คำชมของเขาทำให้น้ำหวานหยุดชะงัก มือใหญ่วางลงบนไหล่ของเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะออกแรงหมุนตัวเธอหันกลับมาเผชิญหน้ากัน เสียงจักจั่นร้องดังแว่วมาจากที่ไกลๆ แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนร่างของทั้งสองที่ยืนอยู่ใกล้ชิดกัน สร้างเงาทอดยาวบนพื้นหญ้าที่พลิ้วไหวตามสายลม
"พี่หมอหิวหรือยังคะ"
หันกลับมาก็เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าทันที เพิ่งรู้ว่าตัวเองเก่งเรื่องหลบเลี่ยงสถานการณ์ล่อแหลมก็ตอนนี้แหละ แม้ว่าเมื่อคืนจะเป็นคนสร้างสถานการณ์ล่อแหลมนั้นขึ้นมาเองก็ตาม
อาคินยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินคำถามของคนน้อง เขาจงใจก้มลงมองริมฝีปากของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"หิวสิครับ...แต่ไม่ใช่ข้าว" เลื่อนมือจากไหล่ลงมาที่เอวบางก่อนจะดึงเธอให้แนบชิดกับตัวเขามากขึ้น "เราหิวแล้วเหรอ"
"เอ่อ...ค่ะ"
"งั้นเข้าบ้านกัน พี่ทำอะไรให้กิน"
"พี่หมอทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ"
น้ำหวานเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ใบหน้าสวยแดงระเรื่อด้วยความเขินอายเมื่อเขาเอาแต่จ้องปากเธอ ก่อนจะค่อยๆดันอกแกร่งออกอย่างแผ่วเบา
"เป็นครับ อยากกินเลยหรือ...อยากทำอย่างอื่นก่อนดี"
"พี่หมอคะ~"
คนน้องเขินจนแทบจะมุดแผ่นดินหนีเพราะเขาเอาแต่ไล่ต้อนเธอไม่หยุด อาคินหลุดหัวเราะก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ผมน้ำหวานอย่างเอ็นดูแล้วเดินเลี่ยงไปไขกุญแจเพื่อเปิดประตูบ้าน
"เชิญครับ"
ร่างสูงผายมือเชิญน้ำหวานเข้าไปในบ้านก่อนเขาจะเดินตามเข้าไปติดๆ มือหนาเลื่อนเปิดสวิตช์ไฟแล้วเดินนำคนน้องไปยังห้องครัว
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ ภายในบ้านถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา แสงสลัวจากโคมไฟและกลิ่นหอมอ่อนๆของอโรมาทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกชวนลุ่มหลงมากยิ่งขึ้น
"เรียนหมอแล้วยังทำอาหารเป็นด้วย เก่งจัง"
น้ำหวานเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะไอส์แลนด์ในขณะที่อาคินกำลังเปิดตู้เย็นแล้วหยิบวัตถุดิบต่างๆออกมาวางเตรียมเอาไว้
"พี่เป็นหมอ ก็ต้องดูแลตัวเองเป็นบ้างไง อยากลองทำมั้ย"
ดูจากดวงตาเป็นประกายของเธอแล้วเขาคิดว่าเธอคงทำอาหารไม่เป็นและเมื่อได้ยินคำถามจากเขาดวงตาคู่สวยก็เปลี่ยนเป็นสระอิเพราะเจ้าตัวกำลังส่งยิ้มหวานมาให้
"ทำค่ะ พี่หมอจะทำเมนูอะไรเหรอคะ"
คนน้องรีบเดินอ้อมเข้าไปในครัว เธอกวาดมองไปยังวัตถุดิบที่วางอยู่บนโต๊ะ คาดเดาในใจว่าน่าจะเป็นเมนูสเต๊ก
"สเต๊กครับ แต่ก่อนอื่นต้องใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนนะ เดี๋ยวชุดนักศึกษาของเราจะเลอะ"
เขาก้าวเข้ามาประชิดข้างหลังน้ำหวานอีกครั้ง มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่มาสวมให้คนน้อง มือใหญ่ผูกเชือกที่เอวอย่างช้าๆ
กลิ่นน้ำหอมจากร่างสูงผสมกับกลิ่นอายความเป็นชายที่แผ่ซ่านออกมา ทำให้บรรยากาศในห้องครัวร้อนระอุขึ้นทุกขณะแม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะเปิดอยู่ก็ตาม
น้ำหวานไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะกลายเป็นคนหมกมุ่นขนาดนี้
"ขอบคุณค่ะ" เธอหมุนตัวกลับมาเห็นเขากำลังหยิบผ้ากันเปื้อนอีกผืนจึงอาสาผูกให้ "ให้หวานช่วยผูกนะคะ"
ร่างบางเดินอ้อมไปข้างหลังเขาก่อนจะผูกเชือกผ้ากันเปื้อนจนเสร็จแล้วเอียงหน้ามาส่งยิ้มหวานให้คนพี่
ตึกตัก! ตึกตัก!
