-Beep-
เธอแตะคีย์การ์ดและพาการัณย์เข้ามายังคอนโด ไม่สิ ต้องเรียกว่าเพนต์เฮาส์ต่างหาก เพราะขนาดของมันใหญ่พอ ๆ กับบ้านหลังหนึ่งเลย
หญิงสาวเปิดเครื่องปรับอากาศและเดินไปรินแชมเปญราคาแพงลงบนแก้วใสจำนวนสองแก้ว ก่อนมานั่งลงบนโซฟาและเริ่มจิบเบา ๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
มีเพื่อนนั่งดื่มก็ดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้หัวใจของเธอมันว่างเปล่าเกินกว่าจะผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายนี้ไปได้ด้วยตัวคนเดียว…ถึงแม้ว่าเพื่อนดื่มจะเป็นคนที่เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่ด้วยในวันแย่ ๆ แบบนี้ก็เถอะ
“เป็นอะไรครับ อกหักมาหรือไง”
“เหอะ…” อกหักงั้นเหรอ อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเป็นแฟนกันเลยเนี่ยนะ เรียกว่าโดนทิ้งตั้งแต่ยังไม่เริ่มยังจะดูดีเสียกว่า
“เอาน่า คนเราอกหักบ้างไม่เห็นเป็นไรเลยครับ” น่าแปลกที่น้ำเสียงของเขาในตอนนี้ช่างนุ่มนวลปราศจากความเจ้าเล่ห์แบบที่เคย แถมประโยคที่เขาพูดออกมายังทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกใครสักคนช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในใจอย่างไม่น่าเชื่อ
“เจ็บบ้าง ผิดหวังบ้าง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบา ๆ อย่างปลอบใจ
“...”
ด้วยความที่ตอนนี้เธอและเขาอยู่ใกล้กันมาก จนทั้งสองได้หันหน้ามาสบตากัน แม้จะเมาหนักจนแทบไม่มีสติ แต่สายตาอ่อนโยนของเขากลับชัดเจนกว่าสิ่งใด
หลังจากสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของทั้งคู่ก็เคลื่อนเข้าหากันราวกับแม่เหล็ก ริมฝีปากของเขาและเธอสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาช้า ๆ หัวใจที่เคยนิ่งงันของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาเพิ่มจังหวะในการจูบให้เร่าร้อนและดุดัน
“...” และก็ต้องตกใจเมื่อแขนแกร่งของเขาอุ้มเธอขึ้นโดยที่ขาเรียวรีบเกี่ยวเอวสอบอัตโนมัติเพราะกลัวตก โดยที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียกันไม่ห่าง
“อืม…” ริมฝีปากหยักกดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อยอย่างเชี่ยวชาญ เขากวาดต้อนความละมุนของรสชาติโพรงปากหวานที่ผสมกับรสเลิศของแชมเปญราคาแพงเป็นอย่างดี
จุมพิตทั้งครั้งแรกและครั้งที่สองของเขาและเธอมันช่างมัวเมาในรสสัมผัสจนไม่อาจต้านทานได้ ยิ่งเมื่อริมฝีปากอิ่มออกแรงบดคลึงกับริมฝีปากหยักบวกกับปลายลิ้นน้อยเกี่ยวตวัดกับลิ้นร้อนของเขาอย่างหยอกเย้า ชายหนุ่มก็ยิ่งสั่นสะท้านไปทั้งกายราวกับไม่เคยจูบกับใคร
ทั้งคู่ยังคงแลกจูบกันอย่างเมามันจนเกิดเสียงดังขึ้นชัดเจน ร่างสูงอุ้มคนตัวเล็กและเดินถอยหลังเข้าไปยังห้องนอนของเธอ ก่อนจะวางวรัญชิตาลงบนเตียงและแทรกกายเข้ามาตรงกลางระหว่างต้นขาเรียวทั้งสองข้างด้วยความร้อนรน
