LOGINบทที่ 3 นางในดวงใจ
รถม้าของเว่ยหนิงจื่อจอดที่หน้าประตูจวนอย่างโจ่งแจ้ง แต่เท่านั้นยังไม่พอ ไท่ฉางจวินยังไปยืนรอรับถึงหน้าจวน ตอนที่นางลงมา ทั้งสองสบตากันอย่างแช่มชื่น ราวกับว่าเจ้าบ่าวมารอรับเจ้าสาวอย่างไรอย่างนั้น ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์นี้ก็กระซิบกระซาบ มองดูแล้วไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายเป็นถึงฉินอ๋องจะให้คนธรรมดาสามัญมาวิพากษ์วิจารณ์ได้หรือ ที่เว่ยหนิงจื่อต้องมาเป็นแขกของจวน เนื่องจากตอนนี้จวนของนางเกิดไฟไหม้นั่นจึงทำให้ต้องซ่อมแซมเป็นการใหญ่ แม้ความจริงนางจะไปอยู่อีกฝั่งที่ไฟลุกลามไปไม่ถึงก็ได้ แต่เพราะความรักของไท่ฉางจวินมีต่อนาง กลัวว่าจะไม่ได้รับความสะดวกสบายเขาจึงเสนอให้มาอยู่ที่เป็นการชั่วคราว ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ซูหลิงที่กำลังเดินลัดเลาะไปที่เรือนพระชายา กลับได้ยินเสียงซุบซิบของบ่าวไพร่ว่า ฉินอ๋องพาแขกมาพักที่จวนและสั่งให้บ่าวเตรียมเรือนให้พักข้างห้องฉินอ๋องอีกด้วย ด้วยความอยากรู้ นางจึงแอบตามไปดูพบว่าแขกที่มาพักที่จวนคือคุณหนูเว่ยคนรักของฉินอ๋อง หลี่อวี้เหิง นั่งอ่านตำราอยู่ในเรือนเงียบๆ ตั้งแต่เขาตั้งครรภ์ท้องเริ่มโตขึ้น ทำให้เขาเดินไปไหนยากลำบาก ช่วงนี้เขาอารมณ์แปรปรวนอ่อนไหวง่าย ยิ่งมารู้ว่าผู้เป็นสามี พาสตรีผู้เป็นคนรักเข้ามาในจวนอีก ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อสามีรักสตรีผู้นั้น หาได้รักเขาไม่ “พระชายาเพคะ” เสียงเรียก ของซูหลิงทำให้เขาตื่นจากภวังค์พลางใช้มือเช็ดน้ำตาที่เปื้อนข้างแก้ม “มีเรื่องอันใดเจ้าว่ามาเถิด” ซูหลิง ซูหมิงและจางกูกู ที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าปริปากเพราะเกรงว่าผู้เป็นนายจะกังวลใจ หลี่อวี้เหิงเห็นว่าทั้งสามไม่พูดเขาจึงพูดขึ้น “เรื่องที่คุณหนูเว่ยมาเป็นแขกที่จวนใช่หรือไม่ เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว” ซูหลิงจึงพูดขึ้น “พระชายา จะให้คุณหนูเว่ยมาอยู่ที่จวนไม่ได้นะเพคะ” ซูหมิงและจางกูกูนั้นเห็นด้วยกับคำพูดนี้ “ใช่แล้วเพคะ สตรีที่ยังไม่แต่งงานออกเรือนจะมาอยู่ในจวนได้อย่างไรกัน คุณหนูเว่ยช่างหน้าไม่อายนัก” จางกูกูพูดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว หลี่อวี้เหิงมองไปที่พวกนางก็ต้องถอนหายใจ “แล้วพวกเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร” “ในเมื่อคุณหนูเว่ยเป็นแขกที่ท่านอ๋องพามา จะให้ข้าไล่นางไปหรือ” พวกนางทั้งสามได้ยินดังนั้นก็อดสงสารผู้เป็นนายไม่ได้ ในขณะที่พระชายากำลังตั้งครรภ์ ฉินอ๋องไม่แม้แต่จะเหลียวแลมิหนำซ้ำยังพาสตรีผู้นั้นเข้ามาในจวนอีก โธ่ พระชายาเหตุใดไยท่านจึงน่าสงสารถึงเพียงนี้ “พวกเจ้ารีบไปเตรียมขนมกับชาเถิด ข้าจะนำไปให้ท่านอ๋องที่เรือน” ..... เว่ยหนิงจื่อเดินสำรวจ จวนไปรอบๆ นางตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้มาอยู่ในจวนใหญ่เช่นนี้ ไท่ฉางจวินเดินเข้ามาโอบกอดนางจากด้านหลัง “เจ้าเองก็อยู่ที่เรือนแห่งนี้เถอะ หากติดขัดสิ่งใดก็ให้บ่าวรับใช้ไปแจ้ง ข้าจะจัดการให้เจ้า” “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เมตตานะเพคะ” “ท่านอ๋องอะไร เรียกท่านพี่เถอะ ทำราวกับว่าเป็นคนอื่นได้อย่างไร” “เพคะ ท่านพี่” “เรื่องคนร้ายเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะต้องหาตัวคนทำมาให้ได้อย่างแน่นอน” ไท่ฉางจวินกุมมือนาง พลางลูบหลังมือขาวเนียนนั้นเบา ๆ “เพคะ หากไม่ได้ท่านพี่ยื่นมือมาเข้ามาช่วยเหลือ หม่อมฉันเองก็คงจะทำอะไรไม่ถูกเป็นแน่” ภายนอกดูเหมือนว่าเว่ยหนิงจื่อจะซาบซึ้งใจ ทว่าในใจของนางกลับกังวลยิ่งนัก ด้วยเพราะรู้ถึงความสามารถของไท่ฉางจวินเป็นอย่างดีกลัวว่าเขาจะจับพิรุธได้ เพราะความจริงแล้วเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครานี้ไม่ได้มีผู้ร้ายที่ไหน แต่ทั้งหมดเป็นแผนของตัวเอง หญิงสาวจงใจสั่งคนมาเผาจวนของตนนั่นก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากไท่ฉางจวิน “เจ้ามีคนที่น่าสงสัยบ้างหรือไม่” “หม่อมฉัน...หม่อมฉัน” นางแสร้งหลบสายตาไม่กล้าพูด “มีอะไร...เจ้ามิกล้าพูดหรือ ไม่ต้องกลัว” ไท่ฉางจวินดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน พลางลูบหลังบอบบางปลอบโยน ตอนนี้คนรักเหมือนนกขมิ้นน้อยที่น่าสงสารตัวหนึ่งในคืนฝนพรำ ฝนที่ตกหนักทำเอานกน้อยหาทางกลับบ้านไม่เจอ “พูดมาเถอะ มีข้าอยู่ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” “หม่อมฉันไม่เคยมีเรื่องกับผู้ใดจริง ๆ เพคะ แต่บัดนี้ท่านอ๋องแต่งงานแล้ว คงจะมีคนไม่ชอบหม่อมฉันอยู่บ้าง” นางไม่ได้กล่าวถึงใครเป็นพิเศษ แต่เป็นใครก็คิดได้ ไท่ฉางจวินเองก็คิดได้ เขากัดฟันแน่นอย่างข่มอารมณ์โกรธ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ไม่ได้มีหลักฐานชี้ชัด ทว่าเขากลับปักใจเชื่อไปแล้ว “พอมาคิดดูแล้วก็อาจจะเป็นไปได้” “ท่านพี่ก็คิดเช่นนั้นหรือเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่คาดการณ์เท่านั้น” “อืม เมื่อหลายวันก่อน ข้ากราบทูลฮ่องเต้เรื่องจะแต่งตั้งเจ้าเป็นชายารอง เรื่องนี้อาจจะทำให้ท่านอัครเสนาบดีกับหลี่อวี้เหิงไม่พอใจก็ได้” “จริงหรือเพคะ” เว่ยหนิงจื่อดีใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสำรวมท่าที ทว่าในจังหวะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สายตานางก็เหลือบไปด้านนอกเพียงนิด ก่อนจะตัดสินใจโผล่เข้ากอดไท่ฉางจวินอย่างซาบซึ้ง แต่ถึงแม้ว่าไท่ฉางจวินจะไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ยกมือขึ้นกอดตอบพร้อมกล่าว “จริง” “แล้วพระองค์ว่าอย่างไรบ้างเพคะ” “ยังไม่ได้รับปาก แต่วันนี้เรียกข้าเข้าเฝ้าคงจะเป็นข่าวดี” “จื่อเอ๋อร์ ดีใจยิ่งนักที่ท่านพี่ไม่รังเกียจ ท่านพี่ หม่อมฉันรักท่านอ๋องมากนะเพคะ” นางพูดเสียงหวานออดอ้อน “ข้าเองก็รักเจ้ามากเช่นกัน” เพล้ง! เสียงของตกแตกทำเอาทั้งสองผละออกจากกันแล้วหันมอง ตรงหน้าประตูมีหลี่อวี้เหิงที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ บนพื้นเต็มไปด้วยเครื่องลายครามราคาแพงแตก น้ำชาร้อน ๆ หกกระจายเป็นหย่อม ๆ แถมบางส่วนยังกระเด็นไปโดนหลังเท้าของเขาอีกด้วย “ซุ่มซ่ามจริง ใครให้เจ้าเข้ามา” ไท่ฉางจวินไม่เพียงไม่เป็นห่วง หนำซ้ำยังตะคอกใส่อย่างมีน้ำโห “ข้าขออภัยท่านอ๋อง ข้าเพียงแค่อยากจะยกน้ำชามาต้อนรับแขกของท่านก็เท่านั้น” หลี่อวี้เหิงลนลานรีบยอมตัวลงเก็บเศษกระเบื้องที่แตก แต่เพราะหน้าท้องที่เริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาไม่ถนัดสักเท่าไรนัก