หลังออกจากหมู่บ้านมา พวกเขาทั้งสามเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เพียงหวังให้ออกห่างจากหมู่บ้านให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเขายิ่งเดินยิ่งเห็นต้นไม้เบียดชิดกันแน่นขนัดมากขึ้น จนตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นแสงอาทิตย์แล้ว ดูคล้ายกับว่าเป็นเวลาพลบค่ำ มากกว่าจะเป็นยามกลางวัน ไรอันและลีอากับอาเรียน่าเดินลึกเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยไม่รู้ตัว อากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลิ่นดินหอมเข้าจมูก ความชื้นแฉะของพื้นดินทำให้พวกเขาต้องเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น
เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ที่มีแต่ความมืดครึ้ม เสียงของธรรมชาติที่เคยสดใสกลับเงียบงัน ราวกับว่าป่าทั้งป่าอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งลี้ลับ ดินที่พวกเขาเหยียบย่ำเย็นชืด บนพื้นมีรากไม้อยู่มากมายมองเผินๆเหมือนงูที่เลื้อยพันกันไปมา สอดสลับทับกันป่ายขวาป่ายซ้าย
”ป่านี้ไม่เหมือนที่ใดๆ ที่ข้าเคยเห็นมา” ลีอาพูดขึ้น เธอเหลียวมองไปรอบตัว อย่างระแวดระวัง
“ข้ารู้สึกว่ามันไม่เป็นมิตรเลย”
”ลูเซียสคงจะใช้พลังเงามืดครอบคลุมที่นี่ไว้” ไรอันตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเช่นเคย
แม้เขาจะพยายามรักษาความสงบ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้
ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เสียงแปลกๆ เริ่มดังขึ้นจากทุกทิศทาง เสียงกรอบแกรบของกิ่งไม้ที่หักและเสียงกระซิบแปลกประหลาดที่ดูเหมือนจะเกิดจากเงามืดรอบตัว ไรอันยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลีอาและอาเรียน่าหยุดเดินและเงียบฟัง พวกเขารู้ว่าในป่านี้มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรถูกปลุกขึ้นมา
“ระวังตัว” ไรอันกระซิบบอก
ลีอาพยักหน้าอย่างเข้าใจ อาเรียน่าซึ่งถูกไรอันอุ้มอยู่กอดคอเขาแน่น ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เด็กน้อยเหลียวมองไปรอบๆ แต่ก็เห็นเพียงต้นไม้หนาทึบและเงามืดสลัวราง เงาเหล่านั้นรูปร่างคล้ายสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่ค่อยๆคีบคลานออกมาโอบล้อมพวกเขาไว้ แต่เด็กน้อยก็พยายามไม่ร้องไห้ออกมา ทำเพียงโอบรอบคอของไรอันแน่นขึ้น
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเจ้าเอง เจ้าเชื่อพี่ไหม”
“ข้าเชื่อค่ะ พี่ชายและพี่สาวต้องปกป้องข้าได้แน่” เด็กน้อยมองสบตากับไรอันด้วยความเชื่อมั่นและน้ำเสียงอันอบอุ่นของเขาช่วยลดทอนความหวาดกลัวของเธอลง
ในขณะที่ทั้งหมดยังไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้น เงามืดหนาทึบคล้ายรากไม้ก็พุ่งออกมาจากพื้นดินและพันรอบขาของไรอัน มันกระชากเขาจนล้มลง ลีอาตกใจและรีบยกมือขึ้นเพื่อเรียกพลังแห่งธรรมชาติมาช่วย แต่เงามืดนั้นกลับต้านทานพลังของเธอได้ และเริ่มพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสาม
ไรอันรู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้มันจู่โจมพวกเขาได้ เขาจึงรวบรวมสมาธิและปล่อยพลังน้ำออกมาจากฝ่ามือ น้ำไหลออกมาราวกับสายน้ำจากแม่น้ำใหญ่ มันหมุนวนรอบตัวไรอันก่อนที่จะพุ่งเข้าชนเงามืดอย่างแรง เงามืดนั้นสั่นสะท้านและคลายการยึดเกาะรอบขาของเขาออก
