“การหาเลขาสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จะรับสมัครสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ นอกจากต้องใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษได้ในระดับดี คนคนนั้นต้องซื่อสัตย์ สามารถเก็บความลับของบริษัทได้ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ คุณพรรณเขาถึงเลือกเรามาให้พี่ยังไงล่ะ”
“คุณพรรณเสนอชื่อริสาเองจริง ๆ เหรอคะ” คาริสาถามย้ำอีกหน แต่น้ำเสียงอ่อนลงมาก เพราะที่ผ่านมาศรุตไม่เคยโกหกเธอเลยสักครั้ง
“ริสาก็น่าจะรู้จักพี่ดี พี่คงไม่เสี่ยงให้งานเสียหาย เพียงเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว แน่นอนว่าถ้าเราไม่ผ่านทดลองงาน พี่ก็คงต้องให้ฝ่ายบุคคลเฟ้นหาคนที่เหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่นี้แทน” แม้มุมปากจะปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ แต่แววตาของศรุตกลับจริงจังเป็นที่สุด ทำให้คาริสารู้สึกว่าทั้งหมดคือความจริง
“แต่ริสาไม่ได้จบด้านเลขานุการโดยเฉพาะนะคะ” ริมฝีปากสีชมพูยังคงส่งคำท้วงติงออกมาอีกหน
“ถ้าคนที่ได้เกียรตินิยมอันดับสองอย่างเราจบสายตรงมาตั้งแต่แรก พี่กับคุณพ่อคงไม่ปล่อยเราไปทำงานในแผนกล่ามให้เสียเวลาหรอก ริสา...พี่เชื่อว่าเรารับมือได้” ศรุตให้ความเชื่อมั่นกับเธอด้วยน้ำเสียงมั่นคงหนักแน่น
“ก็ได้ค่ะ ริสาจะลองดู” หลังจากนิ่งคิดถึงเหตุผลทั้งหมดอยู่ครู่หนึ่ง คาริสาก็เลือกคว้าโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานเอาไว้ อย่างไรเงินเดือนของเลขา CEO ย่อมดีกว่าพนักงานแผนกล่ามตัวเล็ก ๆ
“เอาละ ในเมื่อตกลงใจได้แล้วก็รีบไปเคลียร์งานที่เหลือให้เสร็จ อาทิตย์หน้าก็ย้ายไปอยู่หน้าห้องพี่เขาได้เลย” ศรันย์กล่าวสรุปด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้ม
“ค่ะคุณพ่อ” คาริสาตอบรับเสียงหวาน สีหน้ากลับมาแช่มชื่น “เอ่อ...มีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ริสาขอโทษนะคะ ที่บุ่มบ่ามเข้ามา”
“ไม่เป็นไร มาตาเขารู้ว่าควรทำยังไง ไม่ต้องกังวลไปหรอก” ศรันย์ย่อมรู้ว่าลูกสาวคนสวยกลัวว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกไป
“ขอบคุณค่ะพ่อ งั้น ริสาขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วคาริสาก็หันหน้าไปหาพี่ชายต่างสายเลือด พร้อมเอ่ยลาด้วยรอยยิ้ม “ริสากลับก่อนนะคะพี่ศรุต”
“จ้ะ” นัยน์ตาสีเข้มติดตามเงาร่างในชุดกระโปรงชาแนลสีขาวพอดีตัวไปจนลับตา
“ลูกสาวคนนี้ก็เหลือเกิน พ่ออธิบายยังไงก็ไม่ฟัง กลับฟังแกซะอย่างนั้น” ศรันย์พูด ขณะที่จับสังเกตลูกติดของภรรยาที่มองตามลูกสาวของตนเองตาไม่กะพริบ
“จริง ๆ ริสาเขาเป็นคนมีเหตุผล ถึงผมไม่เข้ามา ยังไงคุณพ่อก็จัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยากอยู่แล้วครับ” ศรุตหันกลับมาหาศรันย์ กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว” ศรันย์หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ก่อนจดจ้องไปทางศรุตด้วยสายตาจริงจัง “แต่ต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแกแล้ว เพราะพ่อคงไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของหนุ่มสาว”