เว่ยหนิงจื่อเห็นว่าหลี่อวี้เหิงตั้งครรภ์แล้วจึงบังเกิดความริษยา แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าไท่ฉางจวินนางเลยแสดงออกมาไม่ได้ จึงได้แต่กลืนความชอกช้ำลงไปในท้องแล้วฝืนยิ้ม “ท่านพี่อย่าได้ตำหนิพระชายาเลยเพคะ เขาคงไม่ได้มีเจตนาร้าย” เว่ยหนิงจื่อลูบแขนกำยำอย่างสนิทสนม หลี่อวี้เหิงไม่อยากมองจึงคุกเข่าก้มหน้าลง แล้วค่อย ๆ เก็บเศษกระเบื้องต่อไป ทว่าเว่ยหนิงจื่อก็ไม่ได้ยืนดูอยู่เฉย ๆ นางทำทีว่าหวังดีเดินเข้ามาช่วยพลางกล่าว “บ่าวรับใช้พวกนี้ช่างน่าตำหนิยิ่งนัก เสียงดังถึงเพียงนี้ยังไม่รีบมาช่วยพระชายาเก็บกวาดอีก มาเถอะเพคะ หม่อมฉันช่วย” เว่ยหนิงจื่อพูดราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน เป็นคนดูแลจวนอ๋องอย่างไรอย่างนั้น นางตำหนิออกมาทั้ง ๆ ไม่ควร แต่เป็นหลี่อวี้เหิงต่างหากที่สมควรกล่าว “โอ๊ย” ความเจ็บแปลบที่หลังมือดึงสติของชายหนุ่มกลับมา เขาก้มลงมองมือของตนเองที่บัดนี้เต็มไปด้วยโลหิตไหลอาบ “พระชายา!! ขออภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ทันระวังให้ดี” นางแสร้งพูดและทำท่าทีตกใจ พร้อมกับเงยหน้ามองไท่ฉางจวินด้วยความรู้สึกผิด “หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ ท่านอ๋อง” ไท่ฉางจวินเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของคนรักก็ไม่ได้ติดใจอะไร เดิมทีเว่ยหนิงจื่อก็ไม่ดีมีนิสัยชอบทำร้ายผู้อื่นอยู่แล้ว นางแค่ไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น “ช่างเถอะ เจ้าไม่ต้องเก็บแล้ว” ไท่ฉางจวินยอบตัวลงไปประคองเว่ยหนิงจื่อให้ลุกขึ้น ก่อนจะเลี้ยวซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นมีบ่าวรับใช้ในสายตาสักคนก็ตะโกนอย่างมีน้ำโห “หายหัวไปไหนกันหมด ปล่อยให้แขกของข้าต้องมาทำงานของพวกเจ้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่กันแล้วหรืออย่างไร มู่เฉิง มู่เซิงยังไม่รีบไสหัวมาอีก” เสียงที่กึกก้องทำเอามู่เฉิงกับมู่เซิงรับเสนอหน้าเขามาอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง” “เรียกบ่าวรับใช้มาเก็บกวาด ส่วนพวกที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไปให้พ้นหน้าข้าสักที ข้ากับจื่อเอ๋อร์จะพักผ่อนแล้ว” หลี่อวี้เหิงรู้ว่าไท่ฉางจวินหมายถึงตนเอง เขาจึงลุกขึ้นแต่เพราะนั่งคุกเข่านานจึงเป็นตระคิวทำให้ตอนที่กำลังลุกขึ้นเขาซวนเซเล็กน้อย แต่ดีที่มู่เซิงมีสัญชาตญาณว่องไวจึงคว้าแขนโอบไหล่เอาไว้ได้ทัน ไท่ฉางจวินเห็นแล้วไม่ชอบใจเล็กน้อย เขาอ้าปากจะพูดแต่เว่ยหนิงจื่อกับพูดแทรกเสียก่อน “พระชายาไปทำแผลเถอะเพคะ ดูสิเลือดไหลใหญ่แล้ว” “อืม พาข้ากลับเรือนที” หลี่อวี้เหิงรับคำก่อนจะหันไปหามู่เซิง เขากล่าวของคุณแล้วเดินออกไปอย่างเชื่องช้า ไท่ฉางจวินละสายตากลับมา เว่ยหนิงจื่อเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อสักครู่นางทันได้เห็นสีหน้าของท่านอ๋องจึงบังเกิดความคิดริษยาอีกแล้ว “ท่านพี่หม่อมฉันขอไปดูพระชายาก่อนนะเพคะ” “เจ้าจะลำบากไปไย ไม่ต้องไปสนใจเขา” “มิได้เพคะ เดิมทีหม่อมฉันเป็นแขก ถ้าพระชายาไม่ถือน้ำชามาต้อนรับก็คงไม่บาดเจ็บเช่นนี้ อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าหม่อมฉันเป็นต้นเหตุหรือเพคะ” นางทำหน้าเศร้า น้ำตาคลอหน่วย