LOGINเช้าวันเสาร์คุณอนันต์รีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปยังสนามบินแต่ออกจากบ้านมาได้เพียงนิดเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เบอร์ที่โทรเข้ามาคือเบอร์ของเหมือนแพรเขาจึงกดรับทันที
“มีอะไรหรือเปล่าแพรผมกำลังจะไปสนามบินแล้ว”
“คุณอนันต์คะ ช่วยมาหาแพรที่คอนโดหน่อยได้ไหมคะ”
“เป็นอะไรเหรอแพรทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
“แพรปวดท้องมากๆ ค่ะ คุณช่วยพาแพรไปโรงพยาบาลหน่อยได้ไหมแพรไม่อยากเรียกรถพยาบาลให้มารับกลัวคนอื่นจะตกใจ”
“แต่ผมต้องไปสนามบินนะ”
“คุณเลื่อนไฟล์ทไปอีกนิดได้ไหมคะแพรไม่ไหวจริงๆ ค่ะ แล้วแพรก็ไม่รู้จะโทรหาใคร” หญิงสาวทำเสียงแผ่วเบาพยายามให้เขาเห็นใจและมาหาเธอก่อนจะไปภูเก็ต
“เอาอย่างงั้นก็ได้ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณที่คอนโดก็แล้วกันนะ”
เมื่อวางสายเขาก็สั่งให้คนขับรถพาไปยังคอนโดมิเนียมของเหมือนแพรที่เคยไปส่งเธออยู่หลายครั้ง
“รอฉันอยู่ที่นี่นะวินัย ฉันขอขึ้นไปดูแพรก่อน เดี๋ยวอาจจะต้องพาเธอไปโรงพยาบาล” เขาสั่งคนขับรถจากนั้นก็รีบขึ้นไปด้านบนกดออดและรออยู่หน้าไม่นานประตูก็เปิดออก
“คุณอนันต์ แพรดีใจจังที่คุณมา”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าแพร หน้าเธอซีดมากๆ เลยนะ” เขาถามอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเธอหน้าซีดใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ให้ปวดท้องมากๆ เลยค่ะ”
“ถ้างั้นไปหาหมอกันนะ”
คุณอนันต์ประคองเหมือนแพรลงมาที่รถจากนั้นก็สั่งวินัยให้ไปยังโรงพยาบาลใกล้ที่สุด เขายืนรออยู่หน้าห้องตรวจไม่นานเหมือนแพรก็ออกมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่
“เป็นยังไงบ้างต้องนอนที่นี่ไหม”
“หมอบอกว่าแพรเป็นโรคกระเพาะค่ะ ตอนนี้หมอฉีดยาแก้ปวดให้แล้วและก็ให้กลับบ้านได้ค่ะ แพรขอบคุณคุณอนันต์มากนะคะที่พาแพรมาโรงพยาบาลและแพรก็ต้องขอโทษคุณด้วยที่ทำให้ต้องเสียเวลา”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมไปส่งแพรก่อนแล้วค่อยไปภูเก็ตก็ได้”
เมื่อมาถึงคอนโดอนันต์ก็พาหญิงสาวขึ้นบนห้อง
“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหมแพร”
“คุณอนันต์มีไฟล์ทบินเป็นกี่โมงคะ”
“ไฟล์ทเดิมคงไม่ทันแล้ว”
“แพรขอโทษนะคะ เดี๋ยวแพรจองให้ใหม่ คุณจะไปกี่โมงคะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเลื่อนดูเที่ยวบินที่จะไปยังภูเก็ตซึ่งในวันเสาร์แบบนี้เต็มเกือบจะทุกไฟล์ท
“มีเร็วสุดกี่โมง”
“มีตอนเย็นค่ะ คุณโทรไปบอกคุณซีซีก่อนไหมคะว่าจะไปช้า ระหว่างนี้แพรจะจองตั๋วให้นะคะ”
คุณอนันต์หยิบโทรศัพท์และกดโทรหาว่าที่ภรรยาแต่ก็ติดต่อเธอไม่ได้ เขาจึงส่งข้อความไปแทนเปิดและคิดว่าอีกสักพักค่อยโทรหาเธอใหม่
“ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงอยู่เป็นเพื่อนแพรก่อนได้ไหมแพรไม่อยากอยู่คนเดียวเลยค่ะ” หญิงสาวเข้ามานั่งใกล้ๆ กอดแขนของเขาแล้ว พิงศีรษะบนแผงอก แขนเรียวกอดเอวของเขาไว้ คุณอนันต์รู้สึกแปลกกับท่าทางของเหมือนแพรแต่ก็ไม่ได้ดึงมือเธอออก
“เธอไม่มีเพื่อนที่ไหนเลยเหรอแพร”
“แพรไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหนหรอกค่ะ แพรมาจากบ้านนอกเข้ามาทำงานในเมืองก็อยู่ตัวคนเดียว”
“ไม่มีคนรักเหรอ”
“เคยมีค่ะแต่ตอนนี้เขาทิ้งแพรไปแล้วค่ะ”
“ผมอยากเห็นหน้าผู้ชายที่มันทิ้งคุณจังเลยนะ เขาคงเป็นผู้ชายที่โง่มากที่ทิ้งผู้หญิงสวยๆ อย่างแพร”
“แพรว่าเขาคงไม่โง่หรอกค่ะ เขาฉลาดมากกว่าเพราะคนอย่างแพรไม่มีอะไรดีเลยจะมีแค่จะมีก็แต่ความสวย เงินทองสมบัติหรือชาติตระกูลแพรก็ไม่มีมันเทียบกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เลย แล้วคุณอนันต์คิดเหรอคะว่าจะมีผู้ชายที่ไหนเขารักแพรจริง แพรเคยคิดนะคะว่าอยากแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นแต่ตอนนี้แพรไม่ต้องการแบบนั้นอีกแล้ว”
“แล้วชีวิตแบบไหนที่แพรต้องการ”
“ก็ชีวิตในตอนนี้ไงคะ แพรมีงานทำที่ดี มีเจ้านายที่ดีแค่นี้แพรก็มีความสุขแล้วค่ะ แพรรู้สึกอิจฉาคุณซีซีมากเลยนะคะ เธอทั้งสวยอ่อนหวานแล้วยังโชคดีจะได้แต่งงานกับคุณอนันต์อีก ทำไมแพรไม่เจอคุณก่อนคุณซีซีนะ”
“หมายความว่ายังไงแพร”
“ก็หมายความว่าถ้าหากแพรได้เจอคุณก่อน บางทีคุณอาจจะเห็นแพรอยู่ในสายตาบ้าง ไม่ใช่เห็นแพรเป็นแค่ผู้ช่วยเลขาอยู่แบบนี้”
“แพร....” คุณอนันต์ดึงตัวหญิงสาวออกแล้วมองหน้าเขาเข้าใจความหมายของเธอดีว่าเธอต้องการอะไรจากเขา
“แพรขอโทษนะคะที่พูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป แต่ตั้งแต่แพรเจอคุณอนันต์ แพรก็รู้สึกดีกับคุณมากๆ คุณเป็นผู้ใหญ่ใจดีอบอุ่น มันทำให้แพรรู้สึกอยากจะตื่นแต่เช้าไปทำงานทุกวัน ได้ทำงานใกล้ชิดกับคุณได้ทานข้าวกับคุณมันเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก”
“แต่คุณก็รู้นี่แพรว่าผมกำลังจะแต่งงาน”
“ใช่ค่ะแพรรู้ว่าคุณอนันต์กำลังจะแต่งงาน แพรไม่กล้าเข้าไปแทรกกลางหรอกค่ะ ขอแค่คุณอนันต์เมตตาแพรบ้าง”
“หมายความว่ายังไง” คุณอนันต์จ้องหน้าเหมือนแพรและอยากจะรู้ว่าที่เขาคิดมันถูกต้องไหม
“แพรรักคุณค่ะ แพรยินดีจะอยู่กับคุณแบบนี้แพรจะไม่เรียกร้องอะไรแค่คุณเมตตาแพร แบ่งเวลาให้แพรบ้าง”
“เธอกำลังจะเสนอตัวเป็นเมียน้อยใช่มั้ยเหมือนแพร” คุณอนันต์จ้องหน้าเธออย่างต้องการคำตอบเขา เคยเจอผู้หญิงที่เข้าหาแบบนี้แต่ส่วนใหญ่ทุกคนจะเรียกร้องขอเป็นหนึ่งขอเป็นที่หนึ่ง ขอการแต่งงานของการจดทะเบียนสมรสแต่เหมือนต่างจากคนอื่น
“แพรรู้ค่ะว่าสิ่งที่พูดออกไปมันไม่เหมาะสม แต่แพรจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณเลย แพรจะเก็บเรื่องของเราเป็นความลับจะไม่ทำให้คุณกับคุณซีซีมีปัญหา คุณไม่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูแพรเลย ขอแค่ยังให้แพรด้วยทำงานในบริษัทของคุณและแพรจะไม่ให้คนที่บริษัทรู้เด็ดขาด แพรจะทำตัวเป็นผู้ช่วยเลขาที่ดีแค่ขอแค่นี้ได้ไหม แพรจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณเลยและสัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองคนค่ะ” หญิงสาวอ้อนเสียงหวาน เธอกำลังอธิบายและขอความเห็นใจจากเขาแล้วเธอก็ขึ้นมานั่งบนตักของคุณอนันต์มือเรียวเล็กของเธอค่อยๆ ปลดกระดุมของเขาออกทีละเม็ด
“แพร...”
“คุณยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะขึ้นเครื่อง อยู่กับแพรได้ไหม มอบความสุขให้แพรนะคะ”
แล้วในที่สุดคุณอนันต์ก็พ่ายแพ้ต่อตัณหาราคะที่เหมือนแพรเป็นคนปลุกขึ้นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
คุณอนันต์แทบสำลักกับความสุขที่ได้รับจากเหมือนแพรเพราะตั้งแต่ตกลงแต่งงานกับศศิภัทรเขาก็ไม่เคยนอนกับใครเลย
“แพรมีความสุขมากที่สุดเลยค่ะ” เธอกอดร่างเปลือยของคุณอนันต์ไว้แน่น
“พูดจริงหรือแกล้งพูดเอาใจคนแก่อย่างผมกันล่ะเหมือนแพร”
“แพรพูดจริงๆ นะคะคุณอนันต์ไม่แก่เลยสักนิด ถึงจะอายุเยอะแล้วคุณก็ยังดูดีแถมแรงอย่างดีอีกด้วย”
“คุณนี่ช่างพูดนะแพร ทำเอาคนแก่อย่างผมหัวใจพองโต”
“เลิกพูดคำว่าแก่ได้แล้วค่ะ สำหรับแพรคุณไม่แก่เลยสักนิด คุณทำให้แพรมีความสุขมากที่สุด”
“เธอมีความสุขจริงๆ เหรอ”
“จริงสิคะ” หญิงสาวพิงศีรษะกับแผงอกของเขาพลางคิดในใจว่าสักวันเธอจะต้องขึ้นเป็นที่หนึ่งของคุณอนันต์ให้ได้
“ผมก็มีความสุขเหมือนกันนะ คุณทำให้ผมรู้สึกดีๆ มาก แต่วันนี้ผมต้องไปภูเก็ตจริงๆ แล้วจะโทรหานะ”
“ถ้าคุณอยู่กับคุณซีซี ไม่ต้องโทรหาแพรก็ได้นะคะ แพรไม่อยากให้คุณมีปัญหา”
“ทำไมถึงน่ารักอย่างนี้นะเหมือนแพร”
“แพรบอกแล้วนี่คะ ว่าแพรไม่อยากให้คุณมีปัญหาไม่อยากมีตัวตนในสังคม ขอแค่ได้มีความสุขกับคุณก็พอ” หญิงสาวพูดจาเอาใจจนทำให้คุณอนันต์รู้สึกหวั่นไหว
แต่เขาก็ต้องลุกจากที่นอนและแต่งตัวเพื่อเดินทางไปสนามบินเพราะไม่อยากผิดสัญญากับว่าที่ภรรยาที่ไปรอเขาอยู่ที่ภูเก็ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เมื่อลงมาถึงมาลงมาด้านล่างก็ขึ้นไปนั่งบนรถวินัยมองเจ้านายแต่ไม่ได้พูดอะไร
“เรื่องที่ฉันอยู่ที่นี่นานห้ามบอกใครและเก็บเป็นความลับเข้าใจใช่ไหมวินัย”
“ผมเข้าใจดีครับคุณอนันต์เรื่องของเจ้านายผมไม่มีทางเอาไปพูดที่ไหนเด็ดขาด”
จากนั้นรถคันหรูก็ขังตรงไปยังสนามบิน ระหว่างทางก็พยายามโทรหาศศิภัทรแต่เธอก็ยังไม่รับสายจึงส่งข้อความไปอีกครั้งว่าตนเองกำลังจะขึ้นเครื่อง
เช้าวันรุ่งขึ้นเจโรมและศศิภัทรก็ทานอาหารเช้าพร้อมกันจากนั้นเขาก็เตรียมตัวออกเดินทาง“ขอไปส่งคุณที่ท่าเรือได้ไหมคะ” ศศิภัทรยืนรอชายหนุ่มที่หน้าประตูเตรียมพร้อมจะเดินไปส่ง“แต่คุณต้องเดินกลับมาที่บ้านคนเดียวนะซีซี ไม่กลัวเหรอ”“นี่มันตอนกลางวันนะคะคุณเจโรม ซีซีไม่กลัวหรอกค่ะ”เจโรมยิ้มก่อนจะยื่นมือให้ศศิภัทรจับแล้วพากันเดินไปยังท่าเรือ“ผมจะรีบกลับมานะ”“ค่ะ”“ถึงแล้วจะโทรบอกได้ไหมคะ”“ได้สิ ผมจะโทรรายงานตลอดว่ากำลังจะทำอะไรดีไหม”“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่บอกว่าถึงแล้วก็พอ”“เป็นห่วงผมเหรอ”ศศิภัทรยิ้มให้แทนคำตอบแล้วเธอก็หยุดเดินเมื่อมาถึงท่าเรือ“ซีซี ดูแลตัวเองด้วยนะ”“ค่ะ คุณก็เหมือนกันนะคะ”“ผมไปล่ะ จะคิดถึงคุณนะ” เขาขยับเข้ามากอดแล้วหอบแก้มศศิภัทรทั้งสองข้าง“เดินทางปลอดภัยนะคะ”“ครับ ผมไปนะ ถ้าคุณถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วยผมน่าจะยังอยู่บนเรือคุยคงไม่สะดวก”“ได้ค่ะ” หญิงสาวโบกมือให้กับเขาจากนั้นเธอก็ยืนรอจนกระทั่งเรือแล่นออกไปจากเกาะศศิภัทรเดินลัดเลาะตามชายหาดเมื่อมาถึงบ้านก็ไลน์บอกเจโรมจากนั้นหญิงสาวก็รีบเข้าห้องเพื่อเก็บของที่จำเป็นลงกระเป๋าเธอคิดจะใช้โอกาสนี้หนีไปจากที่นี่ก่อนท
เมื่อรู้ว่าจะมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันอีกเพียงไม่กี่วันทั้งเจโรมได้ศศิภัทรก็เลิกจะเก็บความทรงจำและความรู้สึกดีๆ ไว้ เจโรมไม่พูดถึงเรื่องของเธอกับบิดาส่วนหญิงสาวก็ทำตัวน่ารักและ ไม่เคยทำให้เขารู้สึกลำบากใจเลยสักนิดความสัมพันธ์มันดีขึ้นแต่ในใจของทั้งสองกลับรู้สึกใจหาย“ซีซีคุณทำอะไรอยู่” เจโรมที่เพิ่งทำงานเสร็จเดินออกมาจากห้องทำงานก็เห็นหญิงสาวนั่งยิ้มอยู่กับโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขก“ซีซีคุยกับเพื่อนค่ะ คุณเจโรมทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ”“เสร็จแล้วว่าจะชวนเธอไปเดินเล่นอยากไปไหม”“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาววางโทรศัพท์ลงแล้วยิ้มก่อนจะจับมือของเจโรมที่ยื่นลงมาฉุดให้เธอลุกขึ้น ศศิภัทรรู้สึกอบอุ่นกับมือใหญ่ที่กุมมือเล็กของตนเองไว้ทั้งเดินลัดเลาะมาตามหาดทรายสีขาว เท้าเปล่าเหยียบลงบนผืนทรายให้คลื่นกระทบครั้งแล้วครั้งเล่า บรรยากาศราวกับคู่รักแต่ต่างก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้“ซีซีถ้าต้องอยู่ที่นี่คนเดียวคิดว่าอยู่ได้ไหม” เจโรมถามขึ้นเมื่อเดินมาได้สักพัก“อยู่คนเดียวเหรอคะแล้วคุณเจโรมจะไปไหน ซีซีไปด้วยได้หรือเปล่า” หญิงสาวคิดว่าถ้าต้องอยู่ที่นี่โดยที่เจโรมไม่อยู่ด้วยก็ต้องเหงาและว้าเหว่มากๆ“ผมมีธุระต้อง
