LOGINวันต่อมา
ใบข้าวหอบร่างกายบอบช้ำมาเข้าห้องน้ำ ทิ้งคนที่ออกแรงทำจนถึงรุ่งสางให้หลับอยู่บนเตียง มองร่องรอยต่างๆบนร่างกายผ่านกระจกเงาของอ่างล้างหน้า หยาดน้ำตารื้นขึ้นรอบหน่วย ครั้งแรกที่เคยอ่อนโยน และควรจะเกิดขึ้นตอนเธออายุยี่สิบแปดปี เกิดขึ้นแล้วตอนนี้และไร้ซึ่งความอ่อนโยนใดๆ เป็นเธอที่ทำให้เขาหยาบคายเช่นนั้น เป็นเธอที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนใจร้าย ก๊อกๆ “นี่! อาบน้ำอยู่หรือเปล่า? รีบๆหน่อย ฉันจะไปส่ง” “อะ อื้อ” ใบข้าวรีบเดินเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว กระแสน้ำอุ่นช่วยคลายความเหนื่อยล้าได้บ้าง แต่ไม่ได้ช่วยให้ร่องรอยต่างๆบนตัวหายไป เธอจึงไม่พยายามอะไรในการลบมัน เสียเวลาในการอาบน้ำเพียงไม่นาน ก็ออกไปด้านนอกโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบกายไว้ “ใส่เสื้อผ้าฉันไปก่อนแล้วกัน” เขตครามพยายามจะไม่มองไปทางใบข้าว เพราะไม่อยากเห็นร่องรอยความใจร้ายของตัวเอง หยิบเสื้อยืดในตู้ออกมา กับกางเกงผ้าที่มีเชือกผูก เดินกลับมายื่นให้คนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำ จากนั้นก็เดินกลับไปหาเสื้อผ้ามาใส่บ้าง เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จและอยู่ในสภาพคล้ายกันกับเธอ “ชะ ช่วยแวะร้ายขายยาด้วยนะ” “อืม” เขตครามตอบรับเสียงห้วน เพราะไม่อยากให้ตัวเองเกิดความรู้สึกหวั่นไหวเพราะเธอ ถ้าเผลอตัวไปแม้เพียงนิดเดียว เขาอาจจะคุกเข่าอ้อนวอนขอรับผิดชอบเธอไปทั้งชีวิตแน่ๆ “ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว ไปเลยไหม” ใบข้าวบอกคนที่แต่งตัวเสร็จพอดี ไม่รู้เขาฝืนตื่นขึ้นมาได้ยังไงทั้งที่เมื่อคืนใช้แรงไปตั้งขนาดนั้น แต่ก็ดีเหมือนกันที่เขาอาสาไปส่ง เธอกลับเองไม่ได้ แค่เดินก็รู้สึกได้ว่าร่างกายจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ “อืม” เขตครามยกมือเสยเส้นผมสีดำขึ้นไปแรงๆ อยากพูดถึงเรื่องราวเมื่อคืนแต่ก็ไม่กล้า เมื่อจัดการกับความขี้ขลาดของตัวเองไม่ได้ ก็รีบเดินนำออกไปจากห้องนอน ใบข้าวก้าวตามไปทันทีเท่าที่ร่างกายไหว ระหว่างทางก็แอบสำรวจความกว้างใหญ่ของอาคารไปด้วย ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาอยู่สูงเกินไป ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าเขาอยู่สูงขึ้นไปอีก ชั่วโมงต่อมา หลังจากแวะร้านขายยา เขตครามก็ขับรถมาส่งใบข้าวที่หอพักนอกมหาวิทยาลัย ความทรุดโทรมของอาคารด้านหน้าไม่สามารถทำให้เขากล้าเอ่ยปากพูดอะไร รวมถึงไม่กล้ารั้งคนที่ลงจากรถไปไว้ ไม่กล้าแม้แต่แสดงความห่วงใยเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่นการบอกให้เธอนอนพักอยู่ที่ห้อง “แม่งเอ้ย! ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ!” พวงมาลัยกลายเป็นที่ระบายความอึดอัด ดวงตาลึกลับยิ่งกว่าชื่อมองตามแผ่นหลังบอบบางเข้าไป ความทรงจำในชีวิตเก่าหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด อยากจะดึงรั้งเธอเข้ามาอยู่แนบกาย แต่อีกหนึ่งใจก็อยากผลักไสเธอให้ออกห่าง นั่นก็เพราะเขาคือตัวการทำให้อายุขัยของเธอสั้นกว่าคนปกติ “ฉันดีใจนะที่ได้รับโอกาสให้กลับมาเจอเธออีกครั้ง แต่สำหรับเธอที่ได้รับชีวิตใหม่ ฉันไม่อยากเป็นคนพรากมันไปจากเธออีก” ใบหน้าหล่อเหลากดลงบนพวงมาลัย ใบข้าวจากเขาและโลกนี้ไปตอนอายุสี่สิบสองปี เธอป่วยด้วยโรคมะเร็งสมอง ไม่เพียงแค่การเจ็บปวดจากโรค เธอยังมีอาการหลงลืมคล้ายๆกับโรคอัลไซเมอร์ แน่นอนว่าหลังจากมะเร็งลุกลามเธอก็จำใครไม่ได้อีก เขาที่แต่งงานอยู่กินฉันท์สามีกับเธอมาสิบกว่าปี ก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากโรคร้าย ใบข้าวจำเขาไม่ได้จนวาระสุดท้ายของเธอ 17 : 45 น. @ห้องทำงานของสภานักศึกษา “ข้าว ใบข้าว ตื่นได้แล้ว” มินตราเอ่ยเรียกใบข้าวที่กำลังฟุบหน้าหลับอยู่บนโต๊ะด้วยน้ำเสียงห่วงใย ตั้งแต่ใบข้าวเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของสภานักศึกษา เธอก็เอาแต่หาวนอน ในที่สุดก็ทนความง่วงไม่ไหวหลับไปทั้งที่สะสางงานของสภายังไม่เสร็จ แม้จะอยากให้คนดูเหน็ดเหนื่อยได้พัก แต่นี่ก็เย็นมากแล้ว คนอื่นๆเริ่มทยอยกลับบ้านแล้วด้วย “ข้าว ได้ยินไหม?” มินตราเอ่ยเรียกอีกครั้ง ทอดสายตาผ่านแว่นมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนต่างคณะด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ถ้าหากใบข้าวไม่ครอบครองสายตาของผู้ชายคนนั้น เธอคงไม่มีความรู้สึกอย่างนี้กับเพื่อน “อือ อ่า เย็นขนาดนี้แล้วเหรอมิน” ใบข้าวถามเพื่อนเสียงงัวเงีย มองรอบตัวก็พบว่าแสงแดดด้านนอกทอสีส้มจางๆ ไม่นานก็คงเข้มขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีดำในที่สุด “จะหกโมงแล้วข้าว วันนี้ไม่ไปทำงานพิเศษเหรอ?” มินตราถามพลางเก็บเอกสารที่ยังค้างอยู่เข้าที่ ปกติใบข้าวจะรีบเคลียร์งานเพื่อไปทำงานพิเศษ วันนี้นอกจากจะไม่รีบตอนเธอเตือนแล้ว ใบข้าวยังฟุบหน้าลงที่เดิม “โดนไล่ออกแล้ว” “อะไรนะ? ร้านที่ว่าเจ้านายใจดีๆนั่นอะนะ ทำไมไล่ออกซะล่ะ?” มินตราไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่จำได้ว่าใบข้าวเคยพูด ว่าร้านที่เธอทำงานอยู่เจ้านายใจดีมากๆ “ใจดีกับผีนะสิ ไอ้บ้านั่น!” ใบข้าวเบาเสียงลงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเธอทำงานอะไร ที่ไหน