Masuk“ฉันต้องขอโทษแทนคุณเทวาด้วยนะคะ” อรัญญากล่าวอย่างรู้สึกผิด “ฉันรู้สึกผิดกับธีร์ และฉันเหนื่อยมาก ๆ เลย ค่ะ”
อรัญญาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า
“ฉันเข้ามาเป็นเมียน้อยในตอนแรก และยอมทนอยู่เพื่อรอให้ แม่ของธีร์เสีย ไป ก่อนที่ฉันจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายที่ถูกต้อง”
คำสารภาพของอรัญญาดังก้องอยู่ในความเงียบงันของศาลาริมน้ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ดูเหมือนจะเจือด้วยความขมขื่น ปลายฟ้านิ่งงันไป น้ำเสียงของอรัญญาไม่แสดงความรู้สึกผิดบาป แต่เป็นความเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด ราวกับว่าการพูดความจริงออกมาเป็นภาระหนักอึ้งที่เธอแบกมานาน
ปลายฟ้าจ้องมองใบหน้าของอรัญญาที่เงยขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า ใบหน้าที่มีร่องรอยความงามสง่า แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ฉากหน้าของ 'คุณนาย'
“คุณ คุณอรัญญา” ปลายฟ้าเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา เธอไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหรือควรจะถามคำถามใดออกไป
อรัญญาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่ประสานกันบนตัก เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคง “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะโกหกคุณ แต่ฉันเลือกที่จะบอกความจริง เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจความรู้สึกของธีร์”
“การเป็น 'คุณนาย' ไม่ได้สวยงามเหมือนที่คุณเห็น” อรัญญาพูดต่อ น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ “ฉันได้ทุกอย่างที่อยากได้ ทรัพย์สิน อำนาจ แต่ฉันเสียสิ่งเดียวที่สำคัญไป คือความบริสุทธิ์ใจที่ฉันเคยมีต่อธีร์... และความเคารพจากคนที่ฉันรักเหมือนลูกแท้ ๆ”
ปลายฟ้าเงียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจอย่างแท้จริง
“ฉันต้องขอโทษแทนคุณเทวาด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ในห้องรับแขก ฉันรู้สึกผิดกับธีร์ และฉัน เหนื่อยมาก ๆ เลยค่ะ” อรัญญากล่าวจบ ประโยคสุดท้ายเต็มไปด้วยความอ่อนล้าอย่างแท้จริง เธอไม่ได้ต้องการเพียงแค่ขอโทษ แต่ต้องการการปลดปล่อย
ปลายฟ้ากำมืออรัญญาไว้แน่น เธอสูดหายใจลึกและมองสบตาอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น
“คุณอรัญญาคะ คุณเคยทำผิดกับคุณธีร์จริง ๆ ค่ะ” ปลายฟ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการเข้าข้าง “ความเจ็บปวดที่เขาได้รับมันใหญ่หลวงนัก”
“แต่ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว และคุณก็รู้สึกผิดอย่างแท้จริง” ปลายฟ้าคลายมือออกและยิ้มให้เธออย่างให้กำลังใจ “ฉันคิดว่า วันนึงคุณธีร์อาจจะให้อภัยคุณก็ได้ค่ะ”
อรัญญาน้ำตาคลอเบ้ากับคำพูดนั้น น้ำตาแห่งความโล่งใจที่ได้ยินคนอื่นเข้าใจความผิดพลาดของเธอ
“ขอบคุณนะคะปลายฟ้า ขอบคุณจริง ๆ ที่คุณไม่ได้รังเกียจฉัน” อรัญญากล่าวอย่างซาบซึ้งใจ
“พี่เองก็มีความหวังของพี่เหมือนกันนะ ความหวังเล็ก ๆ ที่พี่เฝ้ารอ หวังว่า วันนึงพี่จะได้นั่งคุยกับธีร์อีกครั้ง คุยในฐานะพี่เลี้ยงที่รักเขาจริง ๆ” อรัญญาพูดพร้อมกับจับมือปลายฟ้าไว้อีกครั้งอย่างแนบแน่น
