ฟ้ายามค่ำถูกกลืนด้วยเมฆดำหนา สายลมพัดแรงราวกับเป็นลางบอกเหตุร้ายที่ไม่มีใครอาจหลีกเลี่ยงได้ คบไฟตามแนวชายป่าและเขตหมู่บ้านสั่นไหววูบวาบท่ามกลางเสียงลม เสียงโลหะกระทบกันเป็นจังหวะของชายฉกรรจ์ที่ฝึกซ้อมรบอยู่กลางลานดิน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตึงเครียด
หัวหน้าเผ่าโครยืนอยู่หน้าแผนผังหมู่บ้านที่เขียนด้วยถ่านบนแผ่นไม้ เขาชี้ไปยังทางทิศเหนือ
"อุกะ กิกา อากะ อะปาลา อะอะ" (ให้เด็กและคนแก่หนีไปทางแม่น้ำ ตรงจุดนี้จะมีทางลัดออกจากป่า)
เสียงของเขาหนักแน่นแต่แฝงด้วยความเศร้า เขารู้ดีว่าหากคืนนี้หมู่บ้านพังพินาศ ที่นั่นจะเป็นความหวังสุดท้าย ผู้คนเริ่มเก็บข้าวของเตรียมสำหรับการอพยพไปทางทิศเหนือตามที่หัวหน้าเผ่าสั่ง
"อุอา!" หลังจากสิ้นสุดเสียงสั่งการให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งรับ สงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
โครเดินเข้าไปในกระท่อม และหยิบหอกของตัวเองออกมา โดยไม่สนใจใยดีกับคนที่นั่งอยู่ภายในกระท่อมอย่างรู้สึกผิดใดๆ พร้อมออกไปโดยไม่กล่าวลากันสักคำ
เอเลียสได้แต่นั่งเงียบอยู่ในกระท่อมหลัง เขาเฝ้ามองเงาไฟจา
ฟ้ายามค่ำถูกกลืนด้วยเมฆดำหนา สายลมพัดแรงราวกับเป็นลางบอกเหตุร้ายที่ไม่มีใครอาจหลีกเลี่ยงได้ คบไฟตามแนวชายป่าและเขตหมู่บ้านสั่นไหววูบวาบท่ามกลางเสียงลม เสียงโลหะกระทบกันเป็นจังหวะของชายฉกรรจ์ที่ฝึกซ้อมรบอยู่กลางลานดิน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตึงเครียดหัวหน้าเผ่าโครยืนอยู่หน้าแผนผังหมู่บ้านที่เขียนด้วยถ่านบนแผ่นไม้ เขาชี้ไปยังทางทิศเหนือ"อุกะ กิกา อากะ อะปาลา อะอะ" (ให้เด็กและคนแก่หนีไปทางแม่น้ำ ตรงจุดนี้จะมีทางลัดออกจากป่า)เสียงของเขาหนักแน่นแต่แฝงด้วยความเศร้า เขารู้ดีว่าหากคืนนี้หมู่บ้านพังพินาศ ที่นั่นจะเป็นความหวังสุดท้าย ผู้คนเริ่มเก็บข้าวของเตรียมสำหรับการอพยพไปทางทิศเหนือตามที่หัวหน้าเผ่าสั่ง"อุอา!" หลังจากสิ้นสุดเสียงสั่งการให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งรับ สงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้โครเดินเข้าไปในกระท่อม และหยิบหอกของตัวเองออกมา โดยไม่สนใจใยดีกับคนที่นั่งอยู่ภายในกระท่อมอย่างรู้สึกผิดใดๆ พร้อมออกไปโดยไม่กล่าวลากันสักคำเอเลียสได้แต่นั่งเงียบอยู่ในกระท่อมหลัง เขาเฝ้ามองเงาไฟจา
เช้าวันนี้ ฟ้ามืดครึ้มราวกับรู้ล่วงหน้าว่ามีบางสิ่งกำลังจะมาเยือน เมฆดำบดบังแสงอาทิตย์ เสียงลมหอบพัดกรูเข้ามาตามแนวหุบเขา บรรยากาศหนักอึ้งเหมือนแผ่นดินทั้งผืนกำลังกลั้นหายใจตึก ตัก! ตึก ตัก!จากแนวป่าด้านทิศเหนือ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินเป็นจังหวะหนักแน่นใกล้เข้ามาทุกที พร้อมเสียงโห่ร้องของชายผู้หนึ่งที่ยืนเฝ้าหน้าหมู่บ้าน เขาส่งเสียงเตือนทันทีที่เห็นเงากลุ่มคนปรากฏพ้นแนวไม้จากไกลๆ"อุกะ! อุกะ!"เหล่าชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านโครหยุดกิจกรรมทุกอย่าง หันไปจับอาวุธและตั้งท่าระวังตัวกลุ่มชายที่เดินเข้ามานั้นมีจำนวนไม่น้อย ร่างกายของแต่ละคนเปลือยเปล่ายกเว้นผ้าคาดเอวและเกราะเบาบางที่ทำจากหนังสัตว์ บนร่างของพวกเขามีลวดลายสีแดงมนแต้มไว้อย่างเด่นชัด สีแดงแผ่ซ่านจากใบหน้า จรดแขนขาและหน้าอก บางคนมีลายพาดเหมือนเลือด บางคนวาดเป็นรูปเปลวเพลิง ชัดเจนว่าคือชนเผ่าชาดากาหัวหน้าเผ่าชาดากาเดินนำหน้า เขาสวมสร้อยคอจากเขี้ยวสัตว์ ลำตัวแต้มสีแดงเข้มเป็นแนวยาวจากหน้าผากผ่านจมูกจนถึงปลายคาง เขายืนหยุดที่