ร่างสูงยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป ภาพใบหน้าหวานที่โผล่ออกมาจากหลังเขาเหมือนมีแบล็คกราวเป็นสีชมพู เสียงจังหวะหัวใจเต้นแรงจนคุณหมอหนุ่มไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเสียงหัวใจของตัวเอง
เขาก็แค่ชอบเธอมากขึ้นมาอีกนิดเท่านั้นเอง~
"ขอบคุณครับ...แต่พี่ว่าเราน่าจะผูกแน่นไปหน่อย"
"จริงเหรอคะ"
น้ำหวานมีสีหน้าตกใจเธอเตรียมจะเอื้อมมือไปปลดเชือกที่ผูกข้างหลังแต่อาคินหมุนตัวกลับมาแล้วคว้ามือเธอเอาไว้ซะก่อน
"พี่หายใจไม่ค่อยออก ไม่รู้ว่าเราผูกเชือกแน่นหรือพี่หัวใจเต้นแรงเพราะเรากันแน่"
คนได้ยินประโยคหวานดวงตาเบิกกว้าง รู้นะว่าเขาน่ะเสน่ห์แพรวพราวแต่ไม่คิดเลยว่าจะแพรวพราวได้มากขนาดนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเขายังไง
กลับบ้านไปปรึกษาน้ำปั่นกับส้มจี๊ดก่อนได้ไหมนะ
อาคินยกมือขึ้นลูบใบหน้าเนียนของน้ำหวานเบาๆ สายตาจ้องมองริมฝีปากอิ่มอย่างหื่นกระหาย มืออีกข้างของเขาเลื่อนไปกระชับเอวบาง ดึงร่างอรชรให้แนบชิดตัวมากขึ้น
ทั้งๆที่เธอแทบจะไม่ได้ทำอะไรทำไมเขาถึงรู้สึกหลงเธอได้มากขนาดนี้นะ
"แต่ก่อนจะทำอาหาร...พี่ขอจูบก่อนได้มั้ยครับ"
"..."
"แค่นิดเดียว"
น้ำเสียงนี้ใช่น้ำเสียงของเขาจริงๆเหรอวะ?
คนพี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะสามารถมีเสียงสองเหมือนที่คนเขาพูดๆกันได้ด้วย แบบนี้มันไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย
แต่ก็อยากจูบเธอชะมัด!
"แค่นิดเดียวแน่นะคะ"
น้ำหวานถามกลับด้วยน้ำเสียงลังเล เสียงหัวใจที่เต้นรัวของทั้งคู่ดังก้องอยู่ในความเงียบ เธอลดสายตาลงมองริมฝีปากหนาของหมอหนุ่มก่อนจะเขย่งขึ้นจูบอย่างรวดเร็วแล้วผละออก
"อื้ออ!"
