จ้าวฝูหมิงใช้มือหนารูดชักลำแท่งเอ็นร้อนของตนเองอยู่ที่ริมแม่น้ำพลางส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวกระสัน เหล่าทหารองครักษ์ทำได้เพียงปิดหูปิดตาไม่ได้ยินสิ่งใด เอ๋!!! มิใช่ว่าท่านอ๋องพาสตรีน้อยนางหนึ่งมาด้วยหรอกหรือ แล้วเหตุใดจึงไปช่วยตนเองอยู่ที่ริมแม่น้ำเช่นนั้น
แต่ใครจะกล้าถามให้โดนถีบกันเล่า!!!
จ้าวฝูหมิงที่ระบายความร้อนรุ่มในกายออกจนหมดแล้วก็รู้สึกโล่งสบายเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินกลับไปที่กระโจมทันที ก่อนจะพบกับไป๋มู่หลันที่กำลังฟื้นคืนสติขึ้นมา นางรีบลุกขึ้นมานั่งตัวตรงและก้มลงสำรวจร่างกายของตนเองด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าอาภรณ์บนกายยังอยู่ครบทุกชิ้นก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย
"ฟื้นแล้วหรือ?"
เสียงเข้มดุดันทำให้ไป๋มู่หลันขนลุกชูชันไปทั้งกาย นางเงยหน้าไปมองเขา ก่อนจะขยับกายถอยร่นหนี ยิ่งนางถอยห่าง จ้าวฝูหมิงก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้นางมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้นางรู้แล้วว่าคนที่จับตัวนางมาคือผู้ใด
ชินอ๋องแห่งเมืองเสียนหยาง!!!
"อย่าทำสิ่งใดหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันยังเด็กเพคะ"
จ้าวฝูหมิงปรายตามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
เด็กหรือ? ไม่เด็กแล้วละข้าว่า
"เจ้าโตเป็นสาวงามเช่นนี้ มิใช่เด็กเสียหน่อย"
"ท่านอ๋อง"
"ข้าจะส่งคนไปรับเจ้าแต่งเข้ามาเป็นอนุในวันพรุ่งนี้ เจ้าอย่าคิดหนีข้าเสียให้ยาก คนอย่างข้า หากอยากได้สิ่งใดข้าต้องได้ หากคิดขัดขืนข้าจะตามจนเจ้าอยู่มิเป็นสุข!!!"
ไป๋มู่หลันเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา นางยังเป็นเด็กจริง ๆ นะ ร่างนี้ยังไม่เคยมีรอบเดือนเลยสักครั้ง นางไม่ได้โกหกเขาเสียหน่อย นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดรอบเดือนจึงยังไม่มาเสียที แต่นางกลับแข็งแรงดีและเติบโตขึ้นทุกวันเหมือนสตรีทั่วไป
"จะร้องไปทำไมกัน อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้ร้องเสียงดังกว่านี้"
"เอ่อ..."
"เป็นผู้หญิงของข้าไม่ดีตรงไหนกัน ข้ายินดีเลี้ยงดูเจ้าไปชั่วชีวิต ขอเพียงเจ้าทำตัวดีดี เชื่อฟังข้า ข้าจะบันดาลให้เจ้าทุกอย่าง หึ!!! อีกเดี๋ยวหากเจ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมาดัง ๆ ครวญครางให้สุดเสียง ย่อมมิมีใครกล้าต่อว่าเจ้า"
ไป๋มู่หลันลอบสบถด่าทอเขาในใจเป็นพันครั้ง ชนชั้นสูงเป็นกันแบบนี้หรือ? โรคจิตบ้ากามถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
"หม่อมฉันไม่อยากเป็นอนุเพคะ หม่อมฉันอยากกลับบ้านเพคะ"
"เจ้าได้กลับแน่ หลังจากที่เจ้าปรนนิบัติข้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
จ้าวฝูหมิงจ้องมองไป๋มู่หลันเขม็ง เหตุใดสตรีชาวบ้านจึงยุ่งยากเช่นนี้กันนะ! ที่ผ่านมาเพียงแค่เขาพยักหน้าเหล่าสตรีก็เดินตามหลังเขามาอย่างไม่รอช้า บางคราเขาเพียงแค่นอนเฉย ๆ ให้พวกนางขย่มจนสาแก่ใจก็เคยมาแล้ว
"เจ้าอย่ามาเล่นตัวกับข้านักเลย!!!"
"อย่าเข้ามานะ!!!"
"อย่าให้ข้าโมโห!!! ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ!!!"
จ้าวฝูหมิงยื่นมือไปบีบปลายคางของนางเอาไว้แน่น ไป๋มู่หลันรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งใบหน้า น้ำตาหยดใสค่อย ๆ ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย จ้าวฝูหมิงที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
"จะร้องทำไมนักหนา!!!"
บัดซบ!!! เขาเพียงจะรับนางเป็นอนุ เขาพึงใจรูปโฉมเรือนร่างของนาง นางคงไม่รู้ตัวสินะ!!! ว่าในจวนของเขาไม่มีอนุอยู่ มีเพียงนางบำเรอ เขาให้เกียรตินางถึงเพียงนี้ แต่นางกลับเล่นตัวอยู่ได้!!!
"เจ้าชื่ออะไร?"
"ไป๋!!! ไป๋มู่หลันเพคะ"
"ชื่อเพราะยิ่งนัก ถอดเสื้อผ้าออกเถิด"
"ไม่เพคะ ฮือ!!!"
"หยุดร้องนะ!!! ไม่เช่นนั้นข้าจะ ..."
"ฮือออ หม่อมฉันยังไม่มีรอบเดือนเพคะ ฮึก ท่านอ๋องไม่ละอายบ้างหรือเพคะ ที่ข่มเหงจิตใจของเด็กสาวเช่นข้า!!!"
จ้าวฝูหมิงชะงักไปเล็กน้อย เขาเองก็รู้เรื่องราวของสตรีมามิใช่น้อย เขาหรี่ตามองนางอย่างจับผิด
"เจ้าเติบโตถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีรอบเดือน เจ้าโกหกข้า!!!'