“คุณปลายฟ้า ช่วยฉันได้ไหมคะช่วยปกป้องรอยยิ้มที่ปลายฟ้าเอามาให้ธีร์... รอยยิ้มเดียวที่ทำให้ชีวิตอันมืดมิดของฉันยังมีความหมาย เพราะถ้าเขาเสียรอยยิ้มนั้นไปอีกครั้ง ฉันคงไม่เหลืออะไรให้หวังอีกแล้ว”
เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและเร่งรีบก็ดังมาจากทางเดินไม้ที่ทอดตัวจากเรือนใหญ่มายังศาลาริมน้ำ ร่างสูงของ ธีร์ ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและความกรุ่นโกรธที่เดือดพล่านในดวงตา
ธีร์ยืนนิ่งอยู่หน้าศาลา มองดูมือของอรัญญาที่จับมือปลายฟ้าไว้อย่างแนบแน่น เขายืนฟังบทสนทนาทั้งหมดได้ยินทุกคำสารภาพที่หลั่งไหลออกมาจากปากของ อรัญญา และคำพูดปลอบโยนที่เปี่ยมด้วยความเห็นใจของ ปลายฟ้า
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” เสียงของธีร์ดังขึ้นกร้าว ดุดันจนทำให้บรรยากาศที่เคยสงบต้องแตกสลาย
อรัญญาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษ เธอปล่อยมือจากปลายฟ้าทันที
ธีร์ไม่รอช้า เขาเดินตรงเข้ามาหาปลายฟ้า คว้าข้อมือเธอไว้แน่น แล้ว ดึงปลายฟ้าออกห่าง จากอรัญญาอย่างแรงและไม่มีความลังเล
“ธีร์!” อรัญญาเรียกชื่อเขาอย่างเจ็บปวด
ธีร์ไม่แม้แต่จะหันไปมองอดีตพี่เลี้ยงของเขาด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังอรัญญาด้วยความชิงชังที่ไม่มีวันจางหาย
“คุณไม่ต้องมาทำเป็นห่วงใยผมอีกแล้วครับ” ธีร์พูดเสียงต่ำ เหยียดหยามอย่างเปิดเผย “ความจริงที่ผมได้ยินมันชัดเจนพอแล้ว”
เขาหันไปมองอรัญญาที่กำลังทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างขมขื่น
“คุณ คุณกับคุณเทวา ไม่มีวันที่ผมจะยกโทษให้พวกคุณสองคน” ธีร์ย้ำเสียงดัง “พวกคุณสองคนเข้ามาร่วมมือกัน หักหลังแม่ของผม! หักหลังความไว้ใจของผม!”
“ธีร์ ฟังพี่ก่อน!” อรัญญาพยายามลุกขึ้นมาอธิบาย
“พอได้แล้ว!” ธีร์ตวาดเสียงกร้าว เขาไม่เหลือความเมตตาใด ๆ อีกแล้ว
“ผมไม่ต้องการฟังอะไรจากคุณอีก!”
เขาไม่แม้แต่จะให้โอกาสอรัญญาพูด ธีร์ดึงปลายฟ้าออกมา อย่างรวดเร็วและไร้การไถ่ถาม ปลายฟ้าทำได้เพียงวิ่งตามแรงดึงนั้น ทิ้งให้อรัญญานั่งอยู่คนเดียวในศาลาริมน้ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ แต่ปกคลุมไปด้วยความเจ็บปวดจากความจริงที่ถูกเปิดเผย
ธีร์แทบจะลากปลายฟ้ามาถึงรถยนต์สปอร์ตคันหรูของเขา เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารอย่างแรง ดันตัวปลายฟ้าเข้าไปนั่ง แล้วปิดประตูอย่างกระแทกกระทั้น ก่อนจะรีบขึ้นประจำที่คนขับ และสตาร์ทรถออกไปทันที
ธีร์ขับเร็วมาก ความโกรธแค้นที่อัดอั้นมานานถูกระบายออกมาผ่านการเหยียบคันเร่ง เขาลืมสิ้นทุกสิ่งรอบตัว ยกเว้นความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังและภาพของแม่ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน
ปลายฟ้าถูกเหวี่ยงไปตามแรงเบรกและแรงเร่งของรถ หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความกลัวและความกังวล เธอพยายามที่จะพูด แต่รู้ดีว่าตอนนี้ธีร์ไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น
เธอตัดสินใจใช้การกระทำแทนคำพูด มือเล็ก ๆ ที่สั่นเทาของเธอค่อย ๆ เอื้อมไป แตะไปที่แขนแกร่ง ของธีร์เบา ๆ ตรงบริเวณที่เขากำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวโพลน
การสัมผัสที่อ่อนโยนนั้นเหมือนสายน้ำเย็นที่สาดเข้าใส่เปลวเพลิงที่กำลังโหมไหม้ของธีร์ จนธีร์เริ่มรู้สึกตัว การรับรู้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวหนังของปลายฟ้าดึงสติของเขากลับมา
