LOGINบทที่ 4 แท้งครรภ์
ทันทีหลี่อวี้เหิงเดินพ้นจากเรือนของเว่ยหนิงจื่อ เข่าของเขาก็แทบทรุดแต่ดีที่ซูหลิงกับซูหมิงรีบเข้ามาประคองเอาไว้ได้ทัน นางกำนัลทั้งสองไม่ได้เข้าไปเพราะคำสั่ง “ตายจริง พระชายาเหตุใดไยท่านถึงเลือดไหลเยอะถึงเพียงนี้เพคะ” “ข้าไม่เป็นอะไร พาข้ากลับเรือนก่อน” หลี่อวี้เหิงพูดเสียงเบาหวิว เขาระโหยโรยแรงตั้งแต่ได้เห็นความรักของคนทั้งกับตาแล้ว ซูหลิงกับซูหมิงพาร่างของพระชายานั่งลงบนเตียงก่อนจะช่วยดูบาดแผลให้ บาดแผลแม้ไม่ลึกมากแต่ก็น่ากลัวยิ่งนัก พวกนางเพียงแค่ห้ามเลือดแล้วบอกคนให้ไปตามหมอมาในทันที “พวกเจ้าอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่” “มิได้นะเพคะ หากทิ้งรอยแผลไว้จะทำอย่างไร” ซูหมิงกล่าว “นั่นสิเพคะ พระองค์ไยถึงเป็นเช่นนี้ได้ ห่างกับพวกหม่อมฉันเพียงชั่วขณะเดียวเอง” ซูหลิงกล่าวบ้าง หลี่อวี้เหิงไม่ใคร่ใส่ใจพวกนาง เขาหลับตาลง นางกำนัลทั้งสองเห็นแบบนั้นจึงไม่กวนอีก “เช่นนั้นพวกหม่อมฉันเอาอ่างน้ำกับอุปกรณ์พวกนี้ไปเก็บก่อนนะเพคะ แม้จะพันแผลแล้วแต่อย่าเพิ่งขยับจะดีกว่า” “พวกเจ้าไปเถอะ” หลี่อวี้เหิงพูดทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา เขานอนฟังฝีเท้าของทั้งสองออกไป แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากลับเข้ามา “มีอะไรกันอีกหรือ” เขาตะแคงข้างลืมตาถาม แต่พอเห็นว่าเป็นผู้ใดก็ต้องขมวดคิ้ว “เป็นอย่างไรบ้างเพคะ เจ็บหรือไม่” ทันทีที่เว่ยหนิงจื่อก้าวเข้ามาในเรือนของพระชายา บ่าวของนางก็ปิดประตู แถมยังยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า หลี่อวี้เหิงถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเนิบช้าก่อนจะกล่าว “ทำแผลแล้ว ไม่เป็นอะไรมาก ทำให้คุณหนูเว่ยต้องเป็นกังวลแล้ว” เว่ยหนิงจื่อยกพัดลวดลายงดงามในมือขึ้นป้องริมฝีปาก ก่อนจะหัวเราะออกมา “เป็นห่วงหรือ พระชายาล้อเล่นแล้ว ทำไมข้าจะต้องเป็นห่วงคนสารเลวอย่างท่านด้วย” สายตาของนางไม่ปกปิดความเกลียดชัง ถลึงตาใส่หลี่อวี้เหิงอย่างอาฆาตมาดร้าย เดิมทีตระกูลของพวกเราก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งอีกฝ่ายแต่งเข้ามาในจวนอ๋อง แย่งคนรักของนางไป จะไม่ให้เจ็บแค้นใจกว่าเดิมได้อย่างไร เว่ยหนิงจื่อแทบจะเก็บอารมณ์ไม่ไหว อยากจะเหยียบอีกฝ่ายลงพื้นแล้วเอามีดกรีดใบหน้าจิ้งจอกนั้นให้เละคามือ ดูสิทั่วทั้งเมืองยังจะมีคนชื่นชมมันผู้นี้อยู่หรือไม่ “คุณหนูเว่ยหากข้าผู้นี้คือคนสารเลวอย่างที่เจ้าว่า แล้วเจ้าเล่านับว่าเป็นอะไรกัน..” หลี่อวี้เหิงพูดเสียงเย็นขึ้นมา ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะหยาบคายถึงเพียงนี้ เว่ยหนิงจื่อได้ยินดังนั้นจึงทำให้นางโมโหและชี้หน้าเขา “เจ้า!!” หลี่อวี้เหิงจ้องมองนางด้วยสายตาที่เยียบเย็นและพูดขึ้น “คุณหนูเว่ยเจ้ากลับไปเถิด บุญคุณความแค้นอะไรข้าไม่สนใจทั้งนั้น” หลี่อวี้เหิงพูดอย่างใจเย็น เขาเห็นไฟในดวงตาของนางลุกโชนจึงไม่อยากจะเสวนาด้วยอีกแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าเหตุใดสตรีผู้นี้ถึงมึแต่ความแค้นต่อตน จากนี้ต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้ว “หลี่อวี้เหิง! เจ้าจะไปไหน