คนรู้ทันจับล็อกท้ายทอยของเธอเอาไว้และกดจูบลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มถูกบดคลึงคลุกเคล้าจนบวมแดง ลิ้นร้อนๆกวาดหาความหวานในโพรงปาก
มือบางทุบลงบนอกแกร่งเมื่อเขาจูบเธอนานเกินไป ไหนบอกแค่นิดเดียวไงทำไมเธอรู้สึกว่ามันเนิ่นนานจนแทบจะขาดอากาศหายใจเลยล่ะ
"แค่นี้ก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวเราจะไม่ได้กินข้าว"
อาคินยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่งพลางก้มลงมองใบหน้าแดงก่ำของคนตัวเล็กตรงหน้า น้ำหวานรู้สึกหน้าร้อนผ่าวจนอยากจะยกมือขึ้นมาพัด เธอหายใจเหนื่อยหอบเพราะรสจูบเร่าร้อนของเขา พอไม่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์เธอก็กลายเป็นเด็กอ่อนหัดไปเลย
ใบหน้าสวยก้มหน้าซุกอกเขา ไม่กล้าเงยขึ้นไปสบตากับคนที่กำลังยืนจ้องมองเธออยู่
"ระ..เราทำอาหารเลยดีกว่าค่ะ นะ..หนูหิวมากแล้ว"
ความตื่นเต้นทำให้เธอแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่ไม่เคยพูดกับเขามาก่อน ร่างอรชรค่อยๆดันตัวเขาออกเพื่อหันกลับไปเตรียมทำอาหาร
อาคินยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินคำว่า 'หนู' หลุดออกมาจากปากของเธอแต่ไม่ได้พูดล้อเลียนอะไร
คนพี่หยิบเนื้อที่วางเอาไว้ขึ้นมาเตรียมทำอาหารพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองน้ำหวานเป็นระยะ กลิ่นหอมของเนื้อสเต๊กเริ่มลอยอบอวลในห้องครัว ในขณะที่คนน้องก็คอยช่วยหยิบนู้นหยิบนี่ให้ ถือเป็นลูกมือที่น่ารักสุดๆ
'เกิดมาน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงวะ!'
ตั้งแต่เกิดมาอาคินไม่เคยมีความคิดที่อยากจะล่อลวงใครเท่านี้มาก่อนเพราะปกติเพียงแค่เขาหันมองผู้หญิงคนไหนเกินสามครั้งเธอก็มักจะเดินเข้ามาหาเขาเองเสมอ
จู่ๆร่างสูงก็หยุดทำอาหารแล้วเดินไปล้างมือ น้ำหวานได้แต่มองตามพลางขมวดคิ้ว สเต๊กน่าจะยังไม่สุกนะทำไมเขารีบล้างมือซะแล้วล่ะ
"พี่หมอจะทำอะไรคะ"
เงยหน้าขึ้นถามเมื่อหมอหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอ ใบหน้าหล่อคมคายยกยิ้มมุมปาก เขาเห็นว่าเธอไม่ได้มัดผมแล้วก็คอยรวบไปข้างหลังอยู่บ่อยๆจึงคิดว่าเธอน่าจะรู้สึกรำคาญ
"พี่ถักเปียให้ครับ"
"พี่หมอถักเปียเป็นด้วยเหรอคะ"
ทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงได้มีเรื่องให้เธอเซอร์ไพร์ตลอดเลยนะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้ด้วย
"ก็เคยเห็นผ่านๆครับ คิดว่าน่าจะไม่ยากเกินไป"
มือหนาค่อยๆรวบผมของเธอ นิ้วแกร่งไล้ไปตามเส้นผมนุ่มช้าๆก่อนจะเริ่มถักเปียขวาทับซ้าย ซ้ายทับขวาอย่างที่เขาเคยเห็นมาผ่านๆแม้จะรู้สึกมือสั่นเล็กน้อยก็ตาม
"แต่นี่เป็นครั้งแรกนะที่พี่ได้ลองทำจริงๆ...รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ"
