แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน อิงลดาลืมตาตื่นก่อน หันไปเห็นภีมวัชยังนอนกอดเธอแน่น ใบหน้าหล่อเหลาซุกอยู่ตรงไหล่ของเธอ เสียงหายใจสม่ำเสมออย่างคนนอนหลับสนิท
“พี่ภีม ตื่นได้แล้วค่ะ” เธอเอื้อมมือเขย่าแขนเขาเบาๆ
“อืม...” เขาครางในลำคอ แต่กลับกอดเธอแน่นกว่าเดิม
“ขอนอนกอดอีกนิดนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้ต้องไปทำงานแล้วนะคะ” อิงลดาพูดเสียงจริงจัง พลางพยายามดันตัวเขาออกเล็กน้อย
ภีมวัชลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงตาคมยังเปล่งประกายขี้เล่น “งานไม่หนีไปไหนหรอก แต่เมียนี่สิ...ถ้าลุกออกจากเตียงไปแล้ว พี่ก็อดกอด”
อิงลดาถอนหายใจ ทำตาดุใส่เขา “พี่ภีม พี่ต้องเปลี่ยนโหมดแล้วนะ กลับมาเป็นหมอที่จริงจังกับงานได้แล้ว”
“งั้น...ขอกำลังใจก่อนสิ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ทำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็ก เธอเม้มปากอย่างอาย แต่ก็ยอมโน้มตัวลงไปหอมแก้มเขาเบาๆ
“พอใจหรือยังคะ” ภรรยาสาวถามเสียงขุ่นน้อยๆ
แต่ยังไม่ทันลุกออก ภีมวัชกลับพลิกตัวรวบเอวเธอเข้ามาแนบชิดแล้วพลิกเธอให้นอนหงาย
“ไม่พอ...” เสียงทุ้มพร่ากระซิบใกล้ใบหูจนเธอขนลุกซู่
“เมียให้แค่ห
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน อิงลดาลืมตาตื่นก่อน หันไปเห็นภีมวัชยังนอนกอดเธอแน่น ใบหน้าหล่อเหลาซุกอยู่ตรงไหล่ของเธอ เสียงหายใจสม่ำเสมออย่างคนนอนหลับสนิท“พี่ภีม ตื่นได้แล้วค่ะ” เธอเอื้อมมือเขย่าแขนเขาเบาๆ“อืม...” เขาครางในลำคอ แต่กลับกอดเธอแน่นกว่าเดิม“ขอนอนกอดอีกนิดนะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้ต้องไปทำงานแล้วนะคะ” อิงลดาพูดเสียงจริงจัง พลางพยายามดันตัวเขาออกเล็กน้อยภีมวัชลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงตาคมยังเปล่งประกายขี้เล่น “งานไม่หนีไปไหนหรอก แต่เมียนี่สิ...ถ้าลุกออกจากเตียงไปแล้ว พี่ก็อดกอด”อิงลดาถอนหายใจ ทำตาดุใส่เขา “พี่ภีม พี่ต้องเปลี่ยนโหมดแล้วนะ กลับมาเป็นหมอที่จริงจังกับงานได้แล้ว”“งั้น...ขอกำลังใจก่อนสิ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ทำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็ก เธอเม้มปากอย่างอาย แต่ก็ยอมโน้มตัวลงไปหอมแก้มเขาเบาๆ“พอใจหรือยังคะ” ภรรยาสาวถามเสียงขุ่นน้อยๆแต่ยังไม่ทันลุกออก ภีมวัชกลับพลิกตัวรวบเอวเธอเข้ามาแนบชิดแล้วพลิกเธอให้นอนหงาย“ไม่พอ...” เสียงทุ้มพร่ากระซิบใกล้ใบหูจนเธอขนลุกซู่“เมียให้แค่ห
