“มีเรื่องอะไรกัน” เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรออกมาดูเหตุการณ์ด้วยตนเอง เขาได้ยินเสียงทะเลาะกันมาสักพักแล้ว ครั้นถามเด็กที่นำสมุนไพรเข้ามาเก็บก็พากันส่ายหน้า ด้วยความอยากรู้จึงออกมาดูด้วยตนเอง
“ไม่มีอะไรขอรับ ก็แค่สตรีบ้าที่ใดก็ไม่รู้ทะเล่อทะล่าเข้ามาก่อกวน สงสัยหาข้ออ้างอยากได้เงินขอรับ ข้ากำลังไล่นางไปเถ้าแก่ป่ายอย่าได้สนใจกลับเข้าร้านเถอะขอรับ” คนส่งสมุนไพรรีบเข้าไปอธิบาย ก่อนจะขยิบตาให้คนของตนพาสตรีตรงหน้าออกไปให้ไกล ก่อนที่นางจะทำงานพวกเขาพัง
“เดี๋ยวก่อนข้าอยากฟังที่นางพูด”
“ไล่นางไปดีกว่าขอรับ เสียเวลาเปล่า ๆ สตรีชั้นต่ำจะไปมีความรู้อะไร ไล่ไปเถอะขอรับ”
“ปล่อยนาง ให้นางพูด” เถ้าแก่ป่ายยังคงยืนยันคำเดิมพร้อมกับสั่งให้คนปล่อยตัวแม่นางน้อยผู้นั้น เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกัน หากไม่มีเหตุจะมีใครที่ไหนเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น อะไรกันที่ทำให้นางกล้าเข้ามาขวางเช่นนี้
“กล่องสมุนไพรที่พวกเขาขนไปมีหญ้าพิษปะปนกับสมุนไพรเจ้าค่ะ คุณภาพก็ไม่ดี นี่คงเก็บไว้นานแล้วกระมังบางกล่องก็ยัดไส้ของขึ้นรา” ไป๋เหลียนได้ทีรีบแจ้งเจ้าของร้าน นางเดาว่าชายชราผู้นี้คงเป็นคนสั่งซื้อสมุนไพร มิเช่นนั้นคู่กรณีของนางคงไม่ร้อนตัวพยายามไล่นางอยู่ตลอดเวลา
“อย่าไปฟังนะขอรับ พวกเราทำการค้ากันมานานท่านก็รู้ดี ข้าไม่มีทางขายสมุนไพรไม่มีคุณภาพให้ท่านแน่นอน แล้วยิ่งเรื่องหญ้าพิษยิ่งเป็นไปไม่ได้ขอรับ” บัดนี้เขาอยากจะฆ่านังบ้าให้ตายคามือนัก แส่ไม่เข้าเรื่อง ทว่าเรื่องจัดการนางเอาไว้ทีหลัง อย่างไรเสียตอนนี้ต้องรีบแก้ต่างกับเถ้าแก่ป่ายก่อน
“แม่นางเจ้ามีหลักฐานหรือไม่”
“เถ้าแก่ดูนี่นะเจ้าคะ สองต้นนี้เหมือนกันก็จริง แต่หญ้าพิษจะมีขนส่วนสมุนไพรที่คล้ายกันไม่มีขนเจ้าค่ะ” หญิงสาวยกตัวอย่างสมุนไพรจริงและหญ้าพิษให้เถ้าแก่ดู ก่อนจะอธิบายถึงความแตกต่างของสองสิ่งนั้น แต่ก็มิวายถูกคนขายสมุนไพรหาเรื่องอยู่ดี
“เจ้าเรียนการแพทย์มาหรืออย่างไร ถึงได้พูดเป็นตุเป็นตะ”
“ข้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์เจ้าค่ะ แต่ข้าก็ยังยืนยันว่าที่ข้าพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มิได้มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใดทั้งนั้น”
“เฮอะ! พูดแต่ปากความรู้ไม่มี ใคร ๆ ก็ทำได้ อย่างไรเรื่องนี้ข้าไม่ยอมแน่ ข้าจะจับเจ้าส่งทางการ ดูซิ จะยังกล้ากุเรื่องขึ้นมาอีกหรือไม่ เด็ก ๆ จับนางไว้นำตัวไปส่งทางการ” ชายเจ้าของสมุนไพรรีบเรียกคนของตนจัดการลากนางออกไป รีบตัดปัญหาโดยเร็วมิเช่นนั้นความน่าเชื่อถือที่มีต่อเถ้าแก่ป่ายได้จบสิ้นกันวันนี้แล้ว
“ถ้าไม่เชื่อท่านกล้ากินหรือไม่เจ้าคะ กล้าพิสูจน์หรือไม่ว่านี่ไม่ใช่หญ้าพิษ คนที่กินเข้าไปผื่นคันจะขึ้นทั้งตัว ตาเหลือง คอแห้ง จากนั้นก็อาเจียนไม่หยุด สุดท้ายเลือดออกเจ็ดทวารขาดใจตายในที่สุด” ไป๋เหลียนสุดจะทนกับคนหน้าไม่อายไร้จิตสำนึก นางยื่นหญ้าพิษไปตรงหน้าชายขายสมุนไพร พร้อมกับท้าให้อีกฝ่ายกินเพื่อพิสูจน์ความจริง
