@ ZTUDIO
“สวัสดีครับ จองไว้รึเปล่าครับ~” ทันทีที่ฉันกับลิซเดินเข้ามาถึงหน้า Zone VIP ที่มีการ์ดหลายคนยืนเฝ้าประตูทางเข้า พนักงานต้อนรับที่บุคลิกและท่าทางดูเป็นกันเองก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ลิซเลยพยักหน้าและตอบกลับไปทันที “คือเฮียพาย...” “นั่นแน่ มาหาเฮียๆ Nightshade หรอครับ เข้าไปข้างในได้นะ แต่ต้องขอ Night Card ด้วยครับ” ลิซยังพูดไม่ทันจบ ผู้ชายคนนั้นก็พูดแทรกขึ้นมาและถามถึง Night Card ที่ฉันเคยอ่านเจอว่ามันต้องใช้สำหรับเข้า Ztudio Nightshade เพราะเคยมีคนเม้นท์คุยกันตามแฟนเพจของพวกเฮียๆ ว่าก่อนหน้านี้มีคนเนียนๆ เข้าไปบ่อย ฉันเลยตอบกลับผู้ชายคนนั้นไปแทน “ไม่ต้องใช้ดิ” “ครับ?” พอฉันพูดไปแบบนั้นผู้ชายคนนั้นก็ทำหน้างงๆ กลับมา “เฮียพายนัดเราที่ VIP#8 ไม่ใช่ VIP#9 ..Night Card เอาไว้ใช้สำหรับ Ztudio Nightshade ที่เดียวนี่” ผู้ชายคนนั้นรับฟังในสิ่งที่ฉันพูดและพยักหน้ากลับมา ก่อนจะก้มหน้ากด Notebook ตรงหน้ายิกๆ และเงยหน้าขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกได้ “อ๋อ เพื่อนเฮียพายใช่มั้ยครับ” “อื้ม / ไม่ใช่ค่ะ” พอเขาพูดออกมาฉันก็พยักหน้าตอบกลับไป แต่ในขณะเดียวลิซก็ส่ายหัวออกไปซะงั้น แล้วดันตอบออกไปแบบสวนทางกันอีกจนผู้ชายคนนั้นทำหน้างง “ไม่ใช่?” “ก็เราเป็นรุ่นน้อง เฮียพายแก่กว่าตั้งปีหนึ่งนี่นาจะเป็นเพื่อนได้ยังไง -.-” ลิซอธิบายออกไปแล้วหันมาทำหน้ามึนๆ ใส่ฉัน ซึ่งก็..ไม่รู้จะพูดยังไง ฉันเลยหันไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วกระซิบไปเบาๆ กลัวยัยนี่จะเสียใจ “อย่าสนใจเด็กอ๊อง -.-” “เอ่อ.. แหะๆ ครับ งั้นเชิญครับ VIP#8 ตรงไปสุดทางเลี้ยวขวา ห้องรองสุดท้ายครับ” แล้วผู้ชายคนนั้นก็พยักหน้าสั่งให้การ์ดที่เฝ้าอยู่เปิดประตูให้เรา ฉันเลยคว้าแขนลิซเดินดุ่มๆ เข้าไปทันที สุดทางเลี้ยวขวาห้องรองสุดท้าย.. อ๋อ ห้องนี้สินะ - VIP#8 - ครืดดด “.....” พอฉันผลักประตูเข้ามา ในห้องก็มีแต่ความเงียบ ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใด ให้เดาพวกเฮียก็คงเลทตามเคย แต่ก็ช่างเหอะ ฟุ้บ! ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา แล้วคว้ามือถือขึ้นมานั่งเล่นรอไปเรื่อย แต่ลิซที่นั่งอยู่ข้างกันเอาแต่นั่งเงียบและมองมาที่ฉันแบบอ้ำอึ้งเหมือนมีอะไรแต่ไม่กล้าพูด ซึ่งฉันคิดว่าฉันรู้นะว่าลิซจะพูดอะไร “ครั้งสุดท้ายนะลิซ จะถามก็ถาม” ฉันกดปิดจอมือถือแล้วหันไปเปิดโอกาสให้ลิซถามเรื่องที่คาใจ คือ.. ทำไมเราไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ไม่เข้าใจ ฉันเป็นแบบไหนลิซตรงข้ามหมด ลิซคิดอะไรฉันรู้ทัน แต่ฉันคิดอะไรลิซเอาแต่สงสัยอย่างเดียว -_-! “โรสว่าวันนี้จะเจอ...” “อืม” ฉันพยักหน้าตอบไปทั้งที่ลิซยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ บอกแล้วไงว่ารู้ทัน ‘...