“คุณพ่อ...” ศรุตไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่เขามีต่อคาริสาก็จริง แต่ไม่คิดว่าศรันย์จะพูดตรงไปตรงมากับตนเองขนาดนี้ จึงอดเลิ่กลั่กไม่ได้
“คุณพง คุณพ่ออะไร! แกอย่ามาทำเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบแปดหน่อยเลย นี่สามสิบสองเข้าไปแล้ว ยังไปไม่ถึงไหน มัวแต่ชะล่าใจ ระวังเถอะ สุนัขจะคาบไปรับประทาน” ศรันย์ส่ายหัวดิก เขาลุ้นอยู่นานแล้ว แต่ศรุตกลับเดินเกมช้าเสียยิ่งกว่าช้า ใจเย็นจนเขาต้องคิดแผนการส่งคาริสาไปเป็นเลขาส่วนตัวให้ หวังว่าคราวนี้พ่อเจ้าประคุณจะสามารถชนะใจลูกสาวคนสวยของเขาได้ เพราะถ้าเด็กสองคนลงเอยกัน ตนเองก็คงหมดห่วงเรื่องผู้สืบทอดกิจการ
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” มุมปากของศรุตโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง เขารู้สึกมานานแล้วว่าตนเองโชคดีที่มารดาแต่งงานกับศรันย์ เพราะบนโลกใบนี้ จะมีพ่อเลี้ยงสักกี่คนที่ดีกับลูกติดภรรยาอย่างจริงใจเหมือนกับคนตรงหน้า
“เอาไว้จีบน้องให้ติดก่อนเถอะ ค่อยมาขอบคุณ” พอพูดจบ ศรันย์ก็คว้าสมุดรอเซ็นที่มาตาวางไว้ให้นานแล้วขึ้นมาอ่าน
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ศรุตคิดว่าควรจะกลับห้องทำงานของตนเองเสียที พอกล่าวอำลาเสร็จก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับความรู้สึกยินดี คราวนี้เขาตั้งใจจะเดินหน้าเต็มสูบ
ริสา พี่จะไม่รีรออีกแล้ว
“ตอนแรกก็พากันใจหายทั้งกอง ไม่รู้ว่าจะต้องเลื่อนการเปิดกล้องออกไปจนกว่าจะหาคิวดาราคนอื่นได้หรือเปล่า แต่บังเอิญพี่เคนเขา...พอจะเลือกหา ‘ผู้หญิงในสังกัด’ มาแทนได้” ช่างแต่งหน้าของภีรดาว่า“ว้าย! หล่อนอย่าได้พูดแบบนี้ให้คุณเคนได้ยินเลยนะยะ” ช่างแต่งหน้าอาวุโสที่ทนฟังอยู่สักพักแล้วร้องปรามขึ้นมา“ทำไมล่ะ ก็คนนี้เด็กพี่เคนไม่ใช่เหรอ” ช่างแต่งหน้าของภีรดาเลิกคิ้วถาม“เรียกอย่างนั้นไม่ได้ คนนี้ไม่เหมือนที่ผ่าน ๆ มา”“อ้าว! แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ” ช่างแต่งหน้าของอธิปชิงถาม“คนนี้ตัวจริง”“หมายความว่ายังไงอะ” คราวนี้ช่างแต่งหน้าขาเมาท์ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน“ความจริงฉันก็ไม่อยากพูดมาก แต่จะปล่อยให้พวกแกปากเสียใส่คุณกุ๊กกิ๊กเขาไม่ได้ เพราะคนนี้น่ะผ่านการดูตัวแบบเป็นทางการกับคุณเคนเขา ไม่ใช่แค่กิ๊กกั๊กชั่วครั้งชั่วคราว”“อูย...พี่พูดแบบนี้หนูนี่อยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้พี่เคนยอมถอดเขี้ยวเล็บได้จังเลย”“นี่แกไม่รู้จักกุ๊กกิ๊ก กีรติกานต์ นางร้ายดาวรุ่งพุ่งแรงของช่องสี่สิบเหรอ” ช่างแต่งหน้าอาวุโสขมวดคิ้วมอง“หา...คนนั้นน่ะเหรอ ไม่เห็นเท่าไหร่เลย พี่เคนเขาหลงอะไรของเขากัน” ช่างแต่งหน้าของอธิปทำหน้า
อธิปมองดูจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ หลายวันที่ผ่านมา นอกจากข้อความตอบกลับแสนธรรมดา กับคำว่าขอโทษนะคะกุ๊กกิ๊กติดงาน ก็ไม่มีสัญญาณที่ดีจากหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงเลยสักนิด หากเป็นผู้หญิงคนอื่น ลองเขาได้ส่งข้อความไปชวนให้ออกไปเที่ยวด้วยกัน สาว ๆ เหล่านั้นก็จะรีบตอบตกลงทันทีที่ผ่านมาเขาเคยตกลงคบหากับหญิงสาวแบบไม่เปิดเผยสถานะอยู่สองสามคน ระหว่างที่ศึกษาดูใจกัน เขากับเธอคนนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์กับคนอื่น เรียกได้ว่าทำทุกอย่างเหมือนคนรัก แต่ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ แน่นอนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจากความสมัครใจ แต่ผู้หญิงเหล่านั้นมักอดทนได้เพียงไม่นาน หลังจากความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันไม่เท่าไร ก็ร่ำร้องว่านี่คือรักแท้ อยากให้เขาประกาศเปิดตัวเจ้าหล่อนในฐานะคนรักของซูเปอร์สตาร์ชื่อดังอย่างเป็นทางการทว่านอกจากจะไม่สมหวังแล้ว กระทั่งสถานะคนในความลับก็ยังไม่มีเหลืออธิปตัดความสัมพันธ์กับคนที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างไม่เคยอ่อนข้อเนื่องจากไม่เคยทำเรื่องฉาวอย่างข่มขืน หรือล่อลวงแฟนคลับ การออกเดตกับหญิงสาวมากหน้าหลายตาจึงไม่ทำให้ชื่อของพระเอกหนุ่มอย่าง ธรรม์ อธิป ด่างพร้อย อย่างมากก็ถูกนักข่าวเขียนแซวโดยใช
หลังจากมารดาที่หย่าขาดจากบิดาพบรักใหม่กับชาวต่างชาติ แล้วตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างประเทศ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่จึงเหลือเพียงคาริสากับแม่บ้านที่บิดาของเธอส่งมาอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน พอวันนี้มีคนอื่นมานอนค้างเจ้าตัวจึงค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะไม่ต้องนอนเหงาเพียงลำพังกีรติกานต์เดินไปยังกรอบรูปที่ผนังด้านหนึ่งในห้องนอนสีหวานของคาริสา ดวงตากลมโตกวาดมองภาพถ่าย เสื้อที่เขียนคำอวยพรไว้จนเต็ม ดอกไม้ซึ่งแห้งไปแล้ว และกระดาษเอสี่ที่จั่วหัวว่า ‘สัญญาแต่งงาน’แม้กระดาษแผ่นนั้นจะเป็นได้แค่สัญญาเด็กเล่น แต่กีรติกานต์รู้ดีว่ามันมีอิทธิพลต่อคาริสาอย่างมาก แม้เพื่อนรักจะปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้รอลูกชายท่านเอกอัครราชทูตอย่าง กฤษณ์ กลับมาสานต่อความสัมพันธ์ในวันวาน แต่ผู้ชายที่พอจะทำให้เธอยอมออกเดตด้วยได้ ก็มักจะมีอะไรคล้ายกับกฤษณ์อยู่อย่างสองอย่างเสมอแต่ถึงจะคิดแบบนั้น กีรติกานต์ก็ไม่เคยย้ำหัวตะปูให้เพื่อนรักรู้สึกแย่ที่ตนเองรอผู้ชายที่ไม่รู้จะกลับมาหรือเปล่าอยู่แบบนี้ เธอได้แต่หวังว่า ศรุต ลูกติดมารดาเลี้ยงของคาริสาจะเลิกปอดแหกแล้วใส่เกียร์เดินหน้าจีบน้องสาวร่วมโลกแบบจริงจังเสียที ไม่รู้ว่าเขาติดอะไร
“ขอบคุณนะคะที่ยังจำได้ แต่พี่เคนไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เพราะพอคุณพ่อรู้ว่าริสาจะมาดูคอนโดฯ ท่านเลยให้คุณมาตามาดูแลริสาค่ะ”“จะไปยากอะไร ก็ให้เขากลับบ้านไปคนเดียวสิครับ”“ริสาทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถ้าคุณพ่อรู้เข้าคุณมาตาจะต้องโดนตำหนิ”คนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นโอกาสดีจึงรีบผสมโรง “จริงค่ะ พ่อยายริสาดุมาก ดีไม่ดีถ้าท่านสงสัยว่าพี่เคนมาจีบลูกสาวคนเดียวของท่าน อาจจะเกิดปัญหาอะไรก็ได้นะคะ”“อ่า...งั้น ก็ได้ครับ” จีรนนท์ไม่คิดจะมีปัญหากับสปอนเซอร์รายใหญ่ ถ้าเกิดถูกถอดโฆษณาขึ้นมาคงจะแย่ ยังไงกีรติกานต์ก็ไปกับคาริสา ไม่ได้ไปกับผู้ชายคนอื่นเสียหน่อย“ริสาขอตัวก่อนนะคะพี่เคน”“ไว้เจอกันนะคะ” กีรติกานต์บอกลาผู้กำกับหนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าข้อมือเพื่อนสาวแล้วพาเธอตรงดิ่งไปทางลานจอดรถของคอนโด“เดี๋ยว นี่แกจะพาฉันไปไหนเนี่ย” คาริสาที่ถูกลากออกมาทางลานจอดรถเอ่ยถาม“ก็ไปขึ้นรถไง” กีรติกานต์ตอบพลางชะเง้อชะแง้หารถของมาตาเลขาของบิดาเพื่อน“แล้วแกรู้เหรอว่ารถพี่มาตาจอดอยู่ตรงไหน”“เอ่อ...