เธอลองๆ คุยกับพ่อแล้วแต่ดูเหมือนพ่อจะไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เธอท่านไปสักเท่าไร.. เธอน่ะอยากเป็นอิสระ อิสระที่แปลว่าไม่ต้องมายุ่งกับอีลุงข้างห้องคนนั้นอีก ไม่อยากเห็นไม่อยากเจอ เธออยากจะไปอยู่ที่ไหนสักที่ที่ไม่ต้องเจอใคร แต่เธอก็บอกกับพ่อไปนะว่าเธอจะแวะมาหาท่านบ่อยๆ แต่เพียงจบประโยคเท่านั้นพ่อก็ตวาดใส่เธอเสียงดังลั่น และบอกว่าเธอจะมาเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ได้.. เพราะพี่มายด์ต้องเหนื่อยมากขนาดไหนกว่าจะเรียนจบมาได้ถึงขนาดนี้.. แล้วเธอล่ะ? ไม่เหนื่อยเหรอ? เธอก็เรียนนะ เธอทำงานไปเรียนไป มันย่อมเหนื่อยกว่าเป็นสองเท่าอยู่แล้ว.. ตอนนี้เธอเริ่มสับสนนะว่าตกลงพ่อน่ะใจดีกับเธอและเอ็นดูเธอบ้างรึเปล่า..
ตึกตึกตึก…
“สวัสดีค่ะคุณตาคุณยาย..” เพราะยังไง.. ชีวิตของเธอก็ต้องก้าวไปข้างหน้าอยู่แล้ว เธอจะมาใส่ใจกับเรื่องเมื่อวานไม่ได้…
“หนูมิ้นท์มาแล้ว.. มาๆ วันนี้ยายทำขนมใส่ไส้มาด้วย.. ไส้มะพร้าวนะลูก ตาพีทบอกอร่อยมากและนี่ตาพีทฝากมาให้…”
“ให้หนูเหรอคะ? ..” อะไรนะ..
“ใช่ๆ ตาพีทฝากให้ยายเอามาให้น่ะ…”
^_^
“งั้นหนูขออนุญาตเปิดดูนะคะ…”
0_0
“สวยมากๆ เลยค่ะ.. หนูไม่เคยเห็นใครวาดรูปได้สวยมากขนาดนี้..”
จริงนะ เธอพูดเรื่องจริงเธอไม่ได้แค่อยากจะชมฝีมือของเขาแต่คือเขาวาดรูปได้เก่งมากๆ และนั่นดูก็รู้ว่าเป็นเธอ.. คุณพีทวาดรูปเธอตอนที่เธอกำลังนั่งก้มหน้าเลือกสีที่อยู่ใสจานสี.. เขาเก็บทุกรายละเอียดของเธอทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผมของเธอ.. มือข้างขวาของเธอที่กำลังถือพู่กันอยู่ ส่วนมืออีกข้างก็เอาผมเหน็บที่ใบหู.. ในเวลาแค่ไม่นานเขากลับสามารถวาดรูปของเธอออกมาได้สวยขนาดนี้เชียวเหรอ.. สุดยอด.. ส่วนเธอนั้น.. วาดแค่รูปเมฆ และต้นไม้ที่เหลือวาดไม่เป็นเลย.. แฮะ
“ขอบคุณนะคะคุณยาย”
“ไปขอบคุณตาพีทเถอะหนูมิ้นท์”
“ฮืม… ถ้ามิ้นท์ได้เจอคุณพีทอีกมิ้นท์จะเลี้ยงไอศกรีมกะทิสักสองก้อนค่ะ…”
“ฮ่าๆๆ ได้สิ ขานั้นเขากินได้ทุกอย่างอยู่แล้ว.. เป็นคนง่ายๆ … เหมาะกับหนูมิ้นท์ดี…”
ฮือ… คุณยายก็ชงมาให้ซะขมเลยเนี่ย..