รุ่งเช้าในหมู่บ้านยังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมหวิวผ่านยอดไม้ และเสียงนกป่าที่เริ่มส่งเสียงเบา ๆ จากไกลลิบ ภายใต้แสงแรกของวัน เอเลียสขยับตัวตื่นขึ้นในกระท่อมหลังเล็กของเขากับโคร เขานั่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองร่างของโครที่นอนอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของโครสงบ ดวงตาปิดสนิทราวกับยังหลับอยู่ ทว่าเอเลียสไม่รู้เลยว่า ชายผู้นั้นเพียงแกล้งหลับ ดวงตาของเขาปิดลงแต่จิตใจกลับตื่นตัวเต็มที่ รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของชายผู้นี้อย่างชัดเจนเอเลียสลุกจากเตียงอย่างแผ่วเบา พยายามไม่ให้ส่งเสียงดัง เขาหยิบกระเป๋าหนังใบเล็กที่ทำขึ้นจากผิวสัตว์ และเดินออกไปนอกกระท่อมโดยไม่หันกลับมามองเมื่อพ้นระยะจากหมู่บ้าน เขาก็เริ่มออกเดินลัดเลาะเข้าสู่ป่า ราวกับว่ามีเป้าหมายที่แน่ชัดอยู่ในใจ จุดหมายของเขาคือพื้นที่ด้านหลังหมู่บ้าน ซึ่งเขาเคยพบเศษซากเครื่องมือเทคโนโลยีเก่าที่ไม่น่าจะมีอยู่ในยุคนี้ มันอาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องข้ามเวลาที่พังเสียหาย และเขาต้องรู้ให้ได้ว่ามันยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่เส้นทางที่เขาเลือกเดินไม่ได้ง่าย พื้นดินเปียกจนเป็นเนื้อโคลนจากฝนเมื
ยามฟ้าสางของวันถัดมา หมอกบางๆ ปกคลุมป่าเขาและพื้นดินชื้นแฉะจากฝนที่โปรยลงเมื่อคืน เสียงใบไม้ไหวกระทบกันเบาๆ ผสมกับเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนป่าทั้งที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในป่าลึก เอเลียสเดินแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างโคร และชายฉกรรจ์คนอื่นๆ เขารู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางเขาเป็นระยะจากคนในกลุ่ม บางคนยังไม่ไว้ใจเขาเต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็น 'คนนอก' คนเดียวในเผ่าโครเดินอยู่ด้านหน้า หอกในมือยังคงแน่นหนา และสายตาเยือกเย็นคอยมองทางและท่าทีของสัตว์ที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ เอเลียสสังเกตเห็นว่าแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่โครกลับหันมามองเขาบ่อยกว่าปกติ คล้ายจับผิด หรืออาจกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ"ยังเดินไหวใช่ไหม?" โครเอ่ยขึ้น ขณะหยุดพักในช่วงสาย"อืม… เดินไหว แต่ขาเริ่มล้าแล้ว" เอเลียสพยายามตอบให้ดูปกติที่สุด ทั้งที่ภายในใจกลับเต้นระรัวการเดินทางกินเวลาเกือบทั้งวัน เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ กลุ่มคนป่าก็มาหยุดพักบริเวณลานโล่งเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยแนวต้นไม้สูง บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดลอดผ่านพุ่มไม้