ศศิภัทรก้มหน้ามองแล้วใช้มือยันผนังไว้แน่น สะโพกสั่นเกร็งไปกับการปรนเปรอที่ไม่เคยได้รับแบบนี้มาก่อน เจโรมดูดรวบเกสรเสียวและกลีบเนื้อสาวเข้าปากราวกับอาหารจานโปรด ทำซ้ำไปทำมาไม่นานนักเธอก็กรีดร้องลั่นห้องน้ำ“หวานมากซีซี”เขากระซิบก่อนจะเงยหน้ามองศศิภัทรที่ตอนนี้ใบหน้าเธอแดงซ่านเพราะความสุขสมที่เขามอบให้ ชายหนุ่มค่อยๆ วางขาของหญิงสาวลงจากนั้นเขาจับมือเล็กๆ ของเธอให้จับไปบนท่อนเอ็นของเขา“เจโรม...มันใหญ่”“เดี๋ยวมันก็เล็กจับให้อีกนิดได้ไหม”เขาประคองมือเล็กแล้วจับให้เธอรูดท่อนเอ็นของตนเองขึ้นลงเบาๆ จนรู้สึกว่ามันแข็งชูชันอย่างเต็มที่“แบบนี้ใช่ไหม”“อ่า....ถูกแล้วซีซี ช้าๆ...อ้า...”ชายหนุ่มครางสะท้านเมื่อมือเล็กทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย“ชอบไหม”“ชอบมากแต่พอก่อนนะซีซี คุณใช้มือเก่งแล้ววันต่อไปผมจะใช้ผมจะสอนให้คุณใช้อย่างอื่น แต่วันนี้ขอเข้าไปในตัวคุณก่อนแล้วกันผมเสียวสุดจะทนแล้ว”ศศิภัทรเข้าใจดีว่าสิ่งที่เจโรมพูดนั้นมันหมายถึงอะไรและถ้าหากวันนั้นเขาให้เธอทำแบบนั้นจริงๆ เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่หญิงสาวก็ไม่อยากจะคิดอะไรไปล่วงหน้าเพราะเรื่องมันยังไม่เกิด แต่สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่
กลับมาจากภูเก็ตแล้วศศิภัทรก็เก็บของที่ซื้อมาเขาที่ เธอมองชุดว่ายน้ำก่อนจะตัดสินใจเลือกใส่ชุดสีขาวและรอเวลาให้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก่อนสวมชุดคลุมแล้วเดินออกมาจากห้องก็เห็นเจโรมกำลังนั่งหน้าเครียดสายตาจ้องไปยังจอแท็ปเล็ต“จะไปเล่นน้ำแล้วเหรอซีซี”“ค่ะแดดไม่มีแล้ว”“แล้วรอผมหน่อยสิผมจะไปเล่นด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะซีซีไปเล่นคนเดียวก็ได้คุณทำงานเถอะ”“ผมทำงานมาทั้งวันก็เครียดเหมือนกันนะ ได้ไปเล่นน้ำบ้างก็คงดีรอห้านาทีได้ไหมขอไปเปลี่ยนกางเกงก่อน”“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวนั่งรอในห้องรับแขกขณะที่เจโรมก็รีบเดินกลับไปเปลี่ยนกางเกงเขาเดินออกมาจากห้องแล้วสวมแค่กางเกงว่ายน้ำและมีผ้าเช็ดตัวพาดอยู่บนบ่า“คุณจะใส่กางเกงว่ายน้ำลงไปตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอคะ” หญิงสาวถามแต่สายตาหันมองไปทางอื่น“ทำไมล่ะนี่มันบ้านผม ชายหาดมันก็ส่วนตัวนะ ผมไม่เห็นต้องอายใครเลยหรือที่เพราะคุณกลัวว่าจะหลงเสน่ห์ผมกันล่ะ” เขาหัวเราะเมื่อเห็นหญิงสาวมองไปทางอื่นแต่ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ“ไม่อายก็ตามใจค่ะ ไปกันเถอะซีซีอยากเล่นน้ำแล้ว”ทั้งสองคนพากันมาเล่นน้ำบริเวณชายหาดเสียงหัวเราะสดใสของศศิภัทรทำให้เจโรมรู้สึกสบายใจ เขาไม่เคยได้เล่นน้ำแบบนี้
