::: KIRA :::
จุ๊บ! “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด >////////////<” ยัยตัวเล็กบนตักผมแผดเสียงออกมาดังสนั่นทันทีที่ริมฝีปากเราแตะกัน ก่อนจะมุดหน้าที่แดงไปถึงหูลงมาที่เสื้อฮาวายของผมแบบร้อนรนจนกระดุมเสื้อเม็ดบนเริ่มหลุดลุ่ย เม็ดต่อๆไปก็หลุดตาม เออ เอาเข้าไป ยัยนี่เป็นบ้าไรวะ จะโหวกเหวกทุกสามนาทีเลยไง๊ -_-? “พอได้แล้วมั้ง” “กรี๊ดดดดด ไม่! เฮียมากอดหนูทำไม เฮียโย เฮียพาย เฮียบีทสอนว่าห้ามแตะเนื้อต้องตัวผู้ชาย! เพราะพวกผู้ชายไว้ใจไม่ได้! ผู้ชายจะหลอกล่อให้เราตายใจ และผู้ชายก็จะพาเราไปได้.....” “บอกให้พอ!” “…กัน” เสียงเล็กๆกับหน้าตาเอาเรื่องดูแผ่วลงพอผมตะคอกออกไปเสียงดัง เอาตรงๆหนวกหูฉิบหาย แต่...เมื่อกี๊ว่าไงนะ =_=^ “ใช่ ดะ...ได้กัน =[]=! หรือว่าเฮียคิน.... โอ้วม่าย หนูอุตส่าห์สถาปนาให้เป็นพี่ชายที่คนที่สี่ แต่ที่จริงแล้วเฮียคิดไม่ซื่อและมีอะไรแอบแฝงในใจใช่มั้ย?!” “ได้กันเนี่ยนะยัยบ้า พูดไรออกมาวะก็เธอ...” “อย่ามาแก้ตัว!! พวกเฮียๆบอกว่าผู้ชายที่ไหนก็อยากได้กันกับสาวๆพราวเสน่ห์ หมายถึง...นี่! อย่างหนูนี่ไง! ถึงจะไม่รู้ว่าได้กันคืออะไร แต่หนูก็พอรู้ว่าตัวเองเซ็กซี่แสนซนขนาดหนายยยย TT^TT” เจ้าของริมฝีปากอมชมพูโอดโอยไม่หยุด แถมยังชี้นิ้วสั้นๆไปหาตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นวี๊ดว๊ายตามเดิม ซึ่งนั่นแหละแม่งโคตรรรรร หนวกหูฉิบหาย -*- “อ้าวเงียบ! ถ้าไม่ได้คิดอะไรไม่ดีเฮียมาสัมผัสแนบชิดกับหนูทำม๊ายยย มาจูจุ๊บ ขโมย First Kiss ของหนูไป อร๊ายยยย >_< จงอธิบายความหมายของคำว่า ‘ได้กัน’ ออกมาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจในฐานะพี่ชายเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นหนูจะกรีดร้องให้ดังไปทั่วทั้งภาคใต้ ม่ายยยย” บ้าฉิบ... ผมข่มใจกัดฟันนั่งมองร่างเล็กของยัย...ยัยนี่ชื่อไรนะ? เออช่างแม่ง ร่างเล็กดีดดิ้นอยู่บนตักผมเหมือนเด็กงอแงเอาแต่ใจ เวร... หูกูนี่อื้อไปหมด อะไรคือไม่เว้นช่องไฟให้กูพูดเลยวะเนี่ย แล้วให้อธิบายความหมายของคำว่าได้กันซะด้วย “ยัยเด็กประหลาด! พูดออกมาเองยังไม่รู้ว่าคือไรเนี่ยนะ -_-” “ม่ายต้องงงง ไม่ต้องมาทำเป็นดุกลบเกลื่อนเลยค่ะ ปล่อยหนูเลย ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้น้าา มานั่งเฉยๆให้หนูนั่งตักทำไม อร๊ายยยยย กรีดร้องให้สุดเสียง พระเจ้าโหดร้ายทารุณเกินไป! First Kiss ของหนูมีไว้ให้รุ่นพี่เตโชเท่านั้น!! ให้มาจูจุ๊บกับคนแปลกหน้าแบบนี้ หมดกัน! (>[]< ) ( >[]<) (>[]< ) ( >[]<)” “....