เขาทาบทับร่างกายแข็งแกร่งลงบนความนุ่มนิ่มก่อนจะประกบริมฝีปากจูบเธออีกครั้งพลางจับมือน้อยขึ้นมาโอบรอบคอแกร่งไว้ แต่เธอก็ซุกซนเกินกว่าที่นอนให้เขาจูบเฉย ๆ ได้ เพราะมือเล็กนั้นลูบไล้ไปทั่วร่างกายกำยำ แถมยังแอบปลดกระดุมของเขาออกทีละเม็ดจนแทบจะหลุดไปหมดทั้งตัวแล้วด้วย
“ซนเหรอ…” เขาถอนริมฝีปากจากความหอมหวานและเลื่อนไล้ใบหน้าลงไปซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียน และออกแรงดูดดึงเบา ๆ จนเกิดสีกุหลาบจาง ๆ
“อือ…” หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นเพื่อให้การัณย์ได้จูบไซ้อย่างถนัด ตอนนี้เธอเหมือนคนเมามายไม่ได้สติ ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
ฝ่ามือบางลูบไล้ไปตามมัดกล้ามแข็งตึงและค่อย ๆ ลงต่ำไปเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงและไม่เลื่อนลงต่อ
“ไม่แน่จริงนี่ครับ” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะสังเกตได้ว่ามือที่แสนซุกซนนั้นเริ่มสั่นตั้งแต่ลูบไล้ไปถึงซิกแพคของเขาแล้ว ถ้าต่ำกว่านี้เธอคงไม่กล้าหรอก
“แล้วของจริงต้องเป็นแบบไหนคะ” เธอเอียงคอถามอย่างท้าทาย ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาความกล้ามาจากไหน เพราะน้ำเมาราคาแพงงั้นเหรอ หรือเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมันเลยทำให้เธออยากจะ “ลองอะไรที่ไม่เคยลอง” ให้มันรู้แล้วรู้รอด
“หึ…” การัณย์แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะค่อย ๆ ลากไล้ปลายนิ้วที่ร้อนราวกับไฟลงไปบนลาดไหล่เนียนลงมาเรื่อย ๆ ลมหายใจของเธอสะดุดขาดเป็นห้วง ๆ เมื่อปลายนิ้วใหญ่ลูบไล้มาจนมาถึงหน้าอกอิ่มที่อยู่ภายใต้ชุดเดรสสีดำ
“แบบนี้ไง”
เขาหยุดอยู่ตรงนั้นและเลื่อนมือใหญ่ไปกอบกุมความอวบอิ่มอย่างแผ่วเบา แต่นั่นก็มากพอให้หญิงสาวรู้สึกเสียวสะท้านจากความไม่เคยมีใครได้สัมผัสบริเวณนั้นมาก่อน
แค่ได้ออกแรงเคล้นคลึงผ่านเนื้อผ้ายังสัมผัสได้ว่าทรวงอกอวบนั้นนุ่มเด้งสู้มือแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าลูกเพื่อนพ่อที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะมีเรือนกายเซ็กซี่ยั่วยวนขนาดนี้
เขาเองก็เป็นผู้ชาย แถมไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะไม่ถอดชุดเกะกะนี้ออกไปจากตัวของยัยน้องได้ ดังนั้นมือใหญ่ถึงทำการลากเดรสเปิดไหล่ลงมากองไว้ที่บริเวณเอวคอด
“อ่า สวย…” แม้ว่าเต้ากลมกลึงนั้นจะถูกปิดบังด้วยบราไร้สาย แต่ก็เผยให้เห็นเนินอกเบียดชิดขาวเนียนกระจ่างไร้ไฝฝ้าได้อย่างถนัดตา เธอสวยจนทำให้เขาต้องร้องครางออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น
“อ๊ะ…” หญิงสาวสะดุ้งนิด ๆ เมื่อเขาทำท่าเหมือนจะดึงบราไร้สายออกไปให้พ้นหูพ้นตา แม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกเหมือนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่สติอันน้อยนิดก็ยังตระหนักรู้ว่าเขาสัมผัสไปตรงไหนบ้าง
“อยากให้พี่หยุดไหม?”
