เผิงฟู่หลินจำใจต้องกลับจวนของตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่หนี่ซูเว่ยเอ่ยออกมายิ่งนัก
“ไม่จริง ท่านกับข้ารักกันไม่ใช่หรอกหรือ ต้องเป็นเพราะเสี่ยวว่านแน่ ๆ เป็นนางที่ยั่วยวนท่าน ทำให้ท่านเปลี่ยนใจจากข้า” เผิงฟู่หลินพ้อออกมา สองมือกำชายเสื้อแน่นจนผ้าเกือบจะฉีกขาดออกมา
เจ้าจูรีบเข้ามาประคองเผิงฟู่หลินเอาไว้พร้อมเอ่ยเรียกสติของนาง “คุณหนู กลับจวนก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
เผิงฟู่หลินหันมองหน้าสาวใช้ตาขวาง ความคับข้องใจท่วมท้นจนนางแทบอยากจะกรีดร้องออกมายิ่งนัก “กลับ” นางเอ่ยคำสั้น ๆ ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกไปจากจวนรัชทายาททันที
รถม้าขับเคลื่อนไปตามทางอย่างเอื่อยเฉื่อย เผิงฟู่หลินที่นั่งด้านใน เอาแต่เหม่อลอย ความคิดวนเวียนในหัวไม่หยุด เหตุใดกันเล่า เหตุใดเรื่องราวจึงแปรเปลี่ยนเช่นนี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายคำกล่าวโทษทั้งหมดก็ตกอยู่ที่เผิงเสี่ยวว่าน “นังพี่สารเลว แกกล้าแย่งคนรักของข้า” เผิงฟูหลินสบถออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ
เผิงฟู่หลินกลับถึงจวนด้วยความโมโห นางตรงไปยังห้องเผิงเสี่ยวว่านในทันที จงหลีพยายามทัดทานเอาไว้ แต่กลับถูกนางผลักออกไปจนกระเด็น ซ้ำเจ้าจูยังเข้ามายืนขวางเอาไว้ ทำให้จงหลีไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
เผิงฟู่หลินผลักบานประตูออกไปเต็มแรง ก่อนจะเดินฉับ ๆ เข้าไปภายในห้องด้วยท่าทางร้อนรน
เผิงเสี่ยวว่านนั่งปักผ้าอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง นางเงยหน้าขึ้นมาน้องสาวด้วยสีหน้าราบเรียบ “หลินเอ๋อร์ เจ้ามีธุระอันใดกัน”
น้ำเสียงเรียบสงบที่พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับเลือดขึ้นหน้า “พี่ชั่ว” นางด่าออกมาอย่างสุดจะทนก่อนจะถลาเข้าตบใบหน้าของเผิงเสี่ยวว่านอย่างเต็มแรง “เพี๊ยะ...”
“เจ้าสารเลวนัก เจ้าแย่งคนรักของข้า วันนี้เจ้าสมควรตาย” เผิงฟู่หลินพุ่งทะยานตัวตบตีเผิงเสี่ยวว่านอย่างไม่สนเสียงห้ามปรามใด ๆ ของเหล่าสาวใช้
จงหลีรีบพยายามกันตัวเองเข้ามาห้ามไว้ แต่กลับถูกเจ้าจูขัดขวางทำให้ทั้งสองต่างกันยื้อยุดและตบตีกันไปอีกคู่หนึ่ง
สาวใช้คนอื่น ๆ พยายามเข้ามาห้ามปราม หากแต่เผิงฟู่หลินกลับตะคอกใส่นางด้วยน้ำเสียงอันดังอย่างคนเสียสติ “พวกเจ้าอย่าได้เข้ามายุ่ง นางบ่าวชั้นต่ำ”
เหล่าสาวใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ยืนตัวแข็ง ไม่กล้าเข้ามาขัดขวางเพราะต่างรู้ดีว่าคุณหนูรองของจวนราชครูมีอำนาจในเรือนมากเพียงใด สาวใช้บางส่วนรีบลนลานวิ่งออกไปเพื่อขอเข้าพบราชครูเผิงโดยทันที
ราชครูเผิงที่กำลังยืนอยู่ในสวนหลังจวนด้วยท่าทีที่กลัดกลุ้ม ราชโองการดังกล่าวทำให้จวนของเขาอยู่ไม่เป็นสุขอีกแล้ว เขาเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าของเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“เรียนนายท่าน ตอนนี้คุณหนูรองอาละวาดอยู่ที่เรือนคุณหนูใหญ่ นายท่านโปรดรีบไปห้ามเถิดเจ้าค่ะ”
เมื่อราชครูเผิงได้รับรายงานจากสาวใช้ เขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขารีบตรงดิ่งไปยังเรือนบุตรสาวคนโตอย่างเร่งรีบ
ทันทีที่ราชครูเผิงก้าวเข้ามาภายในห้องของเผิงเสี่ยวว่าน เขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า บุตรสาวคนรองกำลังขี่คร่อมร่างของบุตรสาวคนโต และตบหน้านางอย่างไม่ปรานี
“หลินเอ๋อร์ หยุดบ้าเดี๋ยวนี้นะ” เสียงตะคอกของบิดาที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้เผิงฟู่หลินหยุดชะงักไป นางหันหน้ากลับมามองบิดาของตนด้วยแววตาปวดร้าว
“พวกเจ้ามัวทำอะไรกัน รีบพยุงว่านเอ๋อร์ขึ้นมา” ราชครูเผิงตวาดใส่สาวใช้ทั้งหลาย พวกนางต่างลนลานรีบเข้าไปยื้อยุดตัวของเผิงฟู่หลินทันที