เขาเหลือบตามองที่แขนของเขา ก่อนจะหันไปมองปลายฟ้า ร่างของเธอถูกเข็มขัดนิรภัยรัดไว้แน่น ใบหน้าของเธอหน้าซีดเผือดจนเห็นได้ชัดและดวงตาคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นอย่างปิดไม่มิด
ทันทีที่เห็นแววตาของผู้หญิงที่เขาห่วงใย หัวใจที่แข็งกระด้างของธีร์ก็อ่อนยวบลงอย่างกะทันหัน
ธีร์ลดความเร็วลงอย่างช้าๆ ก่อนจะชะลอรถเข้าจอดข้างทางในที่สุด เขาทิ้งหัวปล่อยตัวพิงเบาะเหมือนคนหมดแรง แล้วหันมาเผชิญหน้ากับปลายฟ้าในความเงียบที่น่าอึดอัด
รถยนต์จอดสนิทริมถนน มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดับไปแล้วและความเงียบที่เข้ามาแทนที่ ปลายฟ้ายังคงตัวสั่นเล็กน้อยจากความเร็วที่บ้าคลั่งเมื่อครู่ ธีร์นั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัย มือที่เคยกำแน่นคลายออก แต่ร่างกายยังคงเกร็ง
ปลายฟ้าค่อยๆ หันไปหาธีร์ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเข้าใจและห่วงใย เธอไม่กล้าถามถึงความขุ่นเคืองรุนแรงที่เขาแสดงออกต่ออรัญญาและคุณเทวา เพราะเธอรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องในครอบครัวที่เธอเป็นเพียง คนนอก
“คุณธีร์” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกแผ่วเบา
เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี การถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขาเป็นการล้ำเส้นที่เธอไม่ควรทำ เธอรู้เพียงว่าต้องทำให้เขาสงบลง
“ฉัน ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี” ปลายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด
เธอทำได้เพียงบอกเขาว่า “ไม่เป็นไรนะคะ”
คำพูดเรียบง่ายแต่จริงใจของเธอเหมือนมีพลังบางอย่างที่ทำให้ความร้อนรุ่มในตัวธีร์คลายลง เขายังคงมองไปข้างหน้า แต่สายตาว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ท่วมท้น เขาถูกความทรงจำที่โหดร้ายถาโถมเข้าใส่จนรับไม่ไหว
ทันใดนั้น ธีร์เอียงตัวมา ช้าๆ โดยไม่พูดอะไร ซบที่ซอกคอของปลายฟ้า แขนของเขาไม่ได้กอดรัด แต่เป็นเพียงการทิ้งน้ำหนักลงมาอย่างหมดสิ้นพละกำลัง การสัมผัสที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ ปลายฟ้าตัวแข็งเกร็ง ไปทั้งร่าง หัวใจเต้นแรงจนเกือบจะหลุดออกมาจากอก
ไม่... ไม่เป็นไร...
เธอพยายามบอกตัวเองซ้ำๆ เธอถึงจะผ่อนคลายตัวมากขึ้น ธีร์ไม่ทำร้ายเธอ เขาไม่ได้ต้องการมากกว่าอ้อมกอดที่ปลอบโยน เขาแค่ต้องการที่พักพิงจากโลกที่เต็มไปด้วยการทรยศหักหลัง
ธีร์สูดกลิ่นหอม อ่อน ๆ ที่มาจากร่างบางอย่างลึกซึ้ง กลิ่นหอมสะอาดที่ทำให้จิตใจที่วุ่นวายของเขาค่อย ๆ สงบลง เขา หลับตาอย่างเจ็บปวด
พอแล้ว...
เขาพยายามสลัดภาพในอดีต ภาพของอรัญญาในฐานะพี่เลี้ยงที่อบอุ่นและในฐานะผู้ทรยศ ภาพของพ่อที่ทำลายครอบครัวของตัวเอง เขาพยายามลืมอดีตพวกนั้น เขาไม่ต้องการให้ความทรงจำเหล่านั้นกลับมาทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่เขากำลังสร้างกับปลายฟ้า เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอดีตพี่เลี้ยงของเขา หรือพ่อเทวาของเขาสักนิด
เขาซบอยู่กับเธอเนิ่นนาน จนกระทั่งรู้สึกว่าได้พลังและความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ธีร์ค่อยๆ ผละออกจากซอกคอของปลายฟ้า แต่ยังคงจับมือเธอไว้แน่น.