"มิได้โกหกเพคะ ข้ายังไม่มีจริง ๆ"
ใบหน้าและแววตาของนางดูเหมือนมิใช่คนโกหก เขาเองก็จับพิรุธคนเก่งไม่น้อย จึงยอมเชื่อนางแต่โดยดี
บัดซบ!!! จะแต่งอนุทั้งทีแต่นางกลับยังไม่เติบโตเต็มที่!!!
"ปล่อยหม่อมฉันไปเถิดเพคะ"
"หึ!!! เจ้าคิดว่าข้าปล่อยเจ้าไปแล้ว เจ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นนั้นหรือ เจ้าถูกข้าแบกกลับมาเช่นนี้ ผู้คนก็เห็นกันถ้วนหน้า ชื่อเสียงเจ้าคงไม่เหลือชิ้นดีแล้วละ"
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดทันที คนในยุคสมัยนี้ถือเรื่องความบริสุทธิ์เป็นใหญ่ หากนางดึงดันจะกลับไปเช่นนี้ คงได้ถูกผู้คนนินทาไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่
เพราะเขาคนเดียว!!! เพราะท่านอ๋องบ้ากามผู้นี้คนเดียว!!!
จ้าวฝูหมิงยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อได้เห็นว่านางมีท่าทีลังเลเช่นนี้ เด็กโง่!!! ข้าเอ่ยวาจาเพียงไม่กี่คำเจ้าก็หวาดกลัวเสียแล้ว
ไป๋มู่หลันเบ้ปากทำท่าจะร้องไห้อีก จ้าวฝูหมิงที่ได้เห็นเช่นนั้นก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครา
"หยุดร้องนะ!!! ถ้าไม่หยุดข้าจะควักมันยัดเข้าไปในปากเจ้า!!!"
"ฮือออ ไม่!!!"
จ้าวฝูหมิงเตรียมจะถอดอาภรณ์ช่วงล่างของเขา ไป๋มู่หลันที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงรีบหยุดร้องทันที
เขามาส่งนางที่หน้าร้าน ก่อนจะควบม้าจากไปทันที เหล่าชาวบ้านที่ได้เห็นเช่นนั้นก็เริ่มส่งเสียงซุบซิบนินทาขึ้นมาทันที มีพ่อค้าหมูผู้หนึ่ง เดินเข้ามาหาไป๋มู่หลัน และเอ่ยวาจาแทะโลมนางอย่างดูแคลน
"เฮ้อ มิรู้ว่าถูกทหารในกองทัพลูบไล้ไปกี่คนแล้ว แม่นางไป๋ หากเจ้าไม่มีคนมาสู่ขอ ข้ายินดีรับเจ้าไปเป็นอนุนะ ฮ่า ๆ ๆ"
ไป๋เฟยที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รีบก่นด่าออกมาทันที พร้อมกับโยนชามบะหมี่ใส่พ่อค้าขายหมูอย่างไม่ไว้หน้า
"เหอะ!!! ท่านอ๋องน่ะไม่แต่งกับเจ้าเสียหรอก ท่านเพียงแค่ลองลิ้มเจ้าเท่านั้น มาเถิด มาให้ข้าลองอีกคน โอ๊ะ!!!"
"ลองชิมฝ่ามือก่อนดีหรือไม่?"
ไป๋มู่หลันรีบหันขวับไปมองทันที ก่อนจะพบกับจ้าวฝูหมิงที่ควบม้าย้อนกลับมา เขากระโดดลงจากหลังม้าและพุ่งเข้ามาง้างฝ่ามือฟาดลงไปบนศีรษะของพ่อค้าขายหมูอย่างเต็มแรง
เขาหันมามองนางเล็กน้อย ก่อนจะยกมือสั่งให้เหล่าทหารองครักษ์ นำหีบสมบัติมาโยนไว้ที่หน้าร้านของนาง ทหารองครักษ์เปิดหีบออก เผยให้เห็นทองคำจำนวนมาก รวมถึงเครื่องประดับหลากหลายชนิดที่มีมูลค่ามากมายส่องแสงระยิบระยับอยู่ในหีบ
จ้าวฝูหมิงไปที่ใดมิเคยขาดตั๋วเงิน เขาพกตั๋วเงินไปด้วยทุกที่หลายแสนตำลึง เพียงแค่คิดจะแต่งอนุเขาก็นำมันไปซื้อของมีค่าเหล่านี้ยัด ๆ ใส่หีบมาเสียก็สิ้นเรื่อง
เหล่าชาวบ้านต่างอ้าปากค้างมองดูหีบสมบัติทองนั้นตาไม่กะพริบ
"ใครไม่เกี่ยว ไสหัวไป!!! ส่วนเจ้า กล้ามาพูดจาลวนลามอนุของข้า ทหารลากมันไปกระทืบจนตาย!!!"
"ท่านอ๋องงงงง"
เมื่อจัดการกับพ่อค้าขายหมูผู้นั้นแล้ว จ้าวฝูหมิงก็เดินเข้ามาหาสองพ่อลูก ไป๋เฟยและไป๋มู่หลันต่างยืนกอดกันตัวสั่นอย่างน่าเวทนา
"พอหรือไม่?"
"ขอรับ?"
"สมบัติน่ะพอหรือไม่!!! เหตุใดต้องให้ถามซ้ำ!!! เดี๋ยวก็ถีบ..."
จ้าวฝูหมิงชะงักคำพูดทันที ไม่ได้สิ!!! นี่คือพ่อตาของเขา จะถีบไม่ได้ เอ๊ะ! หรือถีบได้?
"ข้านำทองคำและเครื่องประดับเหล่านี้มาสู่ขอบุตรสาวของเจ้าไปเป็นอนุ"
"เอ่อ..."
"คิดดีดีก่อนจะเอ่ยสิ่งใดออกมา"
ไป๋เฟยหันไปสบตากับไป๋มู่หลัน ยิ่งเขาเห็นบุตรสาวมีน้ำตานองหน้า เขาก็อดเวทนาไม่ได้
โธ่!!! ลูกพ่อ
จ้าวฝูหมิงจ้องไป๋มู่หลันเขม็ง ให้ตายเถิด!!! หน้าอกของนางทำให้ท่อนเอ็นที่หว่างขาของเขาแข็งชูชันขึ้นมาอีกแล้ว
"ไป๋มู่หลัน"
"แล้วแต่บัญชาของท่านอ๋องเถิดเพคะ หม่อมฉันเสียเกียรติไปแล้ว คงมิอาจทำให้ท่านพ่อขายหน้าไปด้วย"
จ้าวฝูหมิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เอาเถิด!!! เรื่องที่นางยังไม่มีรอบเดือนเขาทนรอได้ เชื่อว่าอีกไม่นานมันต้องมา
"ดี!!! อีกสองวันข้าจะส่งทหารมารับเจ้า เจ้าก็เดินไปพร้อมกับพวกเขา ไปรอข้าที่กระโจม"
ไป๋มู่หลันหันไปมองจ้าวฝูหมิงทันที
เดิน?