“คุ้มครองนางด้วย!” ไรอันบอกกับลีอา ในขณะที่เขาส่งตัวอารีน่าให้
เมื่อเขาลุกขึ้นและยืนเผชิญหน้ากับเงามืดที่ยังคงพุ่งเข้ามา เขาปลดปล่อยพลังธาตุน้ำออกมาเป็นคลื่นยักษ์กระแทกเข้าใส่เงามืด เงานั้นกระเด็นไปไกลหลายเมตร เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หนี
ลีอารีบก้มตัวลงอุ้มอาเรียน่ามาแนบอก และวิ่งตามไรอันไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาวิ่งผ่านพุ่มไม้หนาทึบและรากไม้ที่ยื่นออกมาขวางทาง แม้พลังแห่งธาตุน้ำของไรอันจะช่วยกันเงามืดไว้ได้แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น พวกเขารู้ดีว่าต้องรีบหาทางออกจากป่านี้ก่อนที่พลังของลูเซียสจะเข้าควบคุมทุกสิ่ง
ขณะที่พวกเขาวิ่งผ่านแนวต้นไม้ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ไรอันเห็นลำธารเล็กๆ ที่ไหลอยู่ด้านหน้า ไรอันยิ้มกริ่ม เขาตัดสินใจที่จะใช้มันเพื่อหยุดยั้งเงามืด ไรอันเรียกพลังแห่งธาตุน้ำอีกครั้ง น้ำในลำธารเริ่มหมุนวนและพุ่งขึ้นมาสูงจนกลายเป็นกำแพงน้ำสูงที่ล้อมรอบพวกเขาทั้งสาม
เงามืดที่ตามหลังมาหยุดชะงักเมื่อเจอกับกำแพงน้ำ มันพยายามเจาะทะลุเข้าไปแต่ก็ถูกพลังน้ำดูดซับไว้ ไรอันใช้โอกาสนี้พาทั้งสองคนข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะปลอดภัยกว่าเมื่อพวกเขาข้ามลำธารได้สำเร็จ ไรอันก็ปล่อยกำแพงน้ำลง เงามืดนั้นถูกน้ำซัดกลับไปยังป่าลึก มันส่งเสียงคำรามเบาๆ ก่อนจะหายไปในความมืด
“ขอบใจท่านจริงๆ” ลีอาพูดอย่างเหนื่อยล้าแต่เต็มไปด้วยความโล่งอก เธอกอดอาเรียน่าแน่น เด็กหญิงตัวน้อยหลับตาอยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างไร้เรี่ยวแรง
“เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน ต้องหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยกว่านี้” ไรอันกล่าวพร้อมกับมองไปรอบๆ
แม้ว่าพวกเขาจะข้ามลำธารมาได้แล้ว แต่เขารู้ดีว่าอันตรายในป่าต้องห้ามนี้ยังไม่จบลง
พวกเขาเริ่มเดินต่อไปอีกครั้ง ลึกเข้าไปในป่าที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายเหมือนในตอนแรก แต่ไรอันยังคงไม่ประมาท เขารู้ดีว่าลูเซียสยังคงเฝ้าติดตามพวกเขาผ่านเงามืด และมันอาจโจมตีอีกครั้งในเวลาใดก็ได้
หลังจากที่พวกเขาเดินทางมาได้สักระยะ ลีอาที่กำลังพยายามเปิดทางผ่านพุ่มไม้หนาทึบก็สะดุดเข้ากับรากไม้ที่ยื่นออกมาโดยไม่ทันระวัง เธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้ข้อเท้าของเธอพลิก ไรอันรีบเข้ามาช่วยพยุงเธอขึ้นมา แต่ลีอารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากข้อเท้าของเธอ
“เจ้าต้องนั่งพักก่อน” ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย
เขาประคองลีอาไปนั่งลงที่ใต้ร่มไม้ที่ใกล้ที่สุด
“ข้าจะดูแผลให้”
“ข้าไม่เป็นไร” ลีอาพูดพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บปวด
แต่ไรอันสังเกตเห็นคิ้วเธอขมวดแน่นและรู้ว่าเธอฝืนตัวเองมากเพียงใด
“เจ้าไม่ต้องแกล้งแข็งแกร่ง ลีอา พวกเราต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้าหากเราจะปกป้องอาเรียน่า”