ธีร์ค่อยๆ ผละออกจากซอกคอของปลายฟ้า แต่ยังคงจับมือเธอไว้แน่นอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งแน่ใจว่าปลายฟ้าไม่ได้ตื่นตระหนกอีกแล้ว เขามองออกไปนอกหน้าต่างรถที่ตอนนี้มีแต่ความมืดมิด
ตอนนี้ถนนที่พวกเธอจอดอยู่มันมืดสนิท ไม่มีรถวิ่งผ่าน มีเพียง แสงไฟริมทางกับไฟหน้ารถ ของพวกเขาที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ธีร์ปล่อยมือจากปลายฟ้า ขับรถออกจากไหล่ทางด้วยความเร็วที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ และมุ่งหน้า กลับไปยังเพนเฮ้าส์ของเขา
เมื่อถึงที่พักธีร์ไม่ได้พูดอะไรเลย ธีร์เดินเข้าห้องไปเงียบๆ เหมือนร่างที่ไร้ชีวิตที่กำลังหลบหนีจากโลกภายนอก
ปลายฟ้าไม่รู้จะทำยังไงดี เธอเข้าใจดีว่าเขาต้องการเวลาอยู่คนเดียวเพื่อจัดการกับความเจ็บปวดที่ถูกเปิดเผยออกมา เธอพยักหน้าให้เขาทั้งที่เขายังไม่ทันหันมามอง แล้ว เธอแยกเข้าห้องของตัวเอง
ปลายฟ้าอาบน้ำเตรียมตัวนอนตามปกติ พยายามใช้กิจวัตรประจำวันดึงตัวเองกลับสู่สภาวะปกติ แต่มันไม่ง่ายเลย ทุกครั้งที่หลับตา เธอเห็นภาพธีร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวดสลับกับภาพอรัญญาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการทรยศ
เธอเป็นห่วงเขาที่อยู่ห้องตรงข้ามมากจนนอนไม่หลับ
เข็มนาฬิกาเดินไปอย่างช้าๆ เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่เธอยังพลิกไปพลิกมา เสียงนาฬิกาปลุกในใจดังขึ้นเตือนว่าเธอควรปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว แต่ความรู้สึกผิดที่เธอเป็นต้นเหตุให้ธีร์ได้ยินคำพูดเหล่านั้นมันรบกวนจิตใจเธอเกินกว่าจะข่มตาลง
ร่างบางเคลื่อนตัวไปอยู่ที่ประตูห้องตรงข้ามของเขา เธอรู้ว่าไม่ควรยุ่ง แต่เท้าของเธอกลับไม่เชื่อฟัง เธอพยายามฟังเสียง แต่เงียบสนิทไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา ราวกับเขาหายไปจากห้องนั้น
ด้วยความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มือเล็กๆ ของปลายฟ้าตัดสินใจบิดลูกบิดประตูช้าๆ มือเล็กเปิดประตูเข้าไปในห้อง ทันทีที่ประตูแง้มออก ไอเย็นจากแอร์กระแทกหน้า เธอราวกับเป็นสัญญาณต้อนรับเข้าสู่โลกของธีร์
ห้องนั้นมืดสนิท เธอสัมผัสได้ถึงความมืดที่หนาหนักราวกับความรู้สึกของเจ้าของห้อง ร่างบางพยายามมองหาร่างสูงผ่านความมืด แสงไฟสลัวๆ จากนอกระเบียงช่วยให้เธอเห็นเงาของเตียงขนาดใหญ่ได้รางๆ
ปลายฟ้าก้าวเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ แสงสลัวจากด้านนอกทำให้เธอเริ่มปรับสายตาได้ดีขึ้น และเธอก็เห็นร่างที่เธอเป็นห่วง
ธีร์นั่งอยู่บนโซฟาพักผ่อนขนาดใหญ่กลางห้อง ในความมืดนั้น เขาไม่ได้อยู่คนเดียว ที่ตักของเขามีปริ้นเซสอยู่ เจ้าแมวน้อยกำลังซบอยู่กับหน้าท้องของเจ้านายอย่างสงบ
ทันทีที่เจ้าแมวน้อยสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของคนแปลกหน้า พอมันเห็นเธอ มันก็ร้องเหมียวเรียกเบาๆ เป็นเสียงแรกที่ทำลายความเงียบในห้องลงได้