“...” วรัญชิตาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ค่ะ”
เมื่อได้ยินสัญญาณไฟเขียวจากคนใต้ร่าง ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ทาบทับลงบนอกอิ่มทันที เขาจูบไซ้ไปทั่วเนินเนื้อกลมกลึงที่โผล่พ้นออกมาจากบราไร้สาย ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปากลากผ้าเนื้อเนียนออกไปให้พ้นจากเรือนกายอ้อนแอ้น
ภาพตรงหน้าทำให้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทรวงอกอวบอิ่มที่มีขนาดเกินตัวไปมาก ถูกประดับด้วยยอดทับทิมเม็ดเล็กสีชมพูสดที่ตั้งชูชันราวกับเชื้อเชิญให้เขาลงไปลิ้มชิมรส
นอนกับผู้หญิงมาก็เยอะ ดาราสวย ๆ ก็มี แต่ยังไม่เคยเห็นใครมีหน้าอกสวยขนาดนี้เลย ความอิ่มฟูของเธอทำให้เขาปากสั่นด้วยความตะลึงงัน
“สวย สวยมาก”
การัณย์โน้มใบหน้าเข้าไปซุกไซ้กับก้อนเนื้อเนียนนุ่ม และลากไล้ปลายลิ้นไปที่ยอดถันสีหวานก่อนจะค่อย ๆ ละเลียดแตะลิ้นชิมเบา ๆ พอให้หญิงสาวได้สะดุ้งเสียว
“อ๊ะ…” แค่ปลายลิ้นร้อนละเลงบนยอดอกสีสดเธอก็แทบจะดิ้นตายอยู่แล้ว แต่ยามริมฝีปากอุ่นเปิดโพรงปากเข้าครอบครองเม็ดทับทิมชูชันอย่างสมบูรณ์นั้นทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
“อา…” แรงดูดดึงและการกระทำสุดวาบหวามเรียกเสียงครางหวานได้เป็นอย่างดี เปลือกตาบางลืมตามามองการกระทำของเขาเล็กน้อย ใบหน้างามขึ้นสีแดงระเรื่อไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ของน้ำเมาหรือเป็นเพราะภาพของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังคลุกเคล้ากับทรวงอกของเธอกันแน่
เปลือกตาหนักอึ้งปิดสนิทลงอีกครั้ง แต่สัมผัสบริเวณจุดอ่อนไหวนั้นยังคงชัดเจนในทุกโสตประสาทเธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังดูดดึงเม็ดทับทิมเขาเธออย่างเมามันเดี๋ยวซ้ายที…เดี๋ยวขวาที สลับไปมากับมือใหญ่ที่บีบขยำทรวงอกกลมกลึงอย่างหื่นกระหาย
แม้อารมณ์จะพลุ่งพล่านจนเสียววาบไปทั้งตัวแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซัดไปหลายขวดได้ อย่างน้อยสัมผัสที่แปลกใหม่ในวันนี้ก็ช่วยให้เธอเข้าถึงนิทราอย่างสงบแม้ว่าจะรู้สึกราวกับมีผีเสื้อบินวนในท้องน้อยเป็นล้านตัวก็ตาม….
เวลา 05.30
หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก หัวของเธอปวดและรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีอะไรมากดทับไว้ คงเป็นเพราะฤทธิ์จากสุราที่ดื่มไปหนักหนักเมื่อคืน
เอ๊ะ…ดื่มงั้นเหรอ?