“เหตุใดข้าต้องกิน เจ้าก็กินเองสิ เป็นคนพูดเองมิใช่หรือ” ชายขายสมุนไพรรีบปัดทิ้งทันที เรื่องอะไรเขาจะกิน ในเมื่อของพวกนี้ตนมิได้เป็นคนเก็บมา แค่ซื้อต่อจากผู้อื่นมาขายต่อเท่านั้น
“แล้วข้าจะกินทำไมเจ้าคะ ในเมื่อข้าเป็นคนพูดเองว่ามันมีพิษ ท่านไม่เชื่อท่านสิสมควรต้องกินเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่านต่อหน้าเถ้าแก่”
“กรี๊ดดด เช่นนั้นก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิที่ว่าท่านแม่ทัพมีภรรยาอยู่แล้ว ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง”“เช่นนั้นข้าก็ไม่แปลกใจที่เจ้ามีของแปลกใหม่มาขายให้พวกเรา เป็นถึงฮูหยินแม่ทัพละก็คงได้ติดตามแม่ทัพหลี่ไปหลายที่พบผู้คนมากมายสินะ เจ้าคงได้ไปท่องเที่ยวมาเยอะล่ะซิ ข้าอิจฉาเจ้านัก”“เจ้าเนี่ยปิดบังพวกเราไว้เงียบเชียวนะ”คณิกาดาวเด่นทั้งสามต่างก็พากันคาดเดาและยิงคำถามไม่หยุด ไป๋เหลียนคิดจะอธิบายให้พวกนางเข้าใจสถานะของตนกับท่านแม่ทัพ แต่ก็คงไม่ทันเสียแล้ว ในเมื่อทุกคนคิดไปไกลคาดเดาไปเอง พูดอะไรไปคงไม่เข้าหูแล้วกระมังเช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกนางคิดไปเถอะ ขอแค่อย่าให้ท่านแม่ทัพได้ยินก็พอ มิเช่นนั้นชีวิตนางคงอยู่ไม่รอดไปจนจบเป็นแน่ แค่คิดก็เสียวคอแล้วไหมเล่าหาเรื่องตายเร็วให้กันโดยแท้“เจ้าค่ะ คือว่าพี่สาว ที่ข้ามาหาพวกท่านวันนี้คือข้าจะมาลาเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบเข้าเรื่องทันที ถ้าไม่พูดตอนนี้มีหวังคงได้พูดแต่เรื่องหลี่มู่กวาไม่หยุด“มาลาหรือ เจ้าจะไปที่ใด ช่างน่าเสียดายนักเพิ่งจะสนิทกันแท้ ๆ ที่สำคัญเครื่องประทินผิวของเจ้าก็ดีมากเสียด้วย ไม่มีเจ้าแล้วพวกเราจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร” ลู่ฮวารู้สึกใจหาย ไม่คิดว่
เด็กสาวส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แม้จะไปแจ้งทางการก็ได้เพียงแค่ถูกว่ากล่าวตักเตือนมิได้ลงโทษอะไร ไม่แคล้วถูกจับมาขายเช่นเดิม เรื่องเช่นนี้มีให้เห็นได้ทั่วไปไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร“ส่งน้องสาวข้ามาเดี๋ยวนี้ อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง” ชายร่างใหญ่ก้าวอาด ๆ เข้าหาสตรีทั้งสอง ทั้งฉุนและไม่พอใจที่น้องสาวขัดขืนไม่ยอมเชื่อฟัง เสียเวลาทำธุระอย่างอื่นชะมัด ความอดทนเริ่มจะหมดลงเรื่อย ๆ“นางเป็นน้องของเจ้าเอามาขายเป็นผักเป็นปลาเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่อายพ่อแม่บรรพบุรุษบ้างหรือ ทำมาหากินเองไม่ได้ต้องมาขายน้องแลกเงิน ถุย...” ไป๋เหลียนด่าทออย่างเหลืออด พลางมองค้อนหลี่มู่กวาที่ไม่ยอมช่วยเหลือ“ปากดีนักนะ เรื่องของคนอื่นอย่าริมาสั่งสอน” บุรุษร่างกายใหญ่โตเทอะทะง้างมือขึ้นหมายฟาดสั่งสอนให้สำนึก บังอาจเข้ามาสอดไม่เข้าเรื่อง มีหรือคนอย่างตนจะให้สตรีมาด่าเช่นนี้ ดีละ จัดการนังนี่ไปขายด้วยคงจะได้หลายตำลึง“อ๊ากกกกก”ตุบ!“เอามือสกปรกของเจ้าออกไป” แม่ทัพหนุ่มใช้เท้าถีบเข้าไปที่ใบหน้าเหมือนหมูตอนเต็มแรง พร้อมกับชักดาบออกจากฝัก เฉือนปลายจมูกแหว่งไม่พอหูข้างหนึ่งก็ถูกตัดเช่นกัน และยังใจดีโยนเงินจำนวนหนึ่งตำลึงให้ชายผู้นั
