม ต่างคนต่างเป็นอิสระ มันก็แฟร์ๆ ไหม”

ฉันเริ่มคิดตามในสิ่งที่มันพูด ก็ฟังดูดีในระดับหนึ่ง หรือความจริงต่างคนต่างอยู่มันก็ดี อาม่าก็จะไม่ตัดหลานกับฉันด้วย เห่ย…ไม่ได้ดิ

“ไม่ จะแค่ในนามหรือในไหนกูก็ไม่โอเค” ฉันรีบปฏิเสธทันทีที่ดึงสติกลับมาได้ อาม่ามาซื้อตัวมันไปเป็นพวกแล้วแน่ๆ กล่อมซะเคลิ้มเชียว ดีนะ…ไหวตัวทัน

“มึงเกลียดไรเขานักหนาว่ะ หรือเขาเคยหักอกมึง” แล้วมันก็ตั้งคำถามท่าทางจริงจัง

“อีนี่…!!”

“เอ้า ก็กูอยากรู้”

“มึงดูหน้าเพื่อนมึงดีๆ ดิ หน้าอย่างงี้ จะมีใครกล้ามาหักอกกูเหรอ มีแต่วิ่งตามค่า” ฉันจับใบหน้ากลมมนของเพื่อนรักมาประจันหน้า ให้มันดูชัดๆ ว่าฉันสวยขนาดไหน กล้าพูดได้ไงว่าจะมีผู้ชายมาหักอกฉัน

“จ้ะ…สวย แต่น่าเสียดายที่กำลังจะมีผัว”

“โนว์ กูจะไม่ยอมเอาใครหน้าไหนมาเป็นผัวเด็ดขาด มึงคอยดู” พูดจบฉันก็สะบัดหน้ามันไปอีกทางด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะลุกเดินไปที่เคาน์เตอร์ครัว เปิดวิสกี้ยี่ห้อดังเทใส่แก้วแล้วยกขึ้นกรอกปากจนหมดในคราเดียว ล้างรสชาติแย่ๆ ของไวน์แดงนั่น หรือความจริงอาจเป็นเพราะฉันไม่ค่อยสันทัดเครื่องดื่มโหมดไวน์สักเท่าไหร่ ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ฉันเทมันใส่แก้วอีกครั้งก่อนจะพลิกตัวหันหลังพิงเคาน์เตอร์ครัว มองน้ำสีเหลืองอำพันในแก้วที่หมุนวน เหมือนกับฉันในตอนนี้ ไม่ว่าฉันจะวิ่งหนียังไง มันก็วนกลับมาที่เดิม ไม่มีทางออก

ใช่ว่าฉันจะเกลียดอะไรหมอนั่นขนาดนั้นหรอกนะ แต่แค่ไม่ถูกชะตา ไม่ชอบขี้หน้า แล้วไม่ใช่กับเขาคนเดียวหรอก ไม่ว่ากับใคร ฉันก็ไม่อยากแต่ง ฉันชอบการใช้ชีวิตคนเดียว รักอิสระ ติดเที่ยวเล่น เรื่องผู้ชายก็มีบ้าง พอมีคนเข้ามาคุย เข้ามาเปย์ แต่ฉันก็ไม่เคยเลือกใครสักคน พอถึงจังหวะที่รู้สึกว่าเขาล้ำเส้นเกินไปฉันก็ตัดทิ้ง อย่างไม่มีเยื่อใย เพราะฉันไม่เคยอินกับความรัก…

ฉันกลัวการมีครอบครัว เพราะเบื้องหลังครอบครัวที่แสนสุข ภายในคฤหาสน์สวยงาม ที่ทุกคนมองว่าฉันเป็นดั่งเจ้าหญิง แท้จริงแล้วมันไม่ใช่…