หลังจากทางอาหารค่ำแล้วเจโรมก็พาศศิภัทรมายังผับแห่งหนึ่งเขาเลือกโต๊ะที่ติดกระจกมองออกไปเห็นท้องทะเลกว้าง จากนั้นจึงสั่งเครื่องดื่มมาสองแก้วเสียงดนตรีคลาสสิกคลอเบาๆ ในบรรยากาศที่อบอุ่น เจโรมมองใบหน้าของศศิภัทรที่มองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย“ถ้าผมจะชวนคุณไปที่สิงคโปร์อยากไปไหม” เจโรมชวนคุยเรื่องที่ค้างอยู่เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไปนาน“น่าสนใจนะคะ แต่คิดว่าไม่ดีกว่าคะ” ศศิภัทรหันมาตอบก่อนจะมองออกด้านนอกต่อ“อ้าวทำไมล่ะ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายวันเลยนะ”“ข้อแรกก็คือฉันไม่มีพาสปอร์ตส่วนอีกข้อหนึ่งก็คือฉันไม่อยากให้เราสองคนสนิทกันมากค่ะ”“ทำไมถึงไม่อยากสนิทกับผมล่ะหรือเพราะยังคิดเรื่องพ่อของผมอยู่”“เปล่าค่ะซีซีไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้วแต่ซีซีคิดว่าเราสองคนไม่ควรจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ถ้าพ่อคุณรู้คุณอาจจะมีปัญหากับพ่อได้”“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพ่อผมเป็นคนรักใครรักจริงแต่พอท่านตัดใจแล้วท่านก็คงไม่คิดอะไรเรื่องของเราหรอกมั้ง” เจโรมเองก็ไม่รู้ว่าถ้าบิดารู้ท่านจะโกรธเขาหรือเปล่า“เห็นไหมคุณยังไม่มั่นใจเลยว่าพ่อของคุณจะคิดอะไรไหม”“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนั่นแหละซีซี ผมไม่รู้เลยว่าพ่อจะโกรธผมมากแค
เจโรมเคลียร์งานตรงหน้าเสร็จหลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟาตอนนี้หลับไปแล้วเขาเดินมาใกล้ๆ แล้วมองใบหน้าสวยของหญิงสาวก่อนจะยิ้ม ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันบนเกาะหลายวัน ศศิภัทรพยายามจะหนีและเขาก็รั้งเธอไว้เพราะไม่อยากให้เธอไปยุ่งวุ่นวายกับงานแต่งงานของบิดาแต่ลึกๆ ในใจเป็นตัวเขาเองมากกว่าที่อยากจะรั้งเธอไว้ใกล้ๆ เจโรมต้องส่ายศีรษะสลัดความคิดของตัวเองออกเพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ตนเองกับศศิภัทรจะคบหากันถ้าบิดารู้ก็คงจะโกรธมากที่เขาทำให้ว่าที่เจ้าสาวของทานกลายมาเป็นภรรยาของเขาเจโรมหวังว่าบิดาจะเข้าใจว่าที่เขาทำทุกอย่างก็เพราะไม่อยากให้ท่านมีภรรยาอายุน้อยขนาดนี้“ซีซีตื่นได้แล้ว” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเรียกเธอเบาๆหญิงสาวก่อนจะขยี้ตาและตกใจรีบขยับหนีเมื่อเห็นว่าตอนนี้เจโรมนั่งใกล้เธอมาก“กลัวผมขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาถามแล้วหัวเราะ“ไม่ได้กลัวสักหน่อยก็แค่ตกใจ คุณทำงานเสร็จแล้วใช่ไหม”“เสร็จแล้วไปซื้อของกันดีกว่านะ จะไปล้างหน้าก่อนไหม”“ไม่เป็นไรค่ะไปเลยก็ได้”เจโรมพาเธอมายังห้างสรรพสินค้าที่มีสินค







