@ KIRA’S CONDO
“นี่เฮียจะไม่คุยกับเค้าสักคำเลยหรอเนี่ย ที่หายไปแล้วปล่อยให้หนูเผชิญโลกกว้างคนเดียวในปราสาทอ่ะ -3-” ฉันบ่นไปยาวเหยียดพอเดินพ้นประตูห้องมา แต่คำตอบของเฮียคินก็มีแค่เขาเข้ามากอดฉันแน่นมากๆเท่านั้น พรึ่บ! “สนุกมั้ยวันนี้...” ดูท่าทางเฮียจะเหนื่อยน่าดูเลยแฮะ ก็แหงแหละ ไปทำอะไรมาก็ไม่รู้ เนื้อตัวเลอะเทอะได้อีก -3- โอ๊ะ! ลืมบอกเรื่องสำคัญไปอย่าง ในช่วงเวลาที่เฮียหายไปแล้วฉันหลงไปนอนหลับในห้องแห่งความลับเพราะกลัวผีก่อนหน้านี้ อยู่ๆพอตื่นขึ้นมาฉันมีโอกาสได้เจอรุ่นพี่เฟรย่าหรือเจ๊เฟรย์ที่ Castle ฝั่งขวาด้วยล่ะ แล้วจะบอกความจริงที่สำคัญให้เลย! ว่าคนที่กอดฉันแน่นตอนนี้อ่ะตัวดี! เฮียคินโกหกทั้งเพเลยจริงจริ๊ง~ ที่จริงคุณปู่เจ้าที่คนนั้นเค้าเป็นคนจ้าไม่ใช่ผี เรื่องนี้เจ๊เฟรย์การันตี แถมยังบอกว่าคุณปู่คนนั้นเป็นพ่อของเธออีก “ยังจะมาทำเป็นพูดดี! หนูเกือบหัวใจวายเพราะคุณปู่เจ้าที่จะเอาไปอยู่ด้วยแล้วนะคะ คิดดูหนูต้องเดินตามคนที่คิดมาตลอดว่าเป็นผี แถมยังต้องเจรจาให้เขาปล่อยหนูกลับสู่โลกแห่งความจริง -3-” พูดไปฉันก็ทำหน้ามู่ทู่มุดเสื้อเฮียไปแบบหมันไส้ซะจริง แต่จังหวะที่มุด ฉันก็เพิ่งสังเกตุว่าเสื้อผ้าสีทึบของเขา มันขาดนี่! เสื้อเฮียขาดเป็นรู แล้วพอเอื้อมมือไปจับทั้งหน้าอกและหน้าท้องของเขาก็แข็งปังเลย “หืม? เฮียคินทำไมถึง...” “มีเรื่องนิดนึง” “ไม่นิดแล้วค่ะ นี่มันเหมือนเสื้อเกราะที่หนูเห็นในหนังเลยอ่ะ แล้วก็ดูเหมือนเฮียจะเจ็บมากด้วย เป็นไรมากมั้ยคะ” ใช่! มองทะลุเสื้อที่เขาใส่ ข้างในมันคือเสื้อเกราะแน่ๆอ่ะ แต่เฮียก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไร ทั้งที่เขาสะดุ้งนิดๆ ตอนฉันทาบมือลงไปด้วยซ้ำนะ “ไม่เห็นจะเจ็บตรงไหน” เฮียคินพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุด และมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ดูแว๊บเดียวก็รู้ว่ากำลังปิดบัง “จริง?” “อื้ม” ตุ้บ! พอเขาตอบมาแบบนั้น ฉันเลยทุบเข้าไปที่หน้าท้องเฮียคินเต็มแรง เล่นเอาเฮียตัวงอ สีหน้าเขาบอกชัดว่าเขาเจ็บมาก เจ็บจนทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาแบบไม่เก็บอาการ ฉันเลยตรงเข้าไปถอดเสื้อและเสื้อเกราะที่เขาใส่อยู่ออก เผยให้เห็นรอยช้ำที่น่ากลัวเต็มตัว “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เฮียคิน! เฮียต้องไปหาหมอค่ะ!” ฉัน...