"โอเคมาเริ่มกันเลยดีกว่า ขอแค่เซลล์เดียวแค่กระพี้เนื้อชิ้นเดียวที่ยังมีชีวิต"
.
เช่นกันกับกรณีของเจฟเฟอร์ เมื่อม่านตาของเบอร์แบโต้เริ่มคลี่ตัวออกเป็นใบพัด เขากำลังซูมภาพเข้าไปยังเรือนร่างของเอ็มม่าในระยะที่ใกล้กว่าปกติ กล่าวคือไม่ใช่การซูมโดยใช้ระบบม่านตาออปติคอลแบบธรรมดา หากแต่เป็นการซูมลึกเข้าไปถึง DNA
.
"แกร็ก ๆ ๆ"
.
"แสกน!"
ชายหนุ่มออกคำสั่ง
.
เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งบนหน้าจอของเขา ก็เห็นเป็นภาพของเสื้อผ้าเอ็มม่าที่ขยายใหญ่โตขึ้น มีไรฝุ่นวิ่งยึกยืออยู่บนเส้นใยสังเคราะห์ ทอดสายตาไปทางไหนอะไร ๆ ก็ใหญ่โตอล่างฉ่างไปหมด สักพักเลนส์ก็หมุนแกร็ก ๆ ซูมภาพเข้าไปอีก สเต็ปนี้เบอร์แบร์โต้ได้เห็นลึกเข้าไปถึงชั้นผิวของหญิงสาว เขาได้เห็นเนื้อเยื่อ เห็นเส้นประสาทที่ถักทอไปตามอวัยวะต่าง ๆ อย่างซับซ้อน แต่ก็นะ! จะมีความหมายอะไรในเมื่อทุกอย่างหยุดทำงานไปหมด ความดันโลหิตกลายเป็นศูนย์ เส้นเลือดมีเป็นล้าน ๆ เส้นแต่ไม่มีสักเส้นที่มีเลือดวิ่งพล่านอยู่ภายใน พวกมันนอนแน่นิ่งค้างเติ่ง จากสีแดงสดฉาดฉานบัดนี้กลับเริ่มคล้ำและจับตัวแข็งเป็นก้อน ๆ
.
เบอร์แบโต้กัดฟันส่ายหน้า ไม่สบอารมณ์ผสมผิดหวัง
.
"ชิ! ซูมต่อ!"
"ต้องมีบ้างสิเซลล์ที่ยังไม่ตาย สัญญาณชีพแห่งการดำรงชีวิต!"
.
ใบพัดในม่านตาคลี่ตัวกว้างออกอีกหนึ่งสเต็ป คราวนี้มันซูมเข้าไปลึกซะจนตัวมันเองแทบจะเป็นกล้องจุลทรรศน์อยู่รอมร่อ เพราะภาพที่ดึงขึ้นมาให้เบอร์แบโต้เห็นนั้นก็คือภาพของโครงสร้างสาย DNA ที่ขดเกลียวกันเป็นลูกคลื่น เขาพยายามปาดสายตาเคลื่อนไปตามส่วนต่าง ๆ บนร่างกายเอ็มม่า เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองไล่ไปตั้งแต่ศรีษะแต่ก็เงียบ ลดลงมาแถวลำตัวและหน้าอกก็ไม่ต่างกัน สาย DNA ไม่มีการสั่นไหวใด ๆ ทั้งสิ้น หรือนี่จะตีความได้ว่าเอ็มม่าแผนกการเงินนั้น ได้ตายจากโลกนี้ไปอย่างสมบูรณ์แบบ
.
"บะ.. บ้าน่า! ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้นี่นา เราเพิ่งเอากันเสร็จไปไม่ถึง 20 นาทีเอง ขนาดพี่เจฟเฟอร์แกแขนขาด แกยังกุลีกุจอรีบไปให้หมอยูมิโกะช่วยเลย เซลล์ในสิ่งมีชีวิตไม่น่าจะตายหมดเกลี้ยงได้เร็วขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้!"
.
"ช่่วยผมหน่อยสิเจ๊ อยากมีชีวิตต่อไปไหมเล่าขยับหน่อยสิ! ขยับให้ผมเห็น!"