ธีร์มองมาที่ร่างบางตรงหน้า ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ความโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น ไม่มีเสียงพูดจากทั้งสองฝ่าย ทั้งคู่สื่อสารกันด้วยสายตาเท่านั้น ปลายฟ้ารับรู้ถึงความว่างเปล่าที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
ปลายฟ้าเคลื่อนตัวมาหยุดยืนตรงหน้าธีร์ เขามีเพียงกางเกงนอนขายาวสีดำตัวเดียวที่ปกปิดร่างกาย ท่อนบนที่เปลือยเปล่าโชว์มัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ทำให้ปลายฟ้าต้องเบนสายตาลงเล็กน้อย
ราวกับรู้หน้าที่ปริ้นเซสกระโดดลงมาคลอเคลียที่ขาเธอ ส่งเสียงออดอ้อนเป็นการต้อนรับ ธีร์มองตามเจ้าแมวน้อยที่เปลี่ยนจากตักเขาไปคลอเคลียขาของปลายฟ้าอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาอ่อนลงเมื่อเห็นการกระทำของมัน
ปลายฟ้าหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมด เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อดึงเขาออกจากความมืดนี้
ปลายฟ้าถือวิสาสะจูงมือของธีร์ มือของเธอยื่นออกไปจับมือใหญ่ของเขาอย่างแผ่วเบา แล้วจูงพาร่างสูงไปที่เตียง เธอทำราวกับว่าเขายังคงเป็นเด็กชายที่กำลังเจ็บปวดและต้องการใครสักคนพากลับไปยังที่ที่ปลอดภัย
ธีร์มองมือของคนตัวเล็กที่สูงไม่ถึงบ่าของเขา มือที่เล็กกว่ามากนั้น กุมมือของเขาไม่หมดด้วยซ้ำ แต่เขากลับยอมให้ถูกจูงไปอย่างว่าง่าย
เขาเห็นว่ามือของปลายฟ้าสั่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าการกระทำที่กล้าหาญนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย
ธีร์เดินตามปลายฟ้าไปหยุดที่เตียง ร่างสูงของเขาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง โดยมีมือเล็ก ๆ ของปลายฟ้ากุมไว้เป็นหลักยึดเพียงอย่างเดียวในยามที่โลกของเขากำลังสั่นคลอน
ธีร์ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง โดยมีมือเล็ก ๆ ของปลายฟ้ากุมมือเขาไว้ ธีร์ไม่ได้ต่อต้าน แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการยินยอมอะไรออกมา ดวงตาของเขามองปลายฟ้าด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
ปลายฟ้าทนเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเขาไม่ไหว เธอใช้มืออีกข้าง ดันให้ธีร์นอนลง บนเตียงอย่างแผ่วเบา ราวกับเขากำลังแตกสลาย ธีร์ยอมทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่ม ๆ อย่างง่ายดาย
เธอไม่ได้นอนตามไปด้วย เธอปล่อยมือของธีร์ออกจากมือของเธออย่างช้า ๆ
ปลายฟ้าไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มปลอบประโลมเขาอย่างไรในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนี้ เธอเป็นเพียงเลขาฯ ที่เพิ่งรับรู้ความลับอันดำมืดของครอบครัวเขา
เธอควรจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง...
