แสตนเนอร์ส่ายหัว “เรากำลังสืบสวนอยู่ ผมพอจะบอกพวกคุณได้คร่าว ๆ ว่าทั้งสองถูกลักพาตัวโดยกลุ่มขบวนการที่เรายังจับไม่ได้ และต้องใช้เวลาสืบสวนพอสมควรเพราะข้อมูลถูกลบไปหมด...”
“ถูกลบไปหมด” เรมีโพล่งขึ้นมา “แสดงว่าพวกคุณอยู่เบื้องหลัง...”
“พวกคุณ?” ชายผมสกินเฮดถอนหายใจ “มีคนในกลุ่มพวกเราอยู่เบื้องหลัง ถูกต้อง แต่ไม่ใช่พวกเราทั้งหมด ผมขอแก้ตัวหน่อยก็แล้วกัน คิดดูสิ ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนเปลี่ยนยกหน่วยถูกไหม คำกล่าวหาแบบนี้ระวังนิดนึงนะพ่อหนุ่ม” เขาแตะมือตัวเอง “เอาล่ะ ตอนนี้เบ็กกี้ ควินน์อาจยังอยู่ในเงื้อมมือพวกมันหรือหลบอยู่สักที่ ยังไงพวกเราจะพยายามหาเพื่อนพวกเธอให้เจอ”
เทสซ่ากัดปาก เธอควรบอกเรื่องความฝันของมินนี่ดีหรือไม่
ไม่ทันได้ตัดสินใจ เรมีเป็นฝ่ายเผย “เบ็กกี้มีพลังเกี่ยวกับความฝัน” แสตนเนอร์เลิกคิ้วรอฟัง “เธอส่งภาพบางอย่างผ่านความฝัน พวกเราเห็นดวงไฟ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เธอดูเหมือนจะขยับตัวไม่ได้”
“พวกเรา?” เขากวาดตามองทุกคน
“เป
บราวน์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า วาร์กเนอร์เป็นหัวหน้าทีมคนก่อน“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ แต่นัยน์ตาจับจ้องที่ดวงหน้าผู้ถาม สีหน้าของเดวิสดูซีดลงเล็กน้อย นัยน์ตาหม่นแสงลงคล้ายกับไม่สบายใจ เขาไม่แน่ใจนักว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไปถึงขั้นไหน แต่คงมากพอที่จะให้วาร์กเนอร์พยายามหาข้อมูลไปประเคนชายหนุ่มคนนี้ได้งี่เง่า โดยเฉพาะวาร์กเนอร์ที่ดันผันตัวจากไฟเป็นหิ่งห้อย“พวกเราตกใจนิดหน่อยว่าอาจมีปัญหาอะไรหรือไม่...” ดูเหมือนเขาพยายามจะหาเหตุผลเพื่อไม่ให้ตัวเองดูผิดปกตินัก นายน้อยโวลคอฟคลี่ยิ้มน้อย ๆ “...หรือมีข้อตกลงที่ฝ่ายคุณไม่พอใจเป็นต้น”“ไม่หรอกครับ” บราวน์ตอบทันที “ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่คุณวาร์กเนอร์ถูกย้ายไปประจำตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่า ทีแรกผมกังวลที่ต้องมาประสานงานต่อ แต่อย่างที่เห็น ทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกอย่างการโยกย้ายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจเบื้องบน มัน...ค่อนข้างจะเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ...” เขาวางมือลงบนโต๊ะ “...งานตรงนี้หรอกครับ”ในห้องเงียบไปสักพัก เค
ปัญหาไม่ใช่เนื้อหางานหรือรูปแบบของงานแต่อย่างใด แต่มันคือเหตุใดต้องเป็นเขาระแคะระคาย? ก็อาจเป็นไปได้ แต่อย่างที่บราวน์สรุปไปก่อนหน้า เมื่อไม่ลงมือก็แปลว่าขาดหลักฐาน เมื่อไม่จัดการก็แปลว่ายังต้องการอยู่ดังนั้นหากบราวน์จะรู้สึกเสียวสันหลังนิดหน่อยก็ไม่แปลกนัก การประสานงานกับคนภายนอก ทั้งยังต้องระมัดระวังข้อมูลไม่ให้รั่วไหล ยิ่งบราวน์ตงิดใจว่าถูกจับตามอง หากแม้เขาระวังตัวเพียงใด แต่คนใต้อำนาจเกิดสะเพร่าขึ้นมาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อย่างไรเสียเขาก็ต้องโดน...