แฮะๆ
“อย่าเลยค่ะ.. ให้คุณพีทเจอคนที่ดีกว่ามิ้นท์ดีกว่าค่ะ.. บางทีมิ้นท์อาจจะไม่ใช่คนดีพอสำหรับคุณพีทก็ได้ค่ะ.. เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า.. วันนี้เราจะทำอะไรกันดีคะ…”
ในที่สุดบทสนทนาระหว่างเธอและคุณยายก็จบลง… เธอขอบคุณคุณยายมากที่เอ็นดูเธอไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่เธอเองก็ไม่รู้จะบอกยังไง.. เธอแต่งงานแล้วก็เหมือนไม่ได้แต่งงานแต่จะให้เธอไปป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ก็ไม่ใช่เรื่องในเมื่ออีลุงข้างห้องเองก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอสักนิดและเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของอีลุงข้างห้องซึ่งเธอเองก็ไม่ต้องการเช่นกัน.. แต่ถึงอย่างไรเรื่องเธอแต่งงานแล้วเธอก็ไม่ได้อยากจะบอกให้ใครรู้หรอกถ้าไม่จำเป็น…
…….
“แล้วทำไมมายด์พึ่งมาเอาตอนนี้?”
“อันนี้ผมไม่ทราบครับ นั่นคือสิ่งที่ผมเองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้…”
เฮ้อ.. ถามเหมือนไม่ได้ถาม.. บางครั้งเขาก็คิดนะว่าไอ้ทัตมันเป็นคนที่โคตรกวนส้นตีนเลย.. ไอ้สีหน้าที่แสดงออกมาของมันและรอยยิ้มที่มันส่งมาให้บางครั้งเขาก็คิดว่ามันเป็นคนโคตรจะเจ้าเล่ห์ แต่บางครั้งมันก็แสดงออกมาเหมือนกับว่ามันเป็นคนใสซื่อ.. เขาเริ่มเดาทางมันไม่ออกแล้วสิ…
“แล้วแกพอจะรู้รึเปล่าว่าตอนนี้มายด์พักอยู่ที่ไหน…”
“เท่าที่ผมสังเกตมาก็ที่บ้านครับ เธอไม่ได้มีที่พักที่อื่นหรือคอนโดเพราะเธอพึ่งจะโผล่มา..”
“พูดดีๆ หน่อยไอ้ทัต..” เขาไม่อยากให้ใครมาพูดถึงมายด์แบบนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการต่อว่าแต่บางครั้งการใช้คำพูดมันก็ควรจะดีกว่านี้…
“ก็ไม่ได้พูดแย่นี่ครับ.. หรือว่ามีคำไหนที่ผมพูดไม่ดีออกไป… ผมพูดในสิ่งที่มันเป็นเรื่องจริง…”
เฮ้อ…
“ก็รู้ว่าไม่ผิด รู้ว่าไม่ได้มีคำไหนที่แย่ แต่ฉันแค่ไม่อยากให้แกถูกมองไม่ดีที่พูดแบบนั้น..”
“แล้วการที่คุณไคล์พูดถึงคุณมิ้นท์ไม่ดี..”
“พอไอ้ทัต.. ไปไกลๆ ไปทำงานซะก่อนที่ฉันจะเตะแก…”
“ครับ…”
ตึกตึกตึก… ปัง…
เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้ทัตถึงมองยัยเด็กนั่นดั่งนางฟ้านางสวรรค์ขนาดนั้น.. หรือว่ามันจะชอบยัยเด็กนั่นเหรอ? มันจะบ้าเหรอยัยนั่นคือเมียเขานะ… มันเริ่มไม่ใช่ละ.. ไอ้ทัตจะมาชอบหรือตกหลุมรักยัยเด็กนั่นไม่ได้…
~~~~~~
Titello
วันนี้เขารู้สึกเบื่อๆ เขาเลยเลือกที่จะมานั่งร้านของไอ้กั๊ฟสักหน่อย… มานั่งที่นี่เพื่อจะเจอเหยื่อใหม่ๆ นักศึกษาที่อยากมีเงินใช้หรือหารายได้ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง.. แบบนั้นมันเป็นอะไรที่น่าเอ็นดูนะอย่างน้อยก็ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน…
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มแต่สำหรับเขามันไม่ได้ดังขนาดนั้นเพราะเขาเลือกมุมวีวีไอพีที่เป็นส่วนของพวกเขาและเจ้าของที่นี่.. ดังนั้นลูกค้าวีไอพี หรือวีวีไอพีมักจะแยกตัวออกมาและมันจะไม่ดังเหมือนด้านล่างนั่น.. แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมาก็คือ… มายด์
“น้องมานี่หน่อย…”
“ครับ…”
“ผู้หญิงคนนั้น…”
สิบนาทีต่อมา…
ก๊อกๆๆ
ตึกตึกตึก…
“เชิญนั่งสิ…”
ตึกตึกตึก….
