로그인อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้
หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม บทกวี ต่างๆ เธอใช้เทคนิคการสอนที่ทันสมัย พยายามทำให้การเรียนสนุกและน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง น้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะจินเป่าและหงส์เป่า ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจดจำ ทำให้ พวกเขามักจะลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการซึมซับความรู้เหล่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะภาวะความอดอยาก ในขณะที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนา "ทำไมพวกเจ้าถึงจำไม่ได้เลยล่ะ"
หลิงเหม่ยเม่ยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ระคนเป็นห่วง เธอพยายามอดทนและสอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงไม่เป็นที่น่าพอใจนัก “พี่ใหญ่…ข้าสองคนโง่นัก ถึงจะอยากเรียน แต่ก็คงเรียนต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ พวกข้าขอโทษ”..พูดพลางยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาป้อยๆทำเอาหลิงเหม่ยเม่ยรู้สึกตัวว่า ตนนั้นได้พูดและแสดงออกที่ไม่เหมาะสม จึงงทำให้น้อง ๆ เสียใจ
“โอ้ๆๆ..จินเป่า หงส์เป่า พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้โทษน้องเพียงแต่พี่ใหญ่คิดหาเหตุผลว่าทำไม จะได้แก้ไข มันเยี่ยงไรเล่า” “จริงๆหรือเจ้าคะ!พี่ใหญ่ เราไม่ได้ทำให้พี่เสียใจใช่ไหม? “ไม่เลยๆ!!...ตอนนี้พี่รู้แล้ว หรือว่า...เป็นเพราะน้อง ๆ ขาดสารอาหารมานานเกินไป ทำให้เซลล์สมองพัฒนาช้า" เธอเคยอ่านเจอในตำราแพทย์แผนปัจจุบันว่าภาวะ ขาดสารอาหารในวัยเด็กสามารถส่งผลกระทบ ต่อพัฒนาการทางสมองได้อย่างถาวร
ความคิดนี้ทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวด เธอรู้สึกผิดที่มาช่วยพวกเขา ช้าเกินไป ในขณะที่หลิงเหม่ยเม่ย กำลังจมอยู่กับความคิดนั้นเอง เสียงแจ้งเตือนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในความคิดของเธอ "ท่านเจ้าของระบบ ในร้านค้าของเรามี 'น้ำยาอัจฉริยะ' ขาย"
"เพียงแค่ดื่มมันก็จะกลายเป็นอัจฉริยะ และมีอยู่ด้วยกันหลายระดับ 1-2-3- ท่านสนใจหรือไม่?" ดวงตาของหลิงเม่ยเม่ยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ และดีใจ "น้ำยาอัจฉริยะ! นี่มันเหมือนกับยาที่เพิ่มสติปัญญาในนิยายวิทยาศาสตร์เลยนี่นา!" เธอคิดในใจอย่างตื่นเต้น
"แน่นอนว่าสนใจ!" หลิงเหม่ยเม่ย ตอบกลับระบบอย่างรวดเร็ว "ระดับ 1 ให้พี่รอง (หลิงห้าวจื่อ) ระดับ 2 ให้น้องสาม (จินเป่า) และน้องสี่ (หงส์เป่า) รวมเป็นสามขวด ราคาเท่าไหร่?" "รวมเป็นร้อยสองตำลึงเงิน ท่านสนใจจะซื้อสินค้าหรือไม่?" ระบบตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"โห...ปล้นข้าชัดๆ!" หลิงเหม่ยเม่ยอุทานในใจด้วยความตกใจ กับราคาที่สูงลิ่ว ร้อยสองตำลึงเงิน ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย ในยุคนี้แต่เมื่อคิดถึงอนาคตของน้อง ๆ และความสามารถ ที่พวกเขาจะได้รับ เธอก็ตัดสินใจทันที "ซื้อก็ซื้อ!" หลิงเหม่ยเม่ยว่า พลางล้วงเอาเงินร้อยสองตำลึง ที่เธอเก็บไว้ในกระเป๋าเงินที่ได้จากการขายสมุนไพร และผักดองออกมาวางบนโต๊ะ
ทันทีที่เงินวางลงบนพื้นผิวโต๊ะ มันก็หายวับไปราวกับถูกดูดกลืนเข้าไปในอากาศ และแทนที่ด้วยขวดแก้วเล็กๆ สามขวดที่บรรจุน้ำยาสีฟ้าใสระยิบระยับ "นี่คือน้ำยาอัจฉริยะของพวกเจ้า" หลิงเหม่ยเม่ยหยิบขวดน้ำยาขึ้นมา “ดื่มมันซะ แล้วพวกเจ้าจะฉลาดขึ้น อย่างไม่น่าเชื่อ" น้อง ๆ ทั้งสามคนมองขวดน้ำยาด้วยความสงสัย แต่ก็เชื่อฟังพี่สาว หลิงห้าวจื่อรับขวดระดับ 1 มาดื่ม จนหมด ในอึกเดียว ตามด้วยจินเป่าและหงส์เป่าที่รับขวดระดับ 2 มาดื่มเช่นกัน