ไท่ฉางจวินเห็นแล้วจึงใจอ่อนยวบเพียงเพราะเห็นหลี่อวี้เหิงบาดเจ็บก็เลยรู้สึกผิดสินะ นางช่างเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนยิ่งนัก ผิดกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตนนั้นที่บังอาจเข้ามาทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้อนุญาต คิดแล้วไท่ฉางจวินยิงโมโห แต่พอก้มลงมองใบหน้าของคนข้างกายจึงเก็บไว้ เพราะวันนี้นางเจอเรื่องกระทบจิตใจมามากพอแล้ว “เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ” เว่ยหนิงจื่อแอบยิ้มร้าย ทุกอย่างช่างสมใจนางยิ่งนัก พระชายาแล้วอย่างไร ข้าเว่ยหนิงจื่อคนนี้ต่างหากที่เป็นคนอยู่ในใจของท่านอ๋อง! ......บทที่ 32 สัมฤทธิ์ผลไท่ฉางจวินพาครอบครัวล่องเรือกลับเมืองหลวง ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนดูตื่นเต้นและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาชี้ชมทิวทัศน์รอบตัวที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ น้ำใสสะท้อนแสงแดดระยิบระยับราวกับภาพวาด ขณะที่ภูเขาและท้องฟ้ากว้างใหญ่โอบล้อมพวกเขาไว้“ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกเราชอบมาเที่ยวแบบนี้มากเลย!” ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนพูดอย่างตื่นเต้น ยิ้มแย้มพร้อมเสียงหัวเราะสดใสไท่ฉางจวินหันมามองลูกๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ถ้าพวกเจ้าชอบ พ่อจะพามาเที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ” เขาสัญญาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น หลี่อวี้เหิงยืนมองเด็ก ๆ ทั้งสองด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรักและความสุข เขายิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดผ่าน เสียงน้ำกระทบเรือเบา ๆ ขณะที่พวกเขาล่องเรือผ่านผืนน้ำไหลเอื่อย เหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สงบและงดงามเมื่อเรือลอยลำเข้าใกล้เมืองท่าเรือ บ้านเดิมของหลี่อวี้เหิงปรากฏอยู่ในสายตา ริมชายฝั่งมีบ้านเรือนเก่าแก่ตั้งอยู่เรียงราย สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและคุ้นเคย ทำให้หลี่อวี้เหิงรู้สึกทั้งตื่นเต้นและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน“ท่านพี่ ทำไมเราถึงแวะที่นี่หรือ”หลี่อวี้เหิ
บทที่ 31 ไม่ลดละเวลาผ่านไปสองปี ไท่ฉางจวินยังคงพยายามตามง้อภรรยาอย่างไม่ลดละ หลี่อวี้เหิงเองก็เริ่มเปิดใจให้เขามาอยู่ใกล้ลูก ๆ ได้มากขึ้น ทุกครั้งที่ร่างบางเห็นไท่ฉางจวินเล่นกับลูกน้อย หลี่อวี้เหิงก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและความสุขที่มีในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นในใจก็จะยังมีความวิตกกังวลแอบแฝงอยู่บ้างหลี่อวี้เหิงยืนอยู่ห่าง ๆ มองดูฉากตรงหน้า ด้วยแววตาที่มีความสุขปนเศร้า เขารู้สึกดีใจที่ไท่ฉางจวินกลับมารักลูก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกถึงความหวั่นไหวในหัวใจด้วยเช่นกัน ยังไม่กล้าเปิดใจแม้จะเห็นถึงความพยายามของอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าความรู้สึกดี ๆ นี้อาจจะกลับกลายเป็นความเจ็บปวดอีกครั้ง“เขาจะเปลี่ยนไปได้จริง ๆ นะหรือ?”