วันต่อมา
ใบข้าวหอบร่างกายบอบช้ำมาเข้าห้องน้ำ ทิ้งคนที่ออกแรงทำจนถึงรุ่งสางให้หลับอยู่บนเตียง มองร่องรอยต่างๆบนร่างกายผ่านกระจกเงาของอ่างล้างหน้า หยาดน้ำตารื้นขึ้นรอบหน่วย ครั้งแรกที่เคยอ่อนโยน และควรจะเกิดขึ้นตอนเธออายุยี่สิบแปดปี เกิดขึ้นแล้วตอนนี้และไร้ซึ่งความอ่อนโยนใดๆ เป็นเธอที่ทำให้เขาหยาบคายเช่นนั้น เป็นเธอที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนใจร้าย ก๊อกๆ “นี่! อาบน้ำอยู่หรือเปล่า? รีบๆหน่อย ฉันจะไปส่ง” “อะ อื้อ” ใบข้าวรีบเดินเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว กระแสน้ำอุ่นช่วยคลายความเหนื่อยล้าได้บ้าง แต่ไม่ได้ช่วยให้ร่องรอยต่างๆบนตัวหายไป เธอจึงไม่พยายามอะไรในการลบมัน เสียเวลาในการอาบน้ำเพียงไม่นาน ก็ออกไปด้านนอกโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบกายไว้ “ใส่เสื้อผ้าฉันไปก่อนแล้วกัน” เขตครามพยายามจะไม่มองไปทางใบข้าว เพราะไม่อยากเห็นร่องรอยความใจร้ายของตัวเอง หยิบเสื้อยืดในตู้ออกมา กับกางเกงผ้าที่มีเชือกผูก เดินกลับมายื่นให้คนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำ จากนั้นก็เดินกลับไปหาเสื้อผ้ามาใส่บ้าง เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จและอยู่ในสภาพคล้ายกันกับเธอ “ชะ ช่วยแวะร้ายขายยาด้วยนะ” “อืม” เขตครามตอบรับเสียงห้วน เพราะไม่อยากให้ตัวเองเกิดความรู้สึกหวั่นไหวเพราะเธอ ถ้าเผลอตัวไปแม้เพียงนิดเดียว เขาอาจจะคุกเข่าอ้อนวอนขอรับผิดชอบเธอไปทั้งชีวิตแน่ๆ “ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว ไปเลยไหม” ใบข้าวบอกคนที่แต่งตัวเสร็จพอดี ไม่รู้เขาฝืนตื่นขึ้นมาได้ยังไงทั้งที่เมื่อคืนใช้แรงไปตั้งขนาดนั้น แต่ก็ดีเหมือนกันที่เขาอาสาไปส่ง เธอกลับเองไม่ได้ แค่เดินก็รู้สึกได้ว่าร่างกายจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ “อืม” เขตครามยกมือเสยเส้นผมสีดำขึ้นไปแรงๆ อยากพูดถึงเรื่องราวเมื่อคืนแต่ก็ไม่กล้า เมื่อจัดการกับความขี้ขลาดของตัวเองไม่ได้ ก็รีบเดินนำออกไปจากห้องนอน ใบข้าวก้าวตามไปทันทีเท่าที่ร่างกายไหว ระหว่างทางก็แอบสำรวจความกว้างใหญ่ของอาคารไปด้วย ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาอยู่สูงเกินไป ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าเขาอยู่สูงขึ้นไปอีก ชั่วโมงต่อมา หลังจากแวะร้านขายยา เขตครามก็ขับรถมาส่งใบข้าวที่หอพักนอกมหาวิทยาลัย ความทรุดโทรมของอาคารด้านหน้าไม่สามารถทำให้เขากล้าเอ่ยปากพูดอะไร รวมถึงไม่กล้ารั้งคนที่ลงจากรถไปไว้ ไม่กล้าแม้แต่แสดงความห่วงใยเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่นการบอกให้เธอนอนพักอยู่ที่ห้อง “แม่งเอ้ย! ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ!” พวงมาลัยกลายเป็นที่ระบายความอึดอัด ดวงตาลึกลับยิ่งกว่าชื่อมองตามแผ่นหลังบอบบางเข้าไป ความทรงจำในชีวิตเก่าหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด อยากจะดึงรั้งเธอเข้ามาอยู่แนบกาย แต่อีกหนึ่งใจก็อยากผลักไสเธอให้ออกห่าง นั่นก็เพราะเขาคือตัวการทำให้อายุขัยของเธอสั้นกว่าคนปกติ “ฉันดีใจนะที่ได้รับโอกาสให้กลับมาเจอเธออีกครั้ง แต่สำหรับเธอที่ได้รับชีวิตใหม่ ฉันไม่อยากเป็นคนพรากมันไปจากเธออีก” ใบหน้าหล่อเหลากดลงบนพวงมาลัย ใบข้าวจากเขาและโลกนี้ไปตอนอายุสี่สิบสองปี เธอป่วยด้วยโรคมะเร็งสมอง ไม่เพียงแค่การเจ็บปวดจากโรค เธอยังมีอาการหลงลืมคล้ายๆกับโรคอัลไซเมอร์ แน่นอนว่าหลังจากมะเร็งลุกลามเธอก็จำใครไม่ได้อีก เขาที่แต่งงานอยู่กินฉันท์สามีกับเธอมาสิบกว่าปี ก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากโรคร้าย ใบข้าวจำเขาไม่ได้จนวาระสุดท้ายของเธอ 17 : 45 น. @ห้องทำงานของสภานักศึกษา “ข้าว ใบข้าว ตื่นได้แล้ว” มินตราเอ่ยเรียกใบข้าวที่กำลังฟุบหน้าหลับอยู่บนโต๊ะด้วยน้ำเสียงห่วงใย ตั้งแต่ใบข้าวเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของสภานักศึกษา เธอก็เอาแต่หาวนอน ในที่สุดก็ทนความง่วงไม่ไหวหลับไปทั้งที่สะสางงานของสภายังไม่เสร็จ แม้จะอยากให้คนดูเหน็ดเหนื่อยได้พัก แต่นี่ก็เย็นมากแล้ว คนอื่นๆเริ่มทยอยกลับบ้านแล้วด้วย “ข้าว ได้ยินไหม?” มินตราเอ่ยเรียกอีกครั้ง ทอดสายตาผ่านแว่นมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนต่างคณะด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ถ้าหากใบข้าวไม่ครอบครองสายตาของผู้ชายคนนั้น เธอคงไม่มีความรู้สึกอย่างนี้กับเพื่อน “อือ อ่า เย็นขนาดนี้แล้วเหรอมิน” ใบข้าวถามเพื่อนเสียงงัวเงีย มองรอบตัวก็พบว่าแสงแดดด้านนอกทอสีส้มจางๆ ไม่นานก็คงเข้มขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีดำในที่สุด “จะหกโมงแล้วข้าว วันนี้ไม่ไปทำงานพิเศษเหรอ?” มินตราถามพลางเก็บเอกสารที่ยังค้างอยู่เข้าที่ ปกติใบข้าวจะรีบเคลียร์งานเพื่อไปทำงานพิเศษ วันนี้นอกจากจะไม่รีบตอนเธอเตือนแล้ว ใบข้าวยังฟุบหน้าลงที่เดิม “โดนไล่ออกแล้ว” “อะไรนะ? ร้านที่ว่าเจ้านายใจดีๆนั่นอะนะ ทำไมไล่ออกซะล่ะ?” มินตราไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่จำได้ว่าใบข้าวเคยพูด ว่าร้านที่เธอทำงานอยู่เจ้านายใจดีมากๆ “ใจดีกับผีนะสิ ไอ้บ้านั่น!” ใบข้าวเบาเสียงลงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเธอทำงานอะไร ที่ไหน รวมถึงไม่มีใครรู้ว่าเจ้านายของเธอเป็นใคร มินตราที่สนิทสนมกัน เธอก็ไม่กล้าบอกอะไรเพื่อนมาก “อ่า ข้าวไปทำงานกับพี่ชายมินไหม?” ใบข้าวยกใบหน้าขึ้นในทันที ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายคนหนึ่งผุดเข้ามาในหัว พี่น้ำมนต์ใจดีกับเธอก็จริง แต่เธอรู้ดีว่าความใจดีนั้น มันซ่อนความรู้สึกแบบไหนไว้ เธอไม่อยากเข้าไปชิดใกล้ให้เขาเกิดความหวัง “มินก็รู้ว่าข้าวทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าวไม่ได้อยากสนิทกับมินเพราะหวังอะไรแบบนั้นสักหน่อย” ใบข้าวหยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้ ในจังหวะนั้นเสื้อคลุมที่เธอสวมใส่ได้เลื่อนลงจากไหล่ด้านซ้าย แม้จะรีบคว้าไว้แต่มันก็ไม่ทันคนสายตาไวอย่างมินตรา เกิดความอึดอัดอยู่หลายอึดใจ ใบข้าวไม่กล้าเดินไปไหน ได้แต่กำเสื้อคลุมเข้าหากันแน่น ปึ่ง! “อ๊าก! เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ข้าวถึงไม่ชอบชมรมดนตรี โอ้ยหงุดหงิดๆ พี่ภัทรแม่งนิสัยเสีย!” เป็นปิ่นมุกที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงโวยวาย เธอเดินเข้ามาด้านในจากนั้นก็ทิ้งเอกสารบทลงโทษชมรมดนตรีลงบนโต๊ะ ใบข้าวนึกขอบคุณการมาของปิ่นมุกอยู่ในใจ ในขณะที่มินตราเองก็ไม่ได้ต่างกันนัก “เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง ขอบคุณที่เป็นธุระให้นะ” “โธ่! คนอุตส่าห์อยากไปเจอพี่คราม ไอ้พี่ภัทรแม่งก็มารหัวขน” เรื่องที่ปิ่นมุกชื่นชอบเขตคราม ไม่ใช่เรื่องที่ใบข้าวรับรู้มาจากอนาคต รุ่นน้องคนนี้บอกเธอตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง เดินมาขอร้องให้เธอช่วยหาโอกาสให้ ด้วยตอนนั้นเข้าใจว่าเธอสนิทสนมกับเขตคราม ทั้งที่ความจริงนั้นเป็นเพียงคู่อริร่วมสถาบัน “อ่า เย็นมากแล้ว มินกลับบ้านก่อนนะ” “อื้อ กลับบ้านดีๆนะ” “สวัสดีค่ะพี่มิน กลับบ้านดีๆนะคะ” ทายาทบริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์เดินออกจากห้องไป ใบข้าวเดินไปหยิบเอกสารที่ปิ่นมุกทิ้งไว้บนโต๊ะ เธอไม่มีโอกาสได้รู้ว่าชมรมดนตรีได้บทลงโทษแบบไหน ทำความสะอาดงั้นเหรอ เหมือนไม่ใช่บทลงโทษเลยแฮะ “ปิ่นก็กลับบ้านได้แล้วนะ” “อื้อ ปิ่นกลับแล้วนะพี่ข้าว สวัสดีค่ะ” ปิ่นมุกเป็นเด็กสดใส ถ้าถามว่าสนิทใจกับใคร เธอรู้สึกสนิทใจกับปิ่นมุกมากกว่ามินตรา ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกับรายหลังมาเกือบสี่ปีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงเส้นบางๆที่คอยกั้นเธอกับมินตราอยู่ เพราะแบบนั้นตอนที่มินตราเห็นรอยคิสมาร์กรอบลำคอ เธอถึงได้รู้สึกตกใจจนมากวันต่อมา