ขณะที่ เธอเลยจะเดินกลับห้องตัวเอง เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น มือหนายกขึ้นดึงที่ปลายเสื้อชุดนอนผ้าซาตินของเธอ ไว้ได้ทัน ชายหนุ่มออกแรงดึงเพียงเบา ๆ แต่ปลายฟ้าก็หยุดชะงักทันที
ชายหนุ่มดึงให้ปลายฟ้าลงมานอนด้วย แขนอีกข้างของธีร์ตบลงบนที่ว่างข้างตัวเบา ๆ เป็นการเชื้อเชิญที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“อย่าไปนะครับ”
เสียงของธีร์แหบพร่าอย่างที่สุด ไม่เหมือนเสียงทรงอำนาจที่สั่งการเธอในที่ทำงาน แต่มันคือเสียงวิงวอนที่มาจากความอ่อนแออย่างแท้จริง
ปลายฟ้าไม่กล้าทิ้งธีร์เอาไว้
เธอหันกลับไปมอง ชายหนุ่มตอนนี้มันเหมือนสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังหลังการต่อสู้ครั้งใหญ่ เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน และ เธอไม่อยากเห็น
สำหรับปลายฟ้า ธีร์เป็นคนที่เหมือนด้านตรงข้ามของเธอ เขาเป็นผู้ชายที่มีเป้าหมายชัดเจน มีความแข็งแกร่ง และมักจะมี แสงของตัวเองเสมอ เป็นแสงที่ส่องสว่างในทุกที่ที่เขาไป แต่ในวันนี้ เขาเหมือนคนที่อยากซ่อนในเงา ต้องการให้ความมืดมิดของห้องช่วยปกป้องความอ่อนแอของเขาเอาไว้
ปลายฟ้าทำตามที่เขาต้องการ เธอค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปบนเตียง และนอนลงข้างเขา โดยเว้นระยะห่างไว้อย่างเหมาะสม
ธีร์พลิกตัวเข้าหาเธอทันที เขาวางศีรษะลงบนบ่าของเธอ และโอบแขนกอดรอบตัวเธอไว้แน่น ปลายฟ้ารับรู้ได้ถึงลมหายใจที่หนักอึ้งของเขาที่ซบอยู่บนผิวของเธอ
ในความมืดที่หนาหนักนั้น ปลายฟ้าทำได้เพียงโอบกอดเขากลับเบา ๆ อย่างระมัดระวัง เป็นครั้งแรกที่เธอได้โอบกอด ธีร์ ที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านาย แต่เป็นเพียงผู้ชายที่กำลังแตกสลายคนหนึ่ง
ปลายฟ้าค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับความเย็นของห้องและ เอนตัวนอนข้างคนตัวใหญ่ อย่างเชื่อฟัง ความอบอุ่นจากร่างของธีร์ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยในความมืดที่มิดมิดนี้
ธีร์ไม่ได้พูดอะไร แต่สัมผัสได้ว่าอากาศในห้องนั้นเย็นจัดกว่าปกติมาก เพราะตามปกติ เขาเปิดแอร์ค่อนข้างต่ำมากเพราะเขาเป็นคนขี้ร้อนมาก เขากลัวว่าผิวที่บอบบางของเธอจะรับไม่ไหว ด้วยสัญชาตญาณของการดูแล ธีร์ยกผ้าห่มห่มให้ปลายฟ้า อย่างระมัดระวัง เขาห่มผ้าให้เธอจนถึงไหล่ กลัวว่าวันรุ่งขึ้นปลายฟ้าจะไม่สบาย เพราะเธอต้องมาทนอยู่ในห้องที่หนาวเกินไปของเขา
เมื่อห่มผ้าเสร็จมือหนาสอดมือข้างนึงไปใต้คอของปลายฟ้าอย่างนุ่มนวล ให้เธอนอนหนุนแขนเขา แทนการหนุนหมอน เขาขยับให้ศีรษะของเธอวางบนแขนได้อย่างสบายที่สุด ส่วนอีกข้างโอบที่ช่วงเอว ของเธออย่างหลวมๆ และ วางพาดหน้าท้องแบนราบของคนตัวเล็ก ไว้ ธีร์กอดเธอไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งและอบอุ่น ราวกับกำลังปกป้องเธอจากโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความจริงที่โหดร้ายที่เพิ่งถูกเปิดเผย
“อ้าว! มาแล้วเหรอปลายฟ้า!” นวลจันทร์ส่งเสียงทักอย่างดีใจ แต่สำหรับปลายฟ้าแล้วภาพตรงหน้าคือภาพฝันร้ายที่กลับมาเยือนโอมยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ดูสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูดีใจที่ได้เจอเธอปลายฟ้าเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา“ทำไมไม่รับสายไม่ตอบข้อความพี่เขาเลย!” นวลจันทร์เริ่มต้นตำหนิเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร“จนโอมเขาต้องไปหาแม่ที่บ้าน! ทำอะไรหัดโตได้แล้วนะปลายฟ้า!”คำพูดตำหนิของแม่ราวกับมีคนมาบีบคั้นสมองของปลายฟ้าให้แน่น เธอเริ่มรู้สึกหูอื้อ ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ความรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นไส้ปั่นป่วนอยู่ในท้อง“พี่เขามาหาแกด้วยความหวังดี เขารักแกจะตาย” นวลจันทร์พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของลูกสาว“ปลายฟ้า พี่อุตส่าห์มาหาถึงที่นี่นะ” โอมเสริมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน่าขยะแขยง“รู้ไหมว่าพี่คิดถึงปลายฟ้ามากแค่ไหน”ความกดดันจากแม่และโอมที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ปลายฟ้าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวของเธอเหมือนโดนบีบแน่น และความรู้สึกอยากอาเจียนก็แล่นขึ้นมาปลายฟ้าพยายามรวบรวมสติทั้งหมดไว้ และเปล่งเสียงออกมาเบาที่สุด เสียงที่สั่นเครือแต่
