Home / รักโบราณ / ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า / บทที่ 2 กำเนิดใหม่ในร่างเดิม

Share

บทที่ 2 กำเนิดใหม่ในร่างเดิม

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-19 19:00:14

ยามที่หลินเหม่ยเหยาลืมตาตื่นขึ้นมา นางก็พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนอนของตนเองในสกุลหลิน สภาพแวดล้อมภายในห้องล้วนมีสภาพเหมือนตอนที่นางยังไม่ได้ปักปิ่น ในยามนั้นหลินเจวี๋ยผู้เป็นบิดาของนางยังคงเข้าออกห้องของนางโดยไม่ได้ถือสาเรื่องธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น

“เหยาเหยา เจ้าดูนี่สิพ่อได้ฟู่จื่อมามากมาย เจ้าต้องช่วยพ่อตรวจสอบดูนะว่าพิษของมันถูกพ่อทำให้เจือจางลงไปจนหมดสิ้นแล้วหรือยัง” เสียงของหลินเจวี๋ยทำให้หลินเหม่ยเหยารีบขยับตัวลุกขึ้น ดึงม่านคลุมเตียงออกแล้วจ้องมองไปยังผู้ที่เดินเข้ามาในห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ท่านพ่อ!” เสียงเรียกกับท่าทีของบุตรสาวไม่ได้ทำให้หลินเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด ในตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขากำลังจดจ่ออยู่กับสมุนไพรที่เขาพึ่งจะได้มา

“อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย ดูนี่สิฟู่จื่อนี่คุณภาพดีมากทีเดียว” หลินเจวี๋ยพูดพลางยื่นกล่องไม้ใส่สมุนไพรให้บุตรสาวดู แต่หลินเหม่ยเหยากลับไม่สนใจนางโผเข้าไปโอบกอดบิดาของตนเองแล้วร่ำไห้ออกมา

“ท่านพ่อ ต้องโทษข้าที่มองคนไม่เป็น ทำให้ท่านและทุกคนในครอบครัวต้องได้รับเคราะห์กรรมอันเลวร้าย” ท่าทีของบุตรสาวทำให้หลินเจวี๋ยนิ่งงันไป เขายืนนิ่งให้บุตรสาวโอบกอด มือหนึ่งยังคงถือกล่องสมุนไพรเอาไว้ ส่วนอีกมือก็ลูบศีรษะของหลินเหม่ยเหยาด้วยความปลอบโยน

“เป็นอะไรไป ใครกันที่ทำให้เจ้าผิดหวังจนต้องมาร้องไห้กับพ่อถึงขนาดนี้ แม่เล็กรังแกเจ้าหรือ แล้วเคราะห์กรรมอันเลวร้ายที่เจ้าเอ่ยถึงคืออะไรกัน” เมื่อหลินเจวี๋ยถามเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็รีบส่ายหน้าในทันที

“ไม่เจ้าค่ะ แม่เล็กไม่เคยรังแกข้า นางดีต่อข้ามากกว่าที่ข้าเคยคาดคิดเอาไว้ด้วยซ้ำ ส่วนเคราะห์กรรมที่ข้าเอ่ยถึงนั้น...” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยยังไม่ทันจบประโยคก็สะอื้นไห้ออกมา แม่เล็กของนางมีนามว่าชุยอวี้หลัน นางแต่งเข้าจวนมาหลังจากที่มารดาแท้ๆ ของหลินเหม่ยเหยาจากไปได้ครบปี แรกเริ่มเดิมทีหลินเหม่ยเหยาไม่ชอบภรรยาใหม่ของบิดาผู้นี้มากนักด้วยกังวลว่าเมื่อบิดามีภรรยาใหม่ก็จะลืมเลือนนางและมารดาของนาง แต่หลายปีผ่านไปไม่เพียงชุยอวี้หลันไม่แตะต้องตำแหน่งฮูหยินผู้เป็นภรรยาเอกของมารดาของนาง จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตนางก็สิ้นใจไปในฐานะอนุคนหนึ่งของจวนสกุลหลินเพียงเท่านั้น