“มีอะไรคะ? คุณเป็นใครไม่ทราบ…”
หึ…
“มายด์จำเราไม่ได้เหรอ? ”
ใครกัน…. เธอจะจำใครได้เธอไม่ได้อยู่เมืองไทยตั้งหลายปี… จะว่าคุ้นเธอก็คุ้นอยู่นะแต่ถ้าถามเธอและจะเอาคำตอบตอนนี้… เธอนึกไม่ออกหรอก จะบอกว่าเด็กในสังกัดเธอเหรอ? ไม่น่าจะใช่เพราะเด็กในสังกัดของเธอไม่มีใครหน้าตาและหุ่นล่ำขนาดนี้…
“ขอโทษนะพอดีฉันไม่ว่างพอที่จะมานั่งเล่นเกมทายใจหรือนั่งเล่นใบ้คำ..”
ครืด….
หมับ…
“จำไคล์ไม่ได้จริงๆ เหรอ?”
ไคล์… ชื่อคุ้นๆ นะ.. มันเริ่มคิดถึงใครคนนึงที่เธอเคยได้ยิน..
“เดี๋ยวนะ.. ไคล์? ไคล์เพื่อนคุณพ่อของฉันน่ะเหรอ?”
“ใช่.. จำได้ใช่ไหม? มายด์ไปอยู่ไหนมา?” ในที่สุดก็จำได้แล้วสินะ… ยังสวยเหมือนเดิมเลย.. แต่ความประพฤติมันเปลี่ยนไป…
“อ๋อ… ไคล์นั่นเอง.. ไปไหนมาเหรอ? ไปเรียนมาน่ะ… ไคล์เป็นยังไงบ้าง…” เขาดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเลย.. เรื่องนี้เธอยอมรับนะเดี๋ยวนะ.. อย่าบอกว่ายัยมิ้นท์แต่งงานกับไคล์.. ไม่ได้การแล้วเธอจะต้องไปถามให้รู้เรื่อง..
“ถามว่าสบายดีไหม? ก็ตามอัตภาพ…” การแต่งตัวของมายด์มันแบบ… ชวนเสียวฉิบหาย แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้.. เขาไม่ชอบเลยแฮะ
“แต่ไคล์ดูดีขึ้นนะ… ดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ…”
“มายด์ว่าอย่างงั้นเหรอ? …” หึ… ใช่สิเขาใส่ใจและดูแลตัวเองมาตลอด.. แล้วยังไงล่ะอย่าบอกนะว่ามายด์เริ่มสนใจเขาขึ้นมา…
“ถ้ามายด์ไม่ติดอะไรก็นั่งกับไคล์ก่อนก็ได้นะข้างล่างมันเสียงดังไคล์ไม่ค่อยชอบเท่าไรน่ะ….”