ข้ายังพูดไม่จบ” นางเดินไปดักด้านหน้าหลี่อวี้เหิงก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าอาจจะเอาตำแหน่งชายาเอกไปได้ แต่เจ้าจะไม่มีวันได้ใจท่านอ๋อง เพราะท่านอ๋องรักข้า เรารักกัน ส่วนเจ้าก็แค่ใช้อำนาจของบิดาทำให้ได้แต่งกับไท่ฉางจวินก็แค่นั้น” หลี่อวี้เหิงได้ฟังก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะสบตานางแล้วตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ท่านอ๋องไม่รักข้าแล้วอย่างไรถึงแม้ข้าจะไม่ได้รับความรักจากสามี แต่หาก คุณหนูเว่ยแต่งเข้ามา เจ้าก็อยู่ต่ำกว่าข้าเป็นเพียงแค่ชายารองหรือไม่ก็เพียงสนมก็เท่านั้น และในชาตินี้เจ้าก็จะไม่มีวันชนะข้าได้” “อีกอย่างพวกท่านจะรักกันเท่าไรก็เชิญ เพราะมันไม่เกี่ยวอันใดกับข้าเดิมทีข้ากับท่านอ๋องก็ไม่ได้ผูกสมัครรักใคร่กันอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันหรือแย่งอะไรกับเจ้า แต่ถึงอย่างนั้น เว่ยหนิงจื่อเจ้าจงรู้เอาไว้อย่างหนึ่งว่า ในชาตินี้ทั้งชาติเจ้าก็ไม่มีวันสูงส่งไปกว่าข้า” ทันทีที่พูดจบเขาก็หมายจะจากไป แต่คนอย่างเว่ยหนิงจื่อ เดิมทีอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีผู้ใดกล้าเหยียดหยามถึงเพียงนี้ จึงขาดสติไปในทันที นางยกปลายเท้าเหยียบชายอาภรณ์ของพระชายาเต็มแรง หลี่อวี้เหิงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำถึงเพียงนี้จึงไม่ทันได้ระวังทำให้ล้มลงกระแทกพื้นในทันที เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งร่างกาย แต่ก็ยังไม่คิดว่าเป็นฝีมือของเว่ยหนิงจื่อ กลับคิดว่าเป็นตนเองที่ไม่ระมัดระวัง ‘เหตุใดตนถึงได้ซุ่มซ่ามถึงเพียงนี้ เหยียบชายผ้าตนเองได้อย่างไร’ ในขณะที่กำลังจะดันตัวเองให้ลุกขึ้น ร่างบางกลับพบว่ามีเลือดไหลออกมาจากหว่างขา ในทันทีที่เห็นมันไหลนองเป็นสาย เขาก็บังเกิดความเสียใจขึ้นมา “ไม่นะ... ตามหมอ ซูหลิง ซูหมิงตามหมอเร็ว ไม่นะลูกข้า” แม้ในตอนนี้จะรู้สึกหวาดกลัวเพียงใด แต่หลี่อวี้เหิงก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากเว่ยหนิงจื่อเลยสักคำ แถมเขายังไม่หันไปมองนางอีกด้วย ซูหลิงและซูหมิงได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็รีบวิ่งเข้ามา ทันทีที่นางกำนัลทั้งสองเห็นร่างพระชายาชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงชาดก็สติแตก ร่ำร้องเสียงดังไปทั่วทั้งจวน “พระชายา!!” ซูหลิง ซูหมิงเห็นเว่ยหนิงจื่อยืนห่างออกไป ทำให้นางสงสัยที่พระชายาล้มลงนางต้องเป็นคนทำแน่ๆ จึงหันไปมองด้วยสายตาโกรธเคือง “ขะ..ข้าไม่ได้ทำนะ พวกเจ้าอย่ามาโทษข้านะ พระชายาล้มไปเองต่างหาก” เว่ยหนิงจื่อพูดจาตะกุกตะกัก เห็นท่าไม่ดี จึงแสร้งทำเป็นร่ำไห้แล้วรีบจากไป บอกว่าจะไปตามหมอหลวงกับไท่ฉางจวิน ในตอนนั้นทุกคนต่างตกใจ ไม่มีใครสนใจว่านางจะทำสิ่งใดเลยสักคน พอเว่ยหนิงจื่อเดินพ้นจากเรือนของหลี่อวี้เหิง นางก็ปาดน้ำตาแล้วรีบไปหาไท่ฉางจวินก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าวัง นางเพิ่งจะคิดได้ว่าได้ทำเรื่องใหญ่ลงไปจึงต้องรีบไปแก้ตัวกับเขาก่อนที่จะได้รู้เรื่องนี้จากคนอื่น ‘ลงแรงก่อนย่อมได้เปรียบ กลับดำเป็นข่าวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง’ “ท่านอ๋อง อ่านอ๋องเพคะ” เว่ยหนิงจื่อเรียกอย่างร้อนใจ ดีที่ไท่ฉางจวินเปลี่ยนอาภรณ์อยู่จึงทำให้ยังไม่ทันได้ออกจากจวน ไม่เช่นนั้นแผนนางคงจะพังไม่เป็นท่า “จือเอ๋อร์” ไท่ฉางจวินเรียกก่อนจะเห็นคราบน้ำตาบนหน้าของคนรักจึงขมวดคิ้วถาม “เจ้าเป็นอะไรไป” “หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ ท่านพี่หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ” นางร้องไห้โฮ โถมตัวเข้าอ้อมกอดเขา “ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูดกัน” ไท่ฉางจวินพานางเข้ามาในห้องก่อนจะปลอบ “หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ เพราะหม่อมฉันไม่ดูแลพระชายาให้ดี” “หลี่อวี้เหิงเป็นอะไรหรือ” “ตอนที่หม่อมฉันไปถึงก็ได้พูดคุยกับพระชายานิดหน่อย แต่ไม่รู้เหตุใดจู่ ๆ พระองค์ก็โมโห ลุกพรวดขึ้น ในตอนนั้นคงไม่ทันระวังทำให้ลื่นล้มลงไปกับพื้น” “เจ้าว่ายังไงนะ!!” ไท่ฉางจวินตกใจเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่ได้รักชอบพระชายาแต่อีกฝ่ายก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ “หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ทรงลงโทษหม่อมฉันเถิด เพราะตอนนั้นหม่อมฉันจับพระองค์ไว้ไม่ทัน” “ไม่เป็นไร เจ้าอย่าเพิ่งโทษตัวเอง เจ้าว่าเขาล้มลงไปเองมิใช่หรือ” ไท่ฉางจวินกอดปลอบ เขาขมวดคิ้ว ในใจนึกปรามาสว่าอีกฝ่ายคงอิจฉาเว่ยหนิงจื่อมากถึงขนาดต้องใช้แผนการเช่นนี้ใส่ร้ายเลยหรือ “จะไม่เป็นไรได้อย่างไรเพคะ โลหิตของพระชายาออกเยอะมาก ไม่แน่ว่ารักษาเด็กเอาไว้ไม่ได้แล้ว” “เจ้าอย่าได้โทษตัวเอง นึกเสียว่าหลี่อวี้เหิงไม่มีบุญจะมีอุ้มชูลูกของข้าก็แล้วกัน” เว่ยหนิงจื่อได้ฟังก็แอบยิ้มสะใจ แม้คำพูดของไท่ฉางจวินจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผลดีกับตัวนาง ‘ดีเสียอีก เจ้าโง่นั้นแท้งไปก็สมควรแล้ว ต่อไปข้าจะเป็นคนที่ตั้งท้องลูกของท่านอ๋องให้เอง รอก่อนเถอะ ให้ข้าได้เข้ามาในจวนนี้เสียก่อน’ นางปรามาสในใจ หลังจากเรื่องที่หลี่อวี้เหิงแท้งครรภ์ไปถึงหูเฮ่อหลานซี พระนางซีกุ้ยเฟย ข่าวลือที่ว่าคุณหนูเว่ยมาอยู่ในจวนฉินอ๋อง ทำให้พระนางโกรธบุตรชาย เมียตัวเองตั้งครรภ์อยู่แท้ๆกลับไม่สนใจใยดี แต่กลับไปสนใจสตรีผู้นั้น! เห็นทีนางต้องสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูง อย่าได้ริอาจขึ้นมาเป็นสะใภ้ของนาง! เฮ่อหลานซีจึงเรียก บุตรชายและสตรีผู้นั้นเข้าวังทันที ... ไท่ฉางจวินที่อยู่ในห้องทำงานเขาแสดงท่าทีเคร่งเครียดอกมา เสด็จแม่รู้แล้วว่าหลี่อวี้เหิงแท้งครรภ์ ประจวบเหมาะที่เขาให้เว่ยหนิงจื่อมาพักอยู่ที่จวน เสด็จแม่ต้องเรียกนางไปตำหนิอย่างแน่นอน แต่เมื่อคิดถึงร่างบางที่พึ่งแท้งครรภ์ไปทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบที่ใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาจึงอยากจะไปหาร่างบางเสียหน่อย แต่ทว่าเว่ยหนิงจื่อเดินเข้ามาพอดี “ท่านอ๋อง ท่านจะออกไปไหนหรือเพคะ” ภายในความคิดที่คิดจะไปหาหลี่อวี้เหิงก็หยุดลงทันที เขาจึงเดินเข้าไปจับมือนาง “ข้ากำลังจะไปหาเจ้าที่เรือนพอดี วันพรุ่งนี้เสด็จแม่เรียกข้ากับเจ้าไปพบในวัง” เว่ยหนิงจื่อได้ยินดังนั้น จึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที ในเมื่อพระชายาเอกแท้งครรภ์ นางอาจจะได้แต่งงานกับท่านอ๋องก็เป็นได้ “จริงหรือเพคะ” เว่ยหนิงจื่อจึงเข้าไปโอบกอดไท่ฉางจวินพลางแสยะยิ้มออกมา ในที่สุดนางก็ได้เข้าวังไปพบพระสนมกุ้ยเฟย หลี่อวี้เหิงอาจจะมิใช่คนโปรดของพระนางอีกต่อไปในเมื่อ มันแท้งลูกไปแล้ว ต่อไปนางจะทำหน้าที่ตั้งครรภ์แทนเอง ต่างจากไท่ฉางจวินที่มีสีหน้ากังวลขึ้นมา ....