ความร้ายกาจในจิตใจมนุษย์ เกินที่เราจะคาดเดาได้

ความรักบ้าบออะไร มันไม่มีจริงหรอก อยู่กันเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น และชีวิตฉันก็กำลังจบลงแบบนั้น แบบป๊ากับแม่ นี่สินะ มรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เฮงซวยฉิบ!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 03 (1/2)

    แต่ไม่มีใครรู้ ว่าคนอย่างฉันมีอีกกี่ลมหายใจ ~~~และไม่มีใครรู้ ว่าวันพรุ่งนี้ จะเป็นเช่นไร~~ได้โปรดให้ความรัก ได้ทำหน้าที่ของมันต่อไป~~ให้มันค่อย ๆ ช่วยเธอตอบ คำถามในหัวใจ ที่เธอยังสงสัย ~♩♫♪♬~และปล่อยให้ตัวฉัน ได้ทำหน้าที่ทุกวันต่อไป….“อะ…อ้าว” เขาร้องท้วงเมื่อฉันเอื้อมมือไปกดปิดเพลงที่กำลังเล่นบนหน้าจอ LED ตรงคอนโซลหน้ารถ“รำคาญ” ฉันพ่นคำทั้งที่ยังหันหน้ามองออกนอกกระจกรถ เพลงโปรด แต่พอเขาเป็นคนเปิดมันกลับทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น เสียงเพลงดังออกมาจากลำโพงบวกกับเสียงเจ้าของรถที่หัมมาตลอดทาง ทำให้หัวสมองฉันตื้อตันไปหมด“ออกจะเพราะ”“ช่วยเงียบหน่อยเหอะ” ฉันเอ่ยข้อร้องด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดไม่น้อยและมันได้ผล เขาเงียบในทันที ตอนนี้ฉันไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะทำหน้าแบบไหนเพราะสายตายังล่องลอยไปตามเส้นขอบฟ้าที่ไกลลิบ เกือบได้กลับไปอยู่ในที่ของตัวเองแล้วเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะเขา…เฮ้อออ‘ฉันจะแต่งกับเธอเท่านั้น’นี่คงเป็นประโยคที่ซาบซึ้งกินใจสำหรับใครหลายๆคน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน ยิ่งเป็นคำพูดที่ออกจากปากนายมธุษินทร์แล้วด้วย ฉันกลับคิดว่ามันเป็นประโยคที่เลวร้าย

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 02 (2/2)

    “Sorry…” ฉันเอ่ยขอโทษขอโพยเขาทันทีพลางขยับปีกหมวกให้ปิดลงมาแบบเดิมเพราะตอนชนกันหมวกฉันเกือบหลุดออกจากหัว“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ แต่…ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเสียง ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือกลิ่นละมุดที่มันเตะเข้าจมูกอย่างจังจนแสบจมูกไปหมด นี่เขาไปตกถังเหล้าที่ไหนมาวะ แต่ช่างเหอะ…มันมีอะไรที่สำคัญกว่าจะมาอยากรู้อะไรไร้สาระ ในจังหวะที่ฉันจะก้าวเท้าไปต่อ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับฉัน“เห่ย…”ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังเตรียมซอยเท้าสี่คูณร้อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงรั้งที่มาจากกระเป๋าเป๋ด้านหลัง ทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก“จะไปไหนครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”“ปล่อยฉันนะ!” ฉันหันไปผลักกลางอกนายมธุษินทร์ จนเขาเสียหลักถอยไปชนกับเสากลมใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งหลักได้ ฉันขยับกระเป๋าเป๋พร้อมออกวิ่งอีกครั้ง ความจริงฉันไม่ได้ออกแรงขนาดนั้นแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเขาเองมากกว่า สมควรแล้วฉันไม่สนใจจุดหมายปลายทางว่าจะไปหยุดที่ไหน ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือวิ่ง ดีนะวันนี้เตรียมตัวมาดี ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม รองเท้าเหมือนมาเพื่อการนี้ด้วยเฉพาะหรือบางทีมันอาจเป็นลางร้าย…เขาใช้เวลาไม่นา