“ขายบ้านหลังนี้เจ้าไม่เสียดายแน่หรือ”“ข้าตัดสินใจแล้วเจ้าค่ะ เก็บไว้ก็เท่านั้นมิสู้ขายเอาเงินมาใช้ดีกว่า” คิดว่าน่าอยู่นักหรือหมู่บ้านเส็งเคร็งเช่นนี้มีอะไรให้นางเสียดายกัน ขาย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ หากจะเรียกให้ถูกก็คือไม่ควรค่าแก่การกลับมาที่นี่ต่างหากนางเพิ่งเอาโฉนดที่ดินขึ้นทะเบียนเพื่อฝากขาย ก็ไม่แปลกที่เขาจะถามนางเช่นนั้น คนเราเกิดและโตที่ใดก็ย่อมมีความทรงจำความผูกพันเป็นธรรมดา แต่ว่านางไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งไป๋เหลียน ไม่ใช่ทั้งคนของโลกแห่งนี้ แล้วจะเสียดายไปไยนอกจากมีธุระเรื่องขายที่แล้ว นางและหลี่มู่กวายังมีธุระต้องไปหอฮวาเหมย ด้วยท่านอ๋องได้นัดหมายให้ไปพบที่นั่น หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้ไปร่ำลาพวกพี่สาวคณิกาทั้งสาม อย่างไรเสียนางไปแล้วคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่อาจตัดใจ ปล่อยเงินก้อนโตหายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ที่นี่ล้วนเป็นแหล่งเงินทองชั้นดี“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นเราเข้าไปดูสักหน่อยดีหรือไม่”เบื้องหน้ากลับมีคนรุมล้อมดูอะไรสักอย่าง ทั้งเสียงสตรีก็ดูจะคุ้นหูนัก ความอยากรู้อยากเห็นทำให้หญิงสาวเดินหน้าตั้งฝ่ากลุ่มคนไปทันที ย
ยามห้าย (21.00-22.59 น.)ไป๋เหลียนได้แต่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ฝืนตนเองเอาไว้ไม่ให้หลับไปเสียก่อนรอว่าหลี่มู่กวาจะกลับมาเมื่อไร ถึงแม้เขาจะบอกไว้ก่อนแล้วให้เข้านอนก่อนก็ตาม“ข้าจะทำอย่างไรให้ท่านแม่ทัพพาข้าไปด้วยดีนะ”ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่มีหนทางไหนที่เขาจะยอมให้นางติดตามไปด้วยได้เลย ยิ่งตนมีชนักติดหลังอยู่ด้วย การที่จะทำให้เขายอมตกลงจึงเป็นเรื่องยากยิ่งแต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะต้องตามเขาไปด้วยให้ได้ ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่าการลองขอเขาไปตามตรง ไม่แน่ว่าหลี่มู่กวาอาจจะใจอ่อน ต่อให้นางไปในฐานะสาวใช้หรือทาสก็ยอม“เมื่อไรจะกลับมาเสียที ไม่ใช่ว่าแอบกลับไปเมืองหน้าด่านแล้วหรอกนะ” ร่างบางลนลานลุกขึ้นนั่งทันที เขาบอกว่าจะไปช่วยหาโรงเตี๊ยมให้ท่านอ๋องได้พักในระหว่างที่อยู่ที่นี่ เดินทางเข้าเมืองกว่าชั่วยามยังไม่กลับมา รู้เช่นนี้นางน่าจะขอให้ทั้งสองคนนอนพักที่นี่เสียก็ดีแต่แล้วเสียงดังกุกกักจากด้านนอกทำเอาไป๋เหลียนใจชื้นขึ้นไม่น้อย ภาวนาให้เป็นหลี่มู่กวาด้วยเถอะ อย่าได้เป็นผีหรือไอ้ติงเฉิงหน้าหม้อนั่นเลย สองสิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกหลอนและเข็ดขยาดขึ้นสมอง อย่างไรเสียต้องหาอะไรไว้ป้องกันตัว หญิงสาวรีบ