น้ำเสียงของเขาทำให้น้ำหวานรับรู้ได้ว่าเขากำลังตื่นเต้นจริงๆ มือหนาหยิบกระดาษทิชชูแผ่นใหญ่ขึ้นมาผูกปมเป็นโบแทนริบบิ้น
"เรียบร้อยครับ"
"ขอบคุณนะคะ"
แม้จะถักเปียให้เสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่วางมือ กลับไล้นิ้วไปตามต้นคอขาว
"มีตรงไหนในตัวเราที่ไม่สวยบ้าง"
"เราโอเคใช่มั้ย"อาคินเอ่ยถามหลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นมาอยู่บนเพ้นท์เฮ้าส์เรียบร้อยแล้ว ร่างสูงยืนซ้อนคนตัวเล็กที่กำลังเท้าคางมองท้องฟ้าอยู่ตรงระเบียงห้อง"โอเคค่ะ หวานแค่คิดอะไรนิดหน่อย"น้ำหวานตอบกลับพลางเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มบางๆให้คนพี่ เธอยังจำสายตาของพริ้งพลอยที่มองมาได้ดี สายตาของความมุ่งมั่นแต่ปิดซ่อนความเสียใจเอาไว้ไม่มิด ได้แต่หวังว่าบทเรียนราคาแพงครั้งนี้จะทำให้พริ้งพลอยเลือกที่จะรักตัวเองมากขึ้น"คิดอะไรครับ บอกพี่ได้มั้ย""ก็กำลังคิดว่า..." เว้นวรรคประโยคก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนพี่ ดวงตาคู่สวยซุกซนจนอาคินเกิดอาการมันเขี้ยว "คุณพริ้งพลอยเค้าปักใจรักอะไรพี่หมอมากขนาดนี้"เธอไม่รู้หรอกว่าพริ้งพลอยปักใจรักอะไรในตัวหมออาคิน แต่ถ้าถามเธอใช้เวลาสามวันก็คงจะบรรยายไม่หมด น้ำหวานกวาดสายตามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิจพิจารณา ใบหน้าที่ไม่ว่าเธอจะมองกี่ครั้งก็ยังหาข้อติติงไม่เจอ"เรื่องนั้นพี่ตอบไม่ได้หรอกครับ แล้วหวานไม่อยากรู้บ้างเหรอว่าอะไรที่ทำให้พี่ปักใจรักหวานมากขนาดนี้"อาคินจ้องมองคนในอ้อมแขนด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาไม่อยากจะสนใจเรื่องของคนอื่นอีกแล้ว หลังจากนี้เขาอยากจะโฟกัสแค่เ
บ้านสินธปกรณ์บรรยากาศในห้องอาหารเต็มไปด้วยความชื่นมื่น วันนี้อาคินพาครอบครัวเข้ามารับประทานมื้อเย็นกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสินธปกรณ์เพื่อจะได้คุยเรื่องการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการชยทัตและแทนคุยกันเรื่องตลาดทองในช่วงสัปดาห์นี้ น้ำหอมกับธีรยากำลังคุยกันเรื่องสีมงคลที่ควรจะใช้ในงานหมั้นส่วนน้ำหวานกำลังเริ่มสอบสวนหมออาคิน"พวกเค้าสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"เธอขึ้นดอยไปแค่ไม่กี่เดือนทำไมดูเหมือนอะไรๆจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ยิ่งภาพที่แทนคุยกันอย่างสนิทสนมกับชยทัตเป็นอะไรที่หาดูได้ยากมาก"ไม่รู้สิครับ พี่ก็ขึ้นไปอยู่บนดอยกับเรานะ""ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยค่ะ""เดี๋ยวนี้ไม่ไว้ใจพี่แล้วเหรอ""เมื่อก่อนก็ไม่ไว้ใจค่ะ แค่ไม่ได้บอก"น้ำหวานหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าของคนพี่ที่มองมาทางเธออย่างคาดโทษ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆโต๊ะก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ถ้าถามว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก เธอก็อยากจะส่งชื่อตัวเองเข้าชิงรางวัลเพราะนอกจากจะมีแฟนดี ครอบครัวแฟนดีแล้ว ทั้งสองครอบครัวยังเข้ากันได้ดีอีกด้วย"กับข้าวยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ"ธีรยาเอ่ยชมหลังจากที่ทานอาหารเสร็