หลี่อวี้เหิงคิดในใจ ขณะที่แอบมองไท่ฉางจวินที่กำลังเล่นกับลูก ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนวันหนึ่งขณะที่ไท่ฉางชุนและไท่อวี้หลินกำลังนั่งฟังไท่ฉางจวินเล่านิทานใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เสียงหัวเราะใส ๆ ของพวกเขาก็ดังขึ้นไม่หยุด ชายหนุ่มมักเล่าเรื่องสนุก ๆ แต่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ “ท่านพ่อ พวกเราชอบฟังเรื่องของท่านมาก!” ลูกคนโตพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “จริงหรือ?” ไท่ฉางจวินยิ้มบาง “พ่อดีใจที่พว
บทที่ 30 เฝ้าบุปผางามหลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลาย ไท่ฉางจวินถูกเฮ่อหลานซีเรียกตัวไปเข้าเฝ้า พระสนมซีมองบุตรชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง“ไท่ฉางจวิน.... เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าสิ่งที่เจ้าทำกับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ นั้นสร้างบาดแผลใหญ่หลวงเพียงใด?”ไท่ฉางจวินโขลกศีรษะอย่างสำนึกผิด “กระหม่อมรู้ตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม... หน้ามืดตามัว เข้าข้างเว่ยหนิงจื่อมากเกินไป จนทำให้พระชายาและลูก ๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่แปลกที่หลี่อวี้เหิงจะเกลียดกระหม่อม...”เฮ่อหลานซีถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว แต่หากยังต้องการใช้ชีวิตคู่กับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ เจ้าต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจ พยายามง้อขอคืนดี หากเจ้ายังรักเขาและลูกอยู่ จงใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พวกเขากลับมา”ไท่ฉางจวินเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่น “กระหม่อมจะทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ยอมแพ้อย่างเ็ดขาด จะตามไปคืนดีให้จงได้”เฮ่อหลานซีพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเพิ่มเติม “เช่นนั้นเจ้าจงไปตามเมียและลูกกลับมาให้จงได้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้ไปตามตอแยเขาอีก”ร่างสูงคุกเข่า
บทที่ 29 ความอัปยศที่รออยู่ไท่ฉางจวินพักรักษาตัวอยู่ที่ชายแดนเหนือ หลังจากที่เขาฟื้นตัว ก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในจวนของเซียวอี้หรานอีกต่อไป แต่กลับถูกย้ายออกมาอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาจากตัวจวน แม้เขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหลี่อวี้เหิงเหมือนก่อน แต่ไท่ฉางจวินก็ไม่คิดจะถอดใจ อีกฝ่ายอยากจะหย่าก็หย่าไปแต่เขาจะไม่หย่า แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ข่าวที่ให้องครักษ์ไปสืบมาเมื่อคราวก่อนก็ส่งมยังเขาอย่างเงียบเชียบ “ท่านอ๋อง ข้ามีข่าวมาแจ้ง” องครักษ์กล่าวพร้อมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “หลังจากสืบสวนและติดตามเบาะแส เราพบว่ามีกลุ่มคนลึกลับที่เกี่ยวข้องกับการลอบทำร้ายลูก ๆ ของพระองค์ พวกเขาเชื่อมโยงกับพระสนมเว่ยและรับคำสั่งจากนางโดยตรง”ไท่ฉางจวินได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความโกรธเกรี้ยว “เว่ยหนิงจื่อเป็นคนสั่งการจริงหรือ?”“ขอรับ หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่นาง พวกเราพบว่ามีการว่าจ้างนักฆ่าและการวางแผนอย่างละเอียดจากนางเพื่อจัดการกับลูก ๆ ของพระองค์”ไท่ฉางจวินกัดฟันแน่น เขารู้สึกทั้งโกรธและเสียใจที่คนที่เขาเคยเชื่อใจกล้าทำเรื่องเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเขาต้องเผชิญกับความจริง“ข้าจะไม่ยอมให้เร