ไม่เคยตะคอกใส่เฮียเลย นี่เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันโพล่งออกไปเพราะตกใจพอได้เห็นอาการที่สาหัสเอาเรื่องแบบนั้น แต่เฮียก็เลือกจะส่ายหน้า แล้วไม่กี่วินาทีพี่ไคยะก็พุ่งพรวดเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับคุณหมอและพยาบาลที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตา พวกเขาตรงเข้ามาหาเฮียคินอย่างกับรู้ว่าเขากำลังต้องการหมอเลยอะ หมับ! เพราะหมอกับพยาบาลใช้พื้นที่รอบข้างเฮียวางอุปกรณ์ต่างๆ จังหวะที่ฉันกำลังจะเดินหนี เฮียคินก็คว้ามือฉันไว้ ดึงให้ทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ ก่อนที่เขาจะเอนตัวพิงพนักพิงโซฟานิ่งๆ โดยมีหมอและพยาบาลทำหน้าที่ของตัวเองจนอย่างรีบร้อนจนมือแทบพันกัน “เฮียคิน...” ฉันจ้องหน้าคนที่ตอนนี้นั่งหลับตาเหมือนข่มความเจ็บเอาไว้ เฮียคินจับมือฉันแน่น และบีบมันเป็นจังหวะตอนหมอสัมผัสโดนรอยช้ำบนตัวเขาที่มีมากมาย และพอมีโอกาสได้จ้องหน้าเฮียใกล้ๆก็เพิ่งเห็นชัดๆ มุมปากของเขาฟกช้ำและมีรอยเลือดซิบจางๆ ทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่สังเกตเห็นเลย นี่มันเรื่องอะไรกัน?! “มันเกี่ยวกับกุญแจมือที่หนูเป็นคนปลดให้ใช่มั้ย?” ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอฉันถามเฮียก็เงียบ พี่ไคยะที่อยู่ๆโผล่มาก็เงียบ เขาเอาแต่จ้องเฮียคินด้วยสายตาเป็นห่วง เหมือนรู้กันแค่สองคนแต่ฉันไม่รู้อะไร ซึ่งมันน่าอึดอัดอย่าบอกใคร “Dark Ghost Mafia มีอยู่จริงใช่มั้ย?” แม้จะถามไปเสียงเข้ม เพราะคิดว่าถ้าคุณปู่เจ้าที่ไม่ใช่ผีและมีตัวตนจริงๆ งั้นมันก็ต้องมีสิ ไอ้แก๊งค์มาเฟียผีอะไรนั่น แต่ทุกคนก็ยังเงียบอยู่ดี “...ภัทรเดชา” คราวนี้คำพูดของฉันแค่ไม่กี่คำสั้นๆ ถึงจะไม่มีใครตอบ แต่ทั้งพี่ไคยะและเฮียคินก็ลืมตาที่ดูเหนื่อยล้าขึ้นมาสนใจฉันทันควัน พี่ไคยะทำท่าจะพูดอะไรแต่เฮียก็ยกมือห้ามไว้ “คุณปู่คนนั้นบอกว่าเฮียชื่ออคิราห์ ภัทรเดชา หนูคิดมาตลอดทางว่านอกจากเฮีย หนูเคยได้ยินนามสกุลนี้ที่ไหน จนพอนึกได้ว่าเห็นเฮียโยเฮียพายเดินอยู่ที่ Castle ฝั่งซ้าย...” พูดไป ฉันก็มองหน้าเฮียสลับกับพี่ไคยะอย่างเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวให้เข้ากัน ในขณะที่ทั้งสองคนต่างก็อ้ำอึ้ง พยายามปิดบังฉันอยู่อย่างนั้น “รุ่นพี่เตโช... เขาใช่มั้ย?! ทั้งเฮียคินและรุ่นพี่เตโชใช้นามสกุลนี้ ติณณวัชร์ ภัทรเดชา... อคิราห์ ภัทรเดชา... รุ่นพี่เตโชมีประวัติเป็นเมมเบอร์แก๊งค์มาเฟียที่หนู...จำชื่อไม่ได้ แต่พวกเฮีย! พวกเฮียต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่ๆ” “ไม่” พอฉันพูดจบ เฮียคินก็สวนกลับมาทันที พี่ไคยะเองก็พยายามประนีประนอมให้ฉันเลิกตั้งคำถามพวกนี้ “ให้นายทำแผลก่อนเถอะครับนายหญิง” ไม่หรอ! ไม่อะไรกัน! ไม่ยอมสารภาพมากกว่า ถึงฉันจะไม่เคยถามเลย แต่ก็ไม่ใช่จะมองข้ามนะ “เฮียคินโกหก! พี่ไคยะก็ด้วย พวกเดียวกัน! หนูเคยเรียกเขา เรียกว่าเฮียติณณ์...