"นายคะ..." ป้านิดเดินทำหน้าเครียดมาแต่ไกล ทำเอาไคโรขมวดคิ้วยุ่งทำไมเวลาเที่ยงคืนแล้วแม่บ้านที่ควรจะกลับไปพักผ่อนในที่ของตัวเองกลับยังอยู่ในบ้านหลังใหญ่ แถมยังทำหน้าไม่สู้ดีสะท้อนมาถึงเขาด้วย
"มีอะไรครับ" ชายหนุ่มขยับคลายเนกไทที่ผูกแน่นมาทั้งวัน ใบหน้าเริ่มอ่อนล้าจากการทำงานติดต่อหลายวันและยังไม่ได้รับการพักผ่อน
"คือนายน้อย..."
"พูดออกมาเลยครับ" ใบหน้าลำบากใจทำให้เขาเริ่มจะอึดอัดตาม
"นายน้อยไม่ยอมนอนบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับนายท่าเดียวเลยค่ะ ป้าบอกให้ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ไม่ยอม" ลูกชายตัวดีเขาสร้างเรื่องอีกแล้ว ก็คงจะต้องการอะไรสักอย่างและสิ่งนั้นคงต้องสำคัญมากเพราะถึงขนาดอดใจรอวันรุ่งขึ้นไม่ไหว
"ป้านิดกลับไปพักผ่อนเลยครับ ผมจัดการต่อเอง"
"ค่ะนาย" เท่านั้นไคโรก็ตรงไปเปิดประตูห้องที่ติดกับห้องของเขา โดยจะเป็นห้องใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ห้องลูกชายวัยสี่ขวบที่สร้างเรื่องไม่เว้นวัน
"เที่ยงคืนแล้วทำไมยังไม่นอนไคเรน..." เสียงทุ้มที่จำได้ดีว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้าทำให้คนที่นั่งกอดอกอยู่โซนหนังสือรีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเดินไปหา
"ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับแด๊ดครับ" เด็กชายว่าเสียงเอาจริงเอาจัง ส่วนสูงเท่าเอวคนเป็นพ่อไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
"ค่อยคุยกันวันหลัง ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าพรุ่งนี้โรงเรียนลูกเปิดเทอมวันแรก" ไคโรเองเองก็ทำเสียงจริงจังไม่แพ้กัน มีแต่รังสีของความเย็นชาเกิดจากทั้งสองฝ่ายเหมือนเรื่องที่คุยนั้นเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร
"ไม่ ผมจะคุยวันนี้ ตอนนี้ครับ" ไคโรผ่อนลมหายใจเหนื่อยหน่าย ไม่เคยจะมีครั้งไหนเลยที่ลูกชายจะยอมทำตามคำสั่งในครั้งเดียวโดยไม่ผ่านการต่อปากต่อคำ ทีกับเด็กฝึกงานคนนั้นทำตามอย่างว่าง่าย
"งั้นก็ว่ามา ลูกต้องการอะไร ของเล่นใหม่? หนังสือใหม่?"