“คุณหนูใหญ่! ท่านรีบกลับไปเสียอย่าให้สามีของท่านและผู้อื่นรู้ว่าท่านมาหาพวกข้า ท่านจงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้ดี ลืมพวกข้าไปเสีย อย่าทำให้ตนเองต้องพลอยลำบากไปกับพวกข้าเลย” นี่คือคำพูดสุดท้ายก่อนที่จะจากกัน เมื่อบิดาของนางได้รับโทษประหารไปแล้วนางก็ไปหาชุยอวี้หลันและหลินโม่วผู้เป็นน้องชายของนางที่ถูกคุมขังอยู่ตั้งใจจะบอกกับพวกเขาว่านางจะหาหนทางช่วยพวกเขาให้ได้ แต่กลับถูกมารดาเลี้ยงขับไล่ สายตาแห่งความสิ้นหวังของมารดาเลี้ยงของนางทำให้นางรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ยามนั้นความเจ็บปวดใจที่ไม่อาจจะช่วยน้องชายและมารดาเลี้ยงได้ทำให้หลินเหม่ยเหยาเสียใจจนแท้งบุตร และเพราะการแท้งบุตรทำให้นางไม่ได้สติไปหลายวัน เมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมาทั้งน้องชายและมารดาเลี้ยงก็สิ้นชีวิตอยู่ที่ลานประหารตามบิดาของนางไปหลายวันแล้ว

“ไม่ใช่แม่เล็กของเจ้า แล้วใครกันเล่า” เมื่อบิดาถามเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็ส่ายหน้า แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อนางหันไปเห็นฟู่จื่อในมืออีกข้างของบิดา อีกทั้งยามนี้เนื้อตัวของบิดาก็สามารถจับต้องได้ไม่ใช่ความฝันอันล่องลอย นางยื่นมือได้หยิบฟู่จื่อในกล่องไม้มาดมกลิ่นแล้วลองกัดเพื่อชิมรสชาติดูรสเผ็ดร้อนที่ปลายลิ้นสัมผัสได้ทำให้นางหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง แล้วนางจึงได้หันไปมองกระจกในห้องแล้วก็พลันยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

‘ข้าได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งแล้ว อีกทั้งยังกลับมาตอนที่ยังอยู่ในวัยก่อนปักปิ่นอีกด้วย’ หลินเหม่ยเหยาคิดอยู่ในใจด้วยความรู้สึกยินดี

“เป็นอย่างไร เจ้าคิดว่าพิษในฟู่จื่อนี่ถูกขจัดออกไปจนหมดแล้วหรือยัง” เมื่อบิดาถามเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็พยักหน้า

“เป็นของดีเจ้าค่ะ ล้วนดีทั้งสิ้น ท่านพ่อข้ารู้สึกยินดีเหลือเกินที่ได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันกับท่านได้อีกครั้ง” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้บิดาของนางก็พลันขมวดคิ้วแล้วยื่นมือมาสัมผัสที่หน้าผากของนางในทันที

“ก็ไม่ได้ป่วยไข้นี่นา เหตุใดจึงได้พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยเช่นนี้กันเล่า” คำพูดของบิดาทำให้หลินเหม่ยเหยายิ้มออกมาอีกครั้ง อีกทั้งครั้งนี้หยาดน้ำตาบนใบหน้าของนางไม่มีอีกแล้ว

“วางใจเถิดเจ้าค่ะ ลูกสบายดีเป็นอย่างยิ่ง ก็แค่เมื่อครู่นอนนานมากจนเกินไปเพียงเท่านั้น ก็เลยฝันร้ายเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว” เมื่อนางพูดเช่นนี้หลินเจวี๋ยก็ทอดถอนใจออกมา

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เขาพูดพลางยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าบุตรสาวคลายอ้อมกอดแล้วและยามนี้ก็หันมาเกาะกอดท่อนแขนของเขาด้วยความออดอ้อนแทน แม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจที่ลูกสาวมีท่าทีแปลกประหลาดแต่เขาก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ ตั้งแต่เขามีชุยอวี้หลันบุตรสาวของเขาก็ไม่เคยทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาอีกเลย ท่าทีออดอ้อนของบุตรสาวแม้จะผิดธรรมเนียมอยู่บ้างแต่ในฐานะบิดาที่มีบุตรสาวเพียงคนเดียวการที่นางกลับมาทำตัวออดอ้อนดุจเด็กน้อยเช่นนี้มันทำให้เขาอดรู้สึกยินดีไม่ได้จริงๆ