แล้วเขาก็หยุดฟัง” คำพูดของฉันทำเอาเฮียคินหันไปจ้องหน้าพี่ไคยะอย่างไม่พอใจ และแน่นอน...พี่ไคยะไม่รู้เรื่อง ตอนฉันเจอรุ่นพี่ครั้งนั้น พี่ไคยะไปเข้าห้องน้ำ และอาการที่แสดงออกชัดของเฮียที่แหละที่มันเป็นเครื่องยืนยัน “รุ่นพี่เตโชเป็นคนสอนหนูอ่านตำราแม่มดเล่มนั้น แถมยังเคยพูดจาแปลกๆตอนหนูเอาหมูปิ้งไปให้ ว่าหนูจะวางยาเขามั้ย พอถามว่าหมายความว่ายังไง รุ่นพี่ก็ให้หนูกลับมาถามเฮียคิน แล้วทำไมถึงเอาแต่ปฏิเสธอยู่ได้ ในเมื่อทุกอย่างมันน่าสงสัย!” ทุกคำที่ฉันพูดไปทำให้เฮียออกอาการแปลกใจ ฉันรู้...ฉันจำได้ เขาเคยบอกว่าไม่ชอบให้ฉันไปยุ่งกับรุ่นพี่เตโช แต่ทุกครั้งที่ยุ่ง รุ่นพี่เตโชก็แสดงอาการแปลกๆแบบนี้ตลอด จะไม่ให้คิดอะไรเลยได้กันยังไง “มันมาวุ่นวายกับเราตั้งแต่เมื่อไหร่” เฮียคินถามเสียงเข้มแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้ยินจากปากเขาสักหน่อย “ไม่สำคัญหรอกค่ะ ที่มันสำคัญคือเฮียกับรุ่นพี่...” “ไม่มีอะไร” เฮียคินชิงพูดและขมวดคิ้ว ส่วนนึงเพราะเขาคงเจ็บแผล แต่ตาก็จ้องฉันนิ่ง “ไม่จริงหรอกค่ะ TYN กับ KYN... แค่ชื่อพวกเฮียยังเขียนเหมือนกันเลย แล้วรุ่นพี่เตโช รุ่นพี่เค้า...” “มันทำไม?” “เหมือนคอยดูแลหนู...อยู่ตลอดเวลา” “นั่นต่างจากที่ไม่จริง” “จริงๆ” ฉันพูดออกไปด้วยความมั่นใจ นี่บอกจากความรู้สึกข้างในจริงๆเลยนะ เหมือนฉันอยู่ในสายตาเขาจริงๆ ทุกครั้งที่ไปห้อง Nightshade แล้วมีคนจ้องมอง เงยหน้าไปทีไรก็เป็นรุ่นพี่เตโชทุกที แต่ยิ่งได้ฟัง เฮียคินก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปอีก “เฮียคินขา... เมื่อสองวัตถุปะทะย่อมเกิดความเสียหาย รุ่นพี่เตโชเคยพูดคำนี้แล้วบอกให้หนูเอาตัวเองออกไปให้ไกล แล้วมาวันนี้พอเห็นเฮียในสภาพแบบนี้ ถ้าเฮียยังยืนยันที่จะปฏิเสธก็บอกหนูที ถ้าเขาไม่ได้ปะทะกับเฮีย เขาจะปะทะกับใคร?! ถ้าเตือนหนูว่าอย่าเข้าไปใกล้ ต้องเป็นเฮียคินคนเดียวเท่านั้นสิคะ! ก็หนูเป็นคนของเฮียนี่!” ประโยคคำถามที่ผ่านการคิดอย่างถี่ถ้วนมาแล้วจากฉันถูกส่งออกไป บอกเลยหลังจากเห็นสภาพเฮียฉันก็เกรี้ยวกราดมาก จากที่บอกว่าตะคอกครั้งแรกก็กลายเป็นครั้งที่สองที่สาม แล้วเฮียคินกับพี่ไคยะก็เงียบ เงียบเป็นเป่าสาก! “...Dark Shadow” สุดท้าย เฮียคินที่หยุดคิดไปพักใหญ่ก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมาสั้นๆ น่าแปลกที่ฉันรู้สึกเฉยๆพอได้ฟัง ก็เพราะมันเด่นหราอยู่บนปกตำราแม่มดที่ฉันอ่านอยู่ทุกวี่ทุกวันอยู่แล้ว——————————
Dark Shadow ⚔️ Commandment ——————————ใช่... Dark Shadow ไม่ใช่ Dark Ghost Mafia เรื่องผีไม่มีจริงแต่แรก แต่พอฉันเงียบ เฮียก็คงคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไร
“...ชื่อแก๊งค์มาเฟียที่มันอยู่” ใช่แล้ว... อันนี้ฉันพลาดเองที่นึกไม่ออก พอเฮียพูดมาฉันก็รีบคว้ามือถือตัวเองที่มีประวัติรุ่นพี่เตโชขึ้นมาเปิดดูเพื่อความแน่ใจ แต่ที่มันสำคัญกว่านั้นล่ะ “แล้วเฮียล่ะคะ? เฮียเองก็อยู่ในนั้นด้วย...ใช่มั้ย” ถึงตรงนี้ยอมรับจากใจว่าฉันลังเลและนึกกลัวคำตอบ แต่เพราะความอยากรู้ก็เลยถามไป แล้วเฮียก็เงียบ พี่ไคยะก็เงียบ ฉันเลยพูดในสิ่งที่คิดออกไป “เฮียไม่ใช่ลูกหลานคนมีอิทธิพลทั่วไปแน่ๆ เฮียคิน...เคยฆ่าคนตายด้วยซ้ำ แต่ยังไม่เห็นมีตำรวจหน้าไหนมาเกาะแกะ ทั้งที่เหตุการณ์นั้นมันเกิดในที่แจ้ง...” อึก... ฉันพูดออกไปเสียงสั่น แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องกลืนน้ำลงคอพอโดนสายตาที่ดุมากๆส่งมาแบบมองแรง แถมเฮียยังกำมือฉันแน่มาก เขาไม่ได้เจ็บแผลแน่นอน เพราะตอนที่ถาม หมอยังวุ่นวายอยู่กับการจัดเครื่องมือรักษา เพราะงั้นปฏิกิริยาเมื่อกี๊ เขากำลังไม่พอใจที่ฉันพูดแบบนั้นออกไปมากกว่า “ถ้าพูดอะไรแล้วกลัว เคยบอกแล้วว่าอย่าพูดมันออกมา” “งั้นเฮียก็ยอมรับมาสักทีสิคะ! ยอมรับ...ว่าตัวเองเป็นใคร แล้วก็ยอมรับว่าคนที่ทำกับเฮียแบบนี้ คือรุ่นพี่เตโชใช่มั้ย!” คราวนี้ฉันเริ่มหัวร้อนแล้วนะ ถามอะไรก็ไม่บอก ถามอะไรก็ไม่พูด ไม่ลองมาเป็นฉันบ้างเล่า! แค่เห็นรอยแผลที่ช้ำเลือดแบบนี้ น้ำหูน้ำตามันก็จะไหลแล้วนะ! แล้วถ้าใช่รุ่นพี่เตโชจริงจะบอกไว้ตรงนี้เลย! ฉันจะไปเอาเรื่องเขาแน่ๆ กล้าดียังไงมาทำเฮียคิระของเค้าอ่ะ! “......” แต่ก็เหมือนเดิมเฮียคินเงียบ เขาเงียบจนฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าไว้ใจพอให้คนๆนึงพูดความจริงในใจออกมา แล้วรู้อะไรมั้ย...ถ้าเป็นคนอื่นมันจะไม่เสียใจเลย แต่พอเป็นเขาไม่รู้ทำไมอยู่ๆฉันถึงน้ำตาคลอออกมาง่ายๆ “นี่หนูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยหรอคะ เฮียถึงพูดความจริงออกมาไม่ได้...” แล้วจังหวะที่ฉันเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะเห็นเฮียเจ็บแต่มีอะไรไม่ยอมบอก อยู่ๆเฮียคินก็กระชับฝ่ามือที่จับฉันเอาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างมาลูบผมฉันเบาๆโดยไม่ได้สนใจหมอและพยาบาลที่กำลังทำแผลกันวุ่นวาย “...ไม่ใช่ลิซ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ” คำตอบสั้นๆถูกส่งมาพร้อมกับท่าทางเหน็ดเหนื่อย แล้วเฮียคินก็โยกหัวฉันเบาๆ เหมือนจะทำเนียนเปลี่ยนเรื่องไป “มาแปลกนะเนี่ย ขี้น้อยใจตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันมองเฮียคินสลับกับพี่ไคยะที่ก้มหน้านิ่ง แล้วยิ่งสบตาเฮียก็ไม่รู้ทำไม ในความรู้สึกฉัน...สถานการณ์กับรอยยิ้มจางๆของเฮียตอนนี้ มันดูเศร้าจนใจสั่น “ทำแผลเรียบร้อยแล้วครับ” ฟุ้บ! แล้วก็พอดีกันกับที่หมอพูดมา ฉันเองพุ่งเข้าไปกอดเฮียคินแน่น มันเป็นความรู้สึก...