รสชาติของน้ำยาจืดชืดคล้ายน้ำเปล่า ไม่มีกลิ่นหรือรสชาติแปลกปลอมใดๆ หลิงเม่ยเม่ยสังเกตปฏิกิริยาของน้อง ๆ แต่ก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ที่ชัดเจนในทันที พวกเขาก็ยังคงเป็นเด็กๆ ที่ร่าเริงเหมือนเดิม แต่เธอก็เชื่อมั่นในระบบ "เอาล่ะ เมื่อดื่มน้ำยาแล้ว เราก็ต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนกัน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่จะออกเดินทาง หลิงเหม่ยเม่ยตัดสินใจที่จะไปสมัคร ที่สำนักศึกษาเหวินอี้ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีที่สุด
เธอสั่งซื้อรถม้าคันใหญ่จากระบบ รถคันนี้ดูโอ่อ่าสง่างาม ทำจากไม้เนื้อดีแกะสลักอย่างประณีต มีม่านผ้าไหมเนื้อดีประดับตกแต่ง และมีล้อที่แข็งแรงทนทาน ม้าที่ลากรถก็เป็นม้าพันธุ์ดีที่ดูแข็งแรง และสง่างามเช่นกัน "เราจะไปโรงเรียนกันด้วยรถม้าคันนี้" หลิงเหม่ยเม่ยบอกน้อง ๆ ด้วยรอยยิ้มน้อง ๆ ต่างก็ตื่นเต้นดีใจ พวกเขาไม่เคยนั่งรถม้าที่หรูหราเช่นนี้มาก่อน หลิงเหม่ยเม่ยแต่งกายด้วยชุดที่เรียบหรูแต่สง่างาม ผมเผ้าถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถันใบหน้าของเธอเปล่งประกายด้วยความมั่นใจและความงามที่ไม่อาจซ่อนเร้น
เมื่อรถม้าคันงามของตระกูลหลิง แล่นเข้าไปในเขตสำนักศึกษา เหวินอี้ ก็สร้างความสนใจให้กับผู้คนโดยรอบเป็นอย่างมาก เหล่านักเรียนและอาจารย์ต่างก็หันมามองด้วยความสงสัยว่า ใครกันที่มาเยือนด้วยรถม้าที่โอ่อ่าเช่นนี้
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่
อ๋องอี้ ซึ่งกำลังเดินตรวจตราโรงเรียนอยู่พอดี ก็หันมามองเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถม้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน หลิงเหม่ยเม่ยในชุดที่สง่างาม รูปร่างที่เพรียวบาง ใบหน้าที่สวยคมราวกับภาพวาด ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสะกด เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ "คุณหนูหลิง" ที่ทั้งสวย และทำอาหารอร่อย แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นความงาม ที่น่าหลงใหลเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง อ๋องอี้เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ เขามีความเฉลียวฉลาด สุขุม และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้จะตะลึงในความงาม ของหลิงเหม่ยเม่ย แต่เขาก็รักษามารยาทและเก็บกิริยาได้อย่างดีเยี่ยม เขาก้าวเข้ามาหาหลิงเหม่ยเม่ยด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ "ไม่ทราบว่าคุณหนูมีธุระอันใดหรือ" อ๋องอี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "คารวะท่านอ๋อง" หลิงเม่ยเม่ยย่อกายคำนับอย่างงดงาม "ข้าหลิงเม่ยเม่ย มาพร้อมกับน้อง ๆ เพื่อขอสมัครเข้าเรียน ที่สำนักศึกษาเหวินอี้แห่งนี้เพคะ" อ๋องอี้ มองไปที่น้อง ๆ ทั้งสามคนของหลิงเหม่ยเม่ย หลิงห้าวจื่อที่ดูเติบโตขึ้นมากและมีแววตา ที่ฉายแววเฉลียวฉลาดขึ้นอย่างเห
อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม บทกวี ต่างๆ เธอใช้เทคนิคการสอนที่ทันสมัย พยายามทำให้การเรียนสนุกและน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง น้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะจินเป่าและหงส์เป่า ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจดจำ ทำให้ พวกเขามักจะลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการซึมซับความรู้เหล่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะภาวะความอดอยาก ในขณะที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนา "ทำไมพวกเจ้าถึงจำไม่ได้เลยล่ะ" หลิงเหม่ยเม่ยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ระคนเป็นห่วง เธอพยายามอดทนและสอนซ้ำ