ไรอันยืนยันคำเดิม พร้อมกับตรวจดูข้อเท้าของเธอซึ่งบวมเล็กน้อย
อาเรียน่าซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วง
“พี่สาวไม่เป็นไรใช่ไหม?” เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยเสียงใสไร้เดียงสา
เธอยื่นดอกไม้เล็กๆ ที่เธอพบระหว่างทางให้ลีอา
“นี่ค่ะ พี่สาวจะหายเร็วขึ้นถ้าพี่รับมันไว้”
ลีอายิ้มออกมาทั้งน้ำตา เธอรับดอกไม้จากอาเรียน่าและกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหันมามองไรอันที่กำลังใช้ผ้าพันแผลมัดข้อเท้าของเธออย่างระมัดระวัง
“ขอบคุณนะไรอัน ข้า...ไม่เคยมีใครดูแลข้าแบบนี้มาก่อน”
ไรอันไม่ตอบ แต่ยิ้มบางๆ ในใจเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง มันคันยุบยิบในหัวใจขณะที่มองใบหน้าด้านข้างของลีอา ไรอันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั่งยิ้มอยู่
พวกเขาพักอยู่ใต้ร่มไม้จนลีอารู้สึกดีขึ้นพอที่จะเดินต่อได้ แม้จะยังมีอาการเจ็บอยูบ้าง แต่เธอก็สามารถก้าวเดินต่อไปได้ด้วยความช่วยเหลือของไรอัน เขาใช้มือซ้ายโอบประคองเอวเล็กของหญิงสาว
“ขอโทษด้วย ล่วงเกินเจ้าแล้ว”ไรอันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ลีอาเอียงคอมองใบหน้าด้านข้างของไรอัน และเห็นใบหูของเขาเป็นสีแดงก่ำ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ
“ช่วยไม่ได้นี่ ประคองข้าให้ดีๆแล้วกัน” ลีอาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมแก้มที่ซับสีเลือด ใบหน้าร้อนผ่าว ตั้งแต่เกิดมานอกจากท่านพ่อ ยังไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาใกล้ชิดเธอขนาดนี้มาก่อน เธอยื่นมือขวาไปโอบรอบคอของไรอัน และค่อยๆเดินกะโผลกกะเผลกไปตลอดทาง
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อพวกเขาเดินต่อไปไม่นาน สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของป่าก็ปรากฏตัวขึ้น มันคือหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีดำสนิท ขนหยาบหนาลุกชัน ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองพวกเขาอย่างดุร้าย มันแสยะเขี้ยวขาวและส่งเสียงขู่ออกมา ทำท่าเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ ไรอันไม่รอช้ารีบดึงดาบออกมาทันที แต่ก็ยังช้าเกินไป เมื่อหมาป่านั้นพุ่งเข้ามาโจมตีเขาก่อนที่เขาจะทันได้เงื้อมือ
หมาป่ากระแทกไรอันลงกับพื้น ทำให้ดาบของเขากระเด็นหลุดจากมือออกไป
“อั่ก” หลังของเขาไถลไปกับพื้น
ลีอารีบใช้พลังของเธอเรียกหนามแหลมออกมาจากพื้นดินเพื่อต่อสู้กับหมาป่า แต่หมาป่าตัวนั้นกลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเกินกว่าจะรับมือได้ อาเรียน่าที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพวกเขาเริ่มร้องไห้ออกมา แต่ไรอันไม่สามารถลุกขึ้นมาปกป้องเธอได้เพราะบาดแผลที่เกิดจากการโจมตีของหมาป่า
ในขณะที่หมาป่าก้าวย่างเข้ามาใกล้ไรอันมากขึ้นมันแสยะเขี้ยวและเตรียมจะฝังเขี้ยวลงบนตัวของไรอันอยู่นั้นแล้ว
ทันใดนั้น ลีอาก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเรียกไม้เลื้อยออกมาพันรอบขาหมาป่าทำให้มันล้มลงและตรึงมันไว้ เธอรีบเข้าไปหยิบดาบของไรอันและโยนให้เขา “เร็วเข้า! มันกำลังจะหลุดออกมาแล้ว!”