“อืม... นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อร้องขอของแคว้นฉู่เช่นกัน เสด็จพ่อเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่ขอมากไปจึงตอบตกลง” ที่เขาไม่ชอบใจเลยก็ตรงที่พวกมันทำราวกับแคว้นเป่ยเป็นเพียงหมูในคอก คิดอยากทำอะไรก็ทำ เรียกร้องจะเอานั่นเอานี่ไม่รู้จักเกรงใจ กระนั้นจะทำอย่างไรได้ในเมื่อกำลังพลยังไม่พร้อมจะรับศึกหนักตอนนี้ได้ ช่างน่าเจ็บใจนัก“พวกมันเหิมเกริมขึ้นทุกวัน เรายอมรับการประนีประนอมมิใช่ยอมแพ้เสียเมื่อไรกัน ไอ้พวกสุนัขลอบกัด” คราวที่แล้วแม้จะรู้ว่าเป็นพวกมันสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ทว่าพวกเขากลับหาหลักฐานไม่ได้ทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นว่าท่านอ๋องถูกโจรป่าดักปล้น ยังดีที่สามารถเอาชีวิตรอดกันมาได้“ข้าน้อยว่าการขอพักขบวนที่เมืองหน้าด่านมิใช่เรื่องปกติขอรับ แม้คณะทูตจะเดินทางไกลก็จริง หากจะต้องพักแค่สามวันก็น่าจะพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่นานถึงสิบวัน”“ข้าก็เห็นด้วยกับจิ้งกัง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่”“เพราะแบบนี้เราถึงได้มาหาเจ้า เราก็ไม่อยากจะขัดความสุขของเจ้ากับภรรยาหรอกนะ แต่อย่างไรคงต้องรีบกลับหน้าด่านให้เร็วที่สุด จะล่าช้าต่อไปไม่ได้แล้ว จะพานางไปด้วยหรือให้รอที่นี่ก็คุยกันให้รู้เรื่องเสีย อีกสามวันเราต้องออกเดินท
นางคือภรรยาของข้าคำคำนี้ยังคงก้องอยู่ในหู ทำเอาไป๋เหลียนยืนเหม่อลอยทำอะไรไม่ถูก แม้นางจะถูกร้องขอให้ออกมาทำอาหารเย็นแล้วก็ตาม ทว่าความเป็นจริงกลับเอาแต่ยืนนิ่งมาได้สักพักใบหน้างามเห่อร้อนแดงเรื่อลามไปถึงใบหูอย่างช่วยไม่ได้ ขัดเขินเสียจนไม่แน่ใจว่าจะกล้ามองหน้าหลี่มู่กวาได้โดยไม่รู้สึกอะไรหรือไม่ ถึงเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดเช่นนั้นก็เถอะ กระนั้นก็ยังรู้สึกดีไม่น้อยเช่นนั้นในเมื่อวันนี้หลี่มู่กวาพูดถูกใจ นางก็จะทำของอร่อยเอาใจเขาเพิ่มจากเดิมอีกสักสองสามอย่างแล้วกัน อย่างไรเสียก็มีคนมาเพิ่มของเดิมที่ทำไว้คงไม่พอจะเรียกว่าทำอาหารก็ไม่ถูก เพราะนางก็ไม่ได้ทำอะไรดีขนาดนั้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เอาออกมาจากมิติวิเศษ ส่วนที่ทำเองก็คงจะมีแค่หุงข้าวและอาหารพื้น ๆ ของโลกเดิมแค่บางอย่างที่ตนเองถนัดก็เท่านั้นเป็ดปักกิ่งถูกแร่หนังกรอบ ๆ จัดเรียงในจานอย่างดี ส่วนเนื้อเป็ดนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแยกออกมาอีกจาน นอกจากนั้นยังมีปลานึ่งซีอิ๊วอีกหนึ่งอย่าง กระนั้นสิ่งที่นางลงมือทำจริงก็คือต้มยำกุ้งน้ำข้น รสชาติจัดจ้านซดร้อน ๆ ก็คงจะคล่องคอดีทว่าระหว่างทำอาหารอยู่นั้น ไป๋เหลียนก็ยังคงคอยเอียงหูฟังอยู่ตลอด บ้าน