.
หนุ่มผิวสีรำพึงกับตนเองในใจ เหงื่อไหลย้อยจากหน้าผากจรดปลายคาง เขายังคงยืนตัวเกร็งเพ่งสายตาไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของเอ็มม่าราวกับผู้ป่วยโรคจิต ประกอบกับเสียงเลนส์บนม่านตาที่เริ่มร้อง ติ๊ก ๆ ๆ ออกมาถี่รัว ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูวิกฤตมากขึ้น!
.
"ไม่ไหว! ได้แค่แป๊บเดียวเอง ระบบร้องเตือนแล้วสิ ถ้าไม่หยุดตอนนี้เราตาบอดแน่ เชี้ยเอ๊ย! อยู่ไหนวะ! เซลล์สัญญาณชีพมึงอยู่ไหน?"
.
ดวงหน้าสะบัดไปมาพึบพับ จ้วงเท้าเข้าไปใกล้ ๆ ศพพลันย่อตัวลงใกล้ ๆ เพื่อแบ่งเบาซอฟแวร์การประมวลผล แต่จนแล้วจนรอดเบอร์แบโต้ก็เหมือนจะเจอทางตัน ขด DNA ในร่างกายเอ็มม่าไม่มีการสั่นไหวอะไรเลย ความผิดหวังทำให้หนุ่มอเมริกันผิวสีจุ่มก้นลงกับพื้นในทิศตรงข้ามเธอ ปลายเท้าพวกเขาชนกัน หันหน้าเข้าหากันหลับตาปุ๋ย แล้วก็เป็นความบังเอิญในจังหวะถอดใจนั้นเองที่ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยง! ในองศาที่ก้มต่ำ คอตกและถดถอย ใครจะไปเชื่อว่าพอเหลือบตาขึ้น ระยะสายตาของเบอร์แบโต้จะไปตรงกับตำแหน่งเนินจิ๊มิ๊ของเอ็มม่าเข้าพอดี
.
"เฮ๊ย! สั่นแล้ว! ใช่จริง ๆ ด้วยมันยังสั่นอยู่ ขด DNA เจ๊ยังมีปฏิกิริยา เจ๊ยังไม่ตาย! ไชโย! ไชโย!"
.
ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เบอร์แบโต้รีบสปริงตัวขึ้นด้วยความรวดเร็ว ใช้มือทั้งสองข้างป้องประคองเลนส์เรติน่าของตัวเองสุดฤทธิ์ พลางส่องเข้าไปบนโหนกผสมพันธุ์เพื่อยืนยันความถูกต้อง
.
"ซูมเข้า!"
.
"แกร็ก ๆ หวืดดด!"
.
"เข้าอีก!"
.
"แกร็ก ๆ ๆ หวืดดดด!"
.
"พอ!"
.
"อื้อหือ! เป็นอย่างงี้นี่เองเพราะหีเจ๊แม่งฉีกมากอ่ะ คงเจ็บมากสินะตอนที่เย็ดกัน ดูดิเนื้อตรงติ่งยังเต้นอยู่เบา ๆ ด้วยซ้ำ ขนาดตัวตายไปแล้วจิ๋มก็ยังคงเสียวอยู่สินะ แม่งสุด ๆ เซลล์ตรงนี้แหละที่เป็นเครื่องการันตีว่าเจ๊ควรจะต้องมีชีวิตรอด"
.
"ซูมออก!"
.
"แกร๊ก ๆ ๆ หวืดดดด!"
.
จากกล้องจุลทรรศน์เหมือนจะกลายเป็นกล้องตรวจภายใน ของหมอสูตินารีแพทย์ในเซ็ตสุดท้าย เบอร์แบโต้มองเห็นภาพของร่องหีถอยร่นฝ่าม่านหมอยออกไป ทะลุผ่านเส้นใยสังเคราะห์บนเสื้อผ้ากับบรรดาฝูงตัวไรฝุ่น จนสุดท้ายก็เข้าสู่โหมดการมองเห็นเวอร์ชั่นปกติ
.