“ปล่อยข้านะ ข้าจะฆ่ามัน นังพี่สารเลว แกกล้ายั่วยวนท่านพี่ซูเว่ยของข้า” เผิงฟู่หลินร้องตะโกน พลางสะบัดตัวจากการเกาะกุม
“หยุดได้แล้วหลินเอ๋อร์ เจ้าบ้ามากพอแล้ว” ราชครูเผิงตวาดใส่บุตรสาวอย่างเดือดดาล
“ข้าไม่หยุด หากท่านพ่อไม่จัดการให้ข้า ข้าจะฆ่ามันเสีย หากข้าไม่ได้แต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ย ข้าก็จะไม่ยอมให้ใครช่วงชิงเขาไปจากข้า” เผิงฟู่หลินยังคงอาละวาดไม่หยุด
ในขณะที่เผิงเสี่ยวว่านได้แต่ก้มหน้านิ่ง ใบหน้าแดงเปื้อนตามรอยมือที่ประทับลงไป จนบางจุดเริ่มมีสีม่วงช้ำขึ้นเป็นแถบ มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย นางได้แต่กัดฟันไว้แน่น ทำเพียงก้มหน้า น้ำตาเอ่อคลอออกมาอย่างสุดจะกลั้น
ราชครูเผิงที่โกรธจนสติขาดสะบั้น เขาชี้หน้าไปที่เผิงฟู่หลินด้วยความโมโห
“เจ้า...หลินเอ๋อร์ ข้าขอสั่งกักบริเวณเจ้า จงไปสำนึกผิดที่ศาลบรรพชน ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามเจ้าออกมาเด็ดขาด” ราชครูเผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด แม้เขาจะรักและเอ็นดูบุตรสาวคนเล็กมากสักเพียงใด แต่บัดนี้นางกระทำสิ่งที่เกินสมควรไปมาก อีกทั้งเผิงเสี่ยวว่านก็กำลังจะแต่งงานกับหนี่ซูเว่ยในไม่ช้า เขาจึงได้แต่จนใจกักบริเวณนางเพื่อป้องกันไม่ให้นางทำเรื่องบ้าบิ่นเช่นนี้อีก
ฮูหยินเซียงที่ได้ยินเรื่องจากสาวใช้ นางรีบวิ่งตามมาที่เรือนของเผิงเสี่ยวว่านในทันที เมื่อนางได้ยินคำสั่งของสามีนางจึงรีบปรี่เข้ามากอดขาราชครูเผิง พร้อมอ้อนวอนขอร้องสามีของตน “ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ยังเด็กนัก ตอนนี้นางกำลังเสียใจท่านอย่าได้ลงโทษนางเลย”
ราชครูเผิงมีสีหน้าเคร่งเครียดหนักกว่าเดิม เขาหันไปมองฮูหยินด้วยความรู้สึกผิดหวังพร้อมตวาดใส่นางทันที “เป็นเพราะเจ้าให้ท้ายนางเยี่ยงนี้อย่างไร บัดนี้นางถึงได้ทำอะไรเกินตัวเช่นนี้”
เผิงฟู่หลินยืนตัวตรงพร้อมเชิดหน้ามองหน้าบิดาของตนด้วยความน้อยใจ “ท่านพ่อท่านไม่รักข้า ท่านเข้าข้างเสี่ยวว่าน หากชาตินี้ข้าไม่ได้แต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ย ข้าก็ไม่ยินดีแต่งงานกับใครทั้งสิ้น” นางพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหอง ก่อนที่นางจะสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป
“พวกเจ้าตามไปดูแลหลินเอ๋อร์ให้ดี” ราชครูเผิงหันไปบอกกับสาวใช้ เขามองลูกสาวที่เดินจากไปด้วยความปวดร้าวเช่นกัน บัดนี้เขาได้แต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้สึกผิดกับเผิงฟู่หลิน แต่ก็ได้แต่ข่มใจตนเองเอาไว้
บทที่ 64 งานมงคลพิธีสมรสพระราชทานระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เหล่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายต่างเดินทางมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ โต๊ะจัดเลี้ยงถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ พรมแดงยาวทอดจากประตูหน้าจวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เผิงฟู่หลินสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มผืนยาวพลิ้วไหวจากผ้าไหมชั้นดี นางแต่งกายงดงามสมกับชื่อเสียงเรื่องความโฉมสะคราญ เผิงฟู่หลินก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามยิ่งนักหนี่ซูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับพระชายาของเขา หนี่ซูเว่ยเฝ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความเศร้าและความยินดี หัวใจของเขาหนักหน่วงขึ้นมาจากความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปในใจ เผิงซูเว่ยทอดถอนหายใจออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าและยิ้มกว้างออกมาให้นางด้วยความยินดี “หลินเอ๋อร์...เจ้าคู่ควรกับความสุขนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความจริงใจในขณะที่บรรยากาศภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัด เสี่ยวเหวินโหลยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน เขามองภาพของเผิงฟู่หลินที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