เธอกวาดสายตาไปมาในความมืด และพยายามจะเอื้อมมือไปควานหาสวิตช์โคมไฟ แต่การขยับกลับเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเธอรู้สึกเหมือนมีท่อนแขนหนัก ๆ ของใครบางคนกำลังกอดก่ายเธออยู่
และภาพรายละเอียดทุกอย่างก็ค่อย ๆ ฉายซ้ำมาตั้งแต่ที่เธอชวนเพื่อนสาวออกไปดื่มเพื่อลืมความเศร้า ก่อนจะถูกท้าให้ไปจูบกับการัณย์พี่ชายคนสนิทของทางบ้าน และจบด้วยภาพของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังดูดเม้มทรวงอกของเธออย่างเมามัน
‘กรี๊ดดดดดดดดดด! นี่เธอทำอะไรลงไป!’
หญิงสาวกรีดร้องภายในใจพลางยกมือขึ้นมาเขกหัวตัวเอง อยากจะบ้าตายรายวัน! นี่เธอเสียซิงให้คนอย่างพี่กายคนที่เธอเกลียดเหมือนขี้เนี่ยนะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ฮือออออ
แต่เอ๊ะ…ชุดเดรสของเธอก็ยังใส่อยู่นี่นา แพนตี้ตัวน้อยก็ยังอยู่ บราไร้สายถึงจะถูกติดตะขอมั่ว ๆ ไปบ้างแต่ก็ยังถือว่าทุกอย่างยังอยู่บนตัวครบ
หรือว่าเมื่อคืนมันจะจบแค่นั้น?
หรือว่าจริง ๆ แล้วเธอกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน?
แต่คงไม่ใช่หรอก…มีเหยื่อลอยเข้าปากเสือทั้งทีไม่มีทางที่เขาจะไม่กินเข้าไป คนอย่างเขายิ่งเป็นพวกชอบฉวยโอกาส หน้าไม่อาย ชอบล้อเลียนเธอเป็นสันดานอยู่แล้ว พอมีจังหวะได้รังแกเธอมีหรือคนอย่างเขาจะพลาด ไม่มีทาง!
แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บบริเวณส่วนนั้นเลยนะ…หรือเพราะของเขามัน ‘เล็ก’ เหรอ เธอถึงแทบไม่รู้สึกอะไรเลย
หรือจริง ๆ แล้วมันจบแค่ที่เขา…เอ่อ จูบตรงหน้าอกเธองั้นเหรอ?
โอ๊ยยยย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เอาเป็นว่าตอนนี้เธอจะยอมรับว่าเสียซิงให้เขา ‘ครึ่งหนึ่ง’ ก่อนแล้วกัน อย่างอื่นค่อยคิดทีหลัง!
ไม่รู้แหละ เธอต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ ถึงแม้มันจะเป็นเพนต์เฮาส์ของเธอ แต่หนีกลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะยังไงวันนี้เธอก็มีประชุมผู้ถือหุ้นตอนสิบโมง แล้วอีกอย่างจะได้หลบหน้าเขาไปยาว ๆ ไม่ต้องเจอกันเลยยิ่งดี!
“…ฮึบ”
หญิงสาวออกแรงยกท่อนแขนออกไปจากเอวบางเบา ๆ และขยับตัวหนีจากอ้อมกอดที่กอดก่ายเธออยู่และก้าวลงจากเตียงหนานุ่ม ก่อนค่อย ๆ ย่องเปิดประตูให้เบาที่สุดเพื่อออกจากห้องนอนของตัวเอง
ในที่สุดวรัญชิตาก็หนีออกมาได้สำเร็จ เธอสำรวจมองแก้วแชมเปญที่ถูกดื่มทั้งสองแก้ววางตั้งอยู่ติดกัน แล้วก็ได้แต่หวังว่าคนตัวสูงจะเมาจนลืมเรื่องทุกอย่างไปบ้าง โดยเฉพาะฉากที่เธอยั่วยวนเขาด้วยท่าทีก๋ากั่นด้วยล่ะนะ
“เฮ้อ…” วรัญชิตารีบใส่รองเท้า หยิบกระเป๋าและกดโทรศัพท์เรียกคนขับรถที่บ้านมารับทันที แต่ก่อนจะออกจากห้องเธอก็ได้สำรวจสภาพตัวเองหน้ากระจกและก็ต้องแอบตกใจเบา ๆ เพราะตรงซอกคอระหงไล่ลงมาถึงเนินอกอิ่มมีรอยสีแดงบาง ๆ อยู่เต็มไปหมด
ถึงจะแทบมองไม่เห็นแต่ถ้าสังเกตดี ๆ รอยพวกนั้นก็ชัดอยู่ดี ชุดเดรสนี่ก็ยับยู่ยี่ราวกับไม่ผ่านการรีดมาอยากจะบ้า!