"ผมอยากได้พี่เลี้ยงคนใหม่"
"พี่เลี้ยงคนใหม่?" ไคโรเลิกคิ้วยุ่ง ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งลูกชายจะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
"ใช่ครับ ผมอยากได้พี่เลี้ยง"
"พูดเรื่องนี้ก็ดี แด๊ดจะบอกลูกว่าลูกโตพอจนไม่ต้องมีพี่เลี้ยงแล้ว ลูกมีทั้งแด๊ด ป้านิด ธันวา ไหนจะคุณปู่อีก ทุกคนช่วยลูกได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพี่เลี้ยง รีบไปนอนแด๊ดจะกลับห้องพักผ่อน" ว่าแล้วไคโรก็รีบหมุนตัวหมายจะเดินกลับห้องของตัวเอง ทว่าเสียงเล็กที่ดังขึ้นมาต่อทำให้เขาต้องชะงักเท้าแล้วหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง
"ถ้าแด๊ดไม่ยอมผมจะไม่ไปโรงเรียน ไม่ยอมนอน ไม่ยอมทำการบ้าน ไม่ยอมกินข้าวด้วย" ไคโรจดจ้องคนอวดดีคิ้วขมวด เขาใช้ข้อต่อรองด้วยความเจ้าเล่ห์ของตัวเองอีกแล้ว
"เดี๋ยวนี้ลูกชักจะเอาใหญ่แล้วนะไคเรน"
"แด๊ดก็ต้องยอมให้ผมมีพี่เลี้ยง" เด็กน้อยยังคงไม่ลดละความพยายาม เขายืนยันเสียงหนักแน่น อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องให้คนเป็นพ่อรับปากเรื่องพี่เลี้ยงให้ได้
"ที่ผ่านมาแด๊ดคงให้ทุกอย่างได้ดั่งใจลูก แต่หลังจากนี้แด๊ดจะไม่ตามใจลูกให้เสียคนอีก" ถึงเวลาที่เขาต้องปรับนิสัยลูกชายอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเป็นเด็กนิสัยเสียก้าวร้าวที่เอาใจยากมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
คราวนี้ร่างเล็กไม่ยอมพูดอะไร เขาทอดสายตามองคนเป็นพ่อนิ่ง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งกลับไปที่เตียง ทำเอาไคโรพอใจที่ในที่สุดครั้งนี้เขาก็เป็นฝ่ายชนะบ้างแล้ว
"ไคเรนอย่า!!!"
แต่มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด!
ไคโรร้องห้ามเสียงหลง เมื่อคิดว่าคนยอมในตอนแรกกลับไม่ได้ถอดใจ ทว่าเขาหยิบบางอย่างใต้ผ้าห่มพยายามจะทุ่มมันลงพื้น แต่หยุดค้างไว้แค่นั้น เขากลับยกมันค้างไว้แล้วมองคนเป็นพ่อเพื่อใช้เป็นการข่มขู่
"แล็ปท็อปแด๊ดมีงานด่วนต้องใช้พรุ่งนี้ ลูกจะทำแบบนั้นไม่ได้!" ไคโรถึงกับใจหล่นหายวูบ ถ้าเขาห้ามไม่ทันแล็ปท็อปตัวแพงที่บรรจุโปรเจ็กต์เงินสิบล้านในนั้นคงแตกกระจายต่อหน้าต่อตาด้วยเงื้อมมือของลูกชายตัวดีอย่างแน่นอน
"แด๊ดต้องรับปากว่าจะยอมให้ผมมีพี่เลี้ยง" คนตัวเล็กขู่ฟ่อขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าวิธีแบบนี้คงจะคิดเองไม่ได้ หากไม่ได้รับคำแนะนำจากปู่ของตนที่สอนมาอย่างดี
"ได้...แด๊ดรับปากแต่ลูกต้องวางแล็ปท็อปแด๊ดลงเบา ๆ เดี๋ยวนี้" ไคโรเปลี่ยนใจแทบไม่ทัน หากไม่ติดว่ามีงานสำคัญที่ต้องใช้ด่วนในวันรุ่งขึ้น เขาก็คงจะยอมให้ลูกชายทุบทิ้งเล่นแล้วค่อยกู้ข้อมูลทีหลัง แต่คราวนี้เหมือนว่าเขาจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ จึงต้องยอมจำใจทำตามคำขู่ทั้งที่อยากจะดัดนิสัยเขามากก็ตามที