รวมถึงไม่มีใครรู้ว่าเจ้านายของเธอเป็นใคร มินตราที่สนิทสนมกัน เธอก็ไม่กล้าบอกอะไรเพื่อนมาก “อ่า ข้าวไปทำงานกับพี่ชายมินไหม?” ใบข้าวยกใบหน้าขึ้นในทันที ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายคนหนึ่งผุดเข้ามาในหัว พี่น้ำมนต์ใจดีกับเธอก็จริง แต่เธอรู้ดีว่าความใจดีนั้น มันซ่อนความรู้สึกแบบไหนไว้ เธอไม่อยากเข้าไปชิดใกล้ให้เขาเกิดความหวัง “มินก็รู้ว่าข้าวทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าวไม่ได้อยากสนิทกับมินเพราะหวังอะไรแบบนั้นสักหน่อย” ใบข้าวหยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้ ในจังหวะนั้นเสื้อคลุมที่เธอสวมใส่ได้เลื่อนลงจากไหล่ด้านซ้าย แม้จะรีบคว้าไว้แต่มันก็ไม่ทันคนสายตาไวอย่างมินตรา เกิดความอึดอัดอยู่หลายอึดใจ ใบข้าวไม่กล้าเดินไปไหน ได้แต่กำเสื้อคลุมเข้าหากันแน่น ปึ่ง! “อ๊าก! เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ข้าวถึงไม่ชอบชมรมดนตรี โอ้ยหงุดหงิดๆ พี่ภัทรแม่งนิสัยเสีย!” เป็นปิ่นมุกที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงโวยวาย เธอเดินเข้ามาด้านในจากนั้นก็ทิ้งเอกสารบทลงโทษชมรมดนตรีลงบนโต๊ะ ใบข้าวนึกขอบคุณการมาของปิ่นมุกอยู่ในใจ ในขณะที่มินตราเองก็ไม่ได้ต่างกันนัก “เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง ขอบคุณที่เป็นธุระให้นะ” “โธ่! คนอุตส่าห์อยากไปเจอพี่คราม ไอ้พี่ภัทรแม่งก็มารหัวขน” เรื่องที่ปิ่นมุกชื่นชอบเขตคราม ไม่ใช่เรื่องที่ใบข้าวรับรู้มาจากอนาคต รุ่นน้องคนนี้บอกเธอตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง เดินมาขอร้องให้เธอช่วยหาโอกาสให้ ด้วยตอนนั้นเข้าใจว่าเธอสนิทสนมกับเขตคราม ทั้งที่ความจริงนั้นเป็นเพียงคู่อริร่วมสถาบัน “อ่า เย็นมากแล้ว มินกลับบ้านก่อนนะ” “อื้อ กลับบ้านดีๆนะ” “สวัสดีค่ะพี่มิน กลับบ้านดีๆนะคะ” ทายาทบริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์เดินออกจากห้องไป ใบข้าวเดินไปหยิบเอกสารที่ปิ่นมุกทิ้งไว้บนโต๊ะ เธอไม่มีโอกาสได้รู้ว่าชมรมดนตรีได้บทลงโทษแบบไหน ทำความสะอาดงั้นเหรอ เหมือนไม่ใช่บทลงโทษเลยแฮะ “ปิ่นก็กลับบ้านได้แล้วนะ” “อื้อ ปิ่นกลับแล้วนะพี่ข้าว สวัสดีค่ะ” ปิ่นมุกเป็นเด็กสดใส ถ้าถามว่าสนิทใจกับใคร เธอรู้สึกสนิทใจกับปิ่นมุกมากกว่ามินตรา ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกับรายหลังมาเกือบสี่ปีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงเส้นบางๆที่คอยกั้นเธอกับมินตราอยู่ เพราะแบบนั้นตอนที่มินตราเห็นรอยคิสมาร์กรอบลำคอ เธอถึงได้รู้สึกตกใจจนมากวันสุดท้ายของทริปฮันนีมูน มินตราทอดสายตามองไปยังร่างของสามี