“แล้ว.. ผู้หญิงของไคล์จะไม่ว่าอะไรเหรอ? จะไม่หึงเหรอ?” เธอต้องโยนหินถามทางก่อนเธอจะมาสุ่มสี่สุ่มห้ากระโจนตะครุบเหยื่อเลยก็ไม่ได้…
“คนไหนล่ะ? มิ้นท์น่ะเหรอ? ไคล์ไม่ได้เป็นอะไรกับมิ้นท์ ไม่เคยแตะ.. ไม่อยากแตะ ไม่ต้องการแตะ…”
หึ… แบบนี้นี่เอง… สุดท้ายยัยมิ้นท์ก็แต่งงานกับไคล์สินะ… เรื่องนี้เธอต้องไปคุยกับคุณพ่อจริงจังซะแล้ว.. ที่เธอเลือกปฏิเสธการแต่งงานเพราะเธอไม่รู้ว่าเธอจะต้องแต่งงานกับใครกันแน่ระหว่างไคล์หรือคิม.. แต่ไม่ว่าจะแต่งกับใครเธอก็ไม่ชอบ เธอไม่อยากโดนคลุมถุงชนเธอเลยเลือกให้เพื่อนสนิทของเธอมาปฏิเสธแต่มันก็ไม่ได้บอกว่าไคล์ในตอนนี้รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง..แต่ตอนนี้เธอได้เห็นเขาแล้ว.. เขาหล่อเหลา และดูดีมาก.. เรื่องนี้ต้องกลับไปคุยกับคุณพ่อและยัยมิ้นท์ให้รู้เรื่อง…
“ทำไมล่ะไคล์.. ยัยมิ้นท์ก็ออกจะน่ารัก…”
“ไม่ใช่สเปก…”
เพียงแค่เธอเห็นแววตาของไคล์เธอก็พอจะเดาออกว่าไคล์คิดอะไรอยู่.. แต่อย่าพึ่งคิดไปเกินกว่านั้นนะไคล์… เพราะนายไม่มีทางที่จะได้ฉันง่ายๆ หรอก และยิ่งยังมีทะเบียนสมรสคาอยู่กับยัยมิ้นท์แบบนี้ด้วย.. มันไม่ง่ายเลยเพราะฉันไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเมียน้อยและแย่งสามีของน้องสาวตัวเองน่ะสิ…
“แล้วสเปกที่ชอบ.. เป็นแบบไหนเหรอ?”
“คนที่กำลังคุยอยู่…”
“งั้นเหรอ?”
หึ…
เธอลองๆ คุยกับพ่อแล้วแต่ดูเหมือนพ่อจะไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เธอท่านไปสักเท่าไร.. เธอน่ะอยากเป็นอิสระ อิสระที่แปลว่าไม่ต้องมายุ่งกับอีลุงข้างห้องคนนั้นอีก ไม่อยากเห็นไม่อยากเจอ เธออยากจะไปอยู่ที่ไหนสักที่ที่ไม่ต้องเจอใคร แต่เธอก็บอกกับพ่อไปนะว่าเธอจะแวะมาหาท่านบ่อยๆ แต่เพียงจบประโยคเท่านั้นพ่อก็ตวาดใส่เธอเสียงดังลั่น และบอกว่าเธอจะมาเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ได้.. เพราะพี่มายด์ต้องเหนื่อยมากขนาดไหนกว่าจะเรียนจบมาได้ถึงขนาดนี้.. แล้วเธอล่ะ? ไม่เหนื่อยเหรอ? เธอก็เรียนนะ เธอทำงานไปเรียนไป มันย่อมเหนื่อยกว่าเป็นสองเท่าอยู่แล้ว.. ตอนนี้เธอเริ่มสับสนนะว่าตกลงพ่อน่ะใจดีกับเธอและเอ็นดูเธอบ้างรึเปล่า.. ตึกตึกตึก…“สวัสดีค่ะคุณตาคุณยาย..” เพราะยังไง.. ชีวิตของเธอก็ต้องก้าวไปข้างหน้าอยู่แล้ว เธอจะมาใส่ใจกับเรื่องเมื่อวานไม่ได้…“หนูมิ้นท์มาแล้ว.. มาๆ วันนี้ยายทำขนมใส่ไส้มาด้วย.. ไส้มะพร้าวนะลูก ตาพีทบอกอร่อยมากและนี่ตาพีทฝากมาให้…”“ให้หนูเหรอคะ? ..” อะไรนะ.. “ใช่ๆ ตาพีทฝากให้ยายเอามาให้น่ะ…”^_^“งั้นหนูขออนุญาตเปิดดูนะคะ…”0_0“สวยมากๆ เลยค่ะ.. หนูไม่เคยเห็นใครวาดรูปได้สวยมากขนาดนี้..” จริงนะ เธอพูดเร
สุดท้ายเธอก็ต้องอยู่ที่คอนโดของลุงข้างบ้านอยู่ดี.. ตอนนั้นเธอก็อุตส่าห์บอกไปแล้วว่าเธอพร้อมไปอยู่ที่อื่นแต่ดูเหมือนว่าลุงข้างบ้านจะมีปัญหาหรือเพราะว่าเขาอยากจะให้เธอช่วยจ่ายค่าเช่าเหรอ? ไม่หรอกมั้งเพราะดูๆ แล้วเขาก็มีเงินเยอะกว่าเธอเยอะเลย.. ก๊อกๆ“ออกมาคุยกับฉันหน่อย…”เฮ้อ.. ไม่น่านึกถึงเลย.. นึกทีไรแล้วเธอรู้สึกว่าเขาคล้ายกับสัมภเวสี.. แค่คิดก็โผล่มาขอส่วนบุญแล้ว.. ตึกตึกตึก…แกร๊ก….“มีอะไรคะ?”“ออกมาคุยดีๆ หรืออยากให้ฉันเข้าไป?” ตึกตึก… แกร๊ก…“ว่ามาค่ะ” เป็นบ้าเหรอ? รึยังไง?“นี่เธอ.. ควรมีมารยาทกับฉันหน่อยนะ อายุของเธอก็ห่างจากฉันตั้งหลายปี.. และฉันเป็นเจ้าของคอนโดด้วย..”“เรื่องนั้นฉันทราบค่ะว่าคุณเป็นเจ้าของคอนโด.. ฉันก็เสนอคุณไปแล้วว่าฉันจะไปอยู่ที่อื่นแต่คุณก็คัดค้าน.. และที่คุณบอกว่าคุณอายุมากกว่าฉัน ฉันทราบดีค่ะว่าคุณแก่ แล้วการที่คุณมารบกวนวันหยุดของฉันแบบนี้.. มันดูไม่มีมารยาทนะคะ…”“นี่.. พ่อแม่เธอไม่สั่งสอนเหรอว่าควรจะพูดจากับคนที่มีอายุมากกว่ายังไง…”เล่นถึงพ่อถึงแม่เลยเหรอ? เธอจำได้ว่าตั้งแต่เธอเกิดมาไม่มีใครทำให้เธอต่อล้อต่อเถียงได้มากมายเช่นเขามาก่อน… เขาคือคนแ
ตอนนี้เธอทำงานที่ All friends house แห่งนี้ได้เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว.. งานที่ทำก็ไม่ได้เหนื่อยมากเลยสักนิดเพราะคุณตาคุณยายทุกท่านน่ารัก อัธยาศัยดี นิสัยดี ร่าเริง พวกท่านท่าเทียบๆ แล้วอายุอานามก็คงจะใกล้ๆ คุณตาคุณยายของเธอสินะ.. พวกท่านทั้งสองคนจะเหงารึเปล่า… คิดถึงจัง…“หนูมิ้นท์.. มานี้ๆ ยายมีมะยงชิดมาฝาก.. ดูสิคว้านเม็ดออกเรียบร้อย.. สวยไหม?”^_^“สวยค่ะ สีสวยมากๆ เลย เปรี้ยวไหมคะ? หนูไม่ได้ทานนานมากแล้วจำไม่ได้แล้วว่ารสชาติจะเป็นยังไง…” เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารสชาติมันจะออกมาเป็นยังไง เปรี้ยวไหม? เธอเคยได้ยินมาว่ามะยงชิดมีพี่น้องร่วมสาบาน… ฮ่าๆๆ พูดเล่นๆ เธอเคยได้ยินผ่านๆ หูมา มันน่าจะเป็นตระกูลมะ โดยมีรุ่นพี่ที่ใหญ่ที่สุดก็คือ มะม่วง รองลงมามะยงชิด ต่อมาก็มะปราง และลำดับสุดท้ายคือมะนาว.. ทุกอย่างเป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน.. อันนี้เธอก็ลืมด้วยสิว่าเขาจัดอยู่ให้เป็นผลไม้ในตระกูลรสเปรี้ยวด้วยรึเปล่า.. แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยเธอได้ก็กินมันอีก“ยายทำเอง.. ลองชิมสิ รับรองว่าหวาน..”“ขอบคุณนะคะ.. เดี๋ยวหนูไปจัดใส่จานมาให้นะคะ..” ห้านาทีต่อมา…“มาแล้วค่ะคุณยาย.. วันนี้คุณยายอารมณ์ดีนะคะ…”“