สองพ่อลูกพากันเดินออกมานั่งวิเคราะห์สมุนไพรที่ได้มานอกเรือน หลินเหม่ยเหยาหันกลับไปมองเรือนหนิงอันของตนเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสุข ทุกอย่างยังคงเหมือนตอนที่นางยังไม่ได้ออกเรือน นางรู้สึกซาบซึ้งใจและรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวของนางอีกครั้ง หลังจากที่ได้สูญเสียทุกคนไปในชีวิตก่อนหน้านี้

“ท่านพ่อ สมุนไพรนี้ท่านได้มาจากที่ใดหรือเจ้าคะ” หลินเหม่ยเหยาถามด้วยความสนใจ

“พ่อได้รับมาจากเพื่อนเก่า นอกจากฟู่จื่อแล้วเขายังมอบชวนอูมาให้ด้วยนะ เพียงแต่ชวนอูนั้นเขายืนยันกับพ่อแล้วว่าเขาทำการขจัดพิษออกได้จนหมดแล้วมีเพียงฟู่จื่อนี่ที่เขายังไม่แน่ใจ” หลินเจวี๋ยตอบพลางยิ้มออกมา

“ช่างเป็นสหายที่ดีมากจริงๆ” หลินเหม่ยเหยาพูดพลางหยิบสมุนไพรขึ้นมาแล้วก็คิดถึงสหายของตนอย่างหยางสุ่ยเซียน ไม่ใช่แค่เพียงหมายปองสามีของนางแม้แต่ชีวิตของนางหยางสุ่ยเซียนก็ไม่คิดจะละเว้น หลินเหม่ยเหยาไม่เคยรู้เลยว่าสหายของนางจะมีจิตใจที่ดำมืดได้ถึงขนาดนั้น

“สักวันเจ้าก็จะได้พบกับสหายที่ดีเช่นพ่อ” เมื่อหลินเจวี๋ยเอ่ยเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็พยักหน้า

“เจ้าค่ะ สักวันลูกจะต้องได้พบกับสหายคนดีของลูกแน่ แล้ววันนั้นลูกจะต้องตอบแทนความดีของนางอย่างสาสมทีเดียว” นางเอ่ยพลางส่งยิ้มให้บิดา ทั้งสองพ่อลูกนั่งคุยกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ของเรือนหนิงอัน ความอบอุ่นและความรักในสายตาของบิดาทำให้หลินเหม่ยเหยาให้สัญญากับตนเองว่าชาตินี้นางจะต้องปกป้องบิดาและคนในครอบครัวให้ดี ไม่ดึงคนชั่วเข้ามาแล้วทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องประสบกับเคราะห์กรรมอันเลวร้ายดังเช่นในชาติที่แล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 10 คนสกุลซ่ง

    ต่อให้หยางเม่าพยายามสั่งให้คนในจวนสกุลหยางห้ามพูดถึงเรื่องความผิดของหยางสุ่ยเซียน แต่มีหรือที่เขาจะสามารถทำได้ จวนสกุลหยางมีคุณชายห้าคนและมีคุณหนูถึงหกคน มีเพียงหยางเจี้ยนและหยางสุ่ยอวี้ที่ถือกำเนิดจากฮูหยินคนก่อนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรและบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอก ส่วนนอกนั้นล้วนเป็นบุตรและบุตรีที่เกิดจากอนุเกือบทั้งสิ้น การแก่งแย่งชิงดีกันเองภายในจวนสกุลหยางดุเดือดไม่ต่างไปจากจวนขุนนางทั่วไปที่มีลูกหลานในจวนมากมายในจวนสกุลหยางมีเพียงหยางเจี้ยนและหยางสุ่ยอวี้ที่ไม่จำเป็นต้องลงไปแก่งแย่งชิงดีและประชันฝีมือด้วย ไม่เพียงชาติกำเนิดดีกว่าผู้อื่น แต่ก่อนที่ฮูหยินคนก่อนจะเสียชีวิตนางได้วางรากฐานให้บุตรชายและบุตรสาวเอาไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งฮูหยินคนใหม่ก็ไม่ค่อยจะมีฝีไม้ลายมือเท่าใดนัก หากไม่พึ่งพาหยางเจี้ยนและหยางสุ่ยอวี้ก็แทบจะสู้รบตบมือกับผู้ใดไม่ได้เลย คุณหนูภายในจวนที่มีฝีไม้ลายมือมากที่สุดและได้รับความโปรดปรานรองจากหยางสุ่ยอวี้ก็คือหยางสุ่ยเซียน ดังนั้นพอหยางสุ่ยเซียนพลาดพลั้ง ย่อมมีคนรอที่จะเหยียบย่ำนางให้จมดินอยู่แล้วหลินเหม่ยเหยานั่งทบทวนความทรงจำที่ตนเองมีต่อสกุลหยางด้วยความตั้งอกตั้ง