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 02 (1/2)

    ความจริงผมไม่ควรแปลกใจนะ…ที่ไอ้พวกนั้นมันไม่เชื่อว่าผมจะแต่งงาน ผมเองยังก็ยังงงๆ อยู่เลย ทำไมถึงตอบตกลงอาม่าโดยใช้เวลาคิดไม่ถึงเสี้ยวนาที ทั้งที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนี้อยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำประเด็นหลักอาจเป็นเรื่องธุรกิจ คนเราพอถึงวัยทำงานก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเงิน ประเทศนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน เงิน อำนาจ ต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งถึงอยู่สบาย หรือบางทีอาจต้องมีทั้งสองอย่างAJD Group เป็นบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ระดับต้นๆ ประเทศ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมากอยู่แล้ว แต่ถ้าผมได้ถือครองหุ้นบางส่วนของ เรืองขจร บริษัทนำเข้า ส่งออกวัตถุดิบแปรรูประหว่างประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ไม่แพ้กัน มันจะทำเงินให้ผมมากขนาดไหนผมสามารถตัดขาคู่แข่งไปได้เกินครึ่งด้วยการดึง เรืองขจร มาเป็นดีลเลอร์ใหญ่และเซ็นสัญญาขึ้นตรงกับ AJD Group แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เมื่อก่อนมันเคยเป็นแบบนั้นนะ ตอนที่พ่อของลลิลลดายังมีชีวิตอยู่ แต่พอเปลี่ยนบอร์ดบริหาร ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ความจริงไม่ใช่แค่ผม เราทุกคนล้วนมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ทั้งนั้นและประเด็นรองคือผมอยากเอาชนะยัยคุณหนูจองหองนั่น ลลิลลดา...แต่ถ้าคิดอีกที…ตอนที่ผมต

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 01 (2/2)

    [Matusin Talk]ช่วงเย็นของวันต่อมา…@Sosay Pub“เห่ยๆๆ”“ไอ้เฮีย ตื่น”ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนมาสะกิดเรียก ผงกหัวขึ้นเล็กน้อย หรี่ตามองไอ้คนที่มันบังอาจมาปลุกผม มันคือไอ้ดิน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียที่ไม่รับช่วงต่อธุรกิจสีเทาของผู้เป็นพ่อสักอย่าง แต่เสือกเลือกที่จะมาเป็นเจ้าของผับเล็กๆ แห่งนี้แทนผมทิ้งหัวลงบนโซฟาอีกครั้งพลางยกกำปั้นทุบหน้าผากตัวเองเบาๆ ปวดหัวฉิบ“ไมมานอนตรงนี้วะ” เสียงไอ้ยูตะเอ่ยถามก่อนที่มันจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม มันเป็นน้องชาย ไอ้วาโย เพื่อนสนิทผม“เชี่ยยยย นี่มึงแดกคนเดียว?” ไอ้หมอไวน์ ที่เดินตามเข้ามาเอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นกองขวดเหล้าและพวกบรรดามิกเซอร์ทั้งหลายบนโต๊ะกลาง คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ แถมยังเป็นทายาทคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังใจกลางเมือง“ตับไตพังหมดแล้วมั้ง ไอ้ฉิบหาย” นี่ก็เสียงไอ้วาโย พวกมันตามกันเข้ามาติดๆ ยังมีไอ้ธามและก็ไอ้ฟิวส์ที่เดินเข้ามาแต่ไม่ได้พูดอะไร ไอ้สองตัวนี้แม่งพอกัน ไอ้พวกกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก แต่มันกวนตีนมากนะ…บอกไว้ก่อน ไม่งั้นคบกับพวกผมไม่ได้หรอกแน่ะ...พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้เหี้ยฟิวส์ก็เดินมาสะกิดผ

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 01 (1/2)