แต่งอนุมิใช่ว่าต้องมีเกี้ยวเจ้าสาวหรอกหรือ?
หลัวเฉิงลู่ องครักษ์คนสนิท ผู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับจ้าวฝูหมิงมานาน เมื่อได้ยินนายของตนเอ่ยออกมาเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ใด
ท่านอ๋องนะท่านอ๋อง เป็นถึงราชวงศ์ชั้นสูง แต่เหตุใดเพียงขนบธรรมเนียมง่าย ๆ ท่านกลับไม่รู้
หลัวเฉิงลู่ รีบขยับเข้าไปใกล้ ๆ จ้าวฝูหมิงก่อนจะกระซิบบอกเขา
"ท่านอ๋องการแต่งอนุต้องใช้เกี้ยวมารับพ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น เหตุใดต้องใช้เกี้ยวให้ยุ่งยาก!!! สตรีคนอื่นนางยังเดินมาหาเขาเลย
"นางไม่ได้พิการเสียหน่อย เหตุใดจะเดินไม่ได้เล่า?"
"ท่านอ๋อง นี่คือธรรมเนียมที่พึงปฏิบัติพ่ะย่ะค่ะ แต่ไหนแต่ไรสตรีที่ท่านอ๋องได้มามิใช่อนุภรรยา เป็นเพียงนางบำเรอ แต่นางเป็นอนุของท่าน ย่อมต้องทำให้ถูกธรรมเนียมพ่ะย่ะค่ะ"
"เหตุใดจึงไม่บอกแต่แรก!!! ไสหัวไปหาเกี้ยวให้นาง!!!"
หลัวเฉิงลู่สะดุ้งโหยง รีบวิ่งออกไปทันที แต่ไหนแต่ไรมาท่านอ๋องก็เป็นเช่นนี้ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ จนเหล่าทหารต่างหวาดกลัว
สองวันต่อมาขบวนรับเจ้าสาวก็เคลื่อนมาอย่างเรียบง่าย ไป๋มู่หลันอยู่ในชุดสีชมพู ปักลายดอกเหมยงามตา จ้าวฝูหมิงไม่ได้ส่งเสื้อผ้าเครื่องประดับมาให้นางแม้แต่ชิ้นเดียว เขาเอ่ยเพียงว่า เป็นอนุของข้า อยากใส่สิ่งใดก็ย่อมใส่ได้ ใครกล้าดูแคลนอนุของข้าข้าจะฆ่ามันเสีย!!!
"เกี้ยวรับเจ้าสาวมาถึงแล้ว"
เสียงกู่ร้องดังกึกก้องอยู่ด้านนอก ไป๋มู่หลันที่กำลังแต่งกายเสร็จเรียบร้อยก็รีบลุกขึ้นยืน วันนี้ท่านป้ามู่พี่สาวท่านพ่อของนางเป็นคนมาช่วยเรื่องจัดแต่งเสื้อผ้า ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี
ยังไม่ทันที่ไป๋มู่หลันจะได้เดินออกไป ร่างของจ้าวฝูหมิงก็พุ่งทะยานเข้ามาหานาง เขาจับรั้งเอวบางของนางเอาไว้และจ้องมองนางเขม็ง
"เหตุใดจึงชักช้าเช่นนี้!!!"
"เอ่อ...หม่อมฉัน"
"ออกมากับข้า!!!"
เขาพานางออกมายืนที่หน้าประตูเรือน ผู้คนต่างมายืนรอส่งคำอวยพรให้บ่าวสาว ไป๋มู่หลันไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด นางถูกเขาจับมัดมือชกเช่นนี้ ใครจะไปยินดีกันเล่า
"หันหน้ามา"
"ท่าน อื้อออ!!!"
ไป๋มู่หลันดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาพลิกร่างบางของนางให้หันไปหา ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาจูบนางอย่างดุดัน นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัด ๆ
ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมเข้มที่แสนเย็นชา จมูกของเขาโด่งเป็นสัน เขาเป็นบุรุษที่รูปงามยิ่งนัก
เหล่าผู้คนต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ไป๋มู่หลันรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ทว่านางกลับละสายตาจากเขาไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
จ้าวฝูหมิงเอียงคอมองนาง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
"หึ!!! จ้องมองความหล่อเหลาของข้าสินะ"
ไป๋มู่หลันก้มหน้างุด ให้ตายเถอะ!!! เขาหลงตนเองอย่างหน้าไม่อายเอาเสียเลย
เขาพานางกลับมาที่กระโจม ยามนี้มันถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ไป๋มู่หลันนั่งตัวแข็งเกร็งอยู่บนเตียง จ้าวฝูหมิงที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามนางด้วยความสงสัย
"เจ้าไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ อยากอาบน้ำหรือไม่ ข้าจะไปส่ง"
"ไม่เจ้าค่ะ หม่อมฉันอยากนอนแล้ว"
"เช่นนั้นเจ้าก็นอนเถิด เจ้ายังไม่มีรอบเดือนข้ายังมิอาจแตะต้องเจ้าได้"
ไป๋มู่หลันรู้สึกโล่งใจไม่น้อย นางรีบทิ้งตัวลงนอนก่อนจะคลุมโปงมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่ม จ้าวฝูหมิงที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก เขาเดินไปที่ข้างเตียงฝั่งที่นางนอนอยู่ ก่อนจะถอดอาภรณ์ช่วงล่างออก และเริ่มรูดชักมันขึ้นลงอย่างช้า ๆ และเร่งให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น
"ซี้ดดด อ๊าส์!!!"
ไป๋มู่หลันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้นางค่อย ๆ เปิดผ้าห่มขึ้นไปมองอย่างช้า ๆ
อ๊าส์!!! เขากำลัง
"อยากดูก็เปิดออกมาดูเถิดอนุของข้า โอว!!!"