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 9 ทำลายชื่อเสียง

    นายท่านหยางจ้องมองหลินเหม่ยเหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ คำพูดที่ว่าหากนางไม่ยั้งมือป่านนี้บุตรสาวของเขาคงจะตายไปแล้วทำให้เขารู้สึกโกรธเคือง เขาจึงได้เอ่ยต่อว่าหลินเหม่ยเหยาออกมาตามตรง“คุณหนูใหญ่สกุลหลินคำพูดคำจาช่างโอหังเสียจริง ท่านรองหัวหน้าแพทย์หลวงหลินท่านดูบุตรสาวของท่านสิ ไร้มารยาทเช่นนี้วันหน้าจะมีสกุลใดอยากจะแต่งนางเข้าสกุลกัน” นายท่านหยางเอ่ยออกมาพลางจ้องมองหลินเหม่ยเหยาด้วยสายตาไม่ชอบใจ แต่หลินเหม่ยเหยากลับไม่ได้เกรงกลัวและไม่ได้ทำตัวเสียมารยาทนางย่อกายคารวะขออภัยด้วยท่วงท่าอันงดงามแล้วจึงได้เอ่ยตอบคำพูดของเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อม“ต้องขออภัยที่ล่วงเกินท่านหัวหน้าราชบัณฑิตหยางนะเจ้าคะ เพียงแต่คำพูดของข้าไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่หรือว่าแสดงความโอหัง แต่ข้าพูดตามความเป็นจริง ในยามปกติหากถูกทำร้ายข้าแค่โปรยยาพิษหรือไม่ก็ยาสลบก็สามารถเอาตัวรอดได้แล้ว แต่กับคุณหนูสามที่เคยเป็นสหาย ข้าลงมือทำร้ายนางไม่ลงหรอกเจ้าค่ะ แต่หากไม่ลงมือคนที่ถูกตบหน้าคงจะต้องเป็นข้าแน่ ถึงอย่างไรโทสะที่ถูกคุณหนูสามหมิ่นแคลนวงศ์สกุลก็ยังคงอยู่จึงได้ไม่คิดจะออมแรงที่ฝ่ามือเจ้าค่ะ” คำพูด

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 8 จงใจยั้งมือ

    ในขณะที่ทางจวนสกุลหลินกำลังพูดคุยถึงเรื่องน่ายินดีด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นที่มีให้กัน แต่ทางจวนสกุลหยางกลับเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ หยางเม่าผู้เป็นนายท่านใหญ่สกุลหยางได้แต่นั่งปลอบใจอนุคนโปรดของตนเองและบุตรสาวคนที่สามที่ถือกำเนิดจากอนุผู้นี้ด้วยความปวดใจ“ท่านพ่อ! หลินเหม่ยเหยาไม่เพียงตบใบหน้าข้า แต่ยังพูดจาดูหมิ่นเรื่องที่ข้าเป็นบุตรสาวของอนุ คำพูดของนางไม่เพียงดูถูกข้าและแม่เล็กของข้า แต่นางยังกล้าพาดพิงไปถึงกุ้ยเฟยที่อยู่ในวังด้วย” หยางสุ่ยเซียนเอ่ยพลางร่ำไห้ออกมา ยามนี้นางนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงหน้านายท่านหยางด้านข้างของนางยังก็มีเฉินอี๋เหนียงผู้เป็นมารดาแท้ๆ นั่งร่ำไห้อยู่เป็นเพื่อนท่าทีของสองแม่ลูกจากเรือนทิศเหนือทำให้สวีเยียนผู้เป็นภรรยาเอกคนที่สองของนายท่านหยางจำต้องยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มเพื่อปกปิดรอยยิ้มของตนเอง ส่วนสายตาของนางก็จ้องมองสองแม่ลูกราวกับกำลังจ้องมองตัวตลกอยู่ นายท่านหยางยังคงโปรดปรานเฉินอี๋เหนียงอยู่ก็จริง แต่ยามนี้เฉินอี๋เหนียงมีอายุมากแล้วจะสู้นางที่อ่อนวัยกว่าอีกทั้งยังมีสกุลสวีคอยหนุนหลังอยู่ได้อย่างไร จริงอยู่ที่นางยังไม่มีบุตรธิดา แต่ในฐานะภ