เธออยู่ว่างๆ แบบนี้มาเกือบเดือนแล้วนะ.. วันๆ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนอกจากตื่นนอน ทำกับข้าว กินข้าว อาบน้ำ ล้างจาน มีบ้างที่จะต้องซักผ้ารีดผ้าให้คุณชายท่าน.. ตอนนี้เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเธอแต่งงานกับเขาและฐานะของเธอคือคนใช้.. ถามว่าเธอชอบทำไม.. มันก็ไม่ได้ว่าเกลียดแต่ก็ไม่ได้ถึงกับชอบ เพราะเรื่องแบบนี้มันคือสิ่งที่เธอต้องทำประจำอยู่แล้วตอนที่เธอใช้ชีวิตอยู่สวิตเซอร์แลนด์คนเดียวเธอก็ต้องทำเองทุกอย่างอยู่แล้วสำหรับเธอมันเลยไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย..“ว่าไงคะคุณเหมียว…”“ว่างป่ะไปหาขนมกินกัน..”“แกว่างเหรอ?”“ว่างค่ะคุณนาย.. เร็วๆ จะให้ไปรับไหม..”“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวนั่งบีทีเอไป”สามสิบนาทีต่อมา…“มิ้นท์.. ทางนี้..” ^_^ตึกตึกตึก..หมับ…“คิดถึงจัง..” “งั้นเราไปหาของอร่อยๆ กินดีกว่า…อากาศร้อนๆ แบบนี้.. ไอศกรีมกัน”อือ..บทสนทนาระหว่างเธอและเหมียวดังขึ้นเรื่อยๆ .. พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งแต่กี่ปีแล้วนะ.. มันคงไม่แปลกถ้าพวกเราจะคิดถึงกันมาก เสียงหัวเราะและการพูดคุยของพวกเรามันทำให้เราคิดถึงวันเก่าๆ ตอนที่พวกเรายังเรียนอยู่ด้วยกัน… ตอนนั้นมันสนุกมากๆ ช่วงวัยเรียนเป็นอะไรที่ดีที่สุด พวกเ
หนึ่งเดือนต่อมา…งานเลี้ยงง่ายๆ ถูกจัดขึ้นที่บ้านของเขา.. จะว่างานเลี้ยงก็ไม่ใช่เพราะป้านวลเป็นคนทำกับข้าวและการจดทะเบียนสมรสถูกจัดแจงขึ้นที่บ้านของเขาโดยมีพ่อของฝ่ายหญิงและพ่อของฝ่ายเขาที่มาเป็นสักขีพยานไอ้น้องทั้งสองคนของเขามันก็ไม่ได้มาร่วมงานนี้เพราะมันอ้างว่าไม่อยากมากลัวโดนจับแต่งงาน.. ส่วนคนพี่.. ไม่โผล่หัวมาให้เห็นเลย.. เกลียด ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเกลียดคนบ้านนี้ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ชอบขี้หน้า ไม่ถูกโฉลกเลยสักนิด..“คุณหนูมิ้นท์ทานเยอะๆ นะคะป้าทำสุดฝีมือเลย…”“ไม่ต้องเรียกคุณหนูหรอกค่ะ เรียกหนูว่ามิ้นท์เฉยๆ ก็ได้..” เธอรู้สึกว่าป้านวลนั้นอบอุ่นมาก ป้านวลเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีทั้งหน้าตาและการกระทำไม่เหมือนใครบางคน แก่ซะเปล่าแต่ทำตัวไม่น่าเคารพเอาเสียเลย.. เธอไม่ได้ว่าใครนะเธอไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา..“แหม… ป้านวลรีบเลยนะครับ.. รีบทำคะแนนเหรอ? ไม่มีเกรดไม่มีคะแนนให้หรอกนะครับเพราะยังไงก็ไม่ผ่านการประเมินสำหรับผมตั้งแต่แรก..”เฮ้อ..ปากจัด ปากนี่คมเสียเหลือเกิน… เมื่อก่อนเธอเคยชื่นชอบเขานะ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเลยละ แต่ทำไมนะ กาลเวลาทำไมถึงทำให้คนที่เธอเคยปลาบปลื้มถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้.