คนบ้ากาม!!! ฮือออออ
ไป๋มู่หลันรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก นางรีบมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่มทันที ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อจ้าวฝูหมิงได้ระบายอารมณ์จนพอใจแล้ว เขาจึงล้มตัวลงนอนข้างกายของนาง ตลอดทั้งคืนไป๋มู่หลันรู้สึกนอนไม่หลับเลยแม้แต่น้อย คงเพราะนางแปลกที่ด้วย และอีกอย่างก็เพราะจ้าวฝูหมิงใช้ท่อนขาแกร่งมาวางพาดบนร่างของนางตลอดทั้งคืนราวกับนางเป็นหมอนข้างให้เขากอดก่าย จ้าวฝูหมิงมิเคยให้สตรีใดมานอนข้างกายเขาทั้งคืนเช่นนี้ เมื่อไป๋มู่หลันมานอนด้วย เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะต้องทำเช่นไร จะกอดนางก็กลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหว เผลอทำสิ่งใดนางลงไปโดยไม่รู้ตัว นางยังไม่มีรอบเดือน เขาจึงทำได้เพียงใช้ท่อนขาข้างหนึ่งก่ายไว้บนกายนางสตรีของข้าย่อมต้องอยู่ใต้บัญชาของข้า ต่อให้ข้าเอาขาก่ายคอนาง นางก็ไม่มีสิทธิ์มาต่อว่าเขาแม้แต่น้อย!!!รุ่งเช้ามาเยือน ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาในกระโจม จ้าวฝูหมิงลืมตาตื่นขึ้นมาและมองไปข้างกาย กลับพบว่านางหายไปเสียแล้ว บัดซบ!!! แอบหนีไปตอนข้าหลับหรือ!!! บังอาจนัก เขาชักดาบยาวออกมาพร้อมกับเดินมุ่งตรงออกไปนอกกระโจม แต่เมื่อออกไปกลับพบไป๋มู่หลันที่กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตาไฟ โดยมีหลัวเฉิงลู่คอยรับใช้อย
หลายวันต่อมาจ้าวฝูหมิงให้ไป๋มู่หลันกลับไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ของนางที่เรือนให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมออกเดินทางกลับเมืองหลวงเสียนหยางทันที ส่วนเขากลับไปกวาดต้อนเหล่าเชลยที่เป็นพวกเดียวกับฉีอ๋องให้กลับไปรับโทษที่เสียนหยางด้วย ยามนี้จวนอ๋องที่เคยใหญ่โตกลับกลายเป็นจวนร้าง จ้าวฝูหมิงจัดการฆ่าล้างตระกูลของฉีอ๋องจนสิ้นซากภายในคืนเดียว แต่ไหนแต่ไรฉีอ๋องผู้นี้ก็คิดก่อความวุ่นวายมาโดยตลอด ฮ่องเต้จ้าวฝูหรง พี่ชายของเขาเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรมาโดยตลอด แม้จะเป็นญาติห่าง ๆ แต่ก็ยังยกดินแดนแคว้นฉีให้ปกครอง แต่ทว่าฉีอ๋องกลับโลภมากไม่รู้จักพอ จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ นี่สินะความโหดเหี้ยมในราชวงศ์ต่อให้เป็นญาติมิตรพี่น้องที่เคยรักใคร่กันแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องจบชีวิตลงเพราะคำว่ายื้อแย่งอำนาจเพียงคำเดียวไป๋มู่หลันกลับมาลาบิดาของนางด้วยแววตาที่เศร้าใจไม่น้อย ได้ยินมาว่าท่านอ๋องสั่งให้เหล่าทหารมาทุบร้านของท่านพ่อ นางรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก แต่ทว่าทหารเหล่านั้นเอ่ยเพียงว่าท่านอ๋องสั่งให้ทุบร้านเก่าทิ้งเพราะเล็กเกินไป และสั่งให้สร้างร้านใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ให้ตายเถิด!!! เหตุใดจึงไม่แจ้งก่อนทุบ
หลิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากมิได้ หึ!!! อย่างไรเสียนายหญิงคนใหม่ก็ยังไร้อำนาจในจวนอ๋องอยู่ดี ดูดูไปแล้ว เหมือนจะเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกเพียงเท่านั้น "พวกเจ้าไสหัวไปได้แล้ว ส่วนเจ้าไป๋มู่หลันอยู่ก่อน"เหล่านางบำเรอต่างย่อกายทำความเคารพเขาและทยอยเดินออกไปทีละคน หลิงหลิงไม่ลืมที่จะปรายตามองไป๋มู่หลันอีกครา ไป๋มู่หลันเองก็หันไปสบตากับนางเช่นกัน แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น หลังจากที่หลิงหลิงและเหล่านางบำเรอออกไปกันหมดแล้ว จ้าวฝูหมิงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะเดินเข้าไปหานาง แต่ทว่าเขากลับซวนเซเล็กน้อย รู้สึกว่าศีรษะมึนงงไปชั่วขณะ บัดซบ! ข้าคงดื่มสุรามากเกินไปสินะ "ท่านอ๋อง""ไป๋มู่หลัน ข้าจะสอนเจ้าเอาไว้""เพคะ สอนสิ่งใดหรือเพคะ?"ไป๋มู่หลันที่ได้ยินจ้าวฝูหมิงเอ่ยเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจะสอนสิ่งใดนางกัน และจะเชื่อถือได้หรือไม่ ดูสภาพเขาสิขนาดยืนยังทรงตัวแทบไม่อยู่ด้วยซ้ำ!ให้ตายเถิด!!! เขาทั้งบ้ากาม ไร้มารยาท และติดสุราอีกด้วย เวรกรรมอันใดของนางกันต้องมามีสามีเช่นนี้!!!จ้าวฝูหมิงยื่นฝ่ามือหนาใหญ่ไปจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ ก่อนจะ