ร่างสมส่วนในชุดนักศึกษาก้าวออกมาจากห้องนอนด้วยความระมัดระวัง มองไปรอบๆห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ใช้สอยในส่วนของครัว ห้องนั่งเล่น และอื่นๆ เมื่อไม่เห็นเงาลูกชายเจ้าของอาคาร ลมหายใจก็ถูกพรูออกมาเบาๆ จากนั้นมันก็หนักหน่วงขึ้น และยอมรับกับตัวเองในที่สุดว่าเธอ น้อยใจที่ถูกเขาทิ้งให้จัดการชาบูที่เหลือเพียงลำพัง เมื่อวาน ในขณะที่เธอกับเขากำลังนั่งสู้กับหมูสไลด์ และของสดจากท้องทะเลแถวอ่าวไทย เขตครามรับสายโทรศัพท์จากบุคคลหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งเธอไว้ที่นั่น กับอาหารที่ตักมาแล้วและเหลืออยู่มากกว่าครึ่ง ถึงแม้เขาจะทิ้งเงินสองหมื่นไว้ให้เธอจ่ายค่าอาหาร แต่เธอต้องจัดการอาหารที่เหลือเหล่านั้นคนเดียว แน่นอนว่าเธอกินมันไม่หมด และต้องจ่ายค่าปรับไปตามกฎของร้านถึงหนึ่งพัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของความน้อยใจ เขาไปไหน ไปกับใคร แล้วทำไมถึงไม่กลับมานอนบ้าน “โอ้ย! ช่างเขาสิ ช่างเขา”เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ใบข้าวก็ร้องออกมา เหมือนกับว่าเพิ่งจะได้สติ เธอเป็นแค่คนอาศัยชายคาบ้านเขาอยู่ ยังไม่ใช่แฟน และไม่ใช่เมียของเขาด้วย จะรอทำไม เขาจะไปที่ไหนกับใครก็ช่างสิ เขาจะไม่กลับมาเลยก็ได้ เพราะนั่นม
ก๊อกๆ เขตครามดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำ มองที่นั่งข้างตัวซึ่งเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า พราวฟ้าลงจากรถไปตอนไหนเขายังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ลมหายใจหนักหน่วงถูกพรูออกมา เลื่อนกระจกรถฝั่งที่ถูกเคาะลง ใบข้าวยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ด้านนอก “เธอมาช้า”“ฉันมาถึงตั้งนานแล้วเถอะ แต่ … พราวฟ้าอยู่บนรถของนายนี่นา ฉัน … ฉันกลัวยัยนั่นเข้าใจผิด”ใบข้าวแอบหลบมุมรออยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งมั่นใจว่าพราวฟ้าไม่ได้ไปกับเขา และรถของเขายังจอดนิ่งอยู่กับที่ เธอถึงได้ออกมาจากที่ซ่อน และยืนอยู่ตรงนี้ข้างรถเขา ในฝั่งที่จะมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดที่สุด แต่มันไม่ฉายอะไรอย่างที่ใจเธอกลัว ใบหน้าของเขาตอนที่มองเห็นเธอ แสดงออกชัดว่ากำลังดีใจ “ทำไมต้องกลัว คนที่เป็นอะไรกับฉันคือเธอไม่ใช่หรือไง”เมื่อทิศทางข้างหน้าชี้ชัดแล้วว่าต้องเดินแบบไหน เขาก็ไม่มีความลังเลอีกเลย ถึงแม้ใบข้าวจะยังคงทิ้งระยะห่างไม่ต่างจากเดิม แต่เขาเชื่อว่าสักวัน เธอจะเปิดใจยอมรับเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ยอมให้ผู้ชายร้ายกาจอย่างเขากางปีกปกป้อง ระหว่างนั้นก็ … ปล่อยให้เธออวดเก่งไปก่อน “ฉันไปเป็นอะไรกับนายตอนไหน จำไม่เห