ที่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน “ถ้าแยกกับหนูแล้วเจ็บกลับมาแบบนี้ ก็อย่าไปไหนอีกเลยได้มั้ย ฮึก...” แล้วแค่นั้นเลย แค่คำเดียวที่พอพูดจบฉันก็ปล่อยโฮออกไปจนตัวสั่น และสิ่งที่ทำใจหวิวมากกว่านั้น... คือเฮียคินกอดฉันแน่นยิ่งกว่าทุกที แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำ...- วันพิพากษา -
@ Dark Shadow Castle (Japan) แกร๊ก...แกร๊ก...แกร๊ก...แกร๊ก... “5 นาทีสุดท้าย...” ท่านผู้นำแห่ง Dark Shadow ที่นั่งเด่นเป็นสง่ากลางวงล้อมของชายชุดดำมากมายในห้องทำงานของรักษาการพูดออกมา ในขณะที่เข็มของนาฬิกายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆแบบไม่สนใจว่าทุกครั้งที่ได้ยินเสียงมัน คิระต้องทรมานแค่ไหน... และแน่นอน ชายชุดดำในห้องนี้กว่าครึ่ง มาเพื่อล็อคตัวคิระเข้าสู่พื้นที่พิพากษาตามประเพณีที่ต้องทำ แต่กับเรื่องนั้นคิระไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย เขาเอาแต่หันมองร่างเล็กที่หลับสนิท แม้กระทั่งถูกเคลื่อนย้ายข้ามประเทศมา ลิซ่าก็ยังไม่รู้สึกตัวสักนิด ช่วงนี้เธอหลับลึกมาก มากซะจนเขาเองก็ยังแปลกใจ แต่ในความหลับลึกนั่นแหละที่ทำให้เขาห่วง แม้จะมีเวลาเหลืออีกไม่มาก แต่คิระก็เลือกจะนั่งอยู่ตรงนี้ เขานั่ง...เพราะรู้ว่าหลังจากนี้ถ้าเธอตื่นมาจะเป็นยังไง สองสามวันมานี้ หลังจากที่กอดเขาแน่น น้องนอนแทบไม่ได้เลย ลิซ่าผวาทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา เธอพูดออกมาอย่างไม่ปิดบังว่าเธอกลัว น้องกลัว...ว่าเขาจะหายไป ตึงงงงง~ แต่ดูเหมือนการนับถอยหลังจะสิ้นสุดลงแล้ว เสียงแจ้งเตือนจากนาฬิกาลูกตุ้มเรือนใหญ่บอกเวลาพิพากษาขึ้นมา ทำให้ท่านผู้นำลุกขึ้น คิระเองก็ละสายตาจากลิซ่าทันที แม้จะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน เขาก็มีความจำเป็น...ต้องลุกขึ้นเดินตามไป พรึ่บ! ชายชุดสองคนตรงเข้ามาล็อคแขนคิระต่อหน้าเฟรย่า เคนชิน และไคยะ อีกกลุ่มนึงคือชายชุดดำอีกนับสิบคนที่ตั้งขบวนล้อมหน้าล้อมหลังคิระอย่างจริงจัง การกระทำทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นต่อหน้าร่างเล็กของลิซ่าที่นอนหลับสนิทแบบไม่รู้เรื่องอะไร และก่อนจะเริ่มก้าวขา คิระก็จ้องหน้าเฟรย่าอย่างคาดหวัง ส่วนเธอ...