ไอ้เตโช? รู้จักมัน?” พอได้ยินชื่อไอ้เวรนั่นที่เป็นเป้าหมายเดียวของการมาที่นี่ ผมเลยถามไปแต่ยัยเด็กนี่ก็เอาแต่โวยวาย เลื่อนมือไปกุมขมับแล้วเพ้ออะไรคนเดียวอยู่ได้ “ม่ายยยย พ่อเทพบุตรดาวพุธผู้เป็นเนื้อคู่ บุคคลแห่งความรักที่มีสายใยสานสัมพันธ์กันอยู่ คิดแล้วก็เสียดาย TT^TT” ...บุคคลแห่งความรัก? “เธอกับมันกิ๊กกันอยู่?” “ฮือออออ บ้าบอที่สุด ฟ้าดินเป็นพยานนะคะนี่คือเจ้าปีศาจที่มาขัดขวางการแสวงบุญจากการทำความดีของหนู TT^TT” อ่ะ นี่ก็จะพูดคนเดียวอีกนานป่ะ แล้วขยันชี้นิ้วสั้นๆนั่นจังนะ ชี้ไปชี้มาจนตอนนี้มันแช่ค้างบนแผงอกผมละ -*- “เฮ้ย ถามก็ตอบดิวะยัย...ผีบ้า -_-” “แงงงง ดูสิคะคุณพระเจ้า ดูๆๆ! หนูชื่อลิซ่าไม่ได้ชื่อผีบ้า แม่หมอขาลูกเจอแล้วค่า นี่สินะตัวกาลกิณีที่แท้ทรู Oh! Noooo! ชีวิตหลังจากนี้คงไม่แคล้วต้องซวยตาย หรือเราจะเกิดมาเพื่อดวงตกและร้องไห้ จากนั้นก็ตายไปในที่สุ....... TT^TT” จิ๊! ตึงงงง! “เลิกแหกปากแล้วตอบสักทีได้มั้ยวะ!!!” เฮือก O_O! เพราะพูดด้วยดีๆยัยนี่ไม่ยอมฟัง ผมเลยหมดความอดทนตะคอกและทุบพวงมาลัยออกไปเสียงดัง แล้วนิ้วเล็กๆที่จิ้มอยู่บนอกผมก็ถูกเลื่อนไปปิดปาก พร้อมกับสีหน้าของร่างเล็กบนตักที่ดูแตกตื่นจนท่าทางโวยวายนั่นหยุดชะงัก และ... “ฮะ...เฮียคินขา อยะ...อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนูแค่มาทำความดีเพื่อสังคม ไม่ได้เตรียมพร้อมมารับมือกับผู้ชายใจร้ายหน้าไหนสักคนเลยค่ะ T^T” ยัง...ยังไม่หยุด นี่คือบุคลิกปกติหรือยัยนี่ตั้งใจกวนประสาทกันวะ แล้วทำไมกูขนลุกแปลกๆ พอได้ยินชื่อตัวเองด้วยเสียงออดอ้อนแบบนี้ -*- “ลงไปดิ๊” ผมพูดออกไปเสียงเข้ม แล้วเจ้าของดวงตากลมโตก็ทำตาปริบๆ “ตะ...แต่หนูผูกจิตกับเฮียแล้ว O.O” เนี่ย เด็กนี่มันเป็นอะไรวะ จะมีผู้หญิงสักกี่คนบนโลกที่เจอกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้วเป็นงี้ นี่กูไม่ปกติหรือน้องมันไม่ปกติ “รำคาญ ลงไป” “แต่เราก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนิดหน่อยต่อกันแล้วด้วย T////T” พูดจบนิ้วเรียวก็ชี้มาที่ปากผมสลับกับปากตัวเองแบบอายๆ แถมยังขยับตัวดุ๊กดิ๊กไปมาบนนั่งผมอยู่ได้ “งั้นก็เอาคืนไป” “เอาคืน? หมายถึงยังไง” “ก็จูบแรก เอาคืนไป” “ฮะ? มันเอาคืนดะ... อื้ออออ O_O” พูดจบผมก็โน้มตัวลงไปกดจูบลงบนริมฝีปากอมชมพูนั่น แต่แม่ง...