ลมหายใจยาวแบบโล่งอก เพิ่งจะถูกพ่นออกมาเมื่อครู่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาเดินวนดูร่างอันแน่นิ่งของเธอผู้ซึ่งนั่งหันหลังพิงอยู่กับฝาประตูเซฟพร้อมกับรอยยิ้ม เหมือนกับตลกร้าย! มันคล้ายกับชะตาฟ้าลิขิตที่ถูกเขียนขึ้นจากอารมณ์ขันของพระผู้เป็นเจ้า
.
ใครจะว่าบังเอิญหรือฟลุ๊คยังไงก็ตามแต่ แต่ในเมื่อลำควยของเขาคือสาเหตุที่ทำให้เธอตาย ดุ้นอันเดียวกันนี้ก็เลยกลายเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เธอรอดไปพร้อม ๆ กันด้วย เบอร์แบโต้หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเธอ พลางทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ ก่อนจะยื่นริมฝีปากเข้าไปจุมพิตกับศพราวกับจะเป็นการสั่งลา
.
"ผมจ้องเจ๊จนปวดตาไปหมดแล้วอ่ะ ขอผมจูบลาหน่อยล่ะกันเน๊าะ , จุ๊บ! "
.
"เพราะหลังจากกระบวนการนี้เสร็จสิ้น เจ๊จะจำเรื่องราวระหว่างเราไม่ได้อีกเลย.."
.
มือหนากร้านงานลูบไล้ไปตามไรผมเธอ พลางร่นเลื้อยลงมาตามโครงหน้า กับรสสัมผัสที่ชายหนุ่มจะไม่มีวันลืม แม้แต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นเบอร์แบโต้ก็สาบานกับตัวเองไว้แล้วว่า นี่น่าจะเป็นการมีเซ็กส์ที่เวิร์ลคลาสที่สุดในโลก และเขาก็จะไม่มีวันไปทำแบบนี้กับใครอีก
.
"ลาก่อนครับเจ๊เอ็มม่า แม่มดน้อยเฮอร์ไบรโอนี่ของผม"
.
ยืดขาลุกขึ้นยืนก่อนจะตัดสินใจยื่นมือซ้ายซึ่งพับหักปลายเป็นกระบอกปืนไว้แล้ว ออกไปจ่อตรงหน้าผากพลันออกคำสั่ง
.
"ยิง!!!"
.
"จิ้วววววว~!"
.
ศีรษะเอ็มม่าสะบัดไปกระแทกกับประตูเซฟอย่างจัง! แต่เบอร์แบโต้แม่งไม่สน! เพราะสิ่งที่เจ้าตัวสนใจกลับเป็นก้อนความคิดที่ผุดขึ้นมาเป็นยวง ๆ พร้อมกับออร่าที่ห่อหุ้มไว้มากกว่า ใช่แล้ว! เจ้านี่คือ "ก้อนความตาย" DNA บริเวณติ่งเสียวบ่งบอกชัดเจนว่าเซลล์ของเอ็มม่ายังมีชีวิตอยู่ ทว่ากลับเป็นตัวเจ้าหล่อนเองที่คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ร่างกายก็เลยตอบสนองเป็นความแน่นิ่งแล้วก็ไม่หายใจอย่างที่เป็นอยู่
.
"Drain!"
.
"ฟู่!!!"
.
"ฮึบ! เวรเอ๊ย! หนักชิบเป๋งเลยวะแต่ไม่เป็นไรแค่นี้ยังไหว! แลกกับการให้เจ๊ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งผมยอม! ฮึ๊ย! ย๊ากกกกก! "
.
เพราะฉะนั้นการที่เบอร์แบโต้พยายามกัดฟันใช้แขนขวา Drain เจ้าก้อนความตายสีดำ ๆ คล้ำ ๆ นี้เข้ามาเก็บไว้กับตัว จึงเหมือนเป็นการดูดจิตใต้สำนึกในด้านนี้ของเธอออกไป แล้วก็จะทำให้เธอลืมตาขึ้นอีกครั้งในท้ายที่สุด เพียงแต่เอ็มม่าก็จะพาลจำเขาไม่ได้ไปด้วย
.