ที่กำลังเดินย้ำพื้นทรายเข้ามาใกล้บริเวณบ้านพัก เธอเก็บงำความลับไปมาตลอด จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของทริปฮันนีมูน ถึงเวลาที่ต้องบอกให้เขารู้สักที ว่ากลับไปจากตรงนี้ ชีวิตของเขากับเธอมันจะไม่เหมือนเดิม “ยิ้มอะไรหืม? พี่หล่อละสิ” หมอหนุ่มเอ่ยถามภรรยาที่นั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ “ก็หล่อค่ะ แต่ที่มินยิ้ม ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น” มินตราตอบยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก “แล้วยิ้มเพราะอะไร ดีใจที่จะได้กลับบ้าน” หมอหนุ่มคาดเดาอาการ จากนั้นก็เข้าไปสวมกอดภรรยาไว้ รู้สึกได้ว่าเธอมีน้ำมีนวลขึ้น สงสัยจะเป็นเพราะว่า เขาให้เธอกินเยอะไปหน่อย ก็นะ เอาเปรียบเธอซะขนาดนั้น ก็ต้องบำรุงหน่อยสิ “พี่คริสจะย้ายบ้านไหมคะ?” มินตรายังคงพูดอ้อมค้อม เพราะอยากทำให้สามีประทับใจ เธอรู้ว่าเขาชอบเด็ก แต่ยังไม่มั่นใจว่าเขาพร้อมจะเลี้ยงเด็กหรือยัง “เราอยากย้ายหรือเปล่า พี่มีบ้านนะแต่มันอยู่ไกล” หมอหนุ่มนึกตาม บ้านเขามีพร้อมและมีหลายหลัง แต่คอนโดมันสะดวกกว่า ใกล้ที่ทำงานด้วย “ไกลมากไหมคะ?”มินตราเริ่มกังวลเพราะถ้าไกลมาก มันอาจจะกระทบกับงานของเธอด้วย “ไม่นะ ท
สองชั่วโมงต่อมา เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่หมอหนุ่มจึงกลับไปชวนภรรยาออกมาทานข้าวข้างนอก ทานเสร็จก็เดินเล่นกันอยู่สักพัก เมื่อความรู้สึกบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมา คนหื่นห่ามก็รีบชวนภรรยากลับไปที่บ้านพัก ตั้งใจว่ามาฮันนีมูนครั้งนี้ต้องได้เบบี้กลับไปด้วย ปึ่ง! เพียงแค่ประตูบ้านพักปิดสนิทลง บทรักหอมหวานก็เริ่มขึ้นทันที เสื้อผ้าที่ร่างบางสวมใส่ ถูกมือหนาถอดออกอย่างเร่งรีบ ริมฝีปากกดลงจนแนบชิด ลากไล้ลิ้นจนริมฝีปากสีสดแยกออกจากกัน กวาดต้อนลิ้นเล็กหวังให้เธอตอบสนองด้วยจังหวะที่เร่าร้อนขึ้นกว่านั้ร“อืม พี่คริส จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ?”ดวงตาคู่หวานเต็มไปด้วยแรงสิเน่หา มองใบหน้าสามีด้วยแววหยาดเยิ้ม จนคนตัวโตทนไม่ไหว ละมือออกไปปลดตะขอกางเกงลง ปลดปล่อยตัวตนแข็งขืนออกมาเผชิญกับโลกภายนอก ชักรูดขึ้นลงช้าๆ ในขณะที่ริมฝีปากดูดดึงกับปากจิ้มลิ้มไม่ห่าง “อื้อ อ๊ะ อีกนิดสิคะ มินยังไม่พร้อมเลย”ผลักอกสามีออกห่างเพื่อบอกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะมีอะไรกันตอนนี้ สามีที่ได้ยินอย่างนั้นรีบทรุดตัวลงนั่งคลุกเข่า มองจุดซ่อนเร้นแสนสวยพลางกลืนน้ำลายลงคอ เขาติดใจตรงนี้มาก ชอบเหลือเกินที่ลิ้นและมือของตัวเอง สามารถท