ด้านจ้าวฝูหมิงนั้นเดินทางเข้าวังหลวงทั้งที่กลิ่นสุรายังคละคลุ้งอยู่ทั่วทั้งกาย แต่เขาไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ในหัวเขาคิดเพียงแค่ว่า ข้าจะดื่ม ใครจะทำไม?"ถวายพระพรฝ่าบาท เอิ๊ก!!!"จ้าวฝูหมิงส่งเสียงเรอออกมาจนดังก้องไปทั้งตำหนักมังกร จ้าวฝูหรงกำลังนั่งตรวจฎีกาบนโต๊ะทรงอักษรได้เห็นเช่นนั้นก็เบ้หน้าขมวดคิ้วมุ่นทันที กลิ่นสุราที่น้องรองเรอออกมาช่างน่าเวียนหัวยิ่งนัก เขามิชมชอบการดื่มสุราเท่าไรนัก แต่ทว่าน้องรองกลับชมชอบมันเป็นชีวิตจิตใจ "ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด""ขอบพระทัยฝ่าบาท"จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ บนโต๊ะมีชาหลงจิ่งชั้นดีวางเอาไว้ เขายกชาร้อนขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะวางมันลง "ท่านพี่ได้รับหัวของฉีอ๋องแล้วหรือยัง?""ได้รับแล้ว น้องรองคราวหลังเจ้าก็ไม่ต้องส่งมาเช่นนี้ก็ได้ เหล่าขุนนางในราชสำนักได้เห็นถึงกับอกสั่นขวัญหาย เจ้ารู้หรือไม่?""ไม่รู้ ข้าเพียงทำหน้าที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี เหล่าขุนนางขวัญอ่อนพวกนั้นจะหวาดกลัวหรือไม่หวาดกลัว ข้าไม่สน"จ้าวฝูหรงถอนหายใจเล็กน้อย พลางจ้องมองจ้าวฝูหมิงที่ยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาพาดเอาไว้บนโต๊ะอย่างไม่สนใจเขาแม้แต่น้อยเฮ้อ!!! นิสัย
ผ่านไปร่วมหลายวันที่ไป๋มู่หลันใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องของจ้าวฝูหมิง นางเริ่มปรับตัวเข้ากับเมืองเสียนหยางได้เป็นอย่างดี บางคราเขาก็พานางนั่งรถม้าไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดบ้างเป็นบางครา นางได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์พระองค์นี้ ก็มีมุมที่น่ารักหลายมุม เขาใส่ใจราษฎรและเหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ถือตนอีกด้วย แต่ทว่าหากเขาพบกับเหล่าชนชั้นสูงที่คิดรังแกราษฎรต่ำต้อย เขาก็จะจัดการสั่งสอนคนเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน จ้าวฝูหมิงสั่งให้หมอหลวงในวังมารักษาอาการของนางอย่างต่อเนื่อง ไป๋มู่หลันต้องทนดื่มยาขม ๆ อยู่หลายครา มีบางครั้งที่นางแอบเทยาเหล่านั้นทิ้ง แต่ทว่าเมื่อเขารู้เข้า ก็จะอุ้มนางพาดบ่าและฟาดฝ่ามือลงไปบนบั้นท้ายงามของนางอีกทั้งยังบีบขยำจนก้นนางแดงไปหมด นิสัยไม่ดี!!!นานวันเข้านางก็เริ่มจะชินชากับพฤติกรรมที่แสนประหลาดและหื่นกามของเขาเสียแล้วด้านหลิงหลิงก็หาทางกลั่นแกล้งไป๋มู่หลันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทว่านางกลับถูกโม่ฉือกระโดดข่วนจนริมฝีปากล่างฉีกขาดเป็นแผล และนอนซมเป็นไข้อยู่หลายวัน เหล่านางบำเรอคนอื่น ๆ ต่างมิกล้ามีปากมีเสียง ทำได้เพียงอยู่นิ่ง ๆ ไป
จ้าวฝูหมิงรีบพุ่งทะยานเข้ามาและดึงร่างของไป๋มู่หลันออกมาจากจ้าวซือซือทันที ดวงตาคมจ้องมองแฝดน้องของตนเองด้วยสายตาเย็นชา จ้าวซือซือ เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอด้วยความหงุดหงิดใจ "อย่ายุ่งกับอนุของข้า!!!""พี่รอง ข้าเพียงพาน้องไป๋ไปเที่ยวชมวังหลวงเพียงเท่านั้นเพคะ""หึ!!! เที่ยวชมวังหลวงหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเจ้า!""แล้วอย่างไร ข้าชอบนาง ข้าอยากอยู่ใกล้นาง หากเจ้าไม่พอใจก็มาทุบตีข้าสิ!"จ้าวฝูหมิงลอบสบถด่าทอจ้าวซือซือในใจเป็นพันครั้ง หากนางเป็นบุรุษเขาคงได้ถีบนางกระเด็นออกไปนอกกำแพงวังหลวงเป็นแน่ "งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้าอย่าคิดก่อเรื่อง!""พูดมาก น่ารำคาญยิ่งนัก!!! น้องไป๋ ไว้เราค่อยมาพูดคุยกันอีกนะ""เพคะองค์หญิง"ไป๋มู่หลันยิ้มให้จ้าวซือซืออย่างเป็นมิตร ในใจรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดจ้าวฝูหมิงต้องทำท่าทีไม่พอใจยามที่นางอยู่กับแฝดน้องของเขาเช่นนี้ด้วย "อย่าเข้าใกล้นาง!!!""ทำไมเล่าเพคะ?""ไม่ต้องถาม!!!"เช่นนั้นนางก็จะไม่ถามเขาอีก ไป๋มู่หลันก้มหน้างุด ช่างเถิด ในเมื่อเขาไม่ให้นางถามนางเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างว่าง่าย คราวนี้จ้าวฝูหมิงก็ตามมานั่งกับนางด้วย งานเลี้ยงเริ
ไป๋มู่หลันรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางทั้งรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จ้าวฝูหมิงจะเดินทางไปปราบเหล่ากบฏเขาได้สั่งให้พ่อบ้านเฉินหาสาวใช้มาดูแลนางคนหนึ่ง นามว่าหนิงชุ่ย "หนิงชุ่ย""เจ้าคะนายหญิง"หนิงชุ่ยที่ได้ยินเสียงเรียกของไป๋มู่หลันจึงรีบวิ่งเข้ามาหานางทันที เมื่อได้เห็นเลือดมากมายไหลเปรอะเปื้อนบนเตียงนอน นางก็รู้ได้ทันที นายหญิงของนางมีรอบเดือนแล้ว หนิงชุ่ยคอยดูแลรับใช้ไป๋มู่หลันเป็นอย่างดี นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าปี แต่มีรอบเดือนตั้งแต่อายุสิบสี่เพราะร่างกายของนางอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี นางชื่นชอบไป๋มู่หลันเป็นอย่างมาก นายหญิงของนางทั้งใจดีและทำอาหารอร่อย "นายหญิง ปวดมากหรือไม่เจ้าคะ""อือ ข้าลุกไม่ไหว""รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้"หนิงชุ่ยไม่รอช้านางรีบไปนำน้ำอุ่นมาหนึ่งกะละมัง และใช้ผ้าสะอาดบิดชุบน้ำหมาด ๆ ทำความสะอาดร่างกายให้ไป๋มู่หลันเสียก่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทำให้ไป๋มู่หลันรู้สึกอยากอาเจียนเป็นอย่างมาก "รอบเดือนของสตรีครั้งแรกย่อมมากเช่นนี้เจ้าค่ะ รออีกสามสี่วันก็จะค่อย ๆ เบาบางลง นายหญิงอดทนหน่อยนะเจ้าคะ"ไป๋มู่หลันพยักหน้า