เขาหวังว่าเด็กคนนั้นจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด.. แต่ปัญหาที่เขาจะต้องจัดการก็คือ.. พ่อเขา เมื่อสองวันก่อนเขาก็ทะเลาะกับพ่อใหญ่โตเรื่องการแต่งงานนี่แหละ.. พ่อของเขาบอกว่าถ้าเขาไม่แต่งงานกับเด็กคนนั้นพ่อจะถอดเขาออกจากการบริหารงานมหาลัยทันทีแล้วพ่อของเขาจะหาคนอื่นมาดูแลแทนและที่สำคัญพ่อก็จะถอดออกจากการเป็นคณะกรรมการจากเครือธุรกิจต่างๆ ของครอบครัว.. มันได้เหรอวะ เขาเองก็เป็นคนช่วยงานช่วยหาเงินให้ตลอด.. แล้วทำไมพ่อถึงเอาเรื่องนี้มาขู่ด้วย.. แต่ถ้าพ่อต้องการแบบนั้นเขาก็จะยอม.. ในเมื่อพ่ออยากลองดูว่าเขามีความสามารถในการหาเงินและบริหารมากน้อยแค่ไหน.. เขาก็จะทำให้พ่อดูเอง…ตึกตึกตึก…“แม่ง.. ทำไมมันอยากขนาดนี้วะ… ร้อนก็ร้อน.. กูเคยเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยชื่อดังเลยนะเว้ย..” แม่งเอ๊ย.. ที่บ่นๆ เนี่ยไม่ใช่อะไรนะตอนนี้พ่อถอดเขาออกจากการดูแลมหาวิทยาลัยแล้วและพ่อก็มาจัดการดูแลเอง.. ส่วนไอ้ทัตน่ะเหรอ.. มันก็ยังคงทำงานกับพ่อเขาอยู่.. แม่งลอยตัวเลยนะมึงไอ้ทัตคอนโด…เมื่อเขากลับมาถึงถึงคอนโดของเขา เขาก็รีบพาตัวเองไปยังห้องน้ำทันทีร้อนมาก การแว๊นบิ๊กไบค์ไปหางานทำ ถามว่าอายไหม.. ก็นิดหน่อยแต่แล้วยังไงในเมื่อ
สิ่งที่เธอไม่อยากทำและหลีกเลี่ยงมาได้เป็นอาทิตย์สุดท้ายมันก็มาถึง… พ่อของเธอพาเธอมาที่บ้านเพื่อนของท่าน.. บ้านหลังใหญ่ถึงใหญ่มาก พ่อบอกกับเธอว่าจะพาเธอมาหาว่าที่คู่หมั้นของเธอ.. ถามว่าเธอควรจะดีใจไหม.. ถามว่าเธอรู้สึกยินดีไหม? ถ้าเธอตอบออกไปว่าไม่เลยสักอย่าง ไม่ดีใจ ไม่ต้องการแต่งงาน.. พ่อจะฟังเธอรึเปล่า… ก็คงไม่ตึกตึกตึก…“อ้าว.. เข้ามาๆ รอตั้งนาน.. น้องมิ้นท์ใช่ไหมลูก.. ไม่ได้เจอตั้งนานเป็นสาวแล้ว.. สวยนะเนี่ยเรา…”“สวัสดีค่ะคุณลุง..”เธอจำได้ว่าคุณลุงท่านนี้เป็นเพื่อนพ่อ.. เมื่อก่อนตอนเด็กๆ พ่อมักจะหิ้วเธอและพี่มายด์มาที่นี่ด้วยเสมอ.. ทุกครั้งที่มาเธอมักจะเจอพี่ชายที่น่ารักทั้งสามคน พวกพี่ๆ นิสัยดีมากเพียงแค่พวกเธอมาพวกพี่ๆ ก็รีบหาขนมและชวนพวกเธอไปเล่นที่ศาลาริมน้ำทันที.. เธอยอมรับว่าเมื่อก่อนมันสนุกมาก เธอมีความสุขสุดๆ แต่เมื่อพวกเราทุกคนเติบโตขึ้น.. กาลเวลามันก็ทำให้ความสุขที่แท้จริงของพวกเราจางหายไป…“ลุงอะไรกันต่อไปต้องเรียกพ่อนะ.. ต้องหัดเรียกว่าพ่อได้แล้ว…”“ขอบใจนะที่ช่วยพวกเรา…”ตกลง.. สาเหตุที่ทำให้เธอต้องแต่งงานกับลูกชายคุณลุงคืออะไรกันแน่.. จนป่านนี้พ่อของเธอก็ยังไม่บอก