วันต่อมา 10:00 น. มินตรากับสามีเดินทางมาถึงชลบุรีตั้งแต่เช้า เพราะสามีเป็นบุคคลกรสำคัญทางการแพทย์ จึงไปไหนไกลกว่านี้ไม่ได้ ทั้งที่ลาหยุดกว่าห้าวันเพื่อพาภรรยาไปเที่ยวเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งพระจันทร์แสนหวานหลังแต่งงาน แต่เพราะศัลยแพทย์เฉพาะทางมีน้อย เลยมาได้ไกลสุดแค่นี้ “ขอโทษนะครับที่พี่พามาได้ไกลสุดแค่นี้” “ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้เรามีเวลามากกว่านี้ เราค่อยไปที่ๆไกลกว่านี้ก็ได้” พูดจบก็เตะทรายแรงๆเป็นการระบายความโกรธ หมอหนุ่มมองภรรยาก่อนจะอมยิ้ม รู้แหละว่าเมียไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรที่แสดงออกว่าไม่พอใจออกมา คงกลัวว่าเขาจะคิดมาก มุมนี้ของเธอเขาก็ชอบสุดๆเลย “ตอนนั้นพี่คิดว่าจะเลิกเป็นหมอแล้วนะ” นั่นคือสิ่งที่เขาเคยคิดแต่ไม่กล้าทำ วันนั้นเขาบอกมันกับพ่อ อยากไปทำหน้าที่อาจารย์มากกว่า ผลสรุปคือเขาทะเลาะกับพ่ออย่างหนัก แต่วันนี้ที่เลือกบอกกับภรรยาว่าตัวเองไม่อินกับอาชีพหมอแล้ว นั่นก็เพราะอยากจะเลิกทำอาชีพนี้จริงๆ “ไม่เป็นหมอแล้วจะหาเลี้ยงหนูกับลูกยังไงล่ะ” คนตัวเล็กโดดขึ้นกอดรอบลำคอของสามี ดึงใบหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้ อะไรทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ คิดว่าบอกเธอแล้
สองเดือนต่อมา วันแต่งงานของมินตรากับหมอคริส พิธีแต่งงานในช่วงเช้าจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าสาว หลังจากแห่ขบวนขันหมากเสร็จ แขกเหรื่อก็มานั่งในห้องรับรองกันพร้อมหน้า โดยมีเพียงแค่ญาติของทั้งสองฝ่าย เพื่อนสนิท และนักข่าวที่ขอมาทำข่าวเพียงไม่กี่คน เป็นงานแต่งเรียบง่ายตามความต้องการของเจ้าสาว พิธีตักบาตรเช้าและแห่ขันหมากเสร็จลง ตอนนี้จึงเหลือเพียงพิธีสู่ขอและพิธีสวมแหวนแต่งงาน จากนั้นก็จะมีพิธีรับไหว้ผู้ใหญ่ พิธีรดน้ำสังข์ และจบด้วยพิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ เป็นพิธีแต่งงานตามขนบธรรมเนียม ที่ถูกรวบรัดให้กระชับขึ้นกว่าสมัยก่อน เจ้าสาวของงานสวมชุดไทยสีขาวปักดิ้นสีทองทั้งชุด ฝีมือสุดประณีตโดยช่างตัดเย็บชื่อดัง แม้จะมีเวลาเพียงแค่ไม่นาน แต่ชุดที่ได้จากห้องเสื้อก็สวยงามมาก จนได้รับความสนใจจากคนที่กำลังจะมีแพลนจัดงานวิวาห์พิธีสู่ขอดำเนินไปจนถึงพิธีสวมแหวน มินตรายื่นมือข้างซ้ายไปให้คนตัวโตจับ แหวนเพชรขนาดหลายกะรัตมีเพชรเล็กๆล้อมรอบตัวเรือน ถูกสวมเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาว หลังจากสวมเสร็จเธอก็ยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าบ่าว ด้วยกิริยานอบน้อม จากนั้นก็หยิบแหวนมาสวมให้เจ้าบ่าวบ้าง ซึ