จ้าวฝูหมิงเอ่ยวาจาหยอกเย้านางด้วยน้ำเสียงที่แหบกระเส่า เขายื่นมือไปเชยคางนางให้เงยขึ้นมาสบสายตากับเขา ไป๋มู่หลันรู้สึกร้อนวูบวาบในกายเป็นอย่างยิ่ง ยามที่เขาจ้องมองนางราวกับนางเป็นกวางน้อยที่เขาจับมาได้ เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้นางจึงยิ่งรู้สึกเขินอายจนทำสิ่งใดไม่ถูก เขาใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกทีละชิ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในระหว่างนั้นก็โน้มใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ดอมดมซอกคอขาวเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย การกระทำของเขาช่างดูคล่องแคล่วยิ่งนัก ไม่นานร่างกายของนางก็ไร้ซึ่งสิ่งใดห่อหุ้มอีก กายสาวงามสะพรั่งกำลังเย้ายวนสายตาเหลือเกิน เขาช้อนอุ้มร่างบางของนางขึ้นไปวางลงบนเตียง แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าไปหานาง เขาทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างดุดัน ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันเริ่มหายใจติดขัด นางพยายามจะใช้ฝ่ามือน้อย ๆ ผลักไสเขาออกไป แต่ทว่าคนร่างใหญ่กลับยิ่งบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างไม่ยอมลดละ มือหนาทั้งสองข้างของเขาบีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างที่ชูช่อบานสะพรั่งอย่างเอาแต่ใจ สองเต้าเต่งตึงของนางใหญ่โตเสียจนล้นไม้ล้นม
ยี่สิบปีต่อมา จ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลัน มีบุตรชายทั้งหมดสามคน และบุตรสาวทั้งหมดสามคน บุตรชายมีใบหน้าหล่อคมเช่นเดียวกับเขา ส่วนบุตรสาวก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายไป๋มู่หลัน อีกทั้งยังมีหน้าอกใหญ่โตเหมือนกับมารดาอีกด้วย บุตรคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่สร้างปัญหาใดใด ยกเว้นเสียแต่ จ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรง ไม่นานมานี้จ้าวจื่อหรงได้ออกไปล่าสัตว์ในป่า ระหว่างทางกลับเขาได้แบกสตรีชาวบ้านนางหนึ่งมาด้วย และบอกว่าจะรับนางเป็นอนุ อีกทั้งยังขับไล่นางบำเรอออกไปจากเรือนจนหมด "จื่อหรง เจ้าไปพานางมาจากที่ใด?"จ้าวฝูหมิงในยามนี้ ใบหน้าของเขาแก่ชราลงไปไม่น้อย แต่ยังคงความหล่อเหลาและน่าเกรงขามเอาไว้อยู่ ดวงตาคมจ้องมองบุตรชายด้วยความสงสัย จ้าวจื่อหรงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย "ข้าชอบนาง ข้าว่านางเหมือนท่านแม่มาก ท่านพ่อ ข้าชอบหน้าอกของนาง"จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น บัดซบ!!! มันไปได้นิสัยจากใครมา ป่าเถื่อนยิ่งนัก!อ้อ!!! ลูกข้าย่อมต้องเหมือนข้าสินะ "เจ้าทำเช่นนี้มิถูกต้อง พานางไปส่งบิดามารดานางเสีย""ไม่ขอรับ! ได้ยินมาว่าตอนสมัยหนุ่ม ๆ ท่านพ
งานเลี้ยงดำเนินไปได้ด้วยดี ส่วนสาวใช้ของนางที่ถูกจ้าวซือซืออุ้มหนีหายไปนั้น ยามนี้กำลังซบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซือซือด้วยความเขินอาย นี่มันเรื่องอะไรกัน?จ้าวฝูหมิงแต่งตั้งหลัวเฉิงลู่เป็นผู้ว่าการมนฑล และดูแลความเรียบร้อยของแคว้นหมิง รวมถึงมีศาลาว่าการ ศาลาร้องเรียน มีหอนางโลม โรงน้ำชา และสถานศึกษา โรงฝึกทหาร ทุกอย่างเหมือนเสียนหยางทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเสียนหยางแห่งที่สอง เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ก็เท่านั้น เขาอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีภรรยามีบุตร ไม่มีกฎเกณฑ์ใดใดตายตัว เขาชอบชีวิตอิสระเช่นนี้ หลายวันก่อนไป๋มู่หลันมาออดอ้อนเขาว่าอยากได้ปลามาว่ายเล่นในสระน้ำสักหลาย ๆ ตัวเขาเองแม้จะไม่ชอบปลาพวกนั้นเท่าใดนัก แต่ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี ขืนมาตอดข้าอีกข้าจะจับพวกมันต้มกินให้หมดเสีย คอยดูเถิด!!!ยามนี้ไป๋มู่หลันกำลังนั่งมองดูปลาในสระพลางแบ่งขนมแป้งในมือให้ฝูงปลาที่แหวกว่ายในน้ำ ลูก ๆ หลับไปหมดแล้ว นางเองก็รู้สึกเมื่อยล้าจึงอยากมานั่งริมสระบัวเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย ยามนี้อากาศก็ช่างร้อนอบอ้าวยิ่งนักจ้าวฝูหมิงเห็นชายายอดรักกำลังให้อาหารปลาอยู่ใต้แสงจันทร์ ก็รู้สึกว่