ตอนแรกคิดว่าจะแตะเบาๆแล้วแยกย้ายทางใครทางมัน ก็เสือกมีอารมณ์กับท่าทางตกใจจนอ่อนยวบของเด็กนี่ แถมรสชาติลิปกลอสกลิ่นเมล่อนแม่งก็โคตรจะดี “อื้อออ เอียอินอ่อยอู๋อ๊ะ (เฮียคินปล่อยหนูนะ ) กรี๊ดดดด >___<!!!” จ๊วบ...จ๊วบ... “อื้อออ อ่อยยย! (ปล่อย!!!)” เสียงโวยวายจากลิซ่าดังขึ้นไม่หยุด ร่างผอมบางดีดดิ้นหนักขึ้น มือเล็กทั้งกำและกระชากเสื้อผมอย่างแรง แววตาเหมือนช็อคๆก่อนจะมีใครบางคนเข้ามาขัด ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ‘เป็นไรป่ะน้อง เห็นเบรคกะทันหัน’ เสียงนั่นทำให้เราผละออกจากกัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร ยัยเด็กน้อยโลกสวยก็กระชากประตูให้เปิดออกแล้ววิ่งหน้าตาตื่นลงจากรถไป เวร! นี่กูรังแกเด็กใช่มั้ย? ::: END KIRA :::หลายวันต่อมา...
IST Building @ Treatise University ฉันนั่งเหม่อลอยคิดเรื่องที่เพิ่งเจอมาเมื่อวันก่อนอย่างไม่เข้าใจ ทำไมนะทำไม ทำไมคนเราจูบกันได้ง่ายๆ ไม่ต้องแต่งงานกันก่อนหรือไง -3- แถมเฮียคิระน่ะดูท่าทางก็ไม่น่าจะใช่คนใจร้าย แต่กลับเป็นผู้ชายร้ายกาจซะได้ ดีนะพอวิ่งลงจากรถมาก็เจอแท็กซี่ ฉันเลยโบกแล้วโดดขึ้นรถให้พากลับไปส่งที่สนามบินแล้วหนีกลับมาที่นี่ เห๊อะ! สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชายนี่เข้าใจยากสิ้นดี -*- “ลิซ! ช่วยหน่อยดิต้องส่งเย็นนี้” แล้วระหว่างที่ฉันกำลังนั่งเอามือถูปากตัวเองจนแสบไปหมด โรสก็โผล่มาที่ตึก IST หน้าตาตื่นพร้อมกับโน้ตบุ๊คในมือที่วางลงแบบรีบร้อน ก่อนจะหันหน้าจอมาหาฉันทันที “มันรับข้อมูลไปแล้วแต่ไม่แสดงผลอ่ะ ช่วยดูให้ทีว่า Error ตรงไหน“ โรสพูดและชี้ไปที่ Code ภาษา C บนหน้าจอด้วยท่าทางร้อนใจ หืม? อ๋อ..เด็กวิศวะโลจิสฯก็มีเรียนวิชานี้นี่ “แป๊บนะ ประกาศตัวแปรแล้ว... printf() ตรงนี้เป็นข้อความแสดงก่อนรับข้อมูลถูกแล้ว จากนั้น Input ข้อมูลจากคีย์บอร์ดเข้าไปเก็บไว้ในตัวแปรทั้งสองตัว ใช้ฟังก์ชั่น scanf() ก็ถูกแล้ว อ๋อ.. แต่ control string ของตัวแปร qty ที่ประกาศไว้เป็น int ซึ่งเป็นข้อมูลตัวเลขจำนวนเต็ม จริงๆต้องใช้ %d นะ ถ้าเป็น %c อ่ะ มันใช้สำหรับข้อมูลที่เป็นอักขระตัวเดียว อย่าง product code ที่รับข้อมูลเข้ามาข้างบนเห็นมั้ย แล้วก็..