ก็พยักหน้ากลับไปอย่างหนักแน่นให้เขาวางใจอีกครั้ง คิระถูกคุมตัวให้เดินตามหลังท่านผู้นำบนทางเดินที่เงียบสนิท เขามองตามแผ่นหลังของผู้เป็นปู่ไปจนถึงทางแยกที่จะเดินเข้าไปในหอประชุมใหญ่ และโดยตำแหน่งที่ถือครอง ท่านผู้นำก็จำเป็นต้องแยกไปนั่งประจำที่ของตัวเอง ซึ่งเป็นประตูทางเข้าคนละบานกับจำเลยที่ถูกคุมตัวเอาไว้ “คิน...” แม้จะเป็นแค่เสี้ยวนาทีสั้นๆที่กำลังจะเดินแยกกัน แต่ท่านผู้นำก็เลือกจะพูดมันออกไป กึก! คิระพอได้ฟังก็หยุดนิ่ง ปู่และหลานชายคนเล็กยืนหันหลังให้กันตรงทางแยกคนละฝั่ง แม้จะไม่โต้ตอบ แต่ท่านผู้นำก็รู้ ว่าหลานชายของเขากำลังจดจ่อรอฟัง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างใน จงเชื่อใจพี่ชายแก...อีกสักครั้ง”อีกด้านหนึ่งหลังจากคิระเดินพ้นประตูไปไม่กี่นาที...
เฮือก O_O! “เฮียคิน!” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางผู้หญิงชุดดำมากมายในสถานที่ที่ไม่คุ้นตา ความผิดแปลกของสภาพแวดล้อมเกือบทำฉันลุกขึ้นวิ่งหนี ถ้าไม่รู้สึกเหมือนจะวูบขึ้นมาซะก่อน ทั้งที่ความจริงก็เพิ่งจะลืมตาตื่นเมื่อกี๊ “เป็นอะไรมั้ยคะนายหญิง” ผู้หญิงท่าทางคล่องแคล่วที่ใกล้ที่สุดพูดกับฉัน คงเพราะเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมเธอยังทำท่าจะเดินเข้ามา ฉันเลยส่ายหัวหงึกๆแล้วขยับตัวหนีทันที ...สีดำ ถ้าใส่สีแบบนี้ อาจจะเป็นมาเฟียก็ได้ อาจจะเข้ามาทำร้าย เฮียคินล่ะอยู่ที่ไหน??? หรือว่าคนพวกนี้จะทำร้ายเฮียคินไปแล้ว! พรึ่บ! คิดได้แบบนั้นฉันก็ลุกพรวดขึ้นมาอย่างขาดสติ และเพราะลุกแรงเลยหน้ามืดขึ้นมาแบบเฉียบพลัน ภาพตรงหน้าถูกแทรกด้วยสีดำจนยืนไม่อยู่ ฟุ้บ! ร่างฉันเสียหลักล้มลงบนโซฟาทันที ก่อนที่ผู้หญิงชุดดำมากมายจะกรูกันเข้ามา “นายหญิง!” แล้วความรู้สึกพะอืดพะอมก็พุ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอจนฉันต้องเอามือปิดปากตัวเองทันที หนึ่งในผู้หญิงชุดดำที่เห็นแบบนั้นก็คว้าถังขยะขึ้นมาให้ฉันอย่างรู้ทัน ฉันเลยปลดปล่อยอาการมวนท้องของตัวเองก่อนไปอย่างสุดจะกลั้น อ้วกกกกก... “แค่กๆๆๆ” แล้วในระยะเวลาไม่นาน คนรอบตัวฉันก็วิ่งวุ่นชุลมุนทั้งหาน้ำ หายาดมกันให้วุ่นไปหมด “ดีขึ้นมั้ยคะนายหญิง” “ที่นี่ที่ไหนคะ เฮียคินอยู่ไหน” ฉันพูดออกไปเสียงอ่อนแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาสักคำ แล้วพี่ไคยะก็เดินเข้ามา “นายหญิงอาการไม่ค่อยดีเลยค่ะ หน้ามืด เวียนหัว และอาเจีย....” ไม่รอให้ผู้หญิงอีกคนพูดจบ ฉันก็พูดแทรกอย่างร้อนใจ “เฮียคินอยู่ไหนคะพี่ไคยะ??? พาหนูไปหาเฮียคินเดี๋ยวนี้” ยอมรับว่าสติของฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยจริงๆ ถ้าไม่เห็นหน้าเฮีย ฉันกลัว...กลัวเขาจะเจ็บอีก พี่ไคยะพอได้ฟังก็ทิ้งตัวนั่งคุกเข่าจนความสูงของเขาเสมอกับฉัน เขาส่งยิ้มบางๆมาให้ ก่อนจะยื่นบางสิ่งส่งมา “นายติดธุระด่วนมากเลยครับนายหญิง นายฝากนี่มาให้ แล้วฝากบอกให้นายหญิงรออยู่ที่นี่” ขนนกสีกาแล็คซี่ในกล่องเรียบหรูถูกส่งมาให้ฉันด้วยสีหน้าที่ต่างไปจากปกติ แม้จะสนใจขนนกในมืออยู่บ้าง แต่ฉันกับรู้สึกแปลกๆตรงที่เขายิ้มก็จริง...