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 7 เลื่อนฐานะ

    หลินเหม่ยเหยารู้ดีว่าหยางสุ่ยเซียนไม่มีทางยอมถูกทำร้ายโดยไม่ตอบโต้ หลังจากที่สาวใช้ที่นางส่งไปจับตาที่เรือนหนิงฝูเข้ามารายงานว่าหลินเจวี๋ยผู้เป็นบิดาของนางกลับมาถึงจวนแล้วและยามนี้กำลังพักผ่อนอยู่ที่เรือนแห่งนั้นนางก็รีบตรงไปที่เรือนหนิงฝูเพื่อขอเข้าพบบิดาในทันที“เกิดอะไรขึ้นเหตุใดวันนี้เจ้าจึงได้มาหาพ่อจนถึงเรือนแห่งนี้ได้” หลินเจวี๋ยเอ่ยพลางยื่นมือรับถ้วยชาที่ชุยอวี้หลันส่งให้ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย“ข้าก็แค่มีเรื่องอยากจะเรียนให้ท่านพ่อและแม่เล็กทราบเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ตื่นตระหนกยามที่คนสกุลหยางส่งคนมาเจ้าค่ะ” คำพูดของหลินเหม่ยเหยาทำให้หลินเจวี๋ยวางถ้วยชาลงในทันที“เกิดอันใดขึ้น เจ้าสามารถบอกกับพ่อมาได้ตามตรง” คำพูดของบิดาทำให้หลินเหม่ยเหยายิ้มออกมาในทันที“วันนี้ข้าตบหน้าของหยางสุ่ยเซียนเจ้าค่ะ ยามนี้นางน่าจะเอาเรื่องที่ถูกข้าทำร้ายไปฟ้องนายท่านหยางผู้เป็นบิดาของนางแล้ว “คำพูดของนางทำให้หลินเจวี๋ยพลันขมวดคิ้วในทันที"นางล่วงเกินเจ้าหรือ พ่อรู้ว่าเจ้าไม่มีทางลงมือทำร้ายคนอย่างไม่มีเหตุผลแน่" คำพูดของบิดาทำให้นางยิ้มออกมา ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นอย่างน้อยก็ยังมีบิดาของนางที่สามารถเ

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 6 หยางสุ่ยเซียน

    หลังจากวันที่ได้พบกับหยางเจี้ยน หลินเหม่ยเหยาก็ไม่ได้ออกจากจวนอีก ทางจวนสกุลหยางเองนอกจากเทียบเชิญจากหยางสุ่ยเซียนแล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากทางจวนสกุลหยางอีกเช่นกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าลูกสุนัขจิ้งจอกสองตัวนั้นปลอดภัยดี“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูสามสกุลหยางมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ” เสียงรายงานของสาวใช้ทำให้หลินเหม่ยเหยาได้แต่ขมวดคิ้ว นางจำได้ว่าหยางสุ่ยเซียนไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดหยางสุ่ยเซียนจึงได้พยายามจะพบนางให้ได้เช่นนี้ ทั้งที่นางก็ปฏิเสธทั้งเทียบเชิญและเทียบขอเข้าพบของหยางสุ่ยเซียนไปตั้งหลายครั้งแล้ว“ไปเชิญนางเข้ามาเถิด” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยพลางก้มหน้าลงไปอ่านตำราในมือต่อ ยามนี้เข้าสู่หน้าร้อนแล้วนางจึงมักจะมานั่งอ่านตำราในศาลากลางน้ำ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกบัว สายลมที่พัดพาผ่านผิวน้ำทำให้อากาศรอบกายเย็นสบาย ดังนั้นในหน้าร้อนของทุกปีนางจึงชอบมานั่งเล่นในสถานที่แห่งนี้ ยามที่หยางสุ่ยเซียนเดินเข้ามาจึงได้แต่จ้องมองท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลายของนางด้วยความริษยา“เหยาเหยา เหตุใดช่วงนี้เจ้าจึงได้ห่างเหินกับข้ากันเล่า หรือเป็นเพราะว่าคุณชายใหญ่สกุลซ่งผู้เป็นคู่หมาย

