“มิรินดา!”
เจ้าของชื่อในชุดแสนสบายเสื้อครอปกับกางเกงยีนตัวโปรดหยุดฝีเท้ากะทันหัน ก่อนจะหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก ขณะที่ผมก้าวขึ้นบันไดหน้าโรงแรมหรูใจกลางเมือง
“เฮียมาได้ไงเนี่ย” เสียงหวานเอื้อนเอ่ย หลังจากผมหยุดยืนประจันหน้า สองมือล้วงเข้ากระเป๋าแจ็กเกตหนังของตัวเอง ปรายตามองไอ้หนุ่มตี๋อีกคนที่อยู่ในที่นี้ด้วย พลางไล่สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า และอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
“ทำไมถึงมาที่แบบนี้…กับไอ้ห่าที่ไหนก็ไม่รู้” ผมว่า ในตอนที่หยุดสายตาจ้องหน้าอ่อน ๆ ของมัน คนถูกคาดโทษสะดุ้งเล็กน้อยตรงคำว่า ไอ้ห่า ที่ผมจงใจเน้นเสียงหนัก
“ไม่ใช่ไอ้ห่าที่ไหน เขาเป็นเพื่อนเรา” และคนถูกกล่าวถึงยังสะดุ้งอย่างต่อเนื่อง ก่อนมันจะสลับมองสาวเจ้าของประโยคที่คล้ายจะอธิบาย ด้วยสีหน้างุนงง เพราะสรรพนามที่ผมตั้งให้โดยไม่ได้รับอนุญาตถูกย้ำอีกครั้ง
“เพื่อนที่ไหนพากันเข้าโรงแรมวะ!” วอลลุ่มเสียงเพิ่มอีกระดับ
“แล้วเฮียจะเสียงดังทำไม” สาวน้อยขี้อายรีบปราม เพราะตอนนี้คนผู้ที่เดินเข้าออกเริ่มหันมาสนใจ เสียงโหวกเหวกของผมมากขึ้น
แต่หน้าผมหนากว่านั้นเยอะ…
“มันหลอกน้องมาใช่ไหม”
“เราชวนเขามาเอง”
“...?” คำตอบจากผู้หญิงที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวได้ไม่กี่ปีทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออก เลิกคิ้วมองเธออย่างไม่เข้าใจ
“ผมว่าค่อย ๆ คุยกันดีไหมครับ”
“อย่ามาเสือก!” ข้อเสนอจากบุคคลที่สามถูกปัดทิ้งอย่างเกรี้ยวกราด ส่งผลให้คนที่ออกตัวว่าเป็นเพื่อนไม่พอใจเล็กน้อย
“เฮียไวน์!”
“กลับบ้าน” ผมเอื้อมคว้าข้อมือเล็ก กึ่งจูงกึ่งลากมาตามทาง
“ไม่ เฮียปล่อยเรานะ” การขัดขืนเกิดขึ้นตลอดระยะทาง แต่ท้ายที่สุดร่างบอบบางก็ถูกจับยัดใส่ซูเปอร์คาร์คู่ใจได้สำเร็จ
“คิดจะทำอะไร” ผมถาม ขณะก้มดึงเข็มขัดนิรภัยคาดผ่านตัวเธอไปอีกฝั่ง มือเล็กยกขึ้นดันใต้ไหปลาร้าทั้งสองข้างของผมไว้ในตอนที่โน้มลงประชิดมากเกินความจำเป็น
“คงไม่มานั่งเป่ายิ้งฉุบหรอกน่า”
“มิเชล” เสียงกดต่ำดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเสียบสายเบลต์เข้าล็อก แล้วถอยร่นออกมาเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่าง ใช้มือยันเบาะรถที่เธอนั่งอยู่ในการทรงตัว จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย
“เราไม่ใช่เด็กหญิงแล้วนะ เราเป็นนางสาวแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว เฮียเลิกคิดว่าเราเป็นเด็กสักที อีกอย่างนะโรงแรมก็มีร้านอาหาร หัดแวะเข้าไปบ้าง ไม่ใช่มาถึงก็จะขึ้นแต่ห้อง และทุกคนเขาไม่ได้เหมือนเฮีย ที่จะเข้าโรงแรมเพื่อมามีเซ็กซ์อย่างเดียว” อธิบายซะยืดยาว แต่ปิดจบด้วยการแดกดัน ประเด็นคือมันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมน้ำท่วมปาก
“ก็เฮียเป็นผู้ชาย”
“แล้วยังไงคะ ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ทำแบบที่เฮียทำเหรอ อย่าเอาเพศสภาพมาเป็นตัวชี้วัด มันไม่แฟร์”
“เถียงเก่ง…” สุดท้ายทำได้แค่บ่นพึมพำ “ไม่รู้แหละ ห้ามมี เฮียไม่อนุญาต”
ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ก็ยังพูดออกไป
“ห้ามมีอะไรคะ”
“ทุกอย่าง ผู้ชาย แฟน คนคุย แล้วก็…เซ็กซ์ด้วย”
“ห้ามเก่ง…งั้นเราห้ามเฮีย เหมือนที่เฮียห้ามเราบ้างได้ไหมล่ะ”
“ได้ มาเป็นแฟนเฮียดิ” สิ้นเสียงผม อาการช็อกเกิดขึ้นกับเราทั้งคู่แทบจะพร้อมกัน บรรยากาศโดยรอบถูกความเงียบเข้าปกคลุมทันที เมื่อสิ่งที่อยู่ในความคิดดันหลุดออกมาแบบไม่ตั้งใจ
ผ่านไปเกือบหนึ่งนาที เหมือนคนตัวเล็กจะได้สติ เปลือกตาบางเริ่มกะพริบถี่ เลื่อนมองจุดอื่น ก่อนที่จะหาวิธีแก้สถานการณ์คับขันตรงหน้าได้ ด้วยประโยคที่คาดไม่ถึง
“เหล้ายี่ห้อนี้อย่ากินอีกนะ”
เธอโยนความผิดทั้งหมดไปให้เครื่องดื่มที่มีผลต่อระบบประสาทโดยตรง ซึ่งมันไม่ใช่…ยอมรับนะ ว่าดื่มมาจริง แต่สติสัมปชัญญะยังครบถ้วน มาถึงตรงนี้ผมกำลังชั่งใจว่าจะถอยไปตามมุขที่เธอโยนมา หรือเดินหน้าตามความรู้สึกของตัวเอง และได้คำตอบชัดเจนในการกระทำต่อมา
ผมใช้ปลายนิ้วแตะข้างแก้มนุ่มนิ่มฝั่งขวา บังคับให้หันมาสบตา
“ไม่ได้เมา เอาจริงด้วย เฮียหวงน้อง หวงมาก หวงแบบอยากเก็บไว้คนเดียว เข้าใจปะ”
“...” ไม่มีรีแอคชั่นใดเกิดขึ้น แม้แต่นัยน์ตาก็ไม่กระดิก และผมก็ไม่สามารถอ่านความคิดเธอออกอีกด้วย รู้แค่ว่าถอยไม่ได้แล้ว
“เฮียชอบน้อง”
ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง ผมเงียบเพื่อรอปฏิกิริยาตอบสนอง ส่วนคนฟังเงียบโดยหาสาเหตุไม่ได้
แต่สายตาผมดันหลุบมองริมฝีปากบาง ซึ่งมันเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะมันทำให้ผมเคลื่อนเข้าหาอย่างเผลอไผล เพียงไม่กี่วินาทีที่รู้สึกถึงสัมผัสลึกซึ้ง ร่างกายถูกผลักออกอย่างแรง แผ่นหลังกระแทกเข้ากับโครงประตูรถจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งคัน
ปึก! อึก!