ครืน ตุ๊บ!เสียงลากเก้าอี้ พร้อมมือที่ตบลงบนโต๊ะยาว ดังขึ้นภายในห้องประชุมของศูนย์วิจัย การสนทนาที่ควรจะเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นเชิงวิชาการ กลับกลายเป็นการปะทะอารมณ์กันอย่างดุเดือด"ฉันบอกแล้วว่าทฤษฎีของฉันมันเป็นไปได้! เรามีข้อมูล มีแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่สนับสนุนเรื่องนี้! แค่เร่งมันตามการคำนวณของฉัน!"ชายผมยาวสีเหลืองอ่อนกล่าวเสียงแข็ง ดวงตาสีม่วงอ่อนของเขาฉายแววดื้อรั้นเมื่อมองไปยังคนในทีมที่กำลังถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย"แต่ความเสี่ยงมันสูงเกินไป เอเลียส เราไม่สามารถเร่งกระบวนการได้โดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ"คนหนึ่งในทีมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สมาชิกคนอื่นในห้องประชุมต่างพยักหน้าเห็นด้วย"ถ้าแกนพลังงานเกิดไม่เสถียร มันอาจทำให้เกิดสภาวะเอกฐานที่เราไม่สามารถควบคุมได้!""แม้ว่าทษฎีที่คุณพูดมามันจะดูสมเหตุสมผล แต่การเร่งกระบวนการมันมากเกินไปอาจเป็นอันตราย"เสียงของคนในทีมต่างพูดขึ้นสมทบกัน พยายามเตือนเอเลียสถึงความอันตรายของทษฎีที่เขาเสนอแต่เอเลียสไม่สนใจ เขาก
"เอเลียส..."เสียงเรียกนั้นดังก้องอยู่ในหัวของเขา ซ้อนทับกับเสียงที่แว่วเข้ามาจากโลกภายนอกเอเลียสเงยหน้าขึ้น หัวใจยังเต้นรัวจากสิ่งที่เพิ่งพบเจอ ความทรงจำบางส่วนเริ่มไหลบ่าเข้ามาเหมือนน้ำหลาก—เครื่องเร่งอนุภาค การทดลองของเขา แสงสีขาวเจิดจ้า และความรู้สึกที่เหมือนร่างกายของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ'ฉันทำอะไรลงไป...'"เอเลียส!"เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนและใกล้กว่าเดิมเขาหันขวับไปมอง เห็นโครยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นมองตรงมาที่เขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติในตัวเขา'ที่นี่... มันไม่ใช่โลกของฉัน''ฉันไม่ควรอยู่ที่นี!'เขาซูดหายใจลึก มือทั้งสองกำเข้าหากันแน่น รวบรวมสติก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงทันที ก่อนจะเดินไปรอบๆเสียงนกร้องจางๆ กับกลิ่นสดชื่นของน้ำค้างยามเช้าทำให้เอเลียสรู้สึกได้ถึงความเป็นจริงอีกครั้ง ว่าเขายังไม่ได้กลับไป เขายังติดอยู่ในโลกใบนี้ โลกที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้หนาทึบ และมนุษย์ยุคหินเขา
โครลูบไล้เส้นผมสีทองอ่อนที่พันกันยุ่งเหยิงของเอเลียส นิ้วมือหยาบกร้านแตะลงบนเส้นผลละเอียดเบาๆ ก่อนจะดมอย่างหลงไหล มันเป็นเพียงความอยากรู้อยากลอง สัมผัสถึงสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยคุ้นชินเอเลียสสัมผัสลมหายใจ ที่รดมายังใบหูของเขาเบาๆ เขาลืมตาขึ้นสายตาที่พร่าเลือนในตอนแรกตอนนี้กลับเด่นชัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ของชายตรงหน้ากำลังจ้องมองเขาอยู่“โคร…” เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาเต็มไปด้วยความสงสัยชายเจ้าของชื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำอะไรที่ไม่ควรกับคนที่นอนอยู่ เขารีบผละตัวเองออกมาก่อนจะหันหลัง และกำลังเดินตรงไปออกไปทางประตูกระท่อม"เดียว..โคร!" เอเลียสคว้ามือของคนที่กำลังเดินจากไปไว้โครหันมาสบตากับเขา สายตาที่เคยเย็นชา บัดนี้กลับอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่เดินเข้ามาใกล้ๆ ก้มลงแล้วใช้มือลูบมาที่แก้มของคนที่นั่งอยู่บนเตียงโครชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที“เจ้าแน่ใจ?” คำถามสั้นๆ นั้นเหมือนเป็นบททดสอบสุดท้ายเอเลียสไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่เขาขยับตัวเข้ามาใ