แต่ก่อนอื่นเธอต้องนำผมยาว ๆ มาปิดบริเวณที่โผล่พ้นมาจากชุดเดรสสีดำเสียก่อน ถ้าคุณลุงคนขับรถเห็นมีหวังได้ตกใจกันไปใหญ่แน่ว่าเธอไปผ่านศึกอะไรมา
ติ๊ง!
หลังจากยืนจัดการกับลุคตัวเองอยู่สักพักลิฟต์ส่วนตัวที่กดไว้ก็เปิดออกมา เธอรีบเดินเข้าไปข้างในและกดลงไปชั้นหนึ่งทันที โดยไม่ลืมที่จะทิ้งคีย์การ์ดอีกอันไว้ให้การัณย์เพื่อตอนที่เขาตื่นจะได้ออกไปจากที่นี่ได้ นับว่าเธอใจดีต่อเขามากเลยนะเนี่ย!
ลิฟต์เคลื่อนตัวจากชั้น 43 ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงลานจอดรถ และเธอก็เห็นคุณลุงแดงคนขับรถประจำบ้านจอดรอด้วยรอยยิ้มอยู่แล้ว
“ขอโทษที่รบกวนตั้งแต่เช้านะคะคุณลุงแดง”
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณหนู” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม อันที่จริงคุณลุงแดงเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของเธออีกคนเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าที่บ้านของเธอดูแลบรรดาคนงานในบ้านเหมือนครอบครัว และด้วยความสนิทสนมเพราะคุณลุงแดงคอยรับส่งเธอไปไหนมาไหนตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ยันโตจนไปเสียซิงให้คนที่เกลียดครึ่งนึง!
เจ็บใจจริง! แต่จะไปโทษเขาทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะเธอเริ่มเองทุกอย่าง ทั้งการชวนเขาขึ้นมาบนห้อง จูบเขาก่อน แถมยังยั่วให้เขาเกิดกำหนัดจน… กรี๊ดดดด! ไม่นึกถึงแล้ว
20 นาทีผ่านไป
ในที่สุดรถตู้คันหรูก็เคลื่อนตัวมาถึงคฤหาสน์วงศ์ธารานิพิฐเสียที พอรถจอดสนิทเธอก็รีบลงจากรถและวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนทันที
ฟุ่บ!
เธอทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่ม พลางคิดเรื่องเมื่อคืนซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็อยากจะต่อยหน้าตัวเองให้สลบไปเหลือเกิน ขอให้เมื่อคืนเป็นแค่ฝันไปจะได้ไหมคะพระเจ้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ …
และเพียงไม่นานหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและอาการปวดหัวจากการดื่มหนัก
08.30
“คุณหนูคะ เช้าแล้วค่ะ เดี๋ยวไม่ทันประชุมนะคะ” เสียงเรียกปลุกครั้งแล้วครั้งเล่าดังขึ้นในโสตประสาทของคนตัวเล็กที่ตอนนี้เปลือกตาหนักอึ้งจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
“อือ…เช้าแล้วเหรอคะ”
“08.30 แล้วค่ะคุณหนู”
“!!!” ร่างงามกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงหนานุ่มด้วยความตกใจ แย่ล่ะ เธอกำลังจะทานมื้อเช้ากับที่บ้านสาย เพราะประชุมผู้ถือหุ้นเริ่ม 10 โมง และถึงแม้คฤหาสน์ของเธอจะอยู่ใจกลางเมืองใกล้กับบริษัท แต่ในเวลาคับขันแบบนี้ก็ต้องฝ่าจราจรรถติดเช่นกัน
ที่สำคัญ…บิดาและมารดาของเธอเป็นคนตรงต่อเวลามาก ถ้าเธอสายแม้แต่นาทีเดียว พวกท่านจะไม่มีทางรอแน่นอน
“อ๊ะ…” หลังจากก้าวขาลงจากเตียง อาการปวดหัวจี๊ดก็เข้าเล่นงานเธออย่างจัง เธอก็พอจะเข้าใจได้ เพราะเมื่อคืนเธอดื่มหนักไปจริง ๆ แถมได้งีบแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกลับมาจากเพนต์เฮาส์อีกด้วย
“คอคุณหนูไปโดนอะไรมาคะ”
“เอ่อ ยุงกัดมั้งคะ” วรัญชิตารู้สึกอับอายจนรีบคว้าเสื้อคลุมและวิ่งเข้ามาหลบในห้องน้ำ ฮือ ตอนนี้เธอไม่มีหน้าไปสู้กับใครทั้งนั้นแล้ว แม้กระทั่งพี่อิ่มที่เป็นพี่เลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาแต่เด็กก็ตาม
หลายนาทีผ่านไป…
หลังจากอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวก็มานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเตรียมแต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อย โดยมีพี่อิ่มคอยดัดลอนผมให้ข้างหลัง
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายที่โอบล้อมด้วยแพขนตางอนยาวราวกับเส้นไหม ถูกแต่งแต้มให้สวยงามด้วยเครื่องสำอางราคาแพงบาง ๆ ซึ่งรับกันดีกับจมูกโด่งเรียวและการปัดแก้มสีชมพูระเรื่อ บวกกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูดูสุขภาพดีที่ถูกทาด้วยลิปกลอสฉ่ำวาวราวกับผลไม้แสนหวานที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาล
ซึ่งระหว่างแต่งหน้าเธอไม่ลืมที่จะนำคอลซีลเลอร์มาแต้มปิดรอยแดง ๆ ที่คอ เพราะเธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะเห็นแล้วเอ่ยทักขึ้นมาอีกคน
ตอนนี้เรือนผมยาวถูกดัดลอนเล็ก ๆ สวยงามแต่ดูไม่มากจนเกินไป เหมาะสมกับการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ รูปร่างสมส่วนด้วยส่วนสูง 165 เซนติเมตรอยู่ในชุดสุภาพด้วยเสื้อเบลาส์สีพีชตัดกับกระโปรงสีดำที่มีความยาวคลุมเข่า ซึ่งแมตช์กับรองเท้าส้นสูงสีขาวจาก Christian Louboutin ที่ช่วยเสริมความสง่าให้ลุคนี้มีความเป็นทางการและสมบูรณ์แบบ
“ขอบคุณค่ะพี่อิ่ม” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนรีบหยิบกระเป๋าถือสีครีมเดินลงไปข้างล่าง
เมื่อถึงชั้นหนึ่งวรัญชิตาก็กวาดสายตาไปยังบนโต๊ะรับประทานอาหารที่ว่างเปล่าปราศจากบิดามารดา และมันคือคำตอบว่าเธอสายแล้ว!