“ให้มินไปส่งไหมข้าว?” “อ่า ไม่เป็นไรๆ มินกลับบ้านดีๆนะ ปิ่นก็ด้วย อย่าเถไถลล่ะ”ใบข้าวปฏิเสธมินตรา จากนั้นก็หันมาบอกน้องเล็กบ้าง ยืนรอจนกระทั่งมินตรากับปิ่นมุกแยกย้ายไปยังรถของพวกเธอ จริงๆเธอก็อยากกลับบ้านแบบสบายๆอยู่หรอก แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้พักอยู่ที่หอเดิมแล้ว ขืนให้มินตราไปส่งความลับเธอก็แตกนะสิ “เพื่อนไปไหนแล้วล่ะ?”ในขณะที่ใบข้าวกำลังเดินไปบริเวณทางเข้าด้านหน้าของมหาวิทยาลัย การเดินของเธอก็ถูกฉุดรั้งไว้ด้วยคำถาม จากผู้ชายที่มีน้ำเสียงคุ้นหู ไม่นานใบหน้าคุ้นเคยก็ปรากฏอยู่ในสายตา ดวงตาสีเข้มกว่าฉายแววสนุกสนาน เมื่อเห็นว่าเธอทำสีหน้าไม่พอใจส่งไป “ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรือไง อย่ามาทำเหมือนสนิทกันได้ไหม เวลาอยู่มหาวิทยาลัยก็ต่างคนต่างอยู่หน่อยสิ”“เห้อ! อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนักนะใบข้าว ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกนะ”เขาพยายามจะไม่ทำนิสัยเหมือนตอนยังเป็นวัยรุ่น เพราะตอนนั้นนิสัยเขาแย่มาก แต่เธอก็ขยันในการดึงตัวตนนั้นกลับมา มันไม่ดีกับตัวเขา และไม่ดีต่อตัวเธอมากกว่าใคร เขาใจร้ายกับเธอสุดๆ นั่นก็เพราะเขารู้สึกตัวช้าไป “ก็ ก็รู้”ใบข้าวลดระดับใบหน้าลง รู้สึกน้อยใจที่โดนตำ
หลังเลิกเรียน ห้องสภานักศึกษา “พี่ข้าว~ วันนี้จะไปตรวจสอบการลงโทษชมรมดนตรีใช่เปล่า ปิ่นขอไปด้วยนะ นะคะพี่ข้าวคนสวย”ปิ่นมุกเอ่ยรั้งประธานคนสวยไว้ พร้อมขอติดสอยห้อยตามไปตรวจสอบการลงโทษชมรมดนตรีด้วย ใบข้าวพยักหน้าขึ้นลงเพราะไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ ถึงจะรู้สึกเจ็บปวดเล็กๆ เพราะความรู้สึกของปิ่นมุกที่มีต่อเขตคราม แต่เธอไม่เห็นปิ่นมุกพยายามทำอะไรที่มากไปกว่าการติ่งเลย ไม่รู้ว่ารักชอบจริงๆ หรือแค่หลงใหลได้ปลื้มเขาเท่านั้นไม่กี่นาทีต่อมา ไม่เพียงแค่ปิ่นมุกที่ได้ไปด้วย สุดท้ายมินตราก็ขอตามไปด้สยอีกคน สามสาวหน้าตาโดดเด่นกลายเป็นจุดสนใจของเหล่านักศึกษาที่ยังไม่เดินทางกลับ รวมไปถึงอาจารย์แพทย์หนุ่มหล่อขวัญใจนักศึกษา ที่ตั้งใจมารอใบข้าวด้วยธุระส่วนตัว “สวัสดีค่ะอาจารย์”สามสาวกล่าวคำทักทายอาจารย์หนุ่ม ยกมือขึ้นไหว้อย่างพร้อมเพียงกัน มุมปากหยักสวยเผยรอยยิ้มเป็นมิตร ดวงตาสีเทาอ่อนหลุบลงต่ำ ซุกซ่อนแววตาผิดหวังไว้ เสียดายจังที่ใบข้าวไม่ได้อยู่คนเดียว“กำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”“ไปตรวจสอบการทำงานของชมรมดนตรีค่ะ”ใบข้าวตอบพลางแอบสังเกตสีหน้าของเพื่อนต่างคณะไปด้วย เธอรู้มานานแล้วว่ามิน