จะเจอเฮียโยมั้ย?’ คงตั้งใจจะถามแบบนั้นสินะ แต่ก็นะ..ต้องเจออยู่แล้วดิ ถึงไม่เจอวันนี้วันอื่นก็ต้องเจออยู่ดี ไม่เจอที่นี่เขาก็อาจนั่งอยู่แค่ VIP#9 ห้องข้างๆ นี่ก็ได้ “อื้อ แล้วโรส..ยังโกรธเฮียโยอยู่มั้ย” “.....” แล้วคำถามของลิซที่ดูเหมือนไม่มีอะไรก็ทำฉันอึ้งไปนิด เพราะฉันไม่เคยถามตัวเองเลยสักครั้งว่าไอ้สิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่ตอนนี้มันคือฉันโกรธเขารึเปล่า? เพราะงั้น.. ถ้าลิซจะมาถามว่ายังโกรธมั้ย ก็ดูจะเป็นคำถามที่ลัดขั้นไปเยอะ เพราะโกรธตอนไหนยังไม่แน่ใจ ยังโกรธอยู่มั้ยยิ่งตอบยากเข้าไปใหญ่ “ไม่รู้ มีไรอีกมั้ย” ฉันตอบลิซกลับไป แล้วนั่งคิดตามไปเงียบๆ ลิซพอเห็นฉันเริ่มนิ่งไปก็ออกอาการเลิ่กลั่กขึ้นมาตามเคย ไม่มีพิรุธเลยสักนิด “ใจเย็น มีไรก็พูดมา -.-” ฉันทำหน้าเอือมๆ ตอบกลับไปแล้วลิซก็ทำท่าหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา “คืองี้ ลิซไม่อยากให้โรส...” “โกรธเฮีย?” ฉันสวนกลับไปเพราะเดาจากอาการอ้ำอึ้งนั่นได้ แต่ลิซก็สวนกลับมาแบบรวดเร็วจนคราวนี้เป็นฉันที่ทำหน้าสงสัย “เปล่า ลิซไม่อยากให้โรสอยู่ไทย” ลิซพูดเสียงเข้มขึ้นมา และทำหน้าตาจริงจังส่งมาให้ฉัน แต่มาบอกตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้เหลือแค่นับถอยหลังรอลุ้นว่าใครจะเปิดประตูเข้ามาคนแรกนี่ไง “ไม่ทันแล้วมั้ย ก็กลับมาแล้ว” ฉันตอบลิซไปแบบไม่ใส่ใจอะไรนัก เพราะจะเริ่มเดาได้แล้วแหละว่าลิซเองก็คงเครียดที่เป็นเหตุผลให้ฉันมานั่งอยู่ที่นี่ “กลับไปดิ” ลิซพูดออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังทำเอาฉันเงียบไปอีก แล้วยัยนี่ก็พูดต่อไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงพูดแบบมีสาระมากมาย “.....” “กลับไปก็ได้ ดีกว่าจะต้อง...” ครืดดด แล้วเสียงเปิดประตูของใครบางคนที่เปิดเข้ามาก็ทำให้คำพูดของลิซหยุดชะงักไป ก่อนจะเผยให้เห็นร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน ซึ่งพอฉันเงยหน้าขึ้นไป.. “โห่ เฮียบีท! เฮ่อ...” ลิซพูดออกไปแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดังแบบไม่เก็บอาการเลยสักนิด เหมือนยัยนี่พูดแทนฉันไปหมดแล้วอ่ะ ฉันเลยนั่งเงียบไม่พูดอะไร ฟุ้บ! “ไรลิซ” เฮียบีทพูดพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับพวกฉัน ส่วนผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยกันก็คว้าถังน้ำแข็งมาชงเหล้าส่งให้พวกเรา แล้วเฮียก็หันไปสั่งผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงใจดีสุด ก่อนจะหันมาคุยกับเราต่อ “อีกแก้วน้ำเปล่านะคะ ..