“เดี๋ยวค่า รอไวน์ด้วย” หญิงสาวรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินมายังรถตู้ที่พ่อและแม่ของเธอกำลังทยอยเดินขึ้นไป นับว่าโชคยังดีที่พี่อิ่มเตรียมรองเท้าให้ใส่ตั้งแต่ในห้องนอน ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเสียเวลามาเลือกรองเท้าอีกแน่
“อายุ 26 แล้ว แต่เมาจนหาทางกลับบ้านไม่ถูก มิน่าถึงตื่นแทบไม่ไหว” ทันทีที่เข้ามานั่งในรถ นุชนาทคนเป็นแม่ก็เอ่ยวลีเสียดสีด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แก่ลูกสาวตัวแสบ
“โธ่ คุณแม่ขา ก็แค่นาน ๆ ทีเองค่ะ” เสียงหวานเอ่ยประจบฉอเลาะกับผู้เป็นแม่พลางส่งสายตาปริบ ๆ ไปยังผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“ไม่ต้องมามองพ่อเลย…รู้นะว่ากลับมาถึงบ้านตอนจะ 6 โมงแล้วน่ะ”
“แหะ ๆ ขอโทษค่า” จริง ๆ ควรจะถึงบ้านตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วค่ะคุณพ่อ แต่ลูกสาวคนนี้ดันไปแวะเพนต์เฮาส์กับคนบางคนมา
Wongtharaniphit Tower
หลังจากฝ่าการจราจรที่แน่นขนัด รถตู้คันหรูก็มาจอดที่หน้าอาคารขนาดใหญ่ที่สูงถึง 21 ชั้น โดยทันทีที่ครอบครัววงศ์ธารานิพิฐก้าวเข้าไป เหล่าบรรดาพนักงานต่างยกมือไหว้และทักทายตลอดทาง
หญิงสาวส่งยิ้มหวานและก้มหัวน้อย ๆ ให้กับพนักงานทุกคน เพราะเธอถูกสอนว่าต้องให้เกียรติผู้อื่นไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร
อันที่จริงวรัญชิตาเองก็แอบตื่นเต้นไม่น้อย เพราะตลอดมาพ่อแม่ของเธออนุญาตให้แค่ดู ๆ งานแบบไม่ลงลึกมาก แต่วันนี้จะเป็นการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกของเธอ
ติ๊ง!
ร่างระหงและครอบครัวเดินเข้ามาในลิฟต์และเตรียมกดขึ้นไปที่ชั้น 18 ซึ่งเป็นชั้นสำหรับห้องประชุมใหญ่
“รอด้วยครับ!” เสียงทุ้มที่ดูคุ้นหูยังไงชอบกลดังขึ้นระหว่างที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด วรเวชจึงกดเปิดประตูลิฟต์อีกครั้ง
“อ้าว! กาย มาได้ไงลูก” วรัญชิตารีบเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงทักของมารดา ก่อนดวงตากลมโตต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นกอปรด้วยคิ้วเข้ม ๆ จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาคมสีฟ้าเข้มที่ได้รับกรรมพันธุ์มาจากมารดาชาวเยอรมันรับกันดีกับริมฝีปากสวยได้รูป ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวทำให้เขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าคมคายแฝงความร้ายกาจนิด ๆ เพราะรอยยิ้มมุมปากท่าประจำ
ชุดสูทสีดำที่ถูกตัดเย็บอย่างพอดีกับรูปร่างสูงโปร่งแสนสง่าในส่วนสูงกว่า 188 เซนติเมตร กับรองเท้าหนังสีดำขัดมันสะท้อนแสงในทุกก้าวเดิน
และข้อมือใหญ่ที่ดูโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะถูกประดับด้วยนาฬิกา Patek Philippe สีดำตัดกับผิวโทนสว่างของเขาได้เป็นอย่างดี
ด้วยชุดและการแต่งกายของชายหนุ่มและการมาโผล่ที่นี่ในวันนี้ คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เข้าร่วมประชุมด้วย!
“สวัสดีครับ คุณลุง, คุณป้า” การัณย์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินเข้ามายืนข้าง ๆ เธอในลิฟต์
“แล้วก็สวัสดีน้องไวน์ด้วยนะครับ”
กรี๊ดดด! ได้โปรดอย่ามาคุยกับเธอเลย แค่นี้เธอก็อายจนแทบจะมุดลิฟต์หนีอยู่แล้ว จะหลอกหลอนกันไปถึงไหน แล้วไอ้ท่าทีแสนนอบน้อมนั้นน่ะ ดูไม่ออกกันหรือไงว่าปลอม! ปลอมที่สุด