ก็นะ ถ้านี่ไม่ใช่กับดักขอเถอะ อย่างน้อยให้ส่งของก่อนสักพัก เคย์ซี่เข้ามาเสิร์ฟกาแฟ เมื่อเธอหันหลัง บราวน์อดไม่ได้เหลือบมองบั้นท้ายกลมกลึง กระโปรงของเธอยาวพอดีเข่า แต่เพราะมันรัดรูปจนเห็นเป็นทรงสวย...ผลของการสควอทสินะ เขาสังเกตเรียวขาที่มีเส้นกล้ามเนื้อบ่งบอกว่าออกกำลังกายอย่านอกเรื่อง เขาส่ายหัว อย่างไรก็เป็นผู้ชาย มองนิดมองหน่อยไม่เป็นไรแต่อย่าทำให้สมาธิเสียก็เท่านั้น เขายักไหล่ให้ตัวเองแล้วมองข่าวบนจอโทรทัศน์“...กองทัพส่งกำลังเสริมเข้าต้านฝ่ายก่อกา
เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ผสานไปกับเสียงแตรรถ เครื่องยนต์ และประกาศต่าง ๆ ไม่ว่าจะโฆษณาเชิญชวนซื้ออาหารกล่องยามเช้า ไปจนถึงเครื่องดื่มบำรุงกำลัง รณรงค์ให้สวดมนต์เพื่อขอให้พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานอภัยแก่บาปของมนุษย์ บางคนหยุดแวะสนทนากับคนรู้จัก บ้างเดินฝ่าฝูงชนเพื่อรีบเข้าไปแตะบัตรให้ทัน ส่วนเขาเพียงแค่หยุดมองหนังสือพิมพ์ที่แขวนเรียงกันอยู่บนเพิงขาย ชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทักคนแปลกหน้าเพียงเพื่อถามเรื่องราวที่ปรากฏอยู่บนข่าวหน้าหนึ่ง“คุณว่าไง” ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปลายกระตุกแขนเสื้อโดยไม่คำนึงถึงมารยาทนอกจากอยากสนทนาล้วน ๆ หากไม่ใช่เพราะเขาอยากสัมผัสชีวิตมนุษย์เงินเดือนครั้งแรก อยากเห็นหน้าค่าตาผู้คนในสำนักงานจึงยอมเสียเวลาให้คนขับรถจอดตรงหัวมุมตึก ก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใส่สูท ไม่ใช่เครื่องแบบผ้าหนาและอาวุธครบมือ“ว่าไง จริงไหม คุณว่าเด็กพวกนั้นจะกล้าเผาจริงหรือ”บราวน์เลิกคิ้วพลางชายหางตามองคนดังกล่าว แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจหากแต่ยัดหนังสือพิมพ์ใส่มือเขา “เงียบทำไมเล่า คุณทำงานในนั้นก็ต้องรู้บ้างสิ” สายตาของเขาประเมินมองสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ชายคนนี้จงใจเข้ามาทักเพราะรู้
“สำหรับคำถามสุดท้ายขอติดไว้ก่อน เรื่องมันยาว” เธอตอบแล้วหันกลับไปเช็กจอมอนิเตอร์อีกครั้ง สักพักมีสัญญาณกะพริบขึ้นมา เธอรีบกดปุ่มหนึ่งบนแผงวงจรแล้วกระชากไมโครโฟนมาจ่อปาก “ฮัลโหล”พวกเขาได้ยินเสียงซ่าอยู่ราว ๆ สามสิบวินาที ต่อจากนั้นเป็นคำด่าหยาบคายล้วน ๆ หญิงสาวผมดำสั่นหัวเล็กน้อยแล้วหันมามองเขา ก่อนจะยื่นไมโครโฟนให้ “บอกชื่อตัวเอง พูดกับพวกเขาที” มันไม่ใช่คำขอร้อง เพราะไมโครโฟนถูกยัดใส่มือจอห์นแล้ว“ฮัลโหล” เขาพูดใส่ไมค์มีเสียงด่ากลับมาอีกรอบ ประมาณว่า ไปตายซะ สารเลว นีโอนาซี และอีกมากมายที่ออกมาราวกับฟังเพลงแร็ป“เอิ่ม” เขากระแอม “ผมชื่อ จอห์น ลีลอยด์ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ และ...กับผม...”เสียงในสายหยุด เขาได้ยินเสียงผู้หญิงแทรกขึ้นมาว่า “พูดดี ๆ สิ เรมี!”“คุณคือจอห์น ลีลอยด์?” ผู้ถือสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนลงในพริบตา“ใช่” จอห์นตอบ“ใครวะ” เขาได้ยินเสียงแทรก ผู้หญิงคนเดิมด่าคนที่แทรกขึ้น