ไอ้พวกนั้นมายัง ทำไมช้าจังอ่ะ” แล้วทั้งฉันและลิซก็ส่ายหัวออกไป เฮียบีทก็หันไปนัวเนียกับผู้หญิงที่หิ้วมาแบบชิลๆ ไม่ได้เกรงใจสายตาพวกฉันที่มองไปสักนิด ลำพังแต่ฉันอ่ะก็ไม่เท่าไหร่ แต่ดันมีลิซด้วยไงที่ไม่ว่าชาติไหนๆ ก็ไม่ชินสักที เอาแต่หลับตาปี๋เหมือนกำลังนั่งดูหนังผีอยู่ยังไงอย่างงั้น “ลิซมันจะร้องไห้ละเฮีย” พอเห็นท่าทางไม่ค่อยดีฉันเอ่ยปากแซวออกไป แล้วเฮียบีทก็ผละจากผู้หญิงคนนั้นเบาๆ ก่อนจะหันไปหาลิซที่ตอนนี้อัพเกรดละนั่งเอามือปิดตาแทน “หาแฟนซะจะได้ชิน” ฟรืดดด~ พูดจบเฮียบีทก็หันไปหอมแก้มผู้หญิงข้างๆ แถมยังคว้าเอวผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปนั่งตักอีก เอาเข้าไป.. “ไม่เอาหรอก! เฮียโยสอนไว้.. พวกผู้ชายไว้ใจไม่ได้” พอเฮียบีทพูดแบบนั้นลิซมันก็ตอบกลับไป เล่นเอาฉันชะงักไปเหมือนกัน เพราะมันดันเป็นคำที่เขาเคยพูดกับฉันก่อนกลับมา แล้วภาพวันนั้นก็แล่นเข้าหัวฉันมาแบบรวดเร็วในทันที จนฉันต้องยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมากระดกให้หายเพ้อ ลิซเองที่เพิ่งนึกได้ก็มองมาด้วยสีหน้าสำนึกผิด ส่วนเฮียบีทที่พอได้ฟังก็ถึงกับหลุดขำ “คำสอนของไอ้โย? เออเชื่อมันถูกละ ฮ่ะๆ รอมันมาแล้วกราบงามๆ สามทีเลยนะ สอนน้องมีสาระ” พูดจบเฮียก็หันไปจูบผู้หญิงตรงหน้าแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ฉันเองก็นั่งมองภาพนั้นอยู่สักพัก แล้วอยู่ๆ มันเหมือนมีภาพซ้อนจากเฮียบีทกลายเป็นเฮียโย แล้วก็ดันเกิดคำถามขึ้นเบาๆ ในหัวฉันว่าถ้าคนตรงหน้าเป็นเฮียโยฉันจะทำยังไง พรึ่บบบ! แค่คิดฉันก็ลุกพรวดขึ้นจากโซฟากำลังจะก้าวขาเดินหนี แล้วลิซก็มาคว้าแขนไว้ “ไปไหนหรอโรส” น้ำเสียงของลิซเตือนสติให้ฉันรู้สึกตัว ก่อนจะหันกลับไปตอบเสียงเรียบ “ห้องน้ำ จะไปด้วยมั้ย -.-?” เพราะไม่คิดว่ายัยนี่จะไป เลยถามไปแบบนั้น แต่ลิซก็ดันพยักหน้าซะงั้น แล้วสุดท้ายลิซก็ลุกตามฉันเดินลิ่วๆ ออกมา แถมยังถามซักไซ้ไม่หยุด “ตกใจหมดเลยเมื่อกี๊ ดีนะที่เป็นเฮียบีท ถามจริงๆ โรสตกใจมั้ย?” “นิดหน่อย” ฉันตอบออกไปตามตรงแล้วเดินต่ออย่างไม่พูดอะไร แต่ลิซก็ไม่วายตั้งคำถามมาอีก “แล้วถ้าวันนี้เฮียโยมากับ...” “พอเหอะลิซ ไม่อยากฟัง!” พอสิ่งที่ลิซกำลังจะถามมันดันตรงกับภาพหลอนของฉันเมื่อกี๊ ฉันเลยส่งเสียงดุออกไปอย่างลืมตัว ไม่ใช่ฉันไม่รู้ว่ายัยนี่หวังดี แต่บางทีการทำเฉยๆ มันก็ช่วยได้ไง แล้วพอฉันเลือกจะตัดบทไปแบบนั้น ลิซที่ฟังอยู่ก็ถึงกับหน้าเสียไปเลย “ขะ..