เจ็บนะ…แต่ไม่มีเวลาให้ร้องโอดครวญ เพราะคนที่นิ่งงันในตอนแรก รีบปลดเข็มขัดนิรภัย ลุกพรวดจากเบาะออกมายืนนอกรถ แววตาที่มองผมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากอ่อนโยนเป็นแข็งกร้าว เท้าเล็กก้าวถอยโดยอัตโนมัติ
วูบหนึ่งผมรู้สึกหวิวในใจแปลก ๆ
“นะ…น้อง เฮียขอโทษ”
“อย่าเข้ามา! อย่ามาใกล้เรา”
เราก็ทำตามขั้นตอนที่พี่พลอยใสบอกไว้ตามลำดับ ซึ่งมันไม่สามารถไปแทนกันได้ เพราะต้องยืนยันตัวตนจริงๆ ในการรับคีย์การ์ดห้องพัก ทุกอย่างถูกรวมไว้ในบัตรเดียว ทั้งเข้าออกประตูด้านหน้า และเข้าออกอาคารนี้ด้วย“มึงได้ห้องอะไร” คำถามแรกจากเพื่อนสนิท หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยและเรากำลังเดินออกมาหน้าอาคาร“C20 มึงละ”“C21 ข้างกันเลย” พอพูดกับฉันจบ มันก็เอี้ยวไปหาผู้ชายที่เดินอยู่ด้านหลัง “แล้วคุณหมอละ”“C19”“โอ๊ะ! ข้างมึง” มันหันกลับมาตอกย้ำ ก่อนจะสาวเท้านำไปยังกองสัมภาระด้านนอกหน้าระรื่น“ขึ้นไปรอที่ห้องไหม เดี๋ยวเฮียเอาขึ้นไปให้” เฮียไวน์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ขณะก้าวเท้ายาวขึ้นมาขนาบข้างแทนที่เพื่อนรัก“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันปฏิเสธ พร้อมกับเร่งฝีเท้าเพื่อทิ้งระยะห่างและพอออกมาด้านนอกอาคาร ฉันก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนสุดไม่ได้ เคยเป็นไหม ยิ่งรู้ว่าเขาห้าม ก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น และฉันก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าข้างบนนั้นมันมีอะไรซ่อนอย
เราก็ทำตามขั้นตอนที่พี่พลอยใสบอกไว้ตามลำดับ ซึ่งมันไม่สามารถไปแทนกันได้ เพราะต้องยืนยันตัวตนจริงๆ ในการรับคีย์การ์ดห้องพัก ทุกอย่างถูกรวมไว้ในบัตรเดียว ทั้งเข้าออกประตูด้านหน้า และเข้าออกอาคารนี้ด้วย“มึงได้ห้องอะไร” คำถามแรกจากเพื่อนสนิท หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยและเรากำลังเดินออกมาหน้าอาคาร“C20 มึงละ”“C21 ข้างกันเลย” พอพูดกับฉันจบ มันก็เอี้ยวไปหาผู้ชายที่เดินอยู่ด้านหลัง “แล้วคุณหมอละ”“C19”“โอ๊ะ! ข้างมึง” มันหันกลับมาตอกย้ำ ก่อนจะสาวเท้านำไปยังกองสัมภาระด้านนอกหน้าระรื่น“ขึ้นไปรอที่ห้องไหม เดี๋ยวเฮียเอาขึ้นไปให้” เฮียไวน์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ขณะก้าวเท้ายาวขึ้นมาขนาบข้างแทนที่เพื่อนรัก“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันปฏิเสธ พร้อมกับเร่งฝีเท้าเพื่อทิ้งระยะห่างและพอออกมาด้านนอกอาคาร ฉันก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนสุดไม่ได้ เคยเป็นไหม ยิ่งรู้ว่าเขาห้าม ก็ยิ่ง
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ชายหญิงวัยรุ่นตอนปลายทั้งสองก็ยังหาเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ปล่อยให้บรรยากาศในรถเงียบเลยสักนาที ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับโครงการที่พี่พลอยใสเคยทำมาก่อนนั่นแหละ และฉันก็ได้รับรู้ว่าเธอเป็นนักวิจัยสาวมากความสามารถ แถมยังจบปริญญาโทด้านนี้โดยตรงจากมหาลัยชื่อดังของประเทศแทบยุโรปที่การทดลองทางวิทยาศาสตร์เป็นเลิศอีกด้วย เชื่อแล้วที่เขาชอบพูดกันว่าผู้ทั้งสวยและเก่ง มักจะโสดในที่สุด รถเลี้ยวเข้าจอดหน้าประตูทางเข้าสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งรายล้อมด้วยอาคารสูงหลายหลัง จากจุดนี้ มองไปจนสุดลูกหูลูกตาก็ยังไม่เจอทางสิ้นสุด เดาว่าพื้นที่โดยรวมคงกว้างขวางน่าดู