ไรอันคว้าดาบมาและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาใช้ดาบแทงไปที่หมาป่า สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องดังลั่น
“บรู๊วววววว” ก่อนจะสลายกลายเป็นเงามืดที่ค่อยๆ จางหายไป
หลังจากนั้น ไรอันนั่งลงหอบเหนื่อย ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากบาดแผลที่เขาได้รับ แม้จะไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่มันก็ทำให้เขาเสียเลือดไม่น้อย ลีอารีบเข้ามาประคองเขาไว้
“เราต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่แน่ว่าหมาป่าตัวอื่นอาจได้ยินเสียงของเจ้าตัวนี้และตามมาก็ได้”ไรอันกัดฟันพูดและอดกลั้นต่อความเจ็บปวดจากบาดแผล
ทั้งสามเดินทางต่อไปจนได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง เธอประคองไรอัน และพาเขาเข้าไปพักในถ้ำเพื่อจะได้ทำการรักษาให้เขา
เธอบอกให้เขาถอดเสื้อออก ไรอันรู้สึกเจ็บแผลจึงต้องให้ลีอาช่วยถอดให้ หลังจากถอดออกหมดแล้วลีอารู้สึกใบหน้าผ่าวร้อน เมื่อสายตาเจอกับรูปกายของชายหนุ่ม ไล่มาตั้งแต่แผงอกเปล่าเปลือยนั้น ลงมาถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง เรียบเรื่อยไปถึงสะดือ และ ณ จุดนั้นมีขนบางๆไล่ลงไปและหายลับไปตรงที่กางเกงปิดทับ เธอรีบเสมองไปทางอื่น
“หึๆ” ไรอันหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ
“แผลของข้าอยู่ที่แผ่นหลังนะ” เขาพูดพลางค่อยๆขยับมานั่งหันหลังให้ลีอา
เธอค่อยๆหันกลับมา สลัดความเขินอายและความคิดอื่นๆออกไปและเริ่มลงมือใช้พลังรักษาให้เขา
อาเรียน่ามองดูพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“พี่ชายจะหายดีไหมคะ?” อาเรียน่าถามไรอันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ และจับมือเขาไว้แน่น ไรอันมองหน้าเด็กหญิงเล็กๆ คนนี้ที่แม้จะกลัวแต่ก็พยายามให้กำลังใจเขา เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
“ข้าจะไม่เป็นไร เจ้าก็ต้องเข้มแข็งเหมือนกันนะอาเรียน่า”
เด็กหญิงพยักหน้าแล้วล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอออกมา เธอหยิบขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่เหลืออยู่ในกระเป๋าแล้วยื่นให้ไรอัน
“นี่ค่ะ พี่ชายต้องกินนะ จะได้มีแรงต่อไป”
ไรอันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขารับขนมปังจากเธอและกัดกิน แม้ขนมปังจะแข็งและเย็น แต่ความอ่อนโยนและความใส่ใจของอาเรียน่าทำให้มันกลายเป็นมื้ออาหารที่อบอุ่นที่สุดที่เขาเคยได้รับ
หลังจากทำแผลเสร็จ ไรอันจึงออกไปล่าสัตว์เพื่อนำมาทำอาหารให้ลีอาและอาเรียน่า
“ท่านระวังตัวด้วย” ลีอาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
“พี่ชายต้องรีบกลับมาไวๆนะคะ” อารีน่าพูดพร้อมเข้าไปกอดแขนไรอันเขย่าเบาๆ
“ได้ ข้าจะรีบไปรีบกลับ พวกเจ้าหลบอยู่ในนี้ให้ดี ได้ยินเสียงอะไรก็อย่าออกไปเด็ดขาด” ไรอันกำชับ
จากนั้นเขาก็ออกไปอย่างเร่งร้อน แต่ก็ระมัดระวังไม่นานไรอันก็กลับมาพร้อมกระต่ายป่าสองตัวที่จัเดารถลกหนังและชำแหละมาจากในป่าแล้วเขาจัดการนำมันมาเสียบไม้และย่างกับไฟ
ทั้งสามนั่งล้อมรอบกองไฟ และกินไปเงียบๆ แต่ละคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
หลังจากมื้ออาหารก็ได้เวลาพักผ่อน ลีอากับอาเรียน่าช่วยกันหาหญ้าแห้งเท่าที่จะหาได้มากองสุมกัน และวางใบไม้ทับไว้ ขนาดพอให้นอนได้ทั้งสามคน
ขณะกำลังจัดแจงที่นอนอยู่นั้น ลีอาก็ร่ายเวทย์เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษไม่ให้มารบกวน
ไรอันเลือกนอนทางซ้าย ขณะที่ลีอากำลังลังเลว่าจะนอนอย่างไร อาเรียน่าก็ดึงมือลีอาให้นอนลงข้างไรอัน และตัวเธอเองก็มุดเข้าไปนอนแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่