"หม่าม้าคะ หวานมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ"น้ำหวานเดินเข้าไปหาน้ำหอมที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น เธอนั่งคิดนอนคิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งคืน"เรื่องอะไรลูก"ผู้เป็นแม่หยิบรีโมตขึ้นมากดปิดโทรทัศน์ ดูเหมือนละครเรื่องนี้ของเธอจะดูไม่จบสักที กดเปิดดูปุ๊บลูกสาวก็มีเรื่องปั๊บตั้งแต่เมื่อวาน"เรื่องพี่หมอค่ะ"มองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่หมออาคินโทรมาเมื่อคืนให้ฟัง เขาทำให้เธอฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อยากจะรู้ความจริงแต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับเขา"ม้าขอถามอะไรหน่อย เค้าเคยบอกรักหวานมั้ย นอกจากการกระทำต่างๆ ที่ผ่านมา ม้ายังไม่ได้ยินหวานเล่าให้ฟังเลยว่าเค้าบอกรักหวานตอนไหน"คำถามจากน้ำหอมทำให้เด็กสาวชะงักไป มากสุดก็คงผู้ว่าชอบเธอ แต่ไม่เคยมีคำสารภาพรักตรงๆ"ไม่เคยค่ะ""จากที่ม้าดูนะ ที่เค้าไม่บอกไม่ใช่เพราะว่าเค้าปากหนักหรอก แต่ก่อนหน้านี้เค้าไม่รู้ตัวต่างหากว่ามันเรียกว่าความรักตั้งแต่เมื่อไหร่""ทำไมม้าถึงคิดแบบนั้นคะ"คนที่ดูแพรวพราวและช่ำชองในเรื่องความรักอย่างเขาน่ะเหรอที่จะไม่รู้ใจตัวเอง แต่จะว่าไปตัวเธอก็ไม่ได้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่นักจนเกิ
วิชัยรับคำอย่างว่าง่าย เขาเปิดไฟเลี้ยวพลางส่องกระจกมองหลังแล้วเลี้ยวรถเข้าไปรถข้างๆ รถกระบะ 4 ประตู ISUZU D-Max Hi-Lander สีดำ"พี่หมอมีธุระเหรอคะ""แค่แป๊บเดียวครับ"ทันทีที่รถจอดสนิทอาคินก็ลงจากรถเดินเข้าไปหาพนักงานผู้ชายสองคนซึ่งนั่งรออยู่ข้างๆรถกระบะคันดังกล่าว"สวัสดีครับ ผมอาคินที่สั่งรถเอาไว้""อ่อ สวัสดีครับคุณลูกค้า" พนักงานหนุ่มทั้งสองคนรีบยกมือไหว้ทันที "ผมรบกวนคุณลูกค้าตรวจเช็ครถและเซ็นเอกสารตรงนี้ให้หน่อยนะครับ"อาคินเดินสำรวจรถคร่าวๆก่อนจะเซ็นเอกสารท่ามกลางความสงสัยของน้ำหวานกับวิชัยและความจริงก็กระจ่างเมื่อหมอหนุ่มเดินกลับมาพร้อมยื่นกุญแจรถให้ลุงวิชัย"รถคันใหม่ครับ ไว้ใช้งานในหมู่บ้านน่าจะสะดวกกว่า""มะ มะ หมอให้ลุงเหรอ"วิชัยเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าอาคินจะซื้อรถยนต์คันใหม่ป้ายแดงให้เขา มันมากเกินกว่าจะเขาจะรับไว้"ใช่ครับ คันที่ลุงขับอยู่นี่เลิกใช้ไปเถอะครับ มันไม่ปลอดภัยเลย"น้ำหวานมองคนตรงหน้าด้วยความอึ้งไม่แพ้กัน ก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ ถึงเขาจะดูเหมือนกับไม่ค่อยสนใจอะไรแต่จริงๆแล้วหมอหนุ่มเป็นคนที่ค่อนข้างจะใส่ใจคนรอบตัว"ลุงรับไว้ไม่ไหวหรอกครับ มันแ