บทที่ 32 สัมฤทธิ์ผลไท่ฉางจวินพาครอบครัวล่องเรือกลับเมืองหลวง ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนดูตื่นเต้นและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาชี้ชมทิวทัศน์รอบตัวที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ น้ำใสสะท้อนแสงแดดระยิบระยับราวกับภาพวาด ขณะที่ภูเขาและท้องฟ้ากว้างใหญ่โอบล้อมพวกเขาไว้“ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกเราชอบมาเที่ยวแบบนี้มากเลย!” ไท่อวี้หลินกับไท่ฉางชุนพูดอย่างตื่นเต้น ยิ้มแย้มพร้อมเสียงหัวเราะสดใสไท่ฉางจวินหันมามองลูกๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ถ้าพวกเจ้าชอบ พ่อจะพามาเที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ” เขาสัญญาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น หลี่อวี้เหิงยืนมองเด็ก ๆ ทั้งสองด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรักและความสุข เขายิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดผ่าน เสียงน้ำกระทบเรือเบา ๆ ขณะที่พวกเขาล่องเรือผ่านผืนน้ำไหลเอื่อย เหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สงบและงดงามเมื่อเรือลอยลำเข้าใกล้เมืองท่าเรือ บ้านเดิมของหลี่อวี้เหิงปรากฏอยู่ในสายตา ริมชายฝั่งมีบ้านเรือนเก่าแก่ตั้งอยู่เรียงราย สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและคุ้นเคย ทำให้หลี่อวี้เหิงรู้สึกทั้งตื่นเต้นและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน“ท่านพี่ ทำไมเราถึงแวะที่นี่หรือ”หลี่อวี้เหิ
บทที่ 31 ไม่ลดละเวลาผ่านไปสองปี ไท่ฉางจวินยังคงพยายามตามง้อภรรยาอย่างไม่ลดละ หลี่อวี้เหิงเองก็เริ่มเปิดใจให้เขามาอยู่ใกล้ลูก ๆ ได้มากขึ้น ทุกครั้งที่ร่างบางเห็นไท่ฉางจวินเล่นกับลูกน้อย หลี่อวี้เหิงก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและความสุขที่มีในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นในใจก็จะยังมีความวิตกกังวลแอบแฝงอยู่บ้างหลี่อวี้เหิงยืนอยู่ห่าง ๆ มองดูฉากตรงหน้า ด้วยแววตาที่มีความสุขปนเศร้า เขารู้สึกดีใจที่ไท่ฉางจวินกลับมารักลูก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกถึงความหวั่นไหวในหัวใจด้วยเช่นกัน ยังไม่กล้าเปิดใจแม้จะเห็นถึงความพยายามของอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าความรู้สึกดี ๆ นี้อาจจะกลับกลายเป็นความเจ็บปวดอีกครั้ง“เขาจะเปลี่ยนไปได้จริง ๆ นะหรือ?”หลี่อวี้เหิงคิดในใจ ขณะที่แอบมองไท่ฉางจวินที่กำลังเล่นกับลูก ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนวันหนึ่งขณะที่ไท่ฉางชุนและไท่อวี้หลินกำลังนั่งฟังไท่ฉางจวินเล่านิทานใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เสียงหัวเราะใส ๆ ของพวกเขาก็ดังขึ้นไม่หยุด ชายหนุ่มมักเล่าเรื่องสนุก ๆ แต่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ “ท่านพ่อ พวกเราชอบฟังเรื่องของท่านมาก!” ลูกคนโตพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “จริงหรือ?” ไท่ฉางจวินยิ้มบาง “พ่อดีใจที่พว