“อื้มมม อบอุ่นดีจังเลย” อาเรียน่าพูดอย่างมีความสุขพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“แต่จะอบอุ่นกว่านี้ถ้าหากว่า…” เด็กน้อยพูดพลางจับมือไรอันและมือของลีอาให้จับกันไว้ พาดลงตรงลำตัวของเธอ แต่ลีอาชักมือออก
“เอ่อ…ข้าว่าไม่ค่อยเหมาะกระมัง”เธอพูดในขณะที่สายตาเผอิญไปสบกับไรอันที่มองมาพอดี
อาเรียน่าก้มหน้าลง เปล่งเสียงแผ่วเบาสั่นเครือออกมา “ข้าขอโทษที่ทำให้พี่ลีอาไม่สบายใจ แต่ข้าแค่คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ เวลานอนพวกท่านจะนอนกอดกันและกอดข้าไว้” น้ำตาเด็กน้อยหยดลงมาเป็นสาย
ใจของลีอาอ่อนยวบ เธอก็นึกถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่มีพวกเขาแล้ว อาเรียน่าอายุเพียงแค่นี้ จะทุกข์ใจขนาดไหนหนอ
เช่นเดียวกับไรอัน เขาเศร้าใจอย่างยิ่ง ภาพของคนที่นอนตายเกลื่อนกลาดและซากปรักหักพังย้อนขึ้นมาให้เห็น เขาสลัดภาพเหล่านั้นออกไป และหันไปเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อย
“วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ชายจะพาไปเล่นน้ำตก” เชาพูดพลางขยิบตาให้ลีอา
“นั่นสินะ พรุ่งนี้พีสาวก็จะพาเธอไปเก็บดอกไม้สวยๆด้วยล่ะ” ลีอายิ้มอย่างเอาใจ
อาเรียน่าหยุดร้องไห้ทันใด และหันมาส่งยิ้มสดใสให้กับพวกเขา
“สัญญานะคะ” เด็กน้อยยื่นนิัวก้อยเล็กๆออกมา
“จ๊ะ สัญญา” ลีฮาเกี่ยวก้อยกับอาเรียน่า และหันไปทำท่าให้ไรอันทำด้วย
คนตัวโตทำหน้าปูเลี่ยนๆ แต่ก็จำใจยื่นนิ้วออกมาเกี่ยวก้อยกับเด็กน้อย ทำให้อาเรียน่ายิ้มทั้งปากทั้งตา
ในที่สุด ลีอาก็จำต้องนอนโดยให้ไรอันจับมือตน ส่วนอาเรียน่านอนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ไรอันสอดนิ้วมือประสานกับมือเธอ ทำให้เธอสะดุ้งจะชักมือกลับ
“ชู่ว มือจะได้ไม่หลุดจากกันไง” ไรอันกระซิบ
ลีฮาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เขาประสานนิ้วมือเกาะเกี่ยวกับมือนุ่มของเธอไว้อย่างนั้น ทั้งสามหลับไปในท่านั้นเอง
ภายนอกถ้ำอันอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักนั้น ปรากฎเงาร่างสายหนึ่ง มองเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบงัน
ลูเซียสยืนนิ่งอยู่ในความมืดที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง ความมืดนี้ไม่ใช่แค่เงาหรือความมืดธรรมดา แต่มันคือพลังที่อยู่ในตัวเขามาตั้งแต่เกิด มันเป็นพลังที่ทำให้เขาถูกตัดสินและขับไล่ออกไปจากครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาเงยหน้าขึ้นมองลีอาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความแค้นที่ถูกฝังลึกในใจมาเนิ่นนาน”ข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น” ลูเซียสเริ่มเล่า น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ทุ้มลึก “ข้าเกิดมาในตระกูลสูงส่งแห่งแอสทารา ข้าเคยมีทุกสิ่งที่เด็กคนหนึ่งต้องการ...มีบ้านที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่ข้าเคารพรัก แต่พวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อพวกเขารู้ว่าข้ามีพลังเงามืดในตัว” ลีอานั่งฟังด้วยความตั้งใจ หัวใจของเธอหนักอึ้งเมื่อได้ยินความเจ็บปวดในคำพูดของเขา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูเซียสต้องทนทุกข์กับอดีตเช่นนี้”ข้าจำได้ชัดเจน ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กแค่ 7 ขวบ ข้าคิดว่าพลังนี้เป็นสิ่งพิเศษ ข้ารู้สึกแตกต่าง แต่ข้ากลับไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงทำให้คนอื่นๆ กลัว ข้าพยายามใช้มันเพื่อแสดงให้พ่อแม่เห็นว่า ข้าสามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่สิ่งที่ข้าได้รับกลับเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรังเกียจ” ลูเซียสหยุดไปช