วันจันทร์ หลังจากใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดครั้งแรกหมดไปกับการนอน และมีผู้ชายปากร้ายอย่างเขตครามอยู่ป่วนในวันสุดท้ายของวันหยุด ใบข้าวก็กลับเข้าสู่ไลน์ชีวิตเดิม ที่ต่างไปจากเดิมเพียงเล็กน้อย นั่นก็คือการมีสารถีขับรถหรูมาส่งถึงหน้ามหาวิทยาลัย“บอกให้จอดตั้งแต่ซอยที่แล้ว จะดื้อดึงมาจอดตรงนี้ทำไมอะ คนเยอะนะเห็นไหม ถ้าเกิดมีใครเห็นเข้าจะทำยังไงละทีนี้”ใบข้าวบ่นคนที่ทำหูทวนลม เขตครามมองออกไปนอกรถ ไม่เคยแคร์ว่าคนอื่นจะมองตัวเองยังไง เพราะตัวตนของเขา ถูกเข้าใจผิดจนคนคิดว่าเขาเป็นแบบนั้นจริงๆไปแล้ว “ช่างสิ ไม่เห็นจะแคร์”“นายไม่แคร์ แต่ฉันแคร์ เราไม่ได้คบหากันอยู่ การที่ฉันลงไปจากรถของนาย รู้ไหมว่าคนพวกนั้นจะคิดแบบไหนกับฉัน ของเล่นนายไงเขตคราม คนพวกนั้นให้ค่าฉันแค่นั้นแหละ”“เปิดตัวเลยไหมล่ะ?”“นะ นาย! พูดง่ายเกินไปไหมย่ะ!”“แล้วมันยากตรงไหน เธอไม่อยากเป็นเมียฉันทั้งที่เป็นไปแล้ว?”“นะ ไหนนายบอกว่าไม่อยากได้ฉันเป็นเมียเหมือนกันไง”“นั่นมันคำพูดก่อนที่ฉันจะนอนกับเธอ ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”เขาเปลี่ยนใจแล้วจริงๆ ในเมื่อเธอกลายมาเป็นผู้หญิงของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะหาวิธียืดอายุขัยเธออ
วันต่อมา ใบข้าวนอนหลับสนิทยิ่งกว่าการซ้อมตาย คงเพราะที่นอนอันใหม่มันนุ่มมากๆ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะร่างกายที่เหนื่อยล้าสะสมของเธอเอง ร่างสมส่วนขยับไปนั่งอยู่ปลายเตียงในท่าห้อยขา มองเสื้อผ้าที่วางพับอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะข้างเตียง สลับกับถ้อยคำที่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษซึ่งอยู่ข้างกัน ~ ฉันไปทำงานแทนพ่อ อาจจะกลับดึกหน่อย ถ้าหิวก็สั่งอะไรมากินเอานะ PS อย่าออกไปข้างนอกจะดีที่สุด ถ้าไม่อยากถูกมองแปลกๆ~ ลายมือของเขตครามสวยมาก มันทำให้เธอยิ้มได้มากกว่าสิ่งของที่ถูกวางไว้ให้บนโต๊ะ เขาจะไปแบบไม่บอกเธอก็ได้ แต่นี่ถึงขนาดบุกรุกเข้ามาในห้องแล้วทิ้งโน๊ตไว้ บางทีเอาอาจจะมีใจ หรือไม่ก็แค่ทำไปงั้นๆ “นี่ไอ้สมอง! จะเลิกตบตีกับฉันกี่โมงหะ!”ใบข้าวทิ้งแผ่นหลังลงไปบนเตียง พร้อมกับด่าสมองของตัวเองที่ขยันทำงานสุดๆ เมื่อความสับสนบางบางลง ก็หยิบเสื้อผ้าบนโต๊ะเดินไปทางห้องน้ำ ฝีเท้าชะงักค้างอยู่กลางห้อง เมื่อมีบางอย่างร่วงหล่นออกมาจากเสื้อผ้าในอ้อมแขนเงิน? เขาทิ้งเงินไว้ให้เธอด้วยเหรอ ทำไมไม่วางมันไว้กับกระดาษโน๊ตล่ะ ทำไมต้องซ่อนมันไว้ในเสื้อผ้า กลัวเธอจะไม่ใช้มันหรือไง เธอก็ไม่ได้รักศักดิ์ศรีขนาดนั้นป