หลังจากพุดคุยกันได้สักพัก อิงลดาก็ขอตัวจากแม่สามี“คุณแม่คะ อิงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวลงมาทานข้าวค่ะ”“จ้าลูก ไปเถอะ” ดาริกายกมือแตะหลังอิงลดาเบาๆ ส่งสายตาเอ็นดูสุดหัวใจพอร่างบอบบางเดินขึ้นบันไดไปจนลับสายตา ดาริกาก็หันมาทางลูกชายทันที สีหน้ายังเปื้อนยิ้ม แต่แววตาแฝงความจริงจัง“ภีมมานั่งคุยกับแม่หน่อยสิ”ภีมวัชยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนเดินไปทรุดตัวนั่งข้างมารดาอย่างว่าง่าย“ครับแม่ มีอะไรหรือเปล่า”“แม่อยากถามให้ชัดๆ สรุปว่าการแต่งงานที่ตอนแรกเหมือนจะเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกๆ เพื่อแก้ปัญหานั่น ตอนนี้มันจะกลายเป็นเรื่องถาวรแล้วใช่ไหม” ดาริกามองลูกชายตรงๆ น้ำเสียงตื่นเต้นกับสิ่งที่ตนเองคาดหวัง“ครับแม่ มันไม่ใช่การแต่งงานหลอกๆ อีกแล้ว อิงกับผมเรารักกันจริงๆแล้วครับ” ภีมวัชตอบด้วยสีหน้าเรียบแต่แฝงรอยยิ้มอ่อน ดวงตาคมทอดต่ำเล็กน้อย“แน่ใจแล้วนะลูก” ดาริกาถามย้ำ แววตาเปี่ยมความหวัง“แน่ใจที่สุดครับ แม่ก็รู้ผมไม่เคยเปิดใจให้ใคร ผมเย็นชากับผู้หญิงทุกคนมาตลอด เพราะหัวใจของผมมันมีเจ้าของอยู่แล้ว อิ
ทันทีที่ประตูปิดลง อิงลดาก็หันมามองสามีเต็มตา ดวงตาเป็นประกายทั้งโกรธ ทั้งหึง ทั้งโล่งใจ“พี่ภีม...พูดแรงมากเลยนะคะ”ภีมวัชถอนหายใจยาว ดึงภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น“พี่พูดเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เธอรู้ขอบเขต ไม่งั้นเธอจะไม่หยุดสักที”อิงลดาซุกหน้าลงกับอกกว้างของสามี เสียงเธอเบาแต่สั่นเครือ“ขอบคุณนะคะ อิงยอมรับตรงๆเลยว่าตั้งแต่ที่เราเปิดใจกัน อิงก็รักพี่ภีมมากขึ้นทุกวันและไม่อยากมีใครมาแทรกกลางระหว่างเราแล้วจริงๆ” ประโยคนั้นทำเอาคนฟังยิ้มกริ่ม ยิ่งได้ยินคำว่ารักหัวใจที่เย็นชาต่อคนทั้งโลกก็ยิ่งอ่อนไหวต่อคนตรงหน้า“จะไม่มีใครมาแทรกได้ เพราะพี่เลือกอิงแล้ว” เขากดจมูกลงบนเส้นผมของเธออิงลดายังซุกอยู่ในอ้อมกอดสามี แต่สายตาเธอเงยขึ้นสบตาคมคายที่ทอดมองมาอย่างมั่นคง ความลังเลยังค้างอยู่ในหัวใจจนเธอต้องถามออกไปเสียงเบา“พี่ภีม... อิงถามตรงๆ ได้ไหมคะ”“ได้สิ” ภีมวัชก้มลงแตะปลายจมูกกับหน้าผากเธอเบาๆ สีหน้าอ่อนโยน“พี่เคยมีใจให้หมอนัทบ้างไหม”ภีมวัชนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมยังคงจ้องเธออย่างจริงจัง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ“ถ้าพี่รักหมอนัท เราคงไม่เป็นเพื่อนกันมาได้สิบกว่าปีหรอกอิง”อิงลดากะพริบตาถี่ หัวใจเธอเต
“ใครโทรมาคะ” อิงลดาที่อยู่ข้างๆ ชะโงกหน้ามองสามีภีมวัชหันมามองหน้าภรรยา สีหน้านิ่งแต่ดวงตาเหมือนจะขอโทษ “คุณแม่บอกว่าหมอนัทมารออยู่ที่บ้าน”อิงลดาชะงัก ฝีเท้าหยุดกะทันหัน เธอหันหน้ามามองเขาเต็มๆ ดวงตาเริ่มแข็งกร้าวขึ้นทันที“หมอนัท”“อืม” เขาพยักหน้าเบาๆอิงลดากอดอกแน่น ปากเม้มจนเป็นเส้นตรง ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อด้วยความขุ่นเคือง “ภาณุเพิ่งสงบไปได้ไม่นาน หมอนัทก็ตามมารบกวนพี่ภีมอีกเหรอคะเนี่ย”“อิง...