ชีวิตของไรอันและลีอาเดินหน้าไปสู่ความสงบสุขที่พวกเขาเคยฝันถึง หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและการสูญเสียที่ทำให้หัวใจของพวกเขาต้องบอบช้ำ พวกเขาก็ได้สร้างครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น หมู่บ้านที่เคยถูกครอบงำด้วยเงามืดกลับมาสดใสอีกครั้ง และชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับงานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความยินดีและความหวังลีอาและไรอันมีลูกแฝดชายหญิงที่เปรียบเสมือนดวงดาวสว่างไสวในชีวิตของพวกเขา เด็กทั้งสองคนเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาและความสดใสที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกถึงความหวังและความสุขที่แท้จริง ครอบครัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ไรอันเป็นพ่อที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและปกป้องลูกๆ ด้วยชีวิต ขณะที่ลีอาเป็นแม่ที่อบอุ่นและอ่อนโยน คอยดูแลทุกคนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักในขณะเดียวกัน เอลเลียตและเฟนิกซ์ก็ออกเดินทางไปผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ เพื่อฝึกฝนตนเองและค้นหาความหมายใหม่ในชีวิต พวกเขาเลือกที่จะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ออกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกด้านอาเรียน่าเองก็เลือกทางเดินที่แตกต่างออกไป เธอตัดสินใจออกเดินทาง
ลูเซียสหายใจลึก รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกยกออกจากบ่าของเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าความมืดในจิตใจของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและหาความสงบสุขในตัวเองก็มีมากกว่าลีอาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างไรอันก็ยิ้มให้ลูเซียสด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ “ข้ายังเชื่อในตัวเจ้า ลูเซียส ข้ารู้ว่าลึกๆ แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เจ้าก็แค่ต้องการคนที่จะเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างเจ้า”อาเรียน่าก้าวเข้ามาสมทบ “เราเป็นครอบครัว... ครอบครัวที่ยอมรับกันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว”ลูเซียสมองดูพวกเขาทั้งสี่คน น้ำตาที่เก็บกดไว้ตลอดหลายปีเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม เขารู้สึกถึงความโล่งใจและความหวังที่เคยสูญเสียไปนานแล้ว“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ข้าเคยทำ” ลูเซียสกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษที่ข้าเคยเลือกทางที่ผิด และข้าขอโทษที่ข้าพยายามจะทำร้ายพวกเจ้า”“เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลูเซียสและยื่นมือออกไป “สิ่งสำคัญคือเจ้าได้กลับมา และเราจะผ่านทุกสิ่งไปด้วยกัน” ไ
"ในคืนหนึ่ง... ข้าจำได้ว่าแม่ของข้าไม่ได้มาร่ำลาข้า ข้าเพียงเห็นแผ่นหลังของพ่อที่หันมาเอ่ยคำสุดท้ายกับข้า 'เจ้าต้องไป...เพื่อปกป้องตระกูล' คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวข้าตลอดมา ข้าถูกขับไล่ออกจากบ้าน ถูกส่งไปในป่าลึก โดยไม่มีแม้แต่ใครสักคนที่จะมาอธิบายว่าเหตุใด ข้าเป็นแค่เด็ก แต่ข้ากลับถูกทิ้งไว้ในความมืด โดยไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีความอบอุ่นของครอบครัว" เขาก้มหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น"ตอนที่ข้าจากไป ไรอันยังไม่เกิด พ่อและแม่ของเราคิดว่าเมื่อข้าไม่อยู่แล้ว พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ข้าถูกลบออกจากความทรงจำของครอบครัว...