"แด๊ดต้องยอมให้นาน่าเป็นพี่เลี้ยงผม" เด็กชายยังไม่ยอมวางสิ่งของประกันที่อยู่ในมือ เขายังทำข้อตกลงไม่สำเร็จ สิ่งที่ทำให้พ่อต้องยอมจึงยังไม่ปลอดภัย
"ทำไมต้องเป็นเธอด้วย" คราวนี้ไคโรทำเสียงไม่พอใจอีกครั้ง กับเด็กที่สอนให้ลูกเขาออกนอกลู่นอกทาง ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะยอมให้คนแบบนั้นมาเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชาย
"อย่า!!!" ยังคิดได้ไม่ถึงไหนคนที่ขู่เข็ญก็ตั้งท่าจะทุ่มของของเขาอีกครั้ง
"โอเค...แด๊ดตกลง พอใจลูกหรือยัง" ประโยคกลับคำเริ่มทำให้อีกคนผุดยิ้มเล็ก ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ลดแขนที่ยกสูงโดยมีแล็ปท็อปในมือลงตามไปด้วย
"แด๊ดพูดจริง ๆ นะครับ"
"อืม...ส่งแล็ปท็อปมาให้แด๊ด" มือหนายื่นไปตรงหน้าเพื่อขอของกลับคืน แค่นั้นไคเรนก็ยอมส่งคืนของใช้กลับให้ง่ายดาย แล้วยกยิ้มกว้างอย่างพอใจ
"แด๊ดต้องให้นาน่ามาเป็นพี่เลี้ยงให้ได้นะครับ"
"แด๊ดมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?" เขาถอนหายใจด้วยความหนักใจ ถ้าไม่ทำตามเด็กตัวแสบก็คงหาเหตุผลอื่นหรือหาอะไรมาข่มขู่เขาตามเคย
"รีบไปนอนได้แล้ว"
"ครับแด๊ด" เท่านั้นไคเรนก็ทิ้งตัวบนที่นอนอย่างอารมณ์ดี ผิดกับไคโรที่หนักใจกับคนแข็งข้อเข้าทุกวัน แถมยังต้องอนุญาตให้เด็กฝึกงานที่ไม่ค่อยถูกใจต้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชายอีกด้วย
เช้าวันต่อมา
"นานะใช่ไหม?" ฉันเงยหน้ามองเสียงหวานที่เอ่ยถาม ก่อนที่จะรีบหยัดยืนขึ้นแล้วพยักหน้าตอบอย่างงุนงง
"ใช่ค่ะ เอ่อ...มีอะไรให้หนูทำไหมคะ?" พี่พนักงานตรงหน้าไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย และคงจะไม่ใช่คนในแผนกที่ฉันฝึกงานด้วย
"พี่ชื่อกิ่งนะ เป็นเลขาท่านประธาน" อะไรที่ทำให้เลขาท่านประธานมาหาฉันถึงที่ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานท่านประธานจะกลับใจ เขาคงไม่ได้ส่งเลขามาบอกไล่ฉันออกหรอกใช่ไหม
"พะ พี่กิ่งมีอะไรหรือเปล่าคะ?"
"เรามากับพี่หน่อยได้ไหม" คงไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดหรอกใช่ไหม ให้ตายเถอะ...วันซวยอะไรของฉันอีกแล้ว
"ดะ ได้ค่ะ" ฉันพยักหน้าให้พี่กิ่งแล้วปรายมองยัยมะปรางเพื่อฝากงานที่นี่เอาไว้ก่อน แล้วรีบเดินตามพี่กิ่งที่กำลังตรงไปที่ลิฟต์จะพาฉันไปที่ไหนสักที
แต่ก็ไม่ได้คิดจะถาม เด็กฝึกงานแบบฉันทำได้แค่เดินตามไปเงียบ ๆ และใจที่เต้นตลอดทาง จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมาอีกทีตรงหน้าฉันก็เห็นเป็นประตูที่เขียนว่าห้องผู้บริหารแล้ว
"ท่านประธานรอเราอยู่ในห้องน่ะ" ฉันเบิกตากว้างขึ้นมา ยังไม่ทันได้ตั้งตัวพี่กิ่งก็เคาะประตูห้องแล้วเปิดประตูกว้างให้ฉันเข้าไป ที่บอกว่ามากับพี่หน่อยคือมาหาท่านประธานอย่างนั้นเหรอ ให้ตายเถอะ...ฉันไม่ได้เตรียมตัวที่จะเจอกับเขาเลยสักนิด แค่เมื่อวานที่มีปัญหาก็กลัวถูกไล่ออกจนฉี่แทบราด แล้ววันนี้จะเป็นอะไรอีก คงไม่เรียกฉันมาต่อว่าอีกหรอกนะ...
