LOGIN"พวกท่านออกไปจากบ้านของพวกเราเดี๋ยวนี้! ถ้าไม่ออกไป ก็อย่ามาหาว่าพวกข้าไม่สุภาพ!" ป้าสะใภ้และย่าตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของหลิงเหม่ยเม่ยและหลิงห้าวจื่อพวกนางไม่เคยเห็นเด็กสองคนนี้กล้าต่อต้านมาก่อน "แกกล้าขู่พวกเราหรือ!" ป้าสะใภ้พยายามจะพุ่งเข้ามาทำร้าย หลิงเหม่ยเม่ย แต่หลิงเหม่ยเม่ยกลับใช้ศิลปะป้องกันตัวที่เธอเคยเรียนมาจากโลกปัจจุบัน เธอหลบหลีกการ โจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว และใช้จังหวะที่ป้าสะใภ้เสียหลัก ตอนที่นางผลักเธอเมื่อพลาดเป้าหน้าแกจึงคะมำไถไปกับพื้น
"พี่ใหญ่!" หลิงห้าวจื่อร้องด้วยความตกใจ แต่ก็แฝงไปด้วยความชื่นชม หลิงเหม่ยเม่ยในโลกปัจจุบัน เธอเป็นนักวิจัยพืชพันธุ์ก็จริง แต่เธอก็เป็นคนที่ชอบออกกำลังกายและเรียนศิลปะป้องกันตัวมาแทบทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นคาราเต้ เทควันโด หรือแม้แต่การต่อสู้แบบประชิดตัว เธอจึงไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น
"พวกท่านกลับไปซะ! ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน!" หลิงเหม่ยเม่ยกล่าวเสียงเย็นยะเยือก แววตาของเธอ เต็มไปด้วยความเด็ดขาด ป้าสะใภ้และย่ามองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวพวกเธอไม่คิดว่าหลิงเหม่ยเม่ยจะกล้าต่อต้าน ถึงเพียงนี้ และท่าทางของเธอก็ดูน่าเกรงขามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ในที่สุด พวกนางก็ยอมล่าถอยกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก
หลิงเม่ยเม่ยถอนหายใจยาว เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้กับคนขี้อิจฉาและญาติผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว แต่เธอก็ไม่กลัว เธอจะปกป้องน้อง ๆ และสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาให้ดีที่สุด
หลังจากที่ชีวิตของหลิงเหม่ยเม่ยและน้อง ๆ พลิกผันจากความแร้นแค้นสู่ความมั่งคั่งอย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอและความช่วยเหลือจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ตระบบขั้นเทพ บัดนี้บ้านไม้โทรมๆ ได้กลายเป็นคฤหาสน์หลังงาม มีแปลงผักเขียวขจีที่ให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์
ธุรกิจผักดองกับร้านบะหมี่ก็โด่งดังไปทั่วเมือง หลิงเม่ยเม่ยที่เคยอ้วนท้วมหนัก 200 จิน ก็ได้กลับมาผอมเพรียวสวยงามราวกับคนละคน ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดวงตาเป็นประกายแห่งความมุ่งมั่นและความสุข แต่ถึงแม้ชีวิตจะดีขึ้นมากแล้ว หลิงเหม่ยเม่ยก็ยังคงมีเรื่องที่ค้างคาใจ นั่นคืออนาคตทางการศึกษาของน้อง ๆโดยเฉพาะหลิงห้าวจื่อที่บัดนี้อายุ 13 ปีแล้ว ถือว่าเลยวัย ที่จะเริ่มต้นเรียนหนังสือพื้นฐานในโรงเรียนทั่วไป
ส่วนจินเป่ากับหงส์เป่าเองก็ไม่เคยได้รับการศึกษาใดๆ เลยนอกจากสิ่งที่เธอสอนพวกเขาเอง หลิงเม่ยเม่ยรู้ดีว่า ในทุกยุคสมัยนี้ ความรู้คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาอยู่รอดและก้าวหน้าในสังคมได้ เธอจึงตั้งใจที่จะให้น้อง ๆ ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเข่จะรับได้
"ห้าวจื่อ จินเป่า หงส์เป่า มานี่หน่อยหน่อย" เธอเรียกน้อง ๆ มานั่งรวมกันในห้องโถงกว้าง ของบ้านหลังใหม่ "พี่ใหญ่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย" น้อง ๆ ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างสงสัย ก่อนจะมานั่งลงตรงหน้าพี่สาวด้วยความเคารพและเชื่อฟัง พวกเขาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวพี่สาว ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นความเฉลียวฉลาด ความเด็ดขาด และความรักที่พี่ใหญ่มีให้พวกเขาอย่างไม่มีวันท้วมท้น
"พวกเจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ชีวิตพวกเราดีขึ้นมากแล้ว" หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้น "แต่พี่ใหญ่ยังอยากให้พวกเจ้า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้มีความรู้ติดตัว เพื่อที่พวกเจ้าจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีความสามารถ" หลิงห้าวจื่อพยักหน้าอย่างเข้าใจ "ข้าก็อยากเรียนหนังสือนะพี่ใหญ่ แต่ข้าคงแก่เกินไปแล้ว ไม่มีโรงเรียนไหนรับข้าหรอก" น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความท้อแท้เล็กน้อย เขาเห็นเด็กคนอื่นๆ ในเมืองที่ได้ไปโรงเรียน และเขาก็แอบเก็บความฝันนั้นอยู่ในใจเรื่อยมา
"ไม่จริงหรอกห้าวจื่อ" หลิงเม่ยเม่ยยิ้มให้กำลังใจ "พี่ใหญ่จะหาทางให้พวกเจ้าได้เรียนหนังสือแน่นอน" เธอตั้งใจจะส่งน้อง ๆ ไปเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังในเมือง ที่อ๋องอี้เป็นเจ้าของและให้การสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียง ด้านการสอนที่เข้มงวดและหลักสูตรที่ทันสมัย แต่ปัญหาคือ น้อง ๆ ของเธอไม่มีพื้นฐานความรู้ใดๆ เลย การจะเข้าเรียนในสำนักศึกษาชื่อดังเช่นนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
"ก่อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้
หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่
อ๋องอี้ ซึ่งกำลังเดินตรวจตราโรงเรียนอยู่พอดี ก็หันมามองเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถม้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน หลิงเหม่ยเม่ยในชุดที่สง่างาม รูปร่างที่เพรียวบาง ใบหน้าที่สวยคมราวกับภาพวาด ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสะกด เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ "คุณหนูหลิง" ที่ทั้งสวย และทำอาหารอร่อย แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นความงาม ที่น่าหลงใหลเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง อ๋องอี้เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ เขามีความเฉลียวฉลาด สุขุม และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้จะตะลึงในความงาม ของหลิงเหม่ยเม่ย แต่เขาก็รักษามารยาทและเก็บกิริยาได้อย่างดีเยี่ยม เขาก้าวเข้ามาหาหลิงเหม่ยเม่ยด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ "ไม่ทราบว่าคุณหนูมีธุระอันใดหรือ" อ๋องอี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "คารวะท่านอ๋อง" หลิงเม่ยเม่ยย่อกายคำนับอย่างงดงาม "ข้าหลิงเม่ยเม่ย มาพร้อมกับน้อง ๆ เพื่อขอสมัครเข้าเรียน ที่สำนักศึกษาเหวินอี้แห่งนี้เพคะ" อ๋องอี้ มองไปที่น้อง ๆ ทั้งสามคนของหลิงเหม่ยเม่ย หลิงห้าวจื่อที่ดูเติบโตขึ้นมากและมีแววตา ที่ฉายแววเฉลียวฉลาดขึ้นอย่างเห
อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม บทกวี ต่างๆ เธอใช้เทคนิคการสอนที่ทันสมัย พยายามทำให้การเรียนสนุกและน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง น้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะจินเป่าและหงส์เป่า ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจดจำ ทำให้ พวกเขามักจะลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการซึมซับความรู้เหล่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะภาวะความอดอยาก ในขณะที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนา "ทำไมพวกเจ้าถึงจำไม่ได้เลยล่ะ" หลิงเหม่ยเม่ยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ระคนเป็นห่วง เธอพยายามอดทนและสอนซ้ำ