ใจเย็นๆ” ภีมวัชเอื้อมมือไปแตะไหล่ภรรยาอย่างปลอบโยน“จะให้ใจเย็นได้ยังไงคะพี่ภีม” เสียงเธอสูงขึ้น ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆ คลอ “อิงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องโดนแบบนี้ตลอด คนหนึ่งก็ภาณุที่ไม่เลิกรา อีกคนก็หมอณัชชาที่ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจ”ภีมวัชมองใบหน้าที่บึ้งตึงของภรรยาแล้วถอนหายใจเฮือก เขาโน้มตัวลงใกล้ๆ เอียงหน้าเข้าไปใกล้จนเธอต้องหลบสายตา“อิงฟังพี่นะ”อิงลดาเงียบแต่เม้มปากแน่นกว่าเดิม“ต่อให้ณัชชาจะตา
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้นยามเช้า อิงลดายกมือปัดอย่างลนๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองสามีที่ยังนอนหลับสนิท“พี่ภีม...” เธอเขย่าแขนเบาๆ“ตื่นได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันเที่ยวบินนะ”ภีมวัชขมวดคิ้วในความฝัน แค่ครางตอบ “อืม...อีกนิด” แล้วก็ดึงผ้าห่มมาคลุมหัวตัวเองอิงลดาถอนหายใจเฮือก “นี่ คุณหมอศัลยแพทย์คนเก่งของอิง จะขี้เซาแบบนี้ไม่ได้เลยนะคะ”“ก็เมื่อคืนนอนดึก เพราะมัวแต่กอดเมีย อยากทำเมียไม่ให้ทำ เลยนอนหลับไม่สนิท” เสียงทุ้มแหบพร่าดังลอดผ้าห่ม“พี่ภีม!” อิงลดาหน้าแดงขึ้นมาเองโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะส่ายหัวแรงๆ“นั่นแหละค่ะ ผลของการอ้อนเกินไป ทีนี้ตื่นเลยค่ะ เดี๋ยวไม่ทันจริงๆ”เขาค่อยๆ โผล่หน้าออกมา แววตายังเต็มไปด้วยความง่วง แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์“อิงใจร้าย ปลุกพี่เหมือนคุณครูปลุกนักเรียนขี้เกียจเลย”“ก็เพราะพี่ภีมทำตัวเหมือนเด็กขี้เกียจนั่นแหละค่ะ”“ไม่อยากกลับจริงๆ อยู่ตรงนี้มีอิง มีคุณพ
ภีมวัชนั่งพิงหัวเตียง มองภรรยาที่กำลังจัดผ้าห่มอย่างใจลอย ก่อนถอนหายใจออกมาเสียงดัง“เฮ้อ...”อิงลดาหันไปขมวดคิ้ว “เฮ้อทำไมคะพี่ภีม”“พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว พี่ยังไม่อยากกลับเลย” น้ำเสียงเขาหนักแน่นแต่แฝงความงอแงอยู่ในทีอิงลดาวางผ้าห่มลงแล้วนั่งข้างๆ “ไม่อยากกลับก็ต้องกลับค่ะ งานพี่รออยู่ อิงเองก็มีงานเหมือนกัน”“แต่กลับไปก็เจอเมียเอาแต่ทำงาน พี่เองก็งานเยอะ ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย แบบนี้จะมีประโยชน์อะไรที่กลับ” ภีมวัชหันมาสบตา“กลับบ้านมาก็เจอกันอยู่ดีค่ะพี่ภีม” อิงลดาหัวเราะเบาๆ“ไม่เหมือนกันหรอก” เขาขยับเข้าใกล้ จ้องหน้าเธอเหมือนจะจับผิด“ห่างกันก็ดีออก จะได้ไม่เบื่อกันง่ายๆ” อิงลดายักคิ้วกวนๆภีมวัชขมวดคิ้วทันที “พูดอะไรแบบนั้น อิงคิดว่าพี่จะเบื่ออิงเหรอ”อิงลดายักไหล่ “ก็เผื่อไว้ไงคะ”“จำไว้นะ อิง...พี่ไม่มีวันเบื่ออิง ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี พี่ก็ยังจะรักอิงเหมือนเดิ