ขอโทษนะ” “กลับไปก่อน” ฉันพูดออกไปอย่างหงุดหงิด แต่ก็พยายามสุดๆ แล้วที่จะไม่พาลใส่ใคร แต่ลิซก็คือลิซจนป่านนี้ก็ยังไม่เข้าใจสักนิด “แต่ว่า...” “ขออยู่คนเดียวได้มั้ย?” ฉันข่มใจพูดออกไป และหันมองลิซด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนที่ลิซจะเริ่มเข้าใจในท่าทางนั้นและพยักหน้าช้าๆ แบบซึมๆ ไปทันตา “อือก็ได้” แล้วลิซก็ยอมเดินออกไป.. ส่วนฉันก็ถอนหายใจออกมายกใหญ่ และเดินต่อไปเงียบๆ จนถึงหน้าห้องน้ำ และผลักประตูเข้าไปอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเลือกห้องน้ำใกล้ๆ สักห้องและเดินเข้าไปแบบเซ็งๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ ‘อื้อออ อ๊ะ อ๊ะ เบาค่ะมีคนมา’ จ๊วบ จ๊วบ.. ‘อืมมมม’ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ ‘อ๊าาา อ๊ะ อ๊ะ คืนนี้ไปต่อกับมิ้งค์นะคะ อ๊ะ อ๊าาา’ แต่แค่ก้าวขาเข้ามาในห้องน้ำเท่านั้น เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องข้างๆ ก็ทำให้ฉันถึงกับถอนหายใจซ้ำออกมาอีกครั้ง ฉันไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่รู้ว่าห้องข้างๆ กำลังทำอะไร เลยรีบจัดการตัวเองจนเสร็จและกำลังจะเดินออกไปแต่… แกร๊กกก พรึ่บบบ! อยู่ๆ ตะขอสร้อยข้อมือของฉันก็ดันไปเกี่ยวกับชายเสื้อจนมันหลุดออกจากข้อมือของฉันไปทันตา และร่วงลงพื้นแบบรวดเร็วแถมยังกระเด็นลอดไปที่ห้องข้างๆ ซึ่งกำลังมีซัมติงกันอยู่แบบฉาวโฉ่.. เหอะ! แค่คิดว่าจะตะโกนบอกคนในนั้นหยิบมันส่งคืนมาให้ก็เดาได้เลยว่าคนพวกนั้นก็ไม่น่าจะสนใจ ฉันเลยยืนสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องน้ำที่มีแค่ผนังบางๆ กั้นฉันกับสองคนนั้นเอาไว้อยู่เสี้ยวนาทีแล้วรีบเดินออกมาข้างนอกอย่างข่มใจ เพราะคิดว่ามันไม่น่านาน บวกกับสร้อยข้อมือเส้นนั้นเป็นของสำคัญ ฉันเลยเลือกจะเดินไปล้างมือช้าๆ และยืนพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าหยิบมือถือขึ้นมาเล่นรอเงียบๆ เช็คนั่นเช็คนี่ไปเรื่อย แล้วฉันก็เจอกับ Status หนึ่งของเฮียโยที่เด้งขึ้นมาบนหน้า Feed เหมือนเดิมทุกวัน แต่ครั้งนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันดูมีความหมายมากกว่าทุกครั้ง เลยหยุดอ่านมันทั้งที่เสียงรอบข้างมันโคตรจะขัดอารมณ์แบบนั้น.. ‘Do what you did in the beginning of a relationship and there won’ t be an end.’ (ทำทุกอย่างให้เหมือนกับตอนเริ่มต้นความสัมพันธ์ และความสัมพันธ์นั้นจะไม่มีวันจบลง) ฉันยืนอ่านมันนิ่งๆ รู้และเข้าใจความหมายของประโยคนั้นดี แต่ก็ไม่มีเวลาซาบซึ้งอะไรกับมันมากนัก เพราะเสียงของคนสองคนในห้องน้ำยิ่งดังขึ้น..ดังขึ้น.. จนมันดังลั่นไปหมดแบบไม่เกรงใจใครทั้งนั้น พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ ‘อ๊าาา อ๊ะ อ๊ะ ตรงนั้นค่ะ ตะ..ตรงนั้น’ พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ ‘อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อร๊ายยยย’ ‘อ่าาาา...’ ถามว่ารู้สึกอะไรมั้ยมันก็รู้แหละ รู้สึกทั้งไอ้ประโยคเมื่อกี๊ แล้วก็ไอ้เสียงตึงตังในห้องน้ำตอนนี้ด้วยเพราะห้องน้ำมันโคตรจะก้อง แต่ที่ต้องทนอยู่ที่นี่ ตอนนี้ เพราะฉันจะไม่ยอมเสียมันไปไง ไอ้สร้อยข้อมือเส้นนั้นที่เป็นตัวแทนเพียงอย่างเดียวของเขา แม้มันจะแลกมาด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่พังทลายลงไปน่ะ.. “……” แล้วสักพักเสียงในห้องน้ำห้องนั้นก็เงียบไป ฉันเลยกดปิดมือตัวเองและยัดมันกลับใส่กระเป๋าเอาไว้ ก่อนที่ประตูห้องน้ำตรงหน้าที่ฉันรออยู่อย่างตั้งใจจะถูกเปิดออกด้วยมือเล็กของผู้หญิงหน้าตาดีที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดจ้าน แต่ตอนนี้สภาพกระเซอะกระเซิงขั้นสุดคงเพราะเพิ่งผ่านศึกหนักมาเมื่อกี๊ แกร๊กกก ครืดดดด ...ตามมาด้วยร่างสูงของผู้ชายอีกคนที่กำลังเดินตามหลังมาซึ่งมันบังเอิญมากที่เขาเตะสร้อยข้อมือของฉันที่มันกระเด็นเข้าไปในนั้นออกมาด้วยพอดี ฉันเลยละสายตาจากสองคนนั้นหันไปมองมันและเดินตามสร้อยที่ไหลไปกับพื้นช้าๆ ก่อนจะนั่งลงไปคว้ามันไว้ แล้วลุกขึ้นหยิบมันมาปัดๆ และพลิกไปพลิกมาดูว่าเสียหายตรงไหนมั้ยอย่างตั้งใจ แต่อยู่ๆ ภาพตรงหน้าในระดับสายตาเดียวกัน...ตาของฉันมันดันไม่ได้โฟกัสที่สร้อยข้อมือเส้นนั้นเลยสักนิด เพราะถัดจากสร้อยที่ฉันกำลังมองอยู่อย่างตั้งใจ เผยให้เห็นร่างของใครคนหนึ่งที่ฉันคุ้นเคย ซึ่งเขาเองก็กำลังมองมาที่ฉันไม่ต่างกัน ...เฮียโยหลายวันต่อมา...“อ้าววว ซาหวัดดีฮับคุณแม่ ฮ่ะๆ ~”เฮียบีทเดินควงไม้กลองเข้ามาในห้องซ้อมดนตรีที่มีฉันกับเฮียโยนั่งอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆฟุ้บ!“ไรเฮียอย่ามาแซว อยากตายด้วยไม้กลองรึไง -////-”พรึ่บบบ!ฉันเอื้อมมือไปคว้าไม้กลองจากมือเขาแล้วทำท่าจะฟาดเข้าให้ นี่ยังน้อยนะ ตอนฉันโทรไปบอกเฮียขำหนักกว่านี้หลายเท่าเลยเหอะ“เป็นไง เห็นไอ้นั่นแล้วเขินเลยป้ะ น่าอิจฉาจังเว้ย >////”พูดจบเฮียบีทก็แกล้งเอามือปิดหน้าปิดตาทำท่าทางกวนๆ ออกมาแถมยังทำตาปริบๆ มองไปหาเฮียโยที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ว่าแต่..ไอ้นั่นที่ว่านี่อะไร? เห็นแล้วทำไมต้องเขินด้วย?ครืดดด!“เชี่ยยย คณะคหกรรมค้นพบดาวดวงใหม่ งานดีสัส! เด็กในชมรมบอกมา”ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเฮียบีท อยู่ๆ เฮียเลย์ก็พรวดพราดเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามา แถมยังคว้ามือถือตัวเองมาวางบนโต๊ะลงตรงหน้าพวกฉัน ในหน้าจอนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งที่ขนาดแค่มองผ่านๆ ก็ยังถือว่าละสายตาได้ยากเหมือนกัน แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากพูดอะไรงึมงำที่ฟังแล้วฉันถึงกับหันไปทำตาขวางใส่เขาทันที“จุ๊ๆๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะฆ่าเมียเหลือเกิน”“เฮ้ย!”“อุ่ย..
วันต่อมา...@ DARK SHADOW CASTLE“ทำไมทำหน้างั้น?”เฮียโยหันมาถามฉันที่นั่งนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด เพราะวันนี้เป็นวันพิพากษาเฮียคิระที่สร้างเรื่องไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน อีกอย่าง..ฉันเพิ่งจะถามที่มาที่ไปของการทำสงครามขนาดย่อมครั้งนี้จากปากเฮียโยตอนมาที่นี่ ก็ได้ความว่าเฮียคิระกับเฮียเตไม่ค่อยจะถูกกันมาตั้งนานแล้วแค่เพิ่งจะมาฉะกันจริงจังก็คราวนี้“เฮียว่าเฮียคิระ...”“เฮียอีกละ -.- ทำไมต้องไปนับญาติกับมัน”ฉันยังไม่ทันพูดอะไร เฮียโยก็ออกอาการไม่พอใจขึ้นมาซะก่อน ที่จริงก่อนหน้านี้เฮียโยก็ออกอาการหงุดหงิดมากที่ฉันเอาแต่ถามถึงเฮียคิระไม่หยุด“อะไร เฮียต้องขอบคุณเค้ารึเปล่า เฮียคิระเป็นคนพาโรสไปหาหมอถึงรู้ว่าท้อง” ฉันพูดออกไปแล้วเฮียโยก็หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ“มันรู้ก่อนใคร?”“ใช่ รู้พร้อมโรส แล้วรู้ก่อนพ่อของลูกเลยไง ชัดมั้ย?!”ฉันส่งเสียงประชดประชันและทำหน้าตากวนประสาทแบบที่เขาชอบทำออกไป แล้วเฮียก็ขยับเข้ามาใกล้พรึ่บ! หวืดดด“ถอยไปไกลๆ ไม่ต้องมาง้อ”เฮียโยเอื้อมแขนมาทำท่าจะโอบ แต่ฉันขยับตัวหนีแล้วยักคิ้วท้าทายแต่เขาก็ยิ่งทำหน้าตาได้ใจ“ป่าวง้อสักหน่อย แค่จะบอกว่าอย่างอแง เดี๋ยวจะโดนชุดใหญ
“อื้อ~”ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮียโยที่รัดแน่นแต่กลับอบอุ่นมากจนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนข้างหนึ่งของเขายื่นมาให้ฉันหนุนแล้วยังใช้มันกอดร่างฉันเอาไว้ ส่วนอีกข้างวางพาดผ่านหน้าท้องของฉันเหมือนกำลังกอดลูกของเรายังไงอย่างงั้นใช่..