เขาส่ายหน้าอีกครั้ง จนปัญญาจะตอบ โรซ่ามองหาวัตถุแข็ง ๆ มาทุบกระจก แต่ก็ไม่มีแถวนั้น จอห์นจึงต้องลองใช้ความสามารถดังกล่าวอีกครั้ง กว่าจะปลุกทุกคนจนครบก็แทบหอบ แถมโรซ่ายังซักถามไม่หยุดว่าเขากลายเป็นกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่เมื่อไร แถมยังตะบึงตะบอนงอนที่เขาไม่ยอมบอกอยู่ราวสิบนาทีพวกเขามีกันทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน จอห์นเดินนำทุกคนออกไปจากห้อง ทั้งหมดทำท่าเหมือนเด็กน้อยเล่นซ่อนแอบ ต่างระมัดระวังสุดฤทธิ์ แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันเป็นตึกที่ถูกทิ้ง ยังไม่ถึงกับร้างเพราะระบบไฟฟ้าทำงานปกติ ห้องหับส่วนใหญ่นั้นปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่เลย สถานที่ที่พวกเขาถูกจับมานอนนั้นมีลักษณะเหมือนตึกทดลอง มีส่วนสำนักงานที่ประกอบไปด้วยโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์จอบางเฉียบ ห้องประชุม ห้องทดลองที่ปราศจากสิ่งของทดลองใด ๆ ทั้งหมดจึงพยายามหาทางออก แต่เพราะไม่รู้เส้นทางก็กลายเป็นเดินสำรวจมากกว่าไม่มีใครรู้ว่าวันนี้วันที่เท่าไร เวลาอะไร ผ่านไปร่วมสามชั่วโมง แต่ละคนเริ่มหมดแรง จนกระทั่งโรซ่าเจอบันไดขึ้นไปอีกชั้น ที่นั่นเอง พวกเขาเห็นว่ามีห้องหนึ่งมีแสงสว่างมันคล้ายกับห้องควบคุมในยานอวกาศ แบบที่เขาเคยแสดงเป
เสียงผู้คนมากมายดังอื้ออึงอยู่รอบตัว แต่หนังตาหนักเกินกว่าจะลืมขึ้นได้ เสียงของใคร เสียงคนพวกไหน ถึงเวลาไปทำงานแล้วหรือยัง นาฬิกาไม่ปลุกสักที วันนี้เขาต้องทำอะไรนะ หรือว่าตอนนี้นอนอยู่ในบ้านหลังเก่า เมืองบลูเบลล์อันแสนสงบสุข เขานึก แต่ดูเหมือนสมองทำงานเชื่องช้าไม่ทันใจ หรือว่าวันนี้มีถ่ายแบบ หรือว่าเข้าฉาก ทำไมคนเยอะขนาดนี้ ใครเข้ามาในรถเทรลเลอร์ หรือว่าเขาแอบงีบหลับ ตื่นสิ ตื่นสักทีตื่น!แสงไฟสีขาวสลัวไม่ได้ทำให้แสบตาเท่าไรนัก แต่สติของเขานี่สิยังหน่วงแปลก ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนไอออกมารัว ๆ มือทั้งสองข้างยื่นออกไปแต่...ติดกระจก อะไรกัน เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตัวเขานอนเหยียดยาวอยู่ในโลงแก้วนี่นา คิดแล้วก็มองไปรอบ ๆเขานอนอยู่ในโลงแก้วจริง! แต่จะว่าอย่างไรดี มันไม่ได้อับจนหายใจไม่ออก กลับโล่งจมูกดีด้วยซ้ำ กระจกโค้งมนพอให้คนข้างในพลิกตัวนอนได้ แต่ใช่เวลาพลิกตัวแล้วหลับต่อหรือเปล่า...แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาหันไปทางซ้ายจึงเห็นร่างหญิงสาวผมสีทองนอนหลับสนิทราวกับเจ้าหญิงนิทรา เธอสวมชุดสีแขนยางกางเกงขายาวสีขาวสะอาดเหมือนกับเขาเลย หันไปทางขวาก็เจอผู้ชายนอนอยู่