หนุ่มอเมริกันผิวสีรีบหันหลังให้เอ็มม่าในทันทีหลังกระบวนการแล้วเสร็จ เพราะนี่ก็แค่เรื่องเดิม ๆ เป็นภารกิจเดิม ๆ ที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามต้องทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ถึงกระนั้นทำไมกันทำไมภายในใจกลับรู้สึกเหวง ๆ
.
.
ตัดภาพมาที่เอ็มม่าที่ค่อย ๆ เผยอเปลือกตาขึ้นเชื่องช้า เธอเห็นทุกอย่างไม่ชัดนักแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าอะไรเป็นอะไร เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองมานั่งจมแหมะอยู่บนพื้นหน้าตู้เซฟตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนจะสภาพเละเป็นโจ๊กของห้องทำงานนี้อีกล่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่! พอปรับโฟกัสได้และสังเกตเห็นหลังไว ๆ ของเบอร์แบโต้เข้า เธอก็เลยร้องตะโกนถามขึ้น
.
"คุณคะ.. คุณ ที่นี่เกิดอะไรขึ้น คนอื่นหายไปไหนกันหมด!?"
.
".........!"
เบอร์แบโต้ไม่ตอบ ไม่ได้หยิ่งหรืออะไรหรอก แต่เป็นเพราะเขาดีใจจนน้ำตาไหลที่รู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วต่างหาก สุดท้ายก็เลยแก้เกล้อด้วยการง้างหมัดแมน ๆ ต่อยเปรี้ยง! ใส่ก้อนหินที่หล่นลงมาโชว์มันซะดื้อ ๆ
"ว๊ายยยย! นี่มันอะไรกัน หินพวกนี้หล่นลงมาจากห้องหมอยูมิโกะใช่ไหม? นี่คุณอย่าเพิ่งเดินไปสิหันมาบอกฉันก่อน! ทำไมถึงเหลือแค่คุณกับฉัน ฉันสั่งคุณอยู่นะ! อร๊ายยยย! กล้าขัดใจฉันเหรอ!!!"
เธอก็ยังเป็นเธอเอ็มม่าบ่นฉอด ๆ พลันออกคำสั่งให้ทุกคนทำตามเป็นชุด แต่ครั้นจะลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเบอร์แบโต้ไปเอาความจริงกลับทำไม่ได้
.
"อุ๊ย! เจ็บจังช่องคลอดเรา! อะไรกันเนี่ยะ! เจ็บมากอ่ะก้าวขาไม่ได้เลย , โอ๊ย! "
สาวเจ้าเปล่งเสียงออกมาเบา ๆ ในลำคอ เธอย่อตัวนั่งลงอีกครั้งแล้วก็ทำได้เพียงจ้องมองแผ่นหลังอันแผ่กว้างของชายหนุ่ม ที่เดินลับสายตาออกบานประตูไปอย่างเงียบ ๆ
.
.
ประตูหน้าห้องแผนกการเงินชั้น 3 งับปิดเบอร์โต้ก็เลยโล่งใจ เขาหันหลังพิงมันไว้หลับตาพริ้มนึกถึงแม่มดน้อยเฮอร์ไบรโอนี่ของเขาก่อนเล็กน้อย พลางล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เพื่อควักเอาของที่ได้ติดไม้ติดมือมาออกมานับ
.
"นิดหน่อยคงไม่เป็นไรนะเจ๊เอ็มม่า ก็ผมยังไม่ได้ค่าแรงเลยนี่หว่า"
"หนึ่ง!.. สอง!.. สาม!.. สี่!.. ห้า!.. หก!.."
"กรุ๊งกริ๊ง ๆ ๆ กรุ๊กกริ๊ง ๆ ๆ"
.
แต่ทว่าระหว่างที่เจ้าตัวกำลังไล่นับบรรดาแบงค์น้อยแบงค์ใหญ่ กับเหรียญทองมากมายที่แอบฉวยเอามาอยู่นั้น งานก็เข้าอีกจนได้เมื่อจู่ ๆ โทรศัพท์สายหนึ่งก็ดังขึ้นมา!