ยามนี้จวนอ๋องกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะต้องเตรียมตัวย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แคว้นฉี จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องจัดเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมสรรพ เพื่อมิให้ภรรยาและลูก ๆ ลำบากมากนัก ในการเดินทางไกลเช่นนี้ จ้าวซือซือกำลังนั่งเล่นกับจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอย่างสนุกสนาน วันนี้จ้าวฝูหมิงเรียกนางมาเพราะต้องการแบ่งสินเดิมของเสด็จแม่ให้นางเอาไว้ใช้ด้วย เพราะเขาต้องไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่มีเวลามาดูแลร้านรวงเหล่านั้นเหมือนแต่ก่อนอีก "อะนี่ ข้าให้เจ้า""หมดนี่เลยหรือ?""ใช่ ร้านค้าในตรอกหลายสิบร้านข้ายกให้เจ้าทั้งหมด พร้อมโฉนดที่ดินอีกหลายหมู่ที่นอกเมือง และข้าหานางบำเรอสวย ๆ ให้เจ้าหลายสิบคนแล้ว เจ้ากลับเรือนไปคงได้เจอกับพวกนาง ส่วนร้านรวงที่ใกล้เคียงกับร้านของเจ้า ข้าฝากเจ้าดูแลแทนด้วย""ได้สิ ไม่มีปัญหา เฮ้อ!!! ข้าคิดถึงน้องไป๋ยิ่งนัก นางไปอยู่ไกลเช่นนี้ ข้าจะมองนมใครล่ะ"จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองจ้าวซือซืออย่างเอาเรื่อง "บัดซบ!!! เจ้าแอบมองนมเมียข้าหรือ!!!""นานแล้ว อยากลองจับสักครา""หุบปาก!!! อย่าแม้แต่จะคิด!!!""ก็ได้แค่คิดเองเพคะ พี่รองข้าชอบภรรยาท่านจริง ๆ นะ ข้าหลงรักนาง""แล
ไป๋มู่หลันพักรักษาร่างกายอยู่ในจวนอ๋องโดยมีหมอหลวงจากในวังมาคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดี จ้าวฝูหมิงเองหลังจากประชุมเช้าเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คุมทหารฝึกฝน เขาก็จะรีบกลับมาหานางกับลูกโดยเร็ว เจ้าก้อนแป้งทั้งสองอ้วนท้วนแข็งแรงสมบูรณ์ดี และยังมีแม่นมมาช่วยดูแลอีกทาง นางจึงเบาแรงลงไปได้เป็นอย่างมาก จ้าวซือซือเองก็มาเยี่ยมเยือนหลาน ๆ ของนางอยู่ทุกวันเวลาล่วงเลยมาจวบจนจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอายุได้หกเดือนเศษ จ้าวฝูหมิงจึงพานางและลูกเข้าวังหลวงไปหาจ้าวฝูหรง โม่ฉือเองก็ตามมาด้วยเพราะมันติดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมาก"ใบหน้าเหมือนน้องรองยิ่งนัก""หึ ลูกข้าก็ต้องหน้าเหมือนข้าสิ ถามไม่เข้าท่า""เอาเถิด พี่ไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"จ้าวฝูหรงไม่อยากถือสาหาความกับน้องรองผู้นี้ เพราะรู้ว่าเถียงไปอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ "ฝ่าบาทเพคะ ทรงเสวยชาร้อนก่อนเถิดเพคะ"ไป๋มู่หลันหันไปมองสตรีผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับชาร้อนในมือ นางแต่งตัวไม่เหมือนกับนางกำนัลหรือสตรีชาวเสียนหยางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองไป๋มู่หลันคราหนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเทน้ำชาให้จ้าวฝูหรงต่อ ด้านจ้าวฝูหมิงเองก็ปร
ผ่านไปหลายวันกว่าที่เสียนหยางจะเก็บกวาดซากศพของเหล่าทหารที่ล้มตายออกไปจากเมืองหลวงจนหมด ทหารเสียนหยางที่ล้มตายถูกฝังอย่างดี ส่วนทหารแคว้นจ้าวและเผ่าตงหูถูกนำไปโยนเป็นอาหารสัตว์ในป่าเสีย จ้าวฝูหรงได้กลับมาเป็นฮ่องเต้อีกครา แม้จะมีสนมมากมายในวังหลวง แต่เขาก็ไม่คิดแต่งตั้งใครเป็นฮองเฮา เพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องได้รับรางวัลพระราชทานมากมายที่เข้าร่วมช่วยเหลือทำศึกในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้เหล่าทหารที่ร่วมรบอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ เหล่าราษฎรต่างกลับมาใช้ชีวิตกันเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง จวนตระกูลเสี่ยวถูกปิดร้างเอาไว้ พร้อมกับหลุมศพของเสี่ยวลู่หานที่ถูกฝังเอาไว้ในนั้น ผู้คนต่างไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้เพราะถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม จ้าวฝูหรงได้พระราชทานแคว้นจ้าวให้จ้าวฝูหมิงเพิ่มอีกหนึ่งแคว้น ด้วยเพราะน้องรองของเขาต่อสู้ร่วมรบอย่างสุดกำลัง สร้างความดีความชอบเป็นอย่างมาก ส่วนจ้าวซือซือนั้นเขาพระราชทานตำหนักใหม่ให้นางที่นอกวังหลวง และยังส่งนางบำเรอไปให้นางเพิ่มอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันน้องหญิงของเขาจะมาลวนลามนางสนมในวังอีก แต่ถึ
เสี่ยวลู่หานพาไป๋มู่หลันมุ่งหน้ามายังด้านหลังประตูวัง แต่กลับพบกับเหล่าทหารของจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยที่เดินขวักไขว่เต็มไปหมด พวกมันช่างใจหยาบช้ายิ่งนัก เข่นฆ่าเด็กและคนแก่ชรา อีกทั้งยังฉุดคร่าสตรีเสียนหยางอย่างไร้ซึ่งความปรานี "คุณชายขอรับ คุณหนูเสี่ยวหนิงปลิดชีพตนเองแล้ว ส่วนท่านเสี่ยวหลานถูกข่านมู่เจี่ยจับตัวไว้ขอรับ"เสี่ยวลู่หานหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ที่เขาส่งไปสืบข่าว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ยามนี้ผ่านมาหลายสิบวันแล้วที่เสียนหยางถูกกุมอำนาจเอาไว้ทั้งหมด และปกครองโดยจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยท่านพ่อถูกจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยหักหลังเสียแล้ว ท่านพ่อประมาทเกินไป ไว้ใจสองคนนั้นมากเกินไป 'เขา' ที่ท่านพ่อส่งจดหมายติดต่อมาตลอดก็คือจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย ท่านพ่อตกลงก่อสงครามร่วมกันกับคนเหล่านั้น เดิมทีท่านพ่อคิดจะตลบหลังสองคนนั้นอีกที แต่คาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยจะยกทัพมามากมายเช่นนี้ ตระกูลเสี่ยวจบสิ้นแล้ว!!!ไป๋มู่หลันที่เห็นเขามีใบหน้าเศร้าใจเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ เสี่ยวลู่หานที่ได้เห็นแววตาเห็นใจจากนางก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างยิ่ง นางคงยังมิรู้ว่าเขาคือ
เสียงเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามาทางประตูหน้าจวน และเข่นฆ่าคนในจวนอ๋องจนหมดสิ้น ภาพของนางกำนัลมากมายที่ล้มตายอยู่ตรงหน้า ทำให้นางตื่นตระหนกจนมือสั่น นางกอดโม่ฉือเอาไว้แนบอกด้วยความหวาดกลัว "พระชายา!!! ทรงหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!!"พ่อบ้านเฉินรีบเข้ามาหาไป๋มู่หลัน และนำทางนางหนีออกทางประตูด้านหลังจวนอ๋อง เสียงดาบยังคงดังเป็นระยะปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของเหล่าสาวใช้ที่ถูกเข่นฆ่าฉึบ!!!"กรี๊ดดดดด!!!"พ่อบ้านเฉินถูกธนูยิงที่ด้านหลังจนบาดเจ็บล้มลงไปกองกับพื้น ไป๋มู่หลันที่ตกใจเป็นอย่างมาก นางจึงชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับกายเคลื่อนไหวอีก เสียงธนูลอยมาตามสายลมก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ไป๋มู่หลันกับหนิงชุ่ยกอดกันแน่น คิดเพียงว่าคงมิรอดเป็นแน่แท้เคร้ง!!!เสียงดาบกระทบกับลูกธนูทำให้สติของไป๋มู่หลันกลับคืนมาทันที "คุณชาย!!!""มาหลบอยู่ข้างหลังข้าเร็วเข้า!!!"เสี่ยวลู่หานรีบเข้ามาต่อสู้กับเหล่านักฆ่าที่ท่านพ่อของเขาส่งมาทันที เขาได้ยินท่านพ่อเอ่ยกับนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน ว่าจะส่งคนมาฆ่านาง เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด ยิ่งเห็นนางตั้งครรภ์เช่นนี้เขายิ่งรู้สึกผิดในใจ เขาอำมหิ
ย่างเข้าสู่ช่วงเหมันตฤดู (ฤดูหนาว) ในวังหลวงก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา เหล่าราษฎรทั่วทั้งเมืองเสียนหยางต่างสวมชุดสีขาวเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลันเองก็ไว้ทุกข์ให้แก่พระมารดาเป็นเวลาหนึ่งปีเช่นกัน ยามนี้ท้องของนางเริ่มเห็นชัดมากยิ่งขึ้น จ้าวฝูหมิงเองก็คอยดูแลเอาใจใส่นางอย่างไม่ให้คลาดสายตาบ่ายวันนั้นมีราชโองการด่วนจากจ้าวฝูหรง ให้จ้าวฝูหมิงเดินทางไปชายแดนทางเหนืออย่างเร่งด่วน เพราะหลัวเฉิงลู่ส่งข่าวด่วนมาแจ้งทางวังหลวงว่า ยามนี้จ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย นำทัพทหารหลายแสนนาย เข่นฆ่าเหล่าทหารที่ชายแดนจนตกตายไปหลายหมื่นนายแล้ว เหล่าชาวบ้านต่างหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สงครามนี้กินพื้นที่ไปถึงสามแคว้น ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องที่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อเสียนหยางร่วมสู้รบเพื่อปกป้องแคว้นทั้งสามจากจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยอย่างสุดกำลัง ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก บิดาของนางในยามนี้จะยังปลอดภัยอยู่หรือไม่? ยิ่งคิดนางก็ยิ่งวิตกกังวล อีกใจหนึ่งก็ห่วงจ้าวฝูหมิงเหลือเกิน ได้ยินมาว่าสงครามครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าหลายครั้
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารพ่อบ้านเฉินจับใจ นางจึงหันไปเอ่ยปากบอกกับจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ไม่ใช่ความผิดพ่อบ้านเฉินหรอกเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันมิค่อยอยากอาหาร จึงทำให้กินอะไรก็รู้สึกไร้รสชาติ อย่าโบยพ่อบ้านเฉินเลยเพคะ"พ่อบ้านเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ในใจรู้สึกเคารพพระชายาผู้นี้ขึ้นมามากกว่าเดิมอีกหลายส่วน จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเสด็จแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ทรงตั้งครรภ์ เสด็จพ่อทรงตามใจเสด็จแม่ทุกอย่าง เช่นนั้นเขาต้องตามใจนางถึงจะถูกสินะ พ่อบ้านเฉินที่เห็นว่าท่านอ๋องทรงอารมณ์ดีแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จะทรงให้พระชายาพักที่เรือนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ""ถามโง่ ๆ มาพักกับข้าสิ! สั่งคนไปย้ายของของพระชายามา""เอ่อ... แล้วทรงต้องเข้าวังไปถวาย...""ไม่เข้า!!! ที่นี่จวนข้า เมียข้าไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนั้น รอข้าอารมณ์ดีข้าจะพานางเข้าวังเอง!"พ่อบ้านเฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบสั่งคนไปจัดการตามรับสั่งให้เรียบร้อย จ้าวฝูหมิงหันมามองไป๋มู่หลันที่กำลังนั่งแกะส้มผลโตเข้าปากด้วยความเอร