อยู่ๆ วันหนึ่งเธอก็ได้รับสายจากพ่อของเธอ.. พ่อของเธอโทรมาหาเธอและให้เธอกลับเมืองไทย… ตอนแรกเธอก็คิดว่าเธอจะกลับหลังจากที่พ่อโทรมาหาประมาณหนึ่งเดือนเพราะว่าเธอจะได้ทำเรื่องขอลาพักร้อนพอดี.. แต่เมื่อเธอลองฟังสิ่งที่พ่อของเธอพูดต่อมันเลยทำให้เธอต้องซึมขึ้นมาทันที.. สิ่งที่พ่อของเธอพูดมันทำให้เธอต้องทำเรื่องยื่นใบลาออกทันที.. ถึงแม้ว่าหัวหน้าของเธอจะเสียดายในตัวเธอมากแต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องที่พ่อของเธอคุยกับเธอในครั้งนี้ได้…สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ…เพียงเท้าของเธอแตะถึงพื้นดินของประเทศไทยมันก็ทำให้น้ำตาของเธอถึงกับซึมทันที.. เธอไม่ได้กลับเมืองไทยเลยตั้งแต่เธอไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ เธอพยายามทำงานเก็บเงินและส่งเงินกลับบ้านให้พ่อของเธอทุกเดือน.. เธออยู่ที่นั่นไม่จำเป็นต้องใช้เงินอะไรมากมาย ดังนั้นเธอจึงมีเงินเก็บและส่งให้พ่อของเธอเสมอ…“มิ้นท์.. มิ้นท์… โอ๊ย.. คิดถึง…”^_^เหมียว.. เพื่อนรักของเธอ.. เธอได้บอกกับเหมียวว่าเธอจะกลับมาอยู่ไทยถาวรถึงแม้ว่าเหมียวจะตกใจแต่เหมียวก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก..“เหมียว..”หมับ…ฟอด ฟอด….“คิดถึงแก.. กลับกันเลยไหม.. จะให้ไปส่งที่บ้านเลยไหม…”“ไม่อ่ะ
เอาจริงๆ เลยนะเขาไม่ค่อยชอบที่จะกลับบ้านสักเท่าไรเขาชอบอยู่ที่คอนโดส่วนตัวของเขามากกว่า… เพราะอะไรน่ะเหรอเพราะที่บ้านมันน่าเบื่อ เบื่อที่จะต้องฟังพ่อบ่น.. พ่อนะบ่นแต่คำเดิมๆ คำว่าอะไรน่ะเหรอ?“ถ้าฉันมีลูกสาวสักคนก็คงจะดี.. ชีวิตฉันคงจะทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่างที่มีแต่ลูกชาย.. สร้างแต่ความวุ่นวายและปวดหัว.. ถ้าพวกแกคิดจะมีหลานนะฉันขอหลานสาวเยอะๆ ก็แล้วกัน.. หลานชายไม่ต้องนะหนวกหูน่ารำคาญ.. ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นหลานชาย.. เจ้าพวกนั้นจะได้เชื้อพ่อมันมามากขนาดไหน…”ถ้าเขาจะมีลูกนะเขาจะไม่มีลูกสาวเด็ดขาด เขาจะไปทำเด็กหลอดแก้ว เขาจะไปให้โรงพยาบาลช่วยเอาแค่ลูกชายพอ สาเหตุที่ไม่อยากมีลูกสาวเพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนดีเขาทำกับผู้หญิงมาเยอะนั่นแหละเขากลัวว่าผลกรรมมันจะไปตกที่ลูกสาวของเขา..ตึกตึกตึก…“คุณไคล์.. คิดถึงจังคุณไคล์ของป้า…”หมับ…“ป้านวล… เป็นยังไงบ้างครับ..”“ไม่ดีค่ะ คุณไคล์ไม่กลับบ้านไม่คิดถึงป้า.. คุณหนูคนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยกลับ.. ปล่อยคนแก่ให้รอนานแสนนาน.. ไม่รู้ว่าจะได้เจออีกทีวันไหนหรือคงจะได้เจออีกทีตอนงานศพป้ารึเปล่าก็ไม่รู้..”หึ…ดึงดราม่าซะงั้น..“โอ๋ๆ ก็มาแล้วไงครับแล้วไอ้สองตัวนั