โรสลืมใส่คำสั่งแสดงผลอีกทีนะ ต้องเพิ่มฟังก์ชั่น printf() เข้าไปอีกครั้ง ดึงตัวแปรที่เก็บข้อมูลเอาไว้มาแสดงผลก็จะได้แบบนี้…อ้อ! อย่าลืมใส่ n ด้วย มันเป็นอักขระควบคุมการแสดงผล หมายถึงให้ขึ้นบรรทัดใหม่น่ะ” แกร๊กๆๆๆ ฉันเบนความสนใจจากเรื่องเฮียคิระแล้วหันไปแก้ code พร้อมกับอธิบายให้โรสฟังแบบชิลๆ เพราะสำหรับเด็ก IST มันเป็นเรื่องพื้นฐานง่ายๆ ก่อนจะหันหน้าจอโน้ตบุ๊คที่แก้ code เสร็จแล้วคืนไปให้ “แจ๋ว ได้แล้ว ^_^” พอโรสลอง Run code ดูก็เหมือนจะผ่านไปด้วยดี ทีนี้ก็ยิ้มกว้างเชียวล่ะ เอ๊ะๆๆ ถ้างั้นแบบนี้... “ร้อนจังเลย เย็นนี้อยากกินร็อคกี้โรด ไม่รู้จะมีใครใจดี...” “สามควอทไปเลย เดี๋ยวไปส่งงานก่อนนะ รอนี่” “อื้อ โชคดีของลิซจริงๆเลยน้าาา ที่มีพี่สาวใจดี ^_^” พอฉันพูดจบโรสก็รีบไปส่งงาน ทิ้งสัมภาระอะไรต่างๆไว้นี่ แล้วพอคล้อยหลังโรสไปนิดหน่อย เฮียโยที่เดินลงมาจาก IST ก็ทำท่าเฉี่ยวๆมาทางนี้พอดี “หยุดนะ! เจ้าอดีตพี่เขยใจร้าย อุ่ย...” ฉันลืมตัวส่งเสียงทักเฮียโยดังไปหน่อยจนเหล่าแฟนคลับ Nightshade หันมามองทันที เฮียเองพอได้ยินก็เดินแอ๊กๆเหมือนเท่มากมาทางนี้ แล้วยังจะมีหน้า... “ว่าไงครับน้อง หรือว่าจะขอเบอร์พี่?” แล้วแค่นั้นเลยจ้า เสียงซุบซิบรอบข้างก็ดังขึ้นมาทันที... ‘หูยยย มั่นหน้าเนอะ หน้าตาจืดชืดคิดว่าจะเรียบร้อย กล้าขอเบอร์ไปอีก’ เดี๋ยวสิ -*- น่ากลัวจริงๆเลยนะแฟนคลับพวกนี้ ที่จริงฉันมีทุกช่องทางติดต่อเฮียโยแล้วนะ พวกเธอต่างหากที่น่าจะไม่มีอ่ะ ชิชิ พาลใส่เฮียโยดีกว่า ชอบหาเรื่องให้ฉันนักนี่ -3- ฟุ้บ! “หยุดเลย นี่กระเป๋าโรสนะอย่ามาใกล้” ฉันกอดอกส่งเสียดุออกไป แต่เฮียโยก็ทำเป็นไม่สนใจ แถมยังมองซ้ายมองขวา ค่อยๆแง้มกระเป๋าโรสแล้วแอบส่องของข้างในด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นใช้ได้ ใช่... ต้องใช่แน่ๆ นี่เฮียเป็นหัวขโมยในคราบ Nightshade ใช่มั้ย =_=^ “ยังอีก หนูไม่ได้เรียกแล้วเดินมาทำไม ที่บอกให้หยุดหมายถึงหยุดเดินมาทางนี้ แล้วจะไปไหนก็ไปคนนิสัยไม่ดี :P” “.....ไปไหน?” เฮียชี้ที่กระเป๋าโรสแล้วถามออกมา แหม... ตอนเจอหน้าเค้าทำเป็นไม่สนใจ ฉันล่ะเบื่อจริงๆ ชอบแอบมาถามทุกที แล้วจะปฏิเสธโรสทำไมก็ไม่รู้ คนปากไม่ตรงกับใจ! “ไม่บอกหรอก อย่ามาจับนะ ยี๋ เดี๋ยวจะพาโรสไปซื้อกระเป๋าใหม่” ฉันลอยหน้าลอยตาตอบกลับไป แล้วเฮียโยก็พยักหน้าพร้อมกับหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา ก่อนจะดึงบัตรเครดิตใบหนึ่งส่งมาให้ “ดี เก่าละ เอาไป” “หูยยย รักเฮียจังเลย วันนี้พวกหนูจะไปกินติมด้วย ขออีกใบได้มั้ย ^_^” “ได้” ป๊อก! “วงเงินไม่จำกัด บัตรเดียวก็พอมั้ย -.