ทำไมถึงซวยแบบนี้นะยัยนานะ
"อาการที่คุณพ่อเป็นเรียกว่า Couvade Syndrome ค่ะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแพ้ท้องแทนเมีย" ผมนั่งอึ้งตั้งใจฟังสูตินรีแพทย์หญิงกำลังพูดถึงอาการที่ผมเผชิญหลายวันที่ผ่าน หลังจากที่รู้ว่าเมียรักกำลังตั้งท้อง จากที่แค่อารมณ์อ่อนไหวมันก็เริ่มลุกลามไปถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอยากกินอะไรแปลก ๆ ตอนแรกพ่อของผมก็บอกมาคร่าว ๆ เพราะท่านเคยประสบมากับตัวเอง แต่ผมก็ยังไม่เชื่อเต็มที่กระทั่งได้ฟังจากปากหมอจริง ๆ"มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ" ผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าที่ฟังต่อกันมา ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีอยู่จริง ทั้งยังมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการอีกด้วย"อาการเหล่านี้มีหลายสาเหตุค่ะคุณพ่อ เกิดจากระดับฮอร์โมนโปรแลคตินเปลี่ยนแปลง เป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับความผูกพันและพฤติกรรมพ่อแม่สูงขึ้น และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงทำให้มีอารมณ์อ่อนไหวมากขึ้น หรือเกิดจากความเครียดและความกังวล จึงส่งผลต่อสภาพจิตใจ คล้ายกับว่าที่คุณแม่ บางครั้งเป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจ จนร่างกายเกิดอาการคล้ายคนท้อง เช่น คลื่นไส้ ปวดหลัง น้ำหนักขึ้น อารมณ์แปรปรวน สุดท้ายก็อาจจะเป็นการที่ร่างกายปรับตัวเข้าสู่บทบาทคุณพ่อ สมองเริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่
ในห้องนอนของเรามีแต่ความเงียบงันไร้เสียงของคนพูดคุย วันนี้เป็นคิวของผมและไคเรนที่ต้องมานอนปรับสารทุกข์สุขดิบด้วยกันสองคน ทว่าสิ่งที่เราทำคือกลับกำลังนอนมองเพดานโดยไม่มีใครพูดออกมา หลังจากสิ้นสุดงานวันเกิดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านทั้งผมและไคเรนก็เหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดทั้งเย็น"แด๊ด/ไคเรน" อยู่ ๆ ทั้งผมและลูกก็ใจตรงกัน เรียกชื่อกันพร้อมใจเสียอย่างนั้น"ลูกพูดก่อน" ผมเป็นฝ่ายพยักพเยิดให้ลูกชายเป็นคนเริ่ม"แด๊ดพูดก่อนสิครับ" ทว่าคือเรื่องปกติที่เราสองคนจะเถียง ไคเรนกลับโยนมาให้ผมอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องสำคัญเราคงได้เถียงกันอีกยาว"ลูกคิดว่าเดลตา อิงดาว อิงฟ้าเป็นยังไง" สามคนที่ผมกำลังพูดถึงคือลูกของไอ้ดีแลนและเจโรมเพื่อนผมเอง ทั้งสามอายุหนึ่งขวบวัยกำลังน่ารักจึงอยากรู้ว่าไคเรนจะคิดเหมือนผมมากน้อยแค่ไหน"ยังไงเหรอครับ?" แต่คำถามผมคงยากไปสำหรับเด็กหกขวบ ผมคงต้องพูดออกไปตรง ๆ"ถ้าจะมีเด็กที่หน้าเหมือนไคเรน นาน่า หรือแด๊ดสักคนวิ่งเล่นในบ้านลูกจะโอเคหรือเปล่า?""แด๊ดหมายถึงขออนุญาตผมมีน้องใช่ไหมครับ" ผมพยักหน้ารับ ผมกำลังหมายถึงสิ่งนั้นนั่นแหละ"ผมอยากมีน้องครับ เรื่องที่ผมอยากจะบอกแด๊ด