ลูกของเรา :)ตลอดค่ำคืนที่ยาวนานเฮียโยเอาแต่พูดคำนั้นจนฉันเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสที่เขาเติมเต็มมาให้อย่างอ่อนโยนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีตั้งแต่รู้จักกันมาถัดออกไปอีกหน่อยมีสมุดบันทึกที่เขาจะให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็โดนดึงความสนใจเอาไว้ด้วยข้อความสีชมพูมากมาย ตัดสีกับข้อความสีน้ำเงินที่ฉันเคยเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนJan 11,2017You have no idea how hard it is to pretend all the time.(คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหนที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตลอดเวลา)♥ Don’t underestimate me, I notice more than you realize.(อย่าประเมินผมต่ำไป ผมสังเกตเห็นมันมากกว่าที่คุณเข้าใจ)Feb 28, 2017I need love from you but I know that it’ s hard.(ฉันต้องการความรักจากคุณ แต่ฉันรู้ว่ามันยาก)♥
“เมื่อกี๊ของแม่นะ ส่วนอันนี้อ่ะ..ของลูก”แคว่กกกกกก!O_O!พูดจบเฮียโยก็กระชากชุดนอนฉันจนขาดหลุดติดมือเขาไป โชคดีที่ฉันยังมีชั้นในปกคลุมร่างกายบางส่วนเอาไว้ แต่อากาศที่เย็นจัดภายในห้องก็ทำให้ฉันแอบสะท้านจนขนลุก“ไม่ขอนะ...”เฮียโน้มตัวมากระซิบข้างหูฉันด้วยแววตายียวนและตั้งใจกวนประสาท ฉันเลยยกมือขึ้นดันตัวเขาออกแล้วกำลังจะเอ่ยปาก แต่เฮียก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน“จุ๊ๆ พ่อลูกจะคุยกันฮะ แม่รอฟังเฉยๆ ครับห้ามดื้อ”“...อื้อออ”พูดจบเฮียก็กดจูบลงมาแบบหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า และเร่งจังหวะกระตุ้นให้ฉันเคลิบเคลิ้มตามเขา แถมยังเลื่อนมือมาสัมผัสเรือนร่างของฉันอย่างแผ่วเบา ลูบไล้มันไปมาอยู่อย่างนั้นจนฉันดิ้นพล่าน“อื้อออ~”ฉันขยับตัวไปมาตามสัมผัสของเฮียโยอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเขาเลื่อนมือไปโดนตรงไหนมันก็ทนไม่ได้ ร่างกายฉันมันไวต่อความรู้สึกไปหมด“ชู่ววว เฮียแค่จูบลูก จับ..ลูก”เฮียโยถอนจูบและพูดออกมาเบาๆ แบบเน้นคำอยู่ข้างหูฉันจนฉันรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง“ปล่อยโร...อื้อออ”ฉันเอ่ยปากพูดออกไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น เฮียก็เลื่อนจมูกโด่งๆ ของเขาลงมาซุกไซร้ตรงซอกคอของฉัน
