วันต่อมาเผิงฟู่หลินที่กำลังร้อนใจ เมื่อคืนนางแทบนอนไม่หลับทั้งคืน ในใจได้แต่คับแค้นใจกับราชโองการที่ประกาศออกมา
“เจ้าจู...เจ้าจู...” เผิงฟู่หลินร้องเรียกสาวใช้คนสนิทเข้ามาภายในห้องนอนอย่างเร่งรีบ
“เจ้าค่ะ คุณหนูเหตุใดจึงตื่นเช้ายิ่งนัก” เจ้าจูวิ่งหน้าตื่น เข้ามาภายในห้องนอนอย่างร้อนรน
“พาข้าไปอาบน้ำ ข้าจะไปพบท่านพี่ซูเว่ย” เผิงฟู่หลินออกคำสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ทำเอาเจ้าจูขึ้นกับขนลุก
“คุณหนู อย่าทำอะไรผลีผลามเลยนะเจ้าคะ หากนายท่านรู้เข้า คุณหนูจะโดนเอ็ดเอานะเจ้าคะ” เจ้าจูรีบปรามนายหญิงของตนด้วยความเป็นห่วง
“ท่านพ่อไม่รักข้าแล้ว เหตุใดข้าต้องกลัวด้วยเล่า หากข้าไม่ทำสิ่งใด เจ้าจะให้ข้านั่งมองเสี่ยวว่านแย่งคนรักของข้าไปงั้นหรือ” เผิงฟู่หลินกัดฟันแน่น น้ำเสียงที่แค่นออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
“แต่ว่า...” เจ้าจูพยายามทัดทานอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ สายตาคมกริบของนายหญิงก็จ้องมองนางอย่างขุ่นเคือง ทำเอาเจ้าจูถึงกับก้มหน้านิ่ง และรีบทำตามคำสั่งโดยไม่กล้าเปล่งเสียงใด ๆ ออกมา
เผิงฟู่หลินให้เจ้าจูแต่งตัวให้นางด้วยชุดที่สวยและราคาแพงที่สุด นางมองกระจกตรงหน้าอย่างพึงพอใจยิ่งนัก คนในเมืองหลวงต่างยกย่องให้ความงามของนางเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองจากผู้ใด ความงามที่แทบจะสยบบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายให้หมอบแทบเท้าของนางแทบทั้งสิ้น แต่เพราะหัวใจของนางได้ยกให้หนี่ซูเว่ยเสียจนหมดสิ้น ทำให้ในสายตาของเผิงฟู่หลินไม่เคยแม้แต่จะชายตามองผู้ใดมาก่อนเสียด้วยซ้ำ
เผิงฟู่หลินให้เจ้าจูจัดเตรียมรถม้า พร้อมเร่งเดินทางไปจวนรัชทายาทเพื่อขอเข้าพบหนี่ซูเว่ยในช่วงสายของวัน
รถม้าเคลื่อนไปตามถนนของเมืองหลวง ที่เริ่มมีผู้คนสัญจรไปมา เผิงฟู่หลินกล่าวกำชับให้คนขับเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น ตอนนี้ในใจนางร้อนรุ่มจนแทบอยากไปหายตัวไปอยู่ตรงหน้าชายคนรักเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว
รถม้าจอดเทียบหน้าจวนรัชทายาท เจ้าจูรีบประคองเผิงฟู่หลินลงจากรถม้าด้วยความเอาใจใส่ เผิงฟูหลินเดินตรงไปยังหน้าจวนพร้อมแจ้งให้ทหารไปเรียนหนี่ซูเว่ยให้ทราบทันที
ในห้องโถงจวนรัชทายาท หนี่ซูเว่ยที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องอักษร เขากำลังภูมิใจที่สามารถโน้มน้าวให้บิดาของตนมอบสมรสให้กับหญิงสาวที่ตนพึงใจ เผิงเสี่ยวว่าน หญิงสาวที่มีใบหน้าหวานละมุน แต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้าหมองที่ยากจะมองข้าม ใบหน้านั้นยังคงติดตรึงในใจของเขาอย่างไม่เคยลบเลือน
พลันความคิดของหนี่ซูเว่ยก็ต้องดับลง เมื่อพ่อบ้านได้เข้ามาภายในห้องอักษร
“เรียนไท่จื่อ คุณหนูรองเผิงมารอพบที่หน้าจวนเพื่อขอเข้าพบขอรับ”
เมื่อหนี่ซูเว่ยได้รับรายงานจากพ่อบ้านก็ได้แต่ทำหน้าอึดอัดรำคาญใจ
“บอกนางไปว่าข้าไม่อยู่” เขากล่าวอย่างตัดรำคาญกับพ่อบ้านในทันที