บทที่ 30 เฝ้าบุปผางามหลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลาย ไท่ฉางจวินถูกเฮ่อหลานซีเรียกตัวไปเข้าเฝ้า พระสนมซีมองบุตรชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง“ไท่ฉางจวิน.... เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าสิ่งที่เจ้าทำกับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ นั้นสร้างบาดแผลใหญ่หลวงเพียงใด?”ไท่ฉางจวินโขลกศีรษะอย่างสำนึกผิด “กระหม่อมรู้ตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม... หน้ามืดตามัว เข้าข้างเว่ยหนิงจื่อมากเกินไป จนทำให้พระชายาและลูก ๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่แปลกที่หลี่อวี้เหิงจะเกลียดกระหม่อม...”เฮ่อหลานซีถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว แต่หากยังต้องการใช้ชีวิตคู่กับหลี่อวี้เหิงและลูก ๆ เจ้าต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจ พยายามง้อขอคืนดี หากเจ้ายังรักเขาและลูกอยู่ จงใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พวกเขากลับมา”ไท่ฉางจวินเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่น “กระหม่อมจะทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ยอมแพ้อย่างเ็ดขาด จะตามไปคืนดีให้จงได้”เฮ่อหลานซีพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเพิ่มเติม “เช่นนั้นเจ้าจงไปตามเมียและลูกกลับมาให้จงได้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้ไปตามตอแยเขาอีก”ร่างสูงคุกเข่า
บทที่ 29 ความอัปยศที่รออยู่ไท่ฉางจวินพักรักษาตัวอยู่ที่ชายแดนเหนือ หลังจากที่เขาฟื้นตัว ก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในจวนของเซียวอี้หรานอีกต่อไป แต่กลับถูกย้ายออกมาอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาจากตัวจวน แม้เขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหลี่อวี้เหิงเหมือนก่อน แต่ไท่ฉางจวินก็ไม่คิดจะถอดใจ อีกฝ่ายอยากจะหย่าก็หย่าไปแต่เขาจะไม่หย่า แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ข่าวที่ให้องครักษ์ไปสืบมาเมื่อคราวก่อนก็ส่งมยังเขาอย่างเงียบเชียบ “ท่านอ๋อง ข้ามีข่าวมาแจ้ง” องครักษ์กล่าวพร้อมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “หลังจากสืบสวนและติดตามเบาะแส เราพบว่ามีกลุ่มคนลึกลับที่เกี่ยวข้องกับการลอบทำร้ายลูก ๆ ของพระองค์ พวกเขาเชื่อมโยงกับพระสนมเว่ยและรับคำสั่งจากนางโดยตรง”ไท่ฉางจวินได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความโกรธเกรี้ยว “เว่ยหนิงจื่อเป็นคนสั่งการจริงหรือ?”“ขอรับ หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่นาง พวกเราพบว่ามีการว่าจ้างนักฆ่าและการวางแผนอย่างละเอียดจากนางเพื่อจัดการกับลูก ๆ ของพระองค์”ไท่ฉางจวินกัดฟันแน่น เขารู้สึกทั้งโกรธและเสียใจที่คนที่เขาเคยเชื่อใจกล้าทำเรื่องเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเขาต้องเผชิญกับความจริง“ข้าจะไม่ยอมให้เร