และไรอัน เขาเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา"ลีอาหันไปมองลูเซียสอย่างตกตะลึง เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาก่อน ลูเซียส...พี่น้องร่วมสายเลือดของไรอัน ถูกผลักไสออกจากครอบครัวในวัยเด็ก เพียงเพราะพลังที่เขาไม่ได้เลือกที่จะมี"ข้าเร่ร่อนอยู่ในป่า เดียวดายและเต็มไปด้วยความกลัว ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอย่างไร ข้ารอคอยวันที่ครอบครัวจะมารับข้ากลับ แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง ข้าโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความเกลียดชัง ข้าเรียนรู้ที่จะใช้พ
แต่ลีอากลับก้าวออกมาจากเงามืดนั้นอย่างช้าๆ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าไรอันและอาเรียน่า น้ำตาของเธอไหลลงมาเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากพวกเขา “ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษที่ข้าเคยละทิ้งพวกเจ้า...”ไรอันยิ้มอย่างอ่อนโยนและก้าวเข้ามากอดเธอไว้ “ไม่เป็นไร ลีอา เจ้ากลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตัวอาเรียน่าเริ่มส่องประกายอย่างแรงกล้าอีกครั้ง ลูเซียสรู้สึกถึงพลังที่ถอยห่างจากตัวเขา ความมืดที่เคยทำให้เขาแข็งแกร่งกลับกลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอที่เข้ามาครอบงำ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหวและอ่อนแรงลง “ไม่... ไม่!” ลูเซียสตะโกนด้วยความสิ้นหวัง แต่พลังที่เขาเคยยึดมั่นกลับหายไปทีละน้อย เงามืดที่เคยล้อมรอบตัวเขาเริ่มจางหายไป ราวกับว่ามันถูกดูดกลืนเข้าสู่แสงสว่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ลีอายังคงมองไปทางลูเซียสที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความสับสน ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสารและความเห็นใจสะท้อนถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เธอมีต่อลูเซียส แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจิตในช่วงเวลาที่อยู่กับเขา แต่เธอก็สามารถจดจำทุกเรื่องราวท
พลังเงามืดของลูเซียสถูกต้านทานด้วยบาเรียน้ำของไรอันและแสงสว่างของอาเรียน่า แต่ลูเซียสก็ไม่ยอมแพ้ เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีและปล่อยคลื่นพลังมืดออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงและน่ากลัวกว่าครั้งก่อน มันเป็นพลังที่ถูกหล่อหลอมจากความแค้นและความโดดเดี่ยว คลื่นพลังมืดที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่รุนแรง แต่ยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ลูเซียสไม่มีเจตนาที่จะยอมแพ้หรือยอมให้ใครเข้ามาขวางทางเขาได้อีก เอลเลียตที่เป็นด่านแรกของการป้องกัน ยังคงยืนหยัดไม่ถอย เขาใช้กระบองเหล็กของเขาฟาดลงไปที่พื้นอีกครั้งเพื่อสร้างแรงกระแทกที่พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับพลังเงามืด แต่ความรุนแรงของพลังมืดนั้นกลับทำให้พื้นดินแตกออกเป็นรอยแยก ลมพายุจากพลังมืดกวาดเอาเศษซากและฝุ่นผงขึ้นมาหมุนวนรอบตัวเอลเลียต ทำให้การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว อย่างไรก็ตาม เอลเลียตยังคงยืนอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางของเขา “พวกเจ้ารีบทำสิ่งที่ต้องทำ!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่ยังเต็มไปด้วยพลัง “ข้าจะยืนหยัดตรงนี้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ไรอันรู้ดีว่