    แผ่นหลังฉันแนบชิดสนิทเบาะหนังเพราะความเร็วที่เกินกว่ามาตรฐานกำหนด ปลายเท้าเล็กแตะคันเร่งโดยไม่เว้นช่องว่างให้อากาศลอดผ่านเลยสักวินาที สองมือเล็กกำพวงมาลัยแน่น พลางหักไปซ้ายขวาตามพื้นที่ว่างบนท้องถนน สายตาจ้องผ่านกระจกออกไปข้างหน้าราวกับโกรธแค้นมันมาเป็นสิบชาติ โทสะในตัวปะทุปุดๆ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดปึกกก!!!“อ๊ายยยยย”ฉันยกกำปั้นซ้ายทุบพวงมาลัยพร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียงภายในสปอร์ตคันหรูของตัวเอง เผื่อความร้อนในกายมันจะทุเลาลงบ้างแต่ไม่เลย…ไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าสิ่งที่ทุบเมื่อกี้เป็นหน้าหมอนั่น ก็คงจะช่วยได้เยอะกว่านี้ฉันกดปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัยเลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิทบนจอ LED ขนาดย่อมตรงคอนโซลรถ แล้วกดโทรออกทันทีตื๊ดดดด ตื๊ดดดดด“ไงคะ…อีคุณหนูขาวีน”“มึงอยู่ไหน”“อยู่คอนโด”สายถูกตัดด้วยปลายนิ้วทันทีที่รู้จุดหมายปลายทาง ก่อนจะหักพวงมาลัยชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าคอนโดเพื่อนรักตัวเองฉันกลับมาไทยเพราะคำสั่งกายสิทธิ์ของผู้สูงวัยที่มีอิทธิพลกับชีวิตที่สุดตั้งแต่ป๊าจากไปอย่างกะทันหัน เมื่อสิบปีก่อน คนนั้นคือ อาม่า คนที่รักและห่วงใยฉันมากกว่าแม่แท้ๆ บางทีอาจเป็นเพราะท่านมีครอบครัวใหม่ ควา

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 00

    ปึงงงง!!ว๊ายย / เชี่ยยย!!“อะไรวะเนี่ย” ผมสบถออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับดันร่างบางของคู่ขาคนใหม่ออกจากพันธนาการส่วนล่างให้ล้มลงบนเตียงเพื่อให้เธอได้ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นเธออยู่ในท่าก้งโค้งให้ผมจัดหนักจากทางด้านหลังผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวอย่างหัวเสีย เพราะบางอย่างมันยังแข็งตึงดุนผ้าขนหนูขึ้นมาจนเด่นชัด“คุณเป็นบ้าอะไร รับปากอาม่าแบบนั้นได้ไง” เสียงแผดดังขึ้นพร้อมกับเสียงส้นสูงของรองเท้าดังกระทบพื้นตรงมาหาผมที่ตอนนี้เดินไปเปิดสวิสไฟหัวเตียง เธอทิ้งระยะห่างประมาณสามสี่ก้าว พอไฟในห้องสว่างขึ้น ผมก็มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน โดยเฉพาะ…ผู้หญิงตรงหน้า“ใครกันแน่วะ...ที่เป็นบ้า” ผมว่าพลางหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ผู้หญิงอีกคนที่ยังนั่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง เธอรีบรับเงิน จัดแจงความเรียบร้อยของตัวเองแล้วออกจากห้องไปทันที เป็นอันรู้กันว่ารับเงินคืองานจบ ทั้งที่ผมยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ หงุดหงิดฉิบ…ลูกน้องไอ้ดินปล่อยให้เธอขึ้นมาถึงชั้น VIP ของพวกเรา ได้ยังไงวะผู้หญิงที่ใจกล้า บ้าบิ่น บุกเข้ามาตอนคนกำลังทำกิจกรรมเสียวซ่านอยู่ มีไม่กี่คนหรอก ไม่สิ…มีคนเดียวเท่านั้นแหละเธอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status