.
และปลายสาย.. แม่งดันกลายเป็นบอส!
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร
"พี่ปิเก้กำลังบอกใบ้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากบนนั้นใช่ไหมครับ? พี่เขาต้องการให้เราขึ้นไปสืบข้างบนใช่ไหมพี่เจฟ?"เบอร์แบโต้ตวาดเสียงดุดัน ท่าทางเขาดูจริงจังจนออกนอกหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสีหน้าสีตาของสายลับรุ่นพี่เป็นที่สุด."โอ่ย! โอ่ย! โอ่ย! ๆ ไอ้โต้เอ๊ย! ไอ้โต้! นี่ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแกลบให้แดกกับกาบมะพร้าวเหรอ สมองมึงถึงอุ้มน้ำได้ถึงเพียงนี้! มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าทึ่ม! ตอนนั้นปิเก้มันนอนแหงนหน้าอยู่ใช่ไหม?"."ใช่ครับ.. พี่เขาหนุนตักผมอยู่?"."ถ้างั้นก็ไม่ผิดหรอก! เพราะที่มันชี้น่ะไม่ใช่รูแหว่งโบ๋บนหลังคา หากแต่เป็นของที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าผากแกต่างหากล่ะเจ้างั่ง!".ได้ยินเช่นนั้นมือหนาหยาบกร้านของเบอร์แบโต้ ก็รีบตะปบวนไปวนมาบนหน้าผากตัวเองทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต."หน้าผากผมมันมีอะไรเหรอครับพี่เจฟ ผมไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเลย?"."เฮ้อ..! คืออย่างงี้สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ธรรมชาติของหน่วยภาคสนามอย่างเราน่ะ มันต้องพร้อมที่จะตายตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างลับ ๆ ผ่านทางชิบที่ฝังไว้ในส
สะบัดลำตัวสะดีดสะดิ้งหวิดหวิวเสียวสะท้าน ทันทีที่ภาพเสมือนโดนตัดสัญญาณ เจฟเฟอร์ก็รีบดึงสติกลับมาที่ตัวเอง เดชะบุญที่เขาไม่ได้ไปไหนไกลจากเบอร์แบโต้นัก จากตรงนี้ในชุดรัดรูปที่ใช้สำหรับทำภารกิจโดยเฉพาะ เจฟเฟอร์ยังคงมองเห็นเจ้าหน้าที่รุ่นน้องได้อย่างชัดเจน."โถ่เอ๊ย! ไอ้โต้ ดูสิดูมันทำ! ทำอย่างกับคนไม่เคยฝึกมา รื้อสถานที่เกิดเหตุกระจุยกระจาย ถุงมือก็ไม่ใส่ หลักฐานสำคัญหายหมดแล้วมั้งน่ะ! "."น่าเสียดายที่บอสรู้ตัวเร็วไปหน่อย ไม่งั้นเราคงได้ข้อมูลมามากกว่านี้ ดอกลาเวนเดอร์สดดอกหนึ่งราคาเฉียด 500 เหรียญ ไม่อยากจะเชื่อว่าแกจะกล้าปาเข้าใส่เราได้! ชูู่ววววว! ถึงที่ส่งไปจะเป็นแค่ภาพ visual ระบบ wireless ก็เถอะ แต่มันก็เสียวท้องน้อยดีเหมือนกันแฮะ.. วู้วววว!".วนมือเป็นวงบนพุงตัวเองวูบวาบ สายลับหนุ่มเป่าปากพ่นลมหายใจพรู อย่างที่เราทราบว่านวัตกรรมของ Parallel นั้นมีมากมายหลายชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้านี่ "เครื่องฉายภาพระยะไกลระบบ wireless " มันเป็นอุปกรณ์ย่อยที่ถูกติดตั้งเข้ามาใหม่ เพียงแค่กลับด้านหัวเข็มขัดนิดเดียว จากอุปกรณ์แปลงร่างก็จะกลายเป็นเครื่องส่งสัญญาณในทันที เดชะบุญที่โลกยุคนี้เป็น