บทที่ 28 เงาของความเจ็บปวดหลี่อวี้เหิงเดินทางไปหาลูก ๆ ที่ชายแดน แต่ระหว่างทางที่เขาผ่านเข้าไปในป่าเขียวขจี ความสงบที่ควรจะมีกลับถูกทำลายด้วยเสียงคำรามของคนร้ายที่ซุ่มอยู่ในเงามืด ทันใดนั้นเองมีเสียงขยับจากพุ่มไม้ข้างทาง ตามด้วยเสียงตะโกนจากองครักษ์ที่เซียวอี้หรานส่งมาคุ้มกัน “ระวัง!” เสียงตะโกนจากองครักษ์ดังขึ้น ขณะที่คนร้ายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลี่อวี้เหิงรู้สึกตื่นตระหนก แต่ก็พยายามตั้งสติให้ดี เขาไม่ใช่ผู้ที่มีทักษะด้านการต่อสู้ จึงพยายามหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างเต็มที่“ปกป้องคุณชาย!” องครักษ์ที่เหลืออยู่พยายามพุ่งเข้ามาขวาง เพื่อปกป้องหลี่อวี้เหิง แต่จำนวนของคนร้ายมากกว่าจึงทำให้การต่อสู้เต็มไปด้วยความโกลาหล องครักษ์หลายคนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเสียงดาบกระทบกันดังก้องไปทั่วบริเวณ ความวุ่นวายเกิดขึ้นข้างกาย ขณะที่หลี่อวี้เหิงได้แต่แอบยืนอยู่ข้างหลังองครักษ์คนหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกรงกลัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “อย่าห่วงข้า!” เขาร้องบอกองครักษ์ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด “ไปจัดการพวกเขา!”องครักษ์ยังคงตอบโต้อย่างเต็มที่ ทว่าคนร้ายกลับมีจำนวนมากกว่า พวกเขาจึงไม่สามารถทำให้คนร้ายถ
บทที่ 27 ถึงเวลาแก้แค้นหลายวันต่อมา ไท่ฉางจิ้งมีราชโองการส่งถึงไท่ฉางจวิน ให้เขาเดินทางไปแคว้นโจวในฐานะทูตเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นแทนพระองค์ เมื่อไท่ฉางจวินทราบข่าว ก็รู้สึกไม่สบายใจนักที่จะต้องละทิ้งเรื่องราวในจวน แต่นี่เป็นภารกิจสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะมีเรื่องราววุ่นวายมากล้นก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างหลี่อวี้เหิงกับเว่ยหนิงจื่อ ซึ่งสถานการณ์ยังคงคาราคาซัง ก่อนออกเดินทาง ไท่ฉางจวินพยายามพูดคุยกับหลี่อวี้เหิงอีกครั้ง แม้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขายังไม่ดีขึ้นนัก“ข้าต้องเดินทางไปแคว้นโจวตามพระประสงค์ของเสด็จพ่อ” ไท่ฉางจวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความจริงจัง“เจ้าต้องรอข้ากลับมา อย่าได้ทำอะไรเกินไปกว่านี้”หลี่อวี้เหิงฟังด้วยสายตาเย็นชา ไม่แม้แต่จะตอบกลับ เขามองไท่ฉางจวินด้วยความไม่ไว้วางใจเหมือนเดิม“ท่านขังข้าเช่นนี้จะยังทำอะไรได้อีกหรือ”“เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าออกมานอกเรือนได้ แต่ห้ามออกจากจวน ดีหรือไม่”ไท่ฉางจวินกล่าวอย่างประณีประนอมเพราะหลายวันที่ถูกขังหลี่อวี้เหิงไม่ได้พยายามหนีหลังจากที่ไท่ฉางจวินออกเดินทางไปแคว้นโจว หลี่อวี้เหิงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะจัดการ




![ผมก็แค่พี่เลี้ยงเด็ก ที่ดันได้พ่อเค้าเป็นสามี [PWP]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