บทที่ 63 ท่านเป็นท่านพ่อข้าหรอกหรือยามสายของวันใหม่อากาศปลอดโปร่งยิ่งนัก หนี่เส้าจวินพิงกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่คมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าของเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการถูกเขารังแกไม่หยุดในค่ำคืนที่ผ่านมา แววตาของเขาฉายแววลึกซึ้ง ทั้งหวงแหน ทั้งรักใคร่ เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นหรือปลุกหญิงสาวจากการหลับใหล รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา หนี่เส้าจวินยังคงจ้องมองหน้านางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้หนี่เส้าจวินหันหน้าไปมองด้วยสายตาขัดใจที่ถูกรบกวน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าจูยืนอยู่ข้างหน้าประตู เจ้าจูได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระดากอาย“ท่านอ๋องและคุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะมองสภาพภายในห้องที่ราวกับผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่“เจ้ามาช่วยข้าที” เผิงฟู่หลินบอกกล่าวออกไป“พวกเรามิต้องเร่งรีบนักหรอก ทุกคนคงเข้าใจได้ดี” หนี่เส้าจวินพูดขึ้นมาหน้าตาเฉยท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด เผิงฟู่หลินได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าพร้อมค้อนขวับใส่เขาไปหนึ่งที“ท่านอ๋องลืมแ
บทที่ 62 บุตรของข้าท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดมิด เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้ผ้าม่านสีขาวบางบนหน้าต่างสะบัดเล็กน้อย เผิงฟู่หลินขยับกายช้าๆ ไล่ความเมื่อยขบที่ได้รับจากการเคี่ยวกรำของหนี่เส้าจวินอย่างต่อเนื่อง แม้นางจะยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ทว่าร่างหนาของหนี่เส้าจวินที่เกยก่ายนางเอาไว้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาหนี่เส้าจวินนอนอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ยามหลับตาใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ไม่ดุดันและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามปกติเผิงฟู่หลินพลิกตัวขึ้นจ้องมองดูใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างเต็มสองตา บุรุษที่มักมารบกวนนางในยามหลับฝัน บัดนี้อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเข้าออก เผิงฟู่หลินเหม่อมองอย่างใจลอย ความลืมตัวทำให้นางขยับมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสัมผัสไปตามหน้าผากไล้ไปตามแผงคิ้วสีดำเข้มไล่ลงมาที่สันจมูกที่คมเข้ม ริมฝีปากที่หนาเชิดรับกับใบหน้า ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเผิงฟู่หลินอดที่จะยกยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ แต่ทันใดนั้นร่างของเธอก็ปลิวขึ้นมาทาบอยู่บนตัวของหนี่เส้าจวิน เขาปรือตาขึ้นพร้อมดึงตัวนางขึ้นมาก่ายเกยแนบชิดที่หน้าอก ร
บทที่ 61 สะสางหนี่เส้าจวินสาวเท้าก้าวเข้ามาภายในเรือนนอนของเผิงฟู่หลิน ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและดุดัน แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนน่าหวาดหวั่นใจเผิงฟู่หลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่หนี่เส้าจวินกลับใช้พละกำลังที่มีรัดนางจนแทบขยับไม่ได้ สองมือปัดป่ายทุบตีไปตามแผ่นหลัง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิได้ส่งผลอันใดกลับมาหนี่เส้าจวินเดินตรงไปยังที่เตียงนอน ก่อนจะโยนร่างของเผิงฟู่หลินลงบนเตียงในทันที จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินกลับไปแล้วปิดประตูลงอย่างเต็มแรงเสียงประตูที่ปิดกระแทกลงเสียงดังสนั่นทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว นางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สะโพกของนางกระแทกลงบนฟูกอย่างแรงเผิงฟู่หลินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความขุ่นเคืองใจ ลมหายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเมื่อครู่ นางยืนประจันหน้ากับหนี่เส้าจวินอีกครั้งหนี่เส้าจวินหันมาเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลินด้วยสายตาที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเคืองที่มีร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา นางหายตัวไปเกือบหกปีทั้งยังกลับมาพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกนางว่า “แม่” เสียอีก แค่เพียงคิดว่านางคลอเคลียกับบุรุษคนอื่นก็ทำเอาหนี้เส้าจวินแทบค
บทที่ 60 พบกันอีกคราเผิงฟู่หลินเดินทางกลับมายังจวนสกุลเผิง นางเงยหน้าขึ้นมองประตูที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก หกปีแล้วที่นางจากไปแต่ทว่าจวนสกุลเผิงยังคงสงบไม่แตกต่างจากในวันวานเผิงฟู่หลินก้าวเท้าเข้าไปภายในจวน พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมรายงานว่านายท่านทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เผิงฟู่หลินจึงเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวในทันทีราชครูเผิง ฮูหยินเซียงและเผิงอันอวี้กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันทีที่ทั้งสามเห็นเผิงฟู่หลินก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง ฮูหยินเซียงรีบก้าวเท้าเข้ามากอดเผิงฟู่หลินเอาไว้แน่น “หลินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”“หลินเอ๋อร์...เจ้ากลับมาครั้งนี้คงมิคิดจะออกเดินทางอีกใช่หรือไม่” เผิงอันอวี้ที่ก้าวเท้ามาตรงหน้าเผิงฟู่หลิน พร้อมกล่าวดักคอน้องสาวของตนในทันที“พี่ใหญ่ ข้าได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว สถานที่ใดที่ข้าเคยใฝ่ฝันข้าล้วนได้เห็นกับตาตนเองทั้งสิ้น บัดนี้ข้าจะกลับมาอยู่บ้าน ข้าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวของข้า” เผิงฟู่หลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส หกปีที่ผ่านมานางได้เดินทางไปทั่ว ทั้งดินแดนตอนเหนือจนถึงดินแดนตอนใต้ สถานที่ที่นางเคยได้แต่จินตนาการจากการ
บทที่ 59 เจ้าหนีข้าไปแล้วหนี่เส้าจวินแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้รับข่าวว่าเผิงฟู่หลินได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา เผิงฟู่หลิน...นางหนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ“พวกเจ้าออกตามหาพระชายาทุกเส้นทาง ต้องตามหานางให้เจอ” คำสั่งที่ดุดันแฝงความโกรธเคือง ทำให้เหล่าองครักษ์รีบรับคำสั่งพร้อมกระจายตัวออกตามหาในทันที“ว่าไงนะ” เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วจวน เมื่อองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของเผิงฟู่หลินเลยแม้แต่น้อยหนี้เส้าจวินที่หัวเสียอย่างมาก เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอักษร ทำเอาเหล่าองครักษ์ได้แต่ยืนแข็งเกร็ง เหงื่อไหลซึมออกมาด้วยกลัวโทสะของหนี่เส้าจวิน“ตามหาต่อไป แม่ทัพเผิงแจ้งข่าวว่านางเดินทางไปดินแดนใต้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหานางไม่พบ”ทั้งที่หนี่เส้าจวินคิดว่าเผิงฟู่หลินไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกล ทว่าเวลาผ่านไปเกือบเดือนก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ ของนาง เขาสั่งการให้ทหารออกตามหาเผิงฟู่หลินในทุกเส้นทางและทุกทิศที่นางอาจจะเดินทางได้ แต่หนี้เส้าจวินกลับไม่รู้ว่าเผิงฟู่หลินได้เปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปยังดินแดนทางเหนือแล้ว ดังนั้นการตามหาของเขาก็ไม่ต่างจากการง