-” ง่ะ... ทั้งที่รู้ว่าระดับเฮียๆของพวกฉันเนี่ย คงไม่ถือบัตรเครดิตจำกัดวงเงินหรอก แต่ฉันก็หาเรื่องโดนเขกหัวซะได้ “คิกๆ ใช้เท่าไหร่ก็ได้หรอ งั้นเหมาทั้งห้างเลยได้มั้ย” “เชิญ แต่อย่าให้....รู้” และเหมือนเดิม เฮียพูดแล้วเว้นช่องไฟนิดหน่อย พร้อมกับชี้ไปที่กระเป๋าโรส ไม่รู้ว่าการเอ่ยชื่อโรสมันพูดยากตรงไหน “ก็ได้ หนูไม่บอกโรสหรอกว่าเฮียติดสินบนหนู รอเรียกพี่เขยอยู่นะคะ สู้ๆนะยูววว คิกๆๆ ^_^” ได้ฟังแบบนั้นเฮียก็แค่กระตุกยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร แล้วตั้งท่าลุกจะขึ้นจากโต๊ะ “เอ่อเฮีย เดี๋ยวสิ” “ว่า?” “นั่งก่อนสิคะเรื่องนี้ต้องกระซิบอ่ะ” เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเรื่องที่คาใจนั่นมันต้องปรึกษา Badboy ระดับปรมาจารย์ แต่เพราะมานั่งอยู่นานสองนาน ทั้งเฮียบีทและเฮียพายก็ไม่ผ่านมาทางนี้เลยไง งั้นปรึกษาเฮียโยนี่แหละ นับจากสกิลที่ทำร้ายหัวใจโรสแบบทะลุทะลวง พ่อหนุ่มสายเปย์ ทายาท AKR Jewelry คนนี้เค้าน่าจะตอบได้ “มีไร” “ก็...แน่นอนอยู่แล้ว เฮียเคยจูบกับผู้หญิงใช่มั้ย” ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วส่งเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ จนเฮียที่น่าจะไม่ได้ยินต้องก้มตัวลงมาฟังทำให้ใครต่อใครหันมาจ้องที่เรา “ยัยนั่นฝากมาถามหรอวะ -.-” “เปล่าสักหน่อย โรสน่าจะรู้อยู่ละ อีกอย่าง...เฮียพายบอกว่าเฮียเป็นคนชั่วอยู่แล้วค่ะ อันนี้หนูเชื่อมาตลอดเลยนะ” “เอองั้นไปละ” พอฉันพูดไปแบบนั้น เฮียโยก็ทำท่าจะลุกขึ้น เล่นเอาห้ามแทบไม่ทัน โหยๆ ขี้น้อยใจจังเลยนะคะ ขี้ปฏิเสธคนอื่นด้วยค่ะ!! “เดี๋ยวววว หนูล้อเล่นค่ะ” “อืม มีไรจริงจังก็รีบพูดมา อย่ามาหาเรื่องหลอกด่าได้ป่ะวะ -*-” “ก็เนี่ย จริงๆมันก็มี คือ...หนูอยากรู้ว่าทำไมผู้ชายถึงจูจุ๊บผู้หญิงค่ะ” “o_O?” แล้วคำถามของฉันก็ทำเอาเฮียโยเลิกคิ้วนิดหน่อย ก่อนจะจ้องมาอย่างพิจารณา “ที่ตอบไม่ได้นี่เพราะจุ๊บบ่อยหรอคะ - -*” “ถุย หลายเหตุผล ถามไมอ่ะ -.-” โอ๊ะโอว...คนเราจุ๊บกันด้วยหลายเหตุผลหรอเนี่ย ความรู้ใหม่เลยอ่ะ –[]- “ก็...หนูอยากรู้ อย่างเช่นว่า ถ้าจุ๊บแบบไม่มีเหตุผลนี่ได้รึเปล่าคะ” “ได้ อยากจูบก็จูบ ใครห้ามอ่ะ” “นั่นไง! ชัดเลย! อุ๊ยโรสมา” ได้ยินแบบนี้เฮียโยนี่หันขวับเลยจ้า ฮ่าๆๆๆ “ไอ้อ๊องไอ้บ้า ถามทำไม ไปโดนใครจูบมาหรอวะ” “บะ...