ปลายฟ้าหน้าซีดเผือด เธอเข้าใจในทันทีว่า ธีร์ ไม่ได้แค่ขอร้อง แต่กำลังใช้สถานการณ์นี้บีบบังคับเธอ เธอไม่สามารถเป็นต้นเหตุให้บริษัทต้องเสียหายได้ เธอพยักหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่จำนนต่ออำนาจและความต้องการของเขาสุดท้ายธีร์ก็กดดันให้ปลายฟ้าถ่ายแบบจนได้ ธีร์คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่ช่างภาพ“โอเคครับ ทีมงาน!” ธีร์ประกาศเสียงดัง “นางแบบคนใหม่ของเราคือคุณปลายฟ้า เตรียมเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผมให้เธอเดี๋ยวนี้! เราจะเริ่มถ่ายทำภายในสิบห้านาที”ธีร์ปล่อยให้ปลายฟ้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ทิ้งให้ปลายฟ้ารับรู้ว่าเกมนี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะชนะเขาได้เลยหลังจากที่ปลายฟ้าได้รับการแปลงโฉมและกลับมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ธีร์ ก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมถ่ายแบบคู่กับเธอในทันทีปลายฟ้าถูกพาตัวมาพักหลังจากถ่ายแบบเดี่ยวเสร็จ ก่อนจะเริ่มถ่ายคู่กับธีร์ เธอเห็นตัวเองในกระจก... ใบหน้าที่สวยสง่าและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ แต่ดวงตาของเธอยังคงมีความไม่พอใจและกังวลอย่างชัดเจนธีร์ดูปลายฟ้าที่กำลังแต่งหน้า เขานั่งอยู่บ
ปลายฟ้าและธีร์นั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ พวกเขากำลังจัดการประชุมคัดเลือกนางแบบสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางและเสื้อผ้าไลน์ใหม่ของบริษัทชื่อว่า Zenithปลายฟ้าสวมชุดทำงานที่ดูเนี้ยบและเป็นทางการ เธอรักษาระยะห่างจากธีร์อย่างเคร่งครัด หลังจากเหตุการณ์ในคอนโด แม้ธีร์จะเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก และปลายฟ้าเองก็ยังคงอยู่ในโหมด 'มืออาชีพที่เย็นชา'เบื้องหน้าของธีร์คือโต๊ะที่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัตินางแบบหลายสิบคน ธีร์เป็นผู้นำในการคัดเลือกทั้งหมดเพราะโจทย์คือต้องหานางแบบที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งและดูดีพอที่เหมาะกับงานและคู่กับนายแบบอย่างเขาปลายฟ้าเป็นผู้เรียกชื่อนางแบบทีละคน เธอถือคลิปบอร์ดไว้แน่น พยายามไม่สบตากับธีร์“คนต่อไปค่ะ คุณลินนา มณีรัตน์” ปลายฟ้าประกาศเสียงเรียบประตูเปิดออก ลินนา ก้าวเข้ามาด้วยความมั่นใจ เธอเป็นนางแบบสาวสวยที่มีใบหน้าคมกริบ การแต่งกายและรอยยิ้มของเธอดูไร้ที่ติและมีความทะเยอทะยานสูง“สวัสดีค่ะคุณธีร์ สวัสดีค่ะทีมงาน” ลินนากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้หวานกว่าปกติลินนาเริ่มแสดงท่าทางโพสตามที่ทีมงานต้องกา
ข้อความที่ถูกส่งมาโดยตรงระบุชัดเจน "ฉันคือเจ้าของของปริ๊นเซสค่ะ"ใจของปลายฟ้าหล่นวูบ ปลายฟ้ารู้สึกใจหายมากๆ ราวกับหัวใจถูกบีบอัดจนหายใจไม่ออก เธอเคยคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็คงไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เพราะธีร์เองก็ผูกพันกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไปแล้วปลายฟ้าอ่านข้อความซ้ำหลายครั้ง เจ้าของตัวจริงให้รายละเอียดของแมวได้อย่างถูกต้องทุกประการ รวมถึงประวัติการรักษาและเครื่องหมายพิเศษที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน การโกหกหรือการเข้าใจผิดจึงเป็นไปไม่ได้เธอเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ธีร์ยังคงนั่งทำงานอยู่บนโซฟา โดยมีปริ๊นเซสนอนหลับอย่างสบายอยู่บนตักของเขา“คุณธีร์คะ” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกเสียงสั่นธีร์เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของปลายฟ้า เธอชูโทรศัพท์ให้เขาดูข้อความนั้น ธีร์ก้มลงอ่าน ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความตกใจและเศร้าสร้อยเช่นกัน“เขา... เขานัดเจอที่ไหนครับ” ธีร์ถามเสียงแผ่ว พลางลูบหัวปริ๊นเซสอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการบอกลาล่วงหน้า“ที่สวนสาธารณะ ตรงข้ามกับคอนโดฯ ค่ะ เขาอยากเจอน้อง แล้วก็อยากจะคุยเรื่องรับน้องกลับ”ปลายฟ้ารู้ว่าถึงเวลาที่ต
ปลายฟ้าซบหน้าเข้ากับแผงอกที่เปลือยเปล่าของธีร์อย่างเต็มใจ เธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของเธอได้เป็นอย่างดีในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ปลายฟ้าไม่ได้รู้สึกว่าเธอกำลังนอนอยู่กับเจ้านายที่เย็นชา แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการเพียงความรักและการปลอบโยนเท่านั้นความเงียบปกคลุมทั่วห้อง ปลายฟ้าหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ขณะที่ธีร์ก็หลับตาลงอย่างเจ็บปวด โดยหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมา แสงสว่างจากวันใหม่จะช่วยพาเขากลับไปยังจุดที่เขาทิ้งรอยยิ้มที่หายไปไว้เบื้องหลังได้แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านทึบเข้ามาได้เพียงน้อยนิด ทว่าเพียงพอที่จะทำให้ปลายฟ้าค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากห้วงนิทราที่แสนเหนื่อยล้า ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาก็สบตาเข้ากับดวงตาคมเข้ม ที่อยู่ห่างออกไปเพียงคืบดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ อย่างเงียบงันธีร์ตื่นได้สักพักแล้วเขาไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่นอนมองใบหน้าของคนในอ้อมแขนมาเนิ่นนาน เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนขนตาของปลายฟ้ายาวหนา เป็นแพสวยงามจมูกเล็กๆ ที่ดูดื้อรั้น รับกับปากอวบอิ่มที่เขาเคยประทับ รสชาติหวานละมุนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำลึกๆ ขอ
“ฉันต้องขอโทษแทนคุณเทวาด้วยนะคะ” อรัญญากล่าวอย่างรู้สึกผิด “ฉันรู้สึกผิดกับธีร์ และฉันเหนื่อยมาก ๆ เลย ค่ะ”อรัญญาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า“ฉันเข้ามาเป็นเมียน้อยในตอนแรก และยอมทนอยู่เพื่อรอให้ แม่ของธีร์เสีย ไป ก่อนที่ฉันจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายที่ถูกต้อง”คำสารภาพของอรัญญาดังก้องอยู่ในความเงียบงันของศาลาริมน้ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ดูเหมือนจะเจือด้วยความขมขื่น ปลายฟ้านิ่งงันไป น้ำเสียงของอรัญญาไม่แสดงความรู้สึกผิดบาป แต่เป็นความเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด ราวกับว่าการพูดความจริงออกมาเป็นภาระหนักอึ้งที่เธอแบกมานานปลายฟ้าจ้องมองใบหน้าของอรัญญาที่เงยขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า ใบหน้าที่มีร่องรอยความงามสง่า แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ฉากหน้าของ 'คุณนาย'“คุณ คุณอรัญญา” ปลายฟ้าเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา เธอไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหรือควรจะถามคำถามใดออกไปอรัญญาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่ประสานกันบนตัก เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคง “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะโกหกคุณ แต่ฉันเลือกที่จะบอกความจริง เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจความรู้สึกของธีร์”“การเป็น 'คุณนาย' ไม่ได้สวยง