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 5 น้องชายสกุลหลิน

    แม้ว่ายามนี้หยางเจี้ยนจะยังเป็นแค่เพียงคุณชายใหญ่ของจวนสกุลหยาง ยังไม่ใช่พระมาตุลาผู้สำเร็จราชการแผ่นดินดังเช่นในชาติที่แล้ว แต่รอบกายของเขากลับมีพลังอำนาจคุกคามบางอย่างที่แผ่กระจายออกมาแล้วทำให้ทุกคนต่างก็เกรงขามและหวาดกลัว สายตาอันคมกล้าคู่นั้นของเขาทำให้หลายคนไม่กล้าสบตา แต่คนที่เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วอย่างหลินเหม่ยเหยากลับจ้องมองเขาด้วยสายตาพินิจพิจารณาพลางคิดในใจว่าทำอย่างไรดีนางและสกุลของนางจึงจะไม่มีเรื่องขัดแย้งกับคนผู้นี้“ข้าน้อยคือหลินเหม่ยเหยา บิดาของข้าคือรองหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงหลินเจวี๋ย ส่วนนี่คือน้องชายของข้าเป็นเพราะข้ากังวลว่าลูกสุนัขจิ้งจอกสองตัวนั้นจะทำอันตรายเขาก็เลยลงมือกับลูกสุนัขจิ้งจอกสองตัวนั้นหนักมือไปหน่อย ขอคุณชายใหญ่ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยเถิดเจ้าค่ะ” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยพลางย่อกายคารวะขออภัย หยางเจี้ยนได้แต่หรี่ตาลงเมื่อได้เห็นท่าทีของนางแม้ว่าจะดูอ่อนน้อมและขออภัยอย่างจริงใจแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็คือเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเขาอย่างที่เด็กสาวคนอื่นๆ มักจะเป็น“คุณหนูใหญ่หลินเป็นสหายสนิทของคุณหนูสามจวนเราขอรับ

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 4 หยางเจี้ยน

    เมื่อตามตัวน้องชายได้แล้วหลินเหม่ยเหยาก็ตั้งใจว่าจะพาน้องชายของตนกลับ แต่มู่เปียวผู้ดูแลสำนักคุ้มภัยคนปัจจุบันกลับรั้งให้นางอยู่ต่อเพื่อพูดคุยเรื่องการแบ่งปันผลกำไรจากกิจการในช่วงนี้ นอกจากสำนักคุ้มภัยแล้วมารดาของนางยังทิ้งร้านค้าเอาไว้ให้นางอีกหลายร้าน แต่เพราะนางไม่ค่อยจะได้สนใจเรื่องการค้าชีวิตในชาติก่อนของนางจึงได้ขัดสนเรื่องเงินทองในยามที่ตนเองต้องประสบกับความยากลำบากในชาติที่แล้วพอนางแต่งเข้าจวนสกุลซ่งบรรดาร้านค้าเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ล้วนไม่ค่อยจะทำเงินให้นางจนผลสุดท้ายนางก็ขายทอดตลาดในที่สุด เงินที่ได้มาเป็นเงินจำนวนน้อยนิดที่นางพกติดตัวเอาไว้ ในยามที่บิดาต้องโทษมารดาเลี้ยงและน้องชายถูกคุมขัง นางแทบจะไม่มีเงินพอที่จะติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปเยี่ยมเยียนพวกเขาได้จนผลสุดท้ายนางจำต้องขายเครื่องประดับทั้งหมดของตนเอง จึงสามารถไปเยี่ยมเยียนได้แค่เพียงมารดาเลี้ยงและน้องชายเพียงเท่านั้น ส่วนบิดากว่านางจะรวบรวมเงินได้เขาก็ถูกประหารที่ลานประหารไปเสียแล้วมาชาตินี้นางรู้แล้วว่าชีวิตของนางไม่อาจจะขาดเงิน ดังนั้นยามที่มู่เปียวเชิญนางเข้าไปฟังเขารายงานผลกำไรทางการค้า นางจึงได้ให้ความสนใจก