พี่ไคยะยิ้มก็จริง แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มของคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับฉันเลย มันดูเป็นยิ้มที่เศร้ากว่าปกติ “อย่าให้ใครทำร้ายเฮียคินนะคะพี่ไคยะ อย่าให้ใครทำร้ายเฮียคิน...” เห็นแบบนี้ฉันก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล แล้วไม่ทันที่พี่ไคยะจะตอบมา เจ๊เฟรย์กับผู้ชายคนนึงก็เดินเข้ามาตรงโซนรับแขกที่ฉันนั่งพอดี “แน่นอนเลยลิซ จะไม่มีใครทำแบบนั้น” พอได้ยินคำพูดที่ชวนให้เชื่อมั่น ฉันที่ตอนแรกแอบน้ำตาคลอก็พยักหน้ารับฟัง ก่อนที่เจ๊เฟรย์จะนั่งลงบนโซฟาข้างๆฉัน “รอนี่ก่อนนะ เดี๋ยวมันก็มา” เจ๊เฟรย์ส่งยิ้มที่ดูจริงใจมากๆมาให้ แล้วชี้มาที่กล่องขนนกนำโชคในมือฉัน ก่อนจะพูดมาขำๆ “แหวะ ขนนกกาแล็คซี่ สีโคตรตุ๊ดเลยเนาะว่าป่ะ ฮ่ะๆ” คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศในห้องดูดีขึ้นมาทันที พี่ไคยะอมยิ้มเล็กๆส่งมา แล้วเขาก็ลุกขึ้นแต่ไม่ได้หนีไปไหน ส่วนพี่ชายอีกคนพอได้ฟังเขาก็ยิ้มตาม “เออลิซ นี่เคนชินนะ เป็นพี่ไคยะ” “อ๋อค่ะ ยินดีได้รู้จักนะคะพี่เคนชิน” ว่าแล้วทำไมหน้าเหมือนพี่ไคยะจังนะเนี่ย ที่แท้ก็เป็นพี่น้องกันนี่เอง “ครับ นายหญิงลิซ่า” แล้วพี่เคนชินก็ก้มหัวให้ฉันนิดหน่อย ฉันเลยก้มคืนไปหลายทีจนพี่ไคยะแอบขำ เจ๊เฟรย์นั่งคุยกับฉันอยู่นานพอดู จนสักพักพี่เคนชินก็ยกโน้ตบุ๊คเข้ามา แถมยังเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ที่ฉันชอบด้วยล่ะ “ไง เจ๋งใช่ม้า~ ที่จริงที่นี่มีอะไรตระการตากว่านี้อีกนะ” เจ๊เฟรย์เห็นฉันสนใจโน้ตบุ๊คเครื่องนั้นก็ยักคิ้วเชิญชวน ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำแถมยักกวักมือเรียกฉันที่ยังถือขนนกนำโชคในมือให้เดินตาม แล้วเจ๊ก็เปิดประตูเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่อยู่เยื้องจากห้องโถงไปไม่มาก ...และแม่เจ้า O[]O ทันทีที่ประตูเปิดออก นี่มันคือฐานลับแบบที่ต้องเข้ารหัสก่อนเริ่มปฏิบัติการเหมือนในหนังรึเปล่า อลังการดาวล้านดวงมากแม่ ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ ถูกคัดสรรเฉพาะชิ้นส่วนตัวท็อปมาวางเรียงกันทั้งนั้นเลย งื้อออ เป็นบุญตาแท้ๆ “หึ...ถูกใจใช่มั้ยล่ะเด็ก IT ถ้าเบื่อก็นั่งเล่นในนี้แล้วกันนะ เจ๊ก็อยู่ข้างนอกนี่แหละ มีไรก็กดปุ่มนี้ เรียกคนข้างนอกเข้ามา ...ไคยะ” “ครับนายหญิง” เจ๊เฟรย์แนะนำปุ่มนั้นปุ่มนี้คร่าวๆ แล้วพี่ไคยะก็เดินเข้ามาตามที่เรียกจริงๆ งื้อออ ฉันชอบอ่ะ เจอแบบนี้แล้วหายคลื่นไส้เลยแฮะ น่าสนุกไปหมดทุกสิ่ง~ “หนูอยู่ในนี้ได้จริงๆหรอคะ?” ฉันถามซ้ำออกไปแล้วแอบแตะนั่นแต่นี่ เจ๊เฟรย์ก็พยักหน้าชิลๆแบบไม่กลัวฉันทำอะไรพังเลยสักนิด “ได้ดิ ปกติไม่ค่อยได้ใช้อะไรทางการมากอยู่ละ นี่...