ไม่รู้หรอก” กีรติกานต์หยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมามองเพื่อนสาวพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ๆ“แหม แล้วก็เดินเหมือนรู้เลย” คาริสาหัวเ
ชายหนุ่มได้ฟังก็หลับตาลงทันที ลุ้นว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของเขากับเธอจะทะยานไปได้ถึงขั้นไหนหลังจากได้รับจูบเป็นรางวัล กีรติกานต์มองใบหน้าคร้ามคมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเขาแล้วถอนหายใจ ก่อนประทับริมฝีปากลงตรงแก้มของเขาซ้ายทีขวาที“ขอบคุณนะคะ”“พี่ก็ขอบคุณน้องกุ๊กกิ๊กเหมือนกันครับ” แม้จะเสียดาย แต่สายตาของจีรนนท์ก็ยังเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง เขาไม่เคยจริงจังกับใครเท่านี้มาก่อน เพื่อเธอเขาถึงกับเลิกรากับหญิงสาวทุกคนในสังกัด และพยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “หวังว่าคราวหน้าจะไม่ใช่แค่หอมแก้มนะ”ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มบางเบา ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธออกจากริมฝีปากอิ่มจีรนนท์เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเพื่อนรักบิดา เขากับเธอพบกันครั้งแรกหลังจากตกลงดูตัว แน่นอนว่าชายหนุ่มดีกรีผู้กำกับฝีมือเยี่ยมมีเสน่ห์ร้อนแรงมากจริง ๆ ส่วนเธอเองก็สวยเซ็กซี่จนเขาตะลึง และเพื่อไม่ให้บิดามารดาจับพวกเขาไปดูตัวกับใครอีก จีรนนท์ที่ถูกใจกีรติกานต์ตั้งแต่แรกเห็น จึงเสนอให้พวกเขาลองบอกกับทางครอบครัวว่าจะลองศึกษานิสัยใจคอกันดูก่อน ตอนนั้นกีรติกานต์เห็นด้วยกับเขายิ่งเวลาผ่านไปผู้กำกับหนุ่มชักจะรุกหนักขึ้นเ
[ช่วงบ่ายนางจะแถลงข่าวแล้ว พี่เคนผู้กำกับต้องหาคนมาแทน เห็นบอกจะประกาศเปิดตัวดาราที่มารับบทแทนวันฟิตติ้งเลยน่ะ ตอนนี้ทีมงานคงวุ่นวายไปหมด ในเมื่อเรื่องมันสุดวิสัยจริง ๆ ธรรม์อย่าหัวเสียเลยนะ]“วันไหนครับ” อธิปพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ทีมงานเองก็คงเซ็งไม่แพ้กัน[อีกห้าวัน ส่วนสถานที่ก็โรงถ่ายเดิมนั่นแหละ]“โอเคครับ” พอรู้ว่าวันพักผ่อนของตนเองถูกเบียดเบียนเพียงวันเดียว เขาเลยไม่ค่อยหงุดหงิดเท่าไร[พี่รู้อยู่แล้วว่าธรรม์เป็นคนมีเหตุผล เจอกันหกโมงเช้านะ เดี๋ยวพี่ไปรับ บายจ้ะ]“บายครับพี่เมนี่”พูดจบอธิปก็โยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะหัวเตียง ขณะนั้นเองเขาถึงเห็นว่ามีกระดาษโน้ตที่เกือบถูกกองซองถุงยางอนามัยกลบวางอยู่ด้วยมือหนารีบคว้ากระดาษแผ่นน้อยมาอ่านอย่างรวดเร็วฉันมีธุระต้องขอตัวกลับก่อน เห็นคุณหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก มีอะไรก็ติดต่อมาแล้วกันนะคะ KookKik01อธิปคว้าโทรศัพท์กลับมาอีกครั้ง แล้วจัดการแสกนหาไอดีไลน์ของเธอ ฉับพลันรอยยิ้มบางเบาสลักลงบนใบหน้าคม ความมั่นใจในเสน่ห์เหลือร้ายของตนเองถูกกู้กลับมาอีกครั้ง ดาราหนุ่มไม่เชื่อว่าเธอไม่อยากสานต่อเรื่องเมื่อคืน เพียงแต่เ