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 3 สำนักคุ้มภัยสกุลมู่

    เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งหลินเหม่ยเหยาสิ่งแรกที่หลินเหม่ยเหยาตั้งใจจะทำก็คือใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบให้เต็มที่ เดิมทีนางมีความเย็นชาต่อชุยอวี้หลันอยู่เป็นนิจ ต่อต้านทุกสิ่งที่ชุยอวี้หลันชี้นำให้นางทำ แต่ยามนี้สิ่งที่นางทำก็คือการทำตัวเป็นลูกเลี้ยงที่ดีเชื่อฟังคำชี้แนะของชุยอวี้หลันโดยไม่โต้เถียง“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดช่วงนี้คุณหนูใหญ่จึงได้ทำตัวผิดแปลกไปเช่นนี้เล่า” เมื่อชุยอวี้หลันเอ่ยถามเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็ส่งยิ้มให้พลางเอ่ยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าเปลี่ยนไปมากเลยหรือ ข้าก็หลงคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของข้าน่าจะทำให้แม่เล็กพึงพอใจได้เสียอีก” นางเอ่ยพลางก้มหน้าลงคัดอักษรตามบทคัดลอกที่ชุยอวี้หลันหามาให้“คุณหนูใหญ่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดียินดีเชื่อฟังข้าเช่นนี้ข้าย่อมดีใจ เพียงแต่อยู่ๆ ท่านก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันเช่นนี้มันทำให้ข้าอดรู้สึกกังวลใจไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน มีผู้ใดพูดจาล่วงเกินท่านหรือว่ามีใครทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่า” เมื่อมารดาเลี้ยงของนางเอ่ยถามเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็ส่ายหน้า“ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ ข้าก็แค่คิดว่าสิ่งที่แม่เล็กสอนสั่งอีกทั้งยังเข้มงวดกับข

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 2 กำเนิดใหม่ในร่างเดิม

    ยามที่หลินเหม่ยเหยาลืมตาตื่นขึ้นมา นางก็พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนอนของตนเองในสกุลหลิน สภาพแวดล้อมภายในห้องล้วนมีสภาพเหมือนตอนที่นางยังไม่ได้ปักปิ่น ในยามนั้นหลินเจวี๋ยผู้เป็นบิดาของนางยังคงเข้าออกห้องของนางโดยไม่ได้ถือสาเรื่องธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น“เหยาเหยา เจ้าดูนี่สิพ่อได้ฟู่จื่อมามากมาย เจ้าต้องช่วยพ่อตรวจสอบดูนะว่าพิษของมันถูกพ่อทำให้เจือจางลงไปจนหมดสิ้นแล้วหรือยัง” เสียงของหลินเจวี๋ยทำให้หลินเหม่ยเหยารีบขยับตัวลุกขึ้น ดึงม่านคลุมเตียงออกแล้วจ้องมองไปยังผู้ที่เดินเข้ามาในห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ“ท่านพ่อ!” เสียงเรียกกับท่าทีของบุตรสาวไม่ได้ทำให้หลินเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด ในตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขากำลังจดจ่ออยู่กับสมุนไพรที่เขาพึ่งจะได้มา“อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย ดูนี่สิฟู่จื่อนี่คุณภาพดีมากทีเดียว” หลินเจวี๋ยพูดพลางยื่นกล่องไม้ใส่สมุนไพรให้บุตรสาวดู แต่หลินเหม่ยเหยากลับไม่สนใจนางโผเข้าไปโอบกอดบิดาของตนเองแล้วร่ำไห้ออกมา“ท่านพ่อ ต้องโทษข้าที่มองคนไม่เป็น ทำให้ท่านและทุกคนในครอบครัวต้องได้รับเคราะห์กรรมอันเลวร้าย” ท่าทีของบุตรสาวทำให้หลินเจวี๋ยนิ่งงั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status