ไอ้คินมันชอบเล่นเกมส์นี้” แกร๊กๆๆ นิ้วมือเล็กรัวลงบนแป้นพิมพ์แบบคล่องแคล่วเอาเรื่อง แล้วเกมส์ที่ว่าก็ปรากฏขึ้นเต็มจอขนาดใหญ่ แค่จอตรงหน้าไม่พอ เจ๊เฟรย์เล่นฉายมันไปทั่วทั้งห้อง งื้ออออ เห็นแล้วคิดถึงเฮียพายเลยอ่ะ บอกเลยว่าเฮียต้องชอบ “งั้นเจ๊ไปนะ มีไรเรียกได้เลย” “ค่ะ เอ่อ...พี่ไคยะ ไม่ต้องเฝ้าหนูก็ได้นะคะ” ฉันพยักหน้ารับคำเจ๊เฟรย์แล้วบอกพี่ไคยะ ทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมกัน อื้อหืออออ~ เหมือนตอนนี้เราคือเจ้าแห่งอาณาจักรปุ่มกดรอบตัวยังไงอย่างงั้น อุ๊ย! แล้วตรงนั้นมีแท่นวางมือเหมือนที่ Castle ตรงกลาง ตอนท่านผู้เอามือฉันไปวางหลังปามีดด้วย มันวางยังไงกันน้า แค่ทาบลงแบบนี้ใช่รึเปล่าน่ะ แล้วก็จะมีเสียงพูดใช่มั้ยนะ ‘ยินดีต้อนรับค่ะ คุณรวิษฎา ภัทรเดชา’ บ๊ะ! มีด้วยอ่ะ! คิกๆๆๆ พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! แล้วถึงจะขำก็จริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉันใช้มือทาบลงไปแท่น อยู่ๆก็ทำให้หน้าจอทั้งซ้าย ขวา และตรงกลางเปลี่ยนจากหน้าจอเกมส์เป็นหน้าจอที่มีเมนูยิบย่อยเยอะแยะขึ้นมาแทน ...นี่มันอะไรกันเนี่ย =[]= ราวกับเป็นหน้าจอควบคุมสถานที่ที่ฉันอยู่เลยแฮะ มีทั้งเมนูให้กดดูกล้องวงจรปิดทุกที่ทั่วไปหมด แต่น่าแปลกที่ที่นี่ไม่มีคนเลย โอ๊ะ! นั่นไง ต้องเป็นกล้องตัวนี้ มีคนเพียบเลย เห็นแบบนี้ฉันก็คลิกมันทันที แล้วจอรอบตัวก็ฉายภาพสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งมีคนนับร้อยรวมตัวกันอยู่ ตรงกลางที่นั่งอยู่นั่นคือคุณปู่นี่ เท่จังเลย แต่ทุกคนใส่สีดำกันหมดเลยแฮะ น่ากลัวจริงๆ เฮ้ย! แล้วนั่นเฮียโย เฮียพาย นั่น Nightshade ทั้งหมดเลย ทำไมถึงมาอยู่มาอยู่ที่นี่?! และสิ่งที่ทำให้ฉันต้องมองภาพในจอแบบอึ้งกว่าเดิม ก็คือคำพูดทรงพลังที่ดังขึ้นมา ในจังหวะที่กล้องแพนเข้าไปหาร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยทันที ‘เบิกตัวจำเลย!’ จะ...จำเลยงั้นหรอ? เฮียคิระถูกคนนับสิบคุมตัวประกบหน้าหลังเดินเข้าไปในโถงกว้างตรงกลางท่ามกลางความเงียบสนิท และไม่รีรออะไร เสียงเข้มของใครไม่รู้ก็พูดขึ้นมาอีก ‘Dark Shadow Member จงเข้าใจตรงกัน! ผู้มีอำนาจหนึ่งเดียวในการพิพากษาและตัดสินใจใดๆ หลังจากนี้คือ ติณณวัชร์ ภัทรเดชา’ ‘รับทราบ!’ จำเลย? อะ...อำนาจพิพากษา? ติณณวัชร์ ภัทรเดชา! ได้ฟังแค่นี้ใจฉันก็กระตุกวูบทันที รุ่นพี่เตโชกับเฮียคิระ... พวกเขารู้จักกันจริงๆด้วย พวกเขารู้จักกันจริงๆ!หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X