บทที่ 28 เงาของความเจ็บปวดหลี่อวี้เหิงเดินทางไปหาลูก ๆ ที่ชายแดน แต่ระหว่างทางที่เขาผ่านเข้าไปในป่าเขียวขจี ความสงบที่ควรจะมีกลับถูกทำลายด้วยเสียงคำรามของคนร้ายที่ซุ่มอยู่ในเงามืด ทันใดนั้นเองมีเสียงขยับจากพุ่มไม้ข้างทาง ตามด้วยเสียงตะโกนจากองครักษ์ที่เซียวอี้หรานส่งมาคุ้มกัน “ระวัง!” เสียงตะโกนจากองครักษ์ดังขึ้น ขณะที่คนร้ายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลี่อวี้เหิงรู้สึกตื่นตระหนก แต่ก็พยายามตั้งสติให้ดี เขาไม่ใช่ผู้ที่มีทักษะด้านการต่อสู้ จึงพยายามหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างเต็มที่“ปกป้องคุณชาย!” องครักษ์ที่เหลืออยู่พยายามพุ่งเข้ามาขวาง เพื่อปกป้องหลี่อวี้เหิง แต่จำนวนของคนร้ายมากกว่าจึงทำให้การต่อสู้เต็มไปด้วยความโกลาหล องครักษ์หลายคนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเสียงดาบกระทบกันดังก้องไปทั่วบริเวณ ความวุ่นวายเกิดขึ้นข้างกาย ขณะที่หลี่อวี้เหิงได้แต่แอบยืนอยู่ข้างหลังองครักษ์คนหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกรงกลัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “อย่าห่วงข้า!” เขาร้องบอกองครักษ์ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด “ไปจัดการพวกเขา!”องครักษ์ยังคงตอบโต้อย่างเต็มที่ ทว่าคนร้ายกลับมีจำนวนมากกว่า พวกเขาจึงไม่สามารถทำให้คนร้ายถ
บทที่ 27 ถึงเวลาแก้แค้นหลายวันต่อมา ไท่ฉางจิ้งมีราชโองการส่งถึงไท่ฉางจวิน ให้เขาเดินทางไปแคว้นโจวในฐานะทูตเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นแทนพระองค์ เมื่อไท่ฉางจวินทราบข่าว ก็รู้สึกไม่สบายใจนักที่จะต้องละทิ้งเรื่องราวในจวน แต่นี่เป็นภารกิจสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะมีเรื่องราววุ่นวายมากล้นก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างหลี่อวี้เหิงกับเว่ยหนิงจื่อ ซึ่งสถานการณ์ยังคงคาราคาซัง ก่อนออกเดินทาง ไท่ฉางจวินพยายามพูดคุยกับหลี่อวี้เหิงอีกครั้ง แม้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขายังไม่ดีขึ้นนัก“ข้าต้องเดินทางไปแคว้นโจวตามพระประสงค์ของเสด็จพ่อ” ไท่ฉางจวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความจริงจัง“เจ้าต้องรอข้ากลับมา อย่าได้ทำอะไรเกินไปกว่านี้”หลี่อวี้เหิงฟังด้วยสายตาเย็นชา ไม่แม้แต่จะตอบกลับ เขามองไท่ฉางจวินด้วยความไม่ไว้วางใจเหมือนเดิม“ท่านขังข้าเช่นนี้จะยังทำอะไรได้อีกหรือ”“เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าออกมานอกเรือนได้ แต่ห้ามออกจากจวน ดีหรือไม่”ไท่ฉางจวินกล่าวอย่างประณีประนอมเพราะหลายวันที่ถูกขังหลี่อวี้เหิงไม่ได้พยายามหนีหลังจากที่ไท่ฉางจวินออกเดินทางไปแคว้นโจว หลี่อวี้เหิงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะจัดการ
![พี่ติวเตอร์ครับ...ช่วยสอนผมหน่อยนะครับ[PWP]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