เช้าวันหยุดอีกวันทันทีที่ลืมตาขึ้นก็ไร้ร่างภรรยาสุดที่รักที่นอนด้วยกันทั้งคืน เวลาเช้า ๆ แบบนี้เธอคงออกไปหาไคเรนแล้ว คิดได้อย่างนั้นผมจึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ลงไปทานข้าวพร้อมกัน"ไปไหนกันหมด" ผมถามป้านิดที่ห้องอาหาร หลังจากเดินตามหาสองแม่ลูกทั่วบ้านก็ไร้ร่างของพวกเธอ ไปไหนก็ไม่ได้บอกผมล่วงหน้าทั้งเธอยังไม่ส่งหรือตอบข้อความทั้งแม่ทั้งลูก"เห็นว่าไปเดินสวนนะคะ ได้ยินหนูนานะบอกว่าอยากจะปลูกต้นไม้เพิ่ม" ทำไมเธอไม่บอกผม…คำถามนี้แล่นเข้ามาในหัว ยอมรับตามตรงว่าผมเริ่มน้อยใจเพราะไม่เพียงแค่ลูกชายที่มีความลับ แต่รู้สึกเหมือนถูกปิดบังจากครอบครัวหรือเพราะผมทำอะไรผิดไปทำไมเหมือนถูกปฏิบัติอย่างหมางเมินขนาดนี้"นายจะรับอาหารเลยไหมคะ ป้าจะได้เตรียมให้เลย""ไม่ล่ะครับ ผมไม่หิว" ผมว่าจบก็เดินออกไปทันที ตรงเข้าไปห้องทำงานด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจผมไม่เข้าใจว่าไอ้อาการน้อยใจที่นับวันก็ยิ่งทวีคูณมันมาอย่างไร โดยปกติก็ไม่ใช่คนที่จะคิดมากหรือคิดเล็กคิดน้อย หรือเพราะผมหลงภรรยามากเกินไปจึงทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นบ้า แค่ถูกเมียกับลูกทิ้งไปเดินสวนใกล้ ๆ กลับรู้สึกอยากร้องไห้เสียอย่างนั้นให
"ทำอะไรกันอยู่" ผมนั่งลงข้าง ๆ สองแม่ลูกที่กำลังพูดคุยด้วยใบหน้าคร่ำเครียด แต่พอมีผมเข้ามาเพิ่มเหมือนว่าบทสนทนาก็หยุดลงอย่างชะงัก แล้วพร้อมใจกันมองผมนิ่ง ๆ เม้มปากแน่นราวกับว่าไม่อยากให้ผมเข้าร่วมหรือได้ยินในสิ่งที่พูดกัน"เปล่าครับ ไม่มีอะไร" ไคเรนออกปากปฏิเสธในเวลาต่อมา ยิ่งสร้างความแปลกใจให้ผมใหญ่ ก็เห็นอยู่ว่าหน้าเครียดกันพอสมควร หรือเพราะปัญหาที่พวกเขาคุยกันก่อนนอนยังไม่เคลียร์ จึงต้องมาคุยกันเพิ่มเติมโดยไม่อยากให้ผมรู้เช่นเดิม"คุณแด๊ดหิวไหมคะ หนูไปหาของว่างมาให้นะ" ผมมองตามคนที่ว่าจบก็เดินออกไปในทันที พิรุธเห็น ๆ ทั้งแม่ทั้งลูก"ผมไปเอาเกมมาเล่นดีกว่า" ตามติดไปด้วยลูกชายของผมที่เดินหนีเข้าบ้านอีกคน ผมได้แต่ไตร่ตรองกับสองแผ่นหลังนั้นเงียบ ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านบ้างแล้วตรงไปหาภรรยาที่วุ่นวายกับอาหารว่างตามที่บอกก่อนเข้ามา"เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ คุณแด๊ดไปนั่งรอในสวนก่อนนะ" นานะบอกผมแล้วงุ่นง่านกับการหาขนมมาจัด แต่ผมรู้ว่านั้นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่จะทำตัวยุ่งเพื่อกันผมถามในสิ่งที่เธอไม่อยากตอบ"มันไม่อันตรายมากใช่ไหมครับ" แต่ผมก็ยังไม่ถอย สิ้นเสียงของผมคนตัวเล็กก็หยุดทุกการกระท