“จะบ้าเหรอค่ะ เตรียมงานไม่ทันหรอก”“งั้นเธอก็ยอมพี่หน่อยสิ นะๆ เดี๋ยวจะรีบๆเสร็จให้” “ทำไมวนกลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว” “ก็กลิ่นเรามันหอมน่ากิน” กลิ่นตัวของเธอหอมจริงๆ ทั้งกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่เธอเลือกใช้ กลิ่นแชมพูจากเส้นผม กลิ่นสบู่ รวมทั้งกลิ่นกายเนื้อของเธอที่มันผสมกับครีมบำรุงผิว กลิ่นอ่อนๆพวกนั้น มันหอมติดจมูกทุกครั้งที่เอาตัวเข้าไปคลอเคลีย “ละ เลิกดมได้แล้วค่ะ ไม่ใช่หมาสักหน่อย แล้วมืออะ จะไต่ลงไปถึงไหนเนี่ย” มินตรารีบหยุดมือที่ไต่หายเข้าไปในกางเกงของตัวเองไว้เขามือไวมาก เผลอแป๊บเดียวเกือบจะสอดเข้าไปในกลีบเนื้อของเธอ อยากจะตีมือให้หัก ถ้าไม่ติดว่ามือนี้ใช้ช่วยชีวิตคนนะ เธอจะตีมันให้หักจริงๆ “นิดเดียวนะ” “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน” มินตราห่วงงานของเขา เวลาครึ่งชั่วโมงน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีเอง ถ้าเขาได้ใส่มันเข้ามา บอกได้เลยว่าเวลาแค่นี้มันไม่พอ “เรานี่นะ ฝากไว้ก่อนเถอะ!” หมอคริสพูดจบก็ฝากฝังรอยฟันไว้ที่ลาดไหล่ขาวเนียน ไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่ตั้งใจให้มันมีร่องรอยฟันชัดเจน กดคนที่พยายามดิ้นหนีคมเขี้ยวไว้แน่น เพื่อให้เธอซึมซับความรู้สึกเ
สามเดือนต่อมา มินตราใช้ชีวิตในฐานะคนรักของศัลยแพทย์ชื่อดังมาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว สถานะคนรักที่ถูกเปลี่ยนถ่ายมายังเธอตอนคาบเกี่ยว ไม่ได้ส่งผลเสียอย่างที่เคยคิดไว้ มันส่งผลในทางตรงข้ามกัน ทั้งยังช่วยหนุนบริษัทก่อสร้างที่กำลังซบเซาของครอบครัวเธอให้รุ่งเรืองขึ้น “วันนี้น้องมินไม่ไปหาคุณหมอเหรอคะ”มะนาวถามเจ้านายที่กำลังจะขึ้นนั่งตำแหน่งผู้บริหารแทนพ่อ ด้วยการทำผลกำไรมากกว่าที่เคยทำมาให้แก่บริษัท คนถูกถามยุ่งมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเสียสละเวลาเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของเลขาคู่ใจ “คุณหมอมีเคสผ่าตัดค่ะ เห็นว่ามีเคสยาวถึงวันพรุ่งนี้เลย”“อื้อหือ ขยันจนไม่อยากเชื่อว่านั่นคือเพื่อนของตัวเอง”“ฮ่าๆ นั่นนะสิคะ มินเองก็คิดแบบนั้น”“ถ้าคิดถึงจะแอบไปหาก็ได้นะคะ เดี๋ยวพี่เคลียร์ที่เหลือเอง”“อ่า ถ้าอย่างนั้นเคลียร์ตรงนี้เสร็จมินไปนะคะ”ไม่ได้เจอกันครบหนึ่งสัปดาห์พอดี มินตราคิดว่าแว๊บเข้าไปให้กำลังใจคนทำงานหนักบ้าง เขาจะได้ไม่งอแงตอนที่ว่างกับร่างกายเธอ คนที่เชียร์คู่นี้มาตลอดยิ้มอ่อน ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นใบหน้าแบบนี้ของคนที่เธอรักเหมือนน้องสาว สี่ชั่วโมงต่อมา หลังจากตรวจอาการคนไข้ และส่