@ VAYO’ S CONDOแกร๊ก แอ๊ดดด“เมื่อไหร่จะพากลับห้อง”ฉันบ่นๆ ออกไปพอเฮียโยพาฉันวนกลับมาที่คอนโดเขาอีกครั้งหลังออกจากบ้านเขา ใจคอจะไม่ให้ฉันกลับห้องตัวเองเลยมั้ง น่าเบื่อจะแย่ -.-“ห้องไหนอ่ะ? ห้องลิซหรือห้องนิล”ฟุ้บ!พูดจบเฮียโยทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแบบชิลๆ แล้วเลิกคิ้วถามฉันที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาออกมา...หืม? นี่เขารู้ด้วยหรอว่าฉันย้ายไปอยู่ห้องเจ๊นิลแล้วอ่ะ“งง.. เมียทั้งคนถูกมั้ย เราทำไรเฮียรู้หมดแหละ”เฮียโยพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยท่าทางกวนประสาทแบบนั้นไม่หยุด ก่อนที่ฉันจะตอบกลับไป“อะไร ใครเมีย คิดไปเอง!”“หึ..ก็ไม่รู้สิฮะ ถามเด็กในท้องมั้ยล่ะ โหลๆ พ่อชื่อไรอ่ะ? พ่อหล่อแบบนี้รึป่ะ? ฮ่ะๆ”เฮียโยพูดไปชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไป แล้วเขาก็หลุดขำออกมาอย่างผู้ชนะ แถมยังยักคิ้วท้าทายฉันที่พอได้ฟังแล้วอยากจะคว้าแจกันเขวี้ยงใส่ให้รู้แล้วรู้รอด“รำคาญ! คืนนี้นอนข้างนอกไปเลยไป” พูดจบฉันก็เดินหนี แต่เฮียโยก็ยังส่งเสียงตามหลังมาแบบยียวนมากกก ให้ตาย!“ครับ เชิญตามสบาย ให้เฮียเซ็นยกมรดกให้ลูกเลยมั้ย ปากกาอยู่ไหนน้า~ หาแป๊บ”ชิ.. ประสาท!ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ครืดดด!“เข้ามาทำไ
“...ว่าไงนะ?”ครืดดด!พูดจบฉันก็ลุกพรวดจากโต๊ะทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่เฟรย่าพูดแบบนั้น แต่เฮียโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงกลับไปนั่งตักเขา แถมยังใช้แขนแกร่งล็อคตัวฉันเอาไว้พรึ่บ!“อย่ามาจับ!” ปากฉันพูดกับเฮียโยแต่ตากลับจ้องไปทางรุ่นพี่เฟรย่าที่กำลังมองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...”“...อธิบายเอง”รุ่นพี่เลโอพยายามแก้สถานการณ์ แต่รุ่นพี่เฟรย่าก็พูดขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องมาที่ฉันไม่วางตาแล้วพูดต่อ“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”“ก็รีบอธิบายมาดิ!” ฉันตะคอกสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด จนโดนเฮียโยดุออกมาเสียงเข้ม“โรเซ่”“โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” รุ่นพี่เลโอมองมาที่ฉันขำๆ ก่อนที่เขาจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบรุ่นพี่เฟรย่าไว้แบบชิลๆ“มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย”รุ่นพี่เลโอพูดอ้อมๆ ออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันจะถามอะไร รุ่นพี่เฟรย่าก็กวาดสายตามองคนในร้านนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบมองรุ่นพี่เลโอแล้วพูดสวนขึ้นมา“โดนข่มขืนน่ะ”ขวับ!“ว่าไงนะ?!”O_O!ยอมรับว่าได้ฟังคำพูดนั้นฉันเองก็ตกใจ แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังขึ้นมามันไม่ใช่ของฉันไ