บ้าหรอ -////- ผู้ชายที่ไหนจะมาจูบหนูได้อ่ะ” ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจ...ใช่ค่าาาา อันที่จริงโดนไปแล้วค่ะเฮีย TT^TT นี่สองสามวันแล้วหนูยังตกใจมว๊ากกกก ที่ถามเพราะกำลังตื่นตระหนก หนูเฝ้าคิดมาตลอดทางระหว่างที่บินอยู่บนฟ้า ชะโงกหน้ามองหาพระเจ้า ก็มีแต่หน้าเฮียคินลอยมาบังตา “ดี ไม่เคยก็ดีละ” “แล้วถ้าเคยนี่คือไม่ดีหรอคะ - -*” ทำไมฟังคำพูดเฮียแล้วรู้สึกผิดที่มีลับลมคมในกับพี่ชายอีกคนที่ตัวเองผูกจิตเอาไว้ =_=^ “กับแฟนป้ะล่ะ? ถ้าใช่ก็ไม่เป็นไร” “แต่ถ้าเป็นแฟนก็ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วจะจูบกันได้ไง” ฉันถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ นี่โลกมันไปไกลหรือว่าฉันยังไม่ไปไหนล่ะเนี่ย อุ๊ยตาย...กลับคอนโดวันนี้ต้องไปแกะสลักผลไม้ เสร็จแล้วก็พับดอกบัวเตรียมใส่บาตรพรุ่งนี้เอาไว้ “ถุย คนยังไม่แต่งสมัยนี้ก็ได้กันเยอะแยะไป” “ดะ...ได้กันอีกแล้ว หนูถามตรงๆนะเฮีย ได้กันมันคืออะไร -3-” และแน่นอนว่า... “ไม่บอก ยังเด็กอยู่ ตั้งใจเรียนไป” “ง่ะ แล้วถ้า...เป็นพี่น้องกันนี่จูบกันได้มั้ย?” ฉันยังคงตั้งคำถามต่อ ครั้งนี้เฮียเงียบ แต่แอบอมยิ้มเล็กๆมองไปที่กระเป๋าโรส เอ๋ๆ... แววตาแบบนั้นคุณซ่อนอะไรเอาไว้? “เอางี้ จะเป็นไรก็ช่าง ถ้ารู้สึกดีก็จูบๆไป รู้เรื่องยัง?” อ่าฮะ... “แบบนี้นี่เอง นี่แปลว่าเฮียรู้สึกดีกับทุกคนที่จูบเลยใช่มั้ย” “ไม่เชิง เอ้ยไม่ใช่ ไม่ตอบแม่งละ วนมาอยู่ได้ -.-” พอโดนฉันยิงคำถามปิดท้ายเข้าหน่อย เฮียโยก็ลุกพรวดแล้วเดินลิ่วๆไปเลย แต่แอบยิ้มไรอ่ะ ส่งกระแสจิตคุยกับเส้นด้ายในกระเป๋าโรสรึไงนะ ช่างเหอะว่าแต่... ถ้าพี่น้องจูบกันได้... งั้นเพราะแบบนี้ใช่มั้ย เฮียคินเค้าถึงไม่คิดอะไรอ่ะ? แล้วถ้ารู้สึกดีก็ทำไป... งั้นความรู้สึกที่ถึงแม้จะตกใจแต่ก็ยังไม่ลืมรสจูบนั่น... มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ผิดอะไรมากมายใช่มั้ย >/////< ละ...แล้วแบบนี้ถ้าเจอกันอีก เราจะขอจูบเฮียคินเค้าอีกที ก็ได้อ่ะดิ คิกๆๆๆ >/////< เฮ้อ...ไอ้เราก็คิดจนปวดหัวอยู่ได้ตั้งนาน นี่ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ยเฮียโย ได้ฟังคำสอนของเฮียหนูก็โล่งใจ ^_^หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X