บรรยากาศมาคุแผ่สยายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น เงียบซะจนได้ยินเสียงแอร์ดังครือ ๆ ครือ ๆ เจฟเฟอร์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เขาทำได้เพียงคุกเข่่าแล้วก็ก้มหน้าลงปลดปลงกับบานประตูอันเว้าแหว่ง กูไม่น่าพังมึงเข้ามาเลย!."ว่าไงล่ะ! จะเงียบทำไมมิทราบไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันถามเหรอ ว่าคุณเสียมารยาทเข้ามาที่นี่ทำไม!"บอสสาวแห่งองค์กรตวาดเสียงเข้มดุดัน และระหว่างที่เจฟเฟอร์กำลังจะอ้าปากตอบ."อ่ะ.. เอิ่ม คือผมจะเอา.. า.. า.."."หยุด! อย่าเพิ่งพูดอะไร ส่งหัวเข็มขัดคุณมาก่อน!"."หัวเข็มขัด! บอสจะเอาคืนเหรอครับ งั้นก็หมายความว่า.. ห๊ะ! นี่อย่าบอกนะว่า! บอสจะไล่ผมออก! ด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยะนะ! ไม่ครับบอสไม่ ไม่ ไม่ ๆ ๆ ไม่มีทาง! ยังไงผมก็ไม่ออก ออกไปผมจะเอาไรแดก!"."ใครอนุญาตให้เงยหน้ามิทราบคุณเจ้าหน้าที่ ฉันบอกว่าส่งมาก็คือส่งมาไง! ทำไมต้องให้ย้ำ!".กัดกรามกรอด ๆ ฝืนใจเจ็บทน ต้องก้มหัวให้ผู้หญิงแล้วยังต้องมาโดนปลดออกจากตำแหน่ง เพราะความจังไรของตัวเองอีก รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั้น ถึงจะไม่อยากทำแต่สุดท้ายก็ต้องยอมปลดหัวเข็มขัด ที่มีตราสัญลักษณ์เครื่องหมายเท่ากับ (=) แห่งองค์กร Parallel ค
"ฟึบฟับ! ๆ , ฟึบฟับ ๆ , โฉ้งเฉ้ง ๆ ๆ !".อย่าว่าแต่ไอร่อนแมนเลย ชั่วยามนี้ทรานฟอร์เมอร์แม่งก็มา เมื่อขากลคู่งามดับไอพ่นลงแล้วแลนด์ดิ้งลงสู่พื้นพรมเปอร์เซียในห้องบอส ผืนพรมราคาแพงยุบบุ๋มลงตามน้ำหนักตัวที่มากโข แต่ครานั้นเจฟเฟอร์ก็ยังอุตส่าห์โพสต์ท่าตะแคงข้าง โชว์ให้เห็นถึงอะไหล่ชิ้นงามที่กำลังสับเปลี่ยนตัวเองกลับคืนรูปลักษณ์."เอิ่ม.. ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับบอส คือว่าผมเผลอตัวเผลอใจไปหน่อย มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แฮะๆ"."แบบว่าขาข้างใหม่มันยังไม่ชินน่ะครับ เผลอ ปริ๊ด! แค่นิดเดียว ไม่คิดว่าขามันจะสั่นซะจนพุ่งใส่ประตูพังเป็นแถบแบบนี้ ต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้ว.. ย.. ย!".เจฟเฟอร์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจิต ณ ตอนนี้ที่ไฟฉุกเฉินตรงมุมห้องสว่างโล่ขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้เห็นหน้านวลนางที่อุปทานว่าเป็นแบร็ควิโดว์แบบจะ ๆ เป็นครั้งแรก."เอ็มม่า!""เธอคือเอ็มม่าแผนกการเงิน ที่อยู่ประจำชั้น 3 นี่นา!?""ไอ้หย๋า! นี่อย่าบอกนะว่าคุณโดดงานมาเอากับบอส! หึ๊ยยย! แรดชุปแป้งทอดชะมัด!".โดนตะคอกใส่แบบนั้น เป็นใครก็ต้องสวนกลับ!."หยุดปากพล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์! มันไม่