เสียงกลองดังกึกก้องไปทั่วลานกลางหมู่บ้าน เปลวไฟจากกองไฟขนาดใหญ่ส่องแสงระยิบไหวไปตามแรงลม บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้คนและเสียงเพลงพื้นเมืองที่ขับขานกันเป็นจังหวะคืนนี้เป็นคืนแห่งการเฉลิมฉลองของเผ่า เป็นคืนที่ทุกคนในหมู่บ้านจะรวมตัวกันเพื่อแสดงความดีใจที่ได้อาหารจากการล่าสัตว์กลับมา มากมายพวกเขานั่งอยู่เงียบๆ ข้างกองไฟ มีเพียงเสียงไฟแตกเปรี๊ยะเป็นจังหวะเท่านั้นที่ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ เอเลียสเหลือบมองโครเล็กน้อย เขาเคยคิดว่าโครเป็นคนเย็นชาและดื้อรั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มเข้าใจว่าจริงๆ แล้วอีกฝ่ายเป็นแค่คนที่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตของตัวเองและไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น“วันนี้ฉันสอนคำใหม่ให้เด็กๆ ด้วยนะ” เอเลียสพูดขึ้นมาลอยๆ เพื่อลดความเงียบงัน“พวกเขาเรียนรู้ไวมาก คำว่า น้ำ ไฟ แล้วก็ ดอกไม้ ”โครพยักหน้าเล็กน้อย แสดงว่าเขากำลังฟังอยู่แม้จะไม่ได้ตอบอะไร เอเลียสหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาวาดรูปง่ายๆ ลงบนพื้นดิน วงกลมเล็กๆ แทนดวงอาทิตย์ ลายเส้นหยักๆ แทนกระแสน้ำ โครมองตามสิ่งที่เอเลียสทำ แม้ในตอนแรกเอเลียสแค
เอเลียสรู้สึกได้ว่า นี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญของเขา หลังจากที่โครเริ่มให้ความร่วมมือกับการเรียนรู้ภาษา เอเลียสก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปง่าย ๆ ในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เอเลียสพยายามสอนคำศัพท์พื้นฐานให้โครเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นคำง่าย ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เขาชี้ไปที่ก้อนหิน แล้วพูดว่า “หิน” จากนั้นก็ให้โครออกเสียงตาม แม้ว่าอีกฝ่ายจะออกเสียงผิดไปบ้าง แต่เอเลียสก็ไม่ได้ขัดอะไร เขาแค่หัวเราะเบา ๆ และพยายามแก้ให้“หิน” เอเลียสออกเสียงให้ชัดเจนขึ้นโครขมวดคิ้วก่อนจะพยายามเลียนเสียง “ฮิน”“ใช่แล้ว! ดีมาก” เอเลียสยิ้มกว้างโครยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยตามเดิม แต่เอเลียสรู้ว่าเขาเริ่มให้ความสนใจในวันต่อมา เอเลียสตัดสินใจก้าวไปอีกขั้นในการปรับตัวให้เข้ากับผู้คนในหมู่บ้าน เขาเริ่มสังเกตว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ แม้จะทำให้เขาดูกลมกลืนกับชาวบ้านมากขึ้น แต่ก็ยังแตกต่างจากพวกเขาอยู่ดีในขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหา โครก็นำเขาไปที่บริเวณลานกลางหมู่บ้าน ที่นั่นมีหญิงชรากำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าด้วยมืออย่างประณีต เอเลียสเฝ้าดูด้วยความสนใจ ก่อนจะถูกโครผลักไหล่เบา ๆ เป็นเ