“ว่าแต่เฮียเหอะ รั้งท้ายเพื่อนได้ไงเนี่ย ฉันยังแปลกใจอยู่เลย เพราะคนที่โสดน่าจะเป็นเฮียฟิวส์มากกว่าอีก”ทันทีที่จบประโยค ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าฉันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของท่าทาง ศีรษะที่ตั้งตรงในตอนแรก เอี้ยวหันกลับมาทางซ้าย“ก็คนที่ชอบ เขาก็ไม่ได้ชอบเฮียนี่หว่า ทำไงได้ล่ะ”ฉันรีบเลื่อนมองออกนอกรถ เพื่อหลีกเลี่ยงการประสานสายตา ทั้งที่ไม่คิด แต่มันก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงที่เขาพูดถึง คือตัวเอง...นั่นทำให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันเร็วขึ้นเล็กน้อย“จริงดิ มีผู้หญิงไม่ชอบเฮียด้วยเหรอวะ” คู่สนทนามีน้ำเสียงที่ค่อนข้างประหลาดใจ ราวกับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขายังงั้นแหละเฮียไวน์ไม่ได้ตอบกลับ แต่เปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นแทน“ว่าแต่ ทำไมอยู่ ๆ ย้ายมานี่ได้วะ ไหนบอกจะไม่กลับมาแล้ว”“ไม่รู้ดิ เขาเห็นว่าฉันเป็นคนไทยมั่ง ก็เลยส่งมา”ซึ่งฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขาคุยกันถึงเรื่องอะไร…“เอ่อ ลืมบอกเลย” เฮียไวน์ ขยับยื่นหน้ามาตรงกลาง “พลอยใส เ
@กรุงเทพมหานครหลังจากเครื่องลงจอดสนิท ผู้ชายที่ต้องจำใจร่วมการเดินทางในครั้งนี้ด้วย ก็พาพวกเรามาหยุดยืนหน้าประตูทางออก โดยที่ฉันยังทำหน้ามุ่ยราวกับเด็กถูกขัดใจตลอดเวลา เพราะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ก่อนที่เขาจะก้มกดหน้าจอสมาร์ตโฟนชั่วครู่ แล้วยกมันขึ้นแนบหู พลางสอดส่องสายตาไปโดยรอบ เหมือนกำลังมองหาใคร และฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในสาย“เฮียหมอ!!!”ไม่ใช่แค่คนที่ถูกตะโกนเรียก ฉันกับเพื่อนสนิทก็หันไปทางต้นเสียงโดยพร้อมเพรียงเช่นกัน ขมวดคิ้วมองเฮียไวน์และสาวสวยที่ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ข้างฟอร์จูนเนอร์สีขาวสะอาด สลับกันไปมาด้วยความสงสัยเฮีย...? ต้องสนิทแค่ไหนถึงมีสิทธิ์เรียกเขาแบบนี้ได้ส่วนอดีตพี่ชายก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มหวานทันที พร้อมเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแจ็กเกตตัวเอง“ไปกัน” เขาหันมาบอก แล้วก้าวนำไปหาเจ้าของใบหน้าสวยดูแพง ทั้งการแต่งตัวและบุคลิกอยู่ในโหมดไฮโซได้เลย ซึ่งเธอยังเอาแต่จ้องมองเฮียไวน์ไม่ละสายตา“รอนานไหมคะ” เสียงหวานของบุคคลปริศนาเอ่ยถามขณะสอดเท้าข
ฉันฝีเท้าชะลอลงเล็กน้อยตอนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นเพื่อนสนิทยืนคุยกับผู้ชายร่างสูงคุ้นตา แจ็กเกตหนังแบบนี้ กางเกงยีนตัวนี้ กับรองเท้าผ้าใบคู่เดิม เพียงแค่เห็นด้านหลังก็รู้แล้วว่าเป็นเขา แถมด้วยรถเข็นสัมภาระเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคัน แสดงว่านี่ไม่ใช่การมาส่งสินะทั้งสองคนหันกลับมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อฉันเข้าไปใกล้มากขึ้น และตวัดมองยัยเพื่อนจอมจัดแจงอย่างเกรี้ยวกราด“อุ๊ย!” จังหวะประสานสายตา ร่างเล็กสะดุ้งโหย่ง ก่อนจะหันหาเฮียไวน์แทน “ทิชาไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”แต่ฉันยังเขม็งจ้องไล่ตามมันไปจนสุดทางเดิน อยากจะทุบกระบาลซะจริง อุตส่าห์แอบหนีมาก่อน ไม่พ้นจนได้ แล้วจะเสียเงินเลื่อนไฟลต์เพื่อ…?น่าโมโหชะมัด เป็นเหมือนกันไปหมด“คิดจะหนีเฮียเหรอ” คำถามแรกจากผู้ไม่ได้รับเชิญ“...” ก็ใช่น่ะสิ ยังจะมาถามอีก แต่แค่คิดในใจเท่านั้นนะ ไม่อยากต่อบทสนทนากับคนเจ้าเล่ห์แบบเขาฉันพยายามเลี่ยงสบตา เลี่ยงแม้กระทั่งการอยู่ใกล้ เพราะเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปกติในตัวเอง...เขาไม่ใช่