สวัสดีครับ ผมไคโรเอง…ได้เจอกันจริง ๆ สักทีนะครับ วันนี้ผมจะมาเล่าชีวิตหลังจากที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตของผมคนหนึ่งครบหนึ่งปีพอดี เธอชื่อนานะที่ทุกคนคงจะรู้จักกันดี หญิงสาวที่อายุห่างกับผมถึงแปดปี ขณะที่ผมอายุย่างเข้าสามสิบเอ็ดส่วนเธอก็ยี่สิบสามปี ใช่…ผมมีเมียเด็ก แล้วเด็กคนนี้ก็ดันน่ารักจนผมอดใจไม่ไหวจับทำเมียซะเลย หนึ่งปีที่ผ่านมาผมทั้งรักและหลงเธอหนักกว่าเดิม ทั้งนิสัยและทัศนคติเรียกได้ว่าได้ใจผมไปเต็ม ๆ เธอรักผมและลูกมาก มากจนบางทีเธอก็ลืมนึกถึงตัวเอง แค่เพียงเห็นพวกเรามีความสุขเธอก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง โดยเฉพาะกับลูกชายตัวดีของผม เธอทั้งเอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่นจนเด็กที่ไม่เคยได้รับจากแม่ที่แท้จริงรู้สึกจะรู้สึกขาดแคลน ได้รับจนผมรู้สึกว่ามันจะล้นเอาด้วยซ้ำ เพราะทุกลมหายใจของเธอมีแต่ไคเรน ทั้งเข้าและออกก็จะนึกถึงลูกอยู่เสมอ จนบางทีผมเองก็นึกน้อยใจ ก็เมียเล่นสนใจผมน้อยกว่าลูกในไส้ ใช่…ผมกำลังหวงเมียจากลูกของตัวเอง"คุณแด๊ด…อย่างอนสิคะ" นานะนั่งลงบนตักของผมพร้อมทั้งทำเสียงออดอ้อน ในขณะที่ผมเบือนหน้าออกไม่ยอมมองหน้าเธอ อาการนี้ทุกคนคงดูออกว่าผมกำลังงอนเมียหนักมาก"
"นานะ…" เสียงเรียกได้ยินอย่างชัดเจนแต่กลับไม่ได้ทำให้นานะหันกลับมามอง เธอเดินตรงจะเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โดยจับมือไคเรนไว้แต่อยู่ ๆ เด็กชายก็หยุดเดินดื้อ ๆ ทำเอานานะต้องหยุดตามก่อนจะปรายมองก็เห็นไคเรนที่หันไปมองคนเป็นพ่อที่ยืนทำหน้าเศร้าเพราะถูกเมียเมิน"เข้าไปข้างในดีกว่าครับไคเรน" นานะกระตุกแขนให้เจ้าเด็กเลิกสนใจคนไม่ทำตามคำพูด"แต่แด๊ดน่าสงสาร" ไคโรกำลังเรียกคะแนนความสงสารเพื่อให้เมียเด็กหันกลับมาสนใจ และใช่…เธอหันกลับมา แต่ก็สะบัดหน้าหนีไม่สนใจเหมือนเดิม"ถ้าไคเรนอยากอยู่กับแด๊ด งั้นนาน่าเข้าไปในบ้านก่อนนะครับ""ไม่ครับ ผมจะไปกับนาน่า" ถึงตอนนี้แม้แต่คนเป็นลูกก็ไม่คิดจะเข้าข้าง ทั้งไคเรนและนานะพากันเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันมามองอีกคนเลย"เพราะมึงเลยเมียกูโกรธไม่สนใจกูแล้ว" ไคโรหันมาเฉ่งธันวาที่ยืนเคียงข้าง เขาแค่หาคนเป็นแพะแทนซึ่งธันวาก็น้อมรับปล่อยให้คนอารมณ์ไม่ดีโทษเขาอย่างเต็มที่"ง้อยังไงล่ะทีนี้" ไคโรกุมขมับ เป็นครั้งแรกที่นานะโกรธจนไม่สนใจเขาเลยสักนิด คนน่ารักอ่อนหวานตอนโกรธใครก็น่ากลัวเหมือนกัน เขาเพิ่งเจอกับตัวก็คราวนี้"ลากขึ้นเตียงไหมนาย" คำแนะนำของผู้ช่วยทำเขาช้อนสายตามองอ