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปจูบปากที่บวมเจ่ออย่างอดใจไม่ไหว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเธอจุดไฟในตัวเขาได้เสมอ“แบบนี้ชอบไหม”อาคินกระซิบถามพลางยื่นมือลงไปจับล็อกเอวบางก่อนจะกระแทกท่อนเอ็นยักษ์เสยขึ้นไปจนมิดลำ หมอหนุ่มขยับกระชั้นถี่ตามความปรารถนาที่พุ่งขึ้นสูง เขาตอกอัดใส่เธออย่างเร่าร้อน สายตาคมเลื่อนขึ้นสบตากับดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ดูเลื่อนลอยพอๆกับสติ“แรงๆ แบบนี้ชอบมั้ยครับ”ถามพลางกระแทกกระทั้นตอกอัดใส่ร่องรักที่ฉ่ำแฉะ น้ำหวานที่ได้ยินคำถามก็หน้าแดงซ่านแต่ก็ยอมตอบกลับเขามาอย่างเอาอกเอาใจ“ชอบค่ะ...ชะ...ชอบมาก”ตอนนี้ความเสียวซ่านถาโถมใส่จนเธอไม่ทันตั้งรับ สัมผัสอันเกิดจากความรู้สึกซึ่งประสานเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นสร้างความสุขได้อย่างล้นหลามปึก ปึก ปึก!เขาแทบจะบ้าคลั่งจนทนไม่ไหว!“อ๊า~...พี่หมอ”น้ำหวานครางเสียงหลงเมื่อมือใหญ่ช้อนลงใต้ก้นกลมกลึงแล้วจับเธอหมุนตัวกลับไปอีกฝั่งก่อนจะรั้งขาเธอขึ้นแนบอกจนตัวลอย อาคินเร่งจังหวะตอกอัดท่อนเอ็นใส่ร่องรักอย่างรุนแรง ดิบเถื่อนร่างบางจิกลงบนแขนแกร่งของเขาทั้งสองข้าง เพียงต้องการหาทางระบายความกระสันจากการกระทำที่รุนแรงของเขา “สะ...เสียวเกินไป”เมื่อร่า
"ว๊าย!"มือหนาสอดเข้าใต้รักแร้ร่างบางก่อนจะอุ้มขึ้นมานั่งบนตักของตัวเอง อาคินจัดการเลื่อนเบาะรถถอยหลังไปจนสุดก่อนจะรั้งท้ายทอยของน้ำหวานลงมาจูบจูบที่เริ่มต้นช้าๆ ปลุกเร้าความต้องการด้วยลิ้นที่แทรกเข้ามา ริมฝีปากนุ่มของทั้งสองแนบชิดคลอเคลียไม่ห่าง เธอพยายามแทรกปลายลิ้นไล้ไปตามส่วนต่างๆ ราวกับจะเอาคืนลิ้นของชายหนุ่มร่างกายของน้ำหวานสั่นเทิ้มด้วยความปรารถนาระหว่างที่ริมฝีปากแนบประกบ สัมผัสของเขามักจะทำให้หัวใจของเธออ่อนยวบลงทุกครั้ง"จูบกี่ครั้งก็ยังหวานเหมือนเดิมเลย"เสียงแหบพร่ากระซิบชิดใบหู ปลายลิ้นเล็มเลียติ่งหูแผ่วเบา ก่อนจะวกกลับมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มจูบเร่าร้อนเริ่มขึ้นอีกครั้ง เรียวลิ้นอุ่นชื้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงอย่างไม่มีใครยอมใคร มือหนาเริ่มฟ้อนเฟ้นไปทั่วเรือนร่างเย้ายวน อุณหภูมิในร่างไต่ระดับขึ้นตามแรงกระตุ้น จนคนน้องรู้สึกวูบวาบขึ้นสมองปลายจมูกของเขาค่อยๆ ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอพร้อมกับลมหายใจถี่กระชั้น ฝ่ามือใหญ่ไล้ไปตามผิวเนื้อที่สั่นเทาน้อยๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปตามสีข้าง เอว จนถึงระหว่างขา"อื้มมมม~"เสียงหวานครางในลำคอพลางยกแขนเรียวขึ้นคล้องคอแกร่ง น้ำหวานเคลิบเคลิ้มไป