พ่อบ้านได้แต่ทำท่าทางอึกอักลำบากใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดเตือนสตินายท่านของตน “ข้าเกรงว่าหากไท่จื่อไม่ยอมให้พบ คุณหนูรองเผิงคงไม่มีวันเลิกราเป็นแน่”
หนี่ซูเว่ยปรายตามองหน้าพ่อบ้านด้วยความขุ่นเคือง หากแต่เมื่อเขาคิดทบทวนตามคำพูดดังกล่าวก็ล้วนแล้วแต่เห็นด้วย เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา “ไปเชิญนางเข้ามา” เมื่อได้ยินคำสั่งของนายท่าน พ่อบ้านก็เร่งรีบเดินไปเชิญเผิงฟู่หลินเข้ามาในจวนเป็นการด่วน
หนี่ซูเว่ยลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่ลานสวนด้านหน้าจวน สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่าเผิงฟู่หลินต้องการเข้าพบเขาเพราะเหตุใด และนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับนางเสียเหลือเกิน
เผิงฟู่หลิน เด็กสาวที่มารดาของเขาหมายมั่นปั้นมือให้เป็นว่าที่พระชายาของเขาตั้งแต่วัยเยาว์ เขาเองก็ยอมรับว่านางเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเช่นกัน แต่หากเพราะตั้งแต่เด็ก เผิงฟู่หลินก็คอยเอาแต่ติดตามเขาต้อย ๆ จนเขานึกเอือมระอา ทั้งนางยังมีนิสัยอารมณ์ร้อนและเอาแต่ใจ หากมีหญิงใดเข้าใกล้เขามากเกินไป นางก็จะใช้อำนาจของบิดาจัดการพวกหญิงสาวเหล่านั้นออกไปให้พ้นทาง นั่นยิ่งทำให้หนี่ซูเว่ยรู้สึกรังเกียจและเอือมระอาเผิงฟู่หลินยิ่งนัก เขารู้สึกเช่นนางเป็นปลิงที่คอยติดแข้งติดขาเขาไม่หยุด
จนเมื่อเขาได้พบกับเผิงเสี่ยวว่านทำให้เขามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนตัวว่าที่พระชายาของตนให้สำเร็จ และในตอนนี้เขาก็ได้สมปรารถนาแล้ว เหลือเพียงเผิงฟู่หลินเท่านั้น ที่เขาจำต้องสลัดให้หลุดจากตัวเสียที
เผิงฟู่หลินเดินเข้ามาภายในจวน ทันทีที่นางเห็นหนี่ซูเว่ย นางก็รีบปรี่เข้ามาฉุดกระชากแขนเขาอย่างแรง
“ท่านพี่ซูเว่ย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้...เหตุใด...ผู้ที่แต่งงานกับท่านจึงไม่ใช่ข้า” เผิงฟู่หลินโวยวายอย่างลืมตัว นางน้ำตาเอ่อคลอมองเขาด้วยความน้อยใจ
หนี่ซูเว่ยได้แต่ถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ พลางสะบัดมือจากการเกาะกุมของเผิงฟู่หลินออกจากตัว
“หลินเอ๋อร์ ข้ารักว่านเอ๋อร์ และคนเดียวที่ข้าจะแต่งงานด้วย ก็คือพี่สาวของเจ้า” หนี่ซูเว่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขามองหน้านางด้วยความหนักใจอย่างไม่อาจปิดบัง
เผิงฟู่หลินถึงกับชะงักไป นางพลันหน้าถอดสี มองหนี่ซูเว่ยด้วยแววตาตัดพ้อ “เป็นไปไม่ได้ ข้ากับท่าน เรารักกันมาตลอดมิใช่หรือ ข้ามอบใจให้เพียงท่าน และจงรักภักดีต่อท่านมาตลอด” นางถึงกับโอดครวญออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“หลินเอ๋อร์...ข้าเห็นเจ้าเป็นเพียงน้องสาวของข้ามาโดยตลอด และข้าก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมรับมัน” หนี่ซูเว่ยกล่าวออกมาอย่างไร้เยื่อใย
เผิงฟู่หลินมองดูหนี่ซูเว่ยด้วยสายตาที่ผิดหวังและปวดร้าว “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”
“เจ้ากลับไปเสียเถิด ข้าหวังว่าเจ้าจะร่วมอวยพรให้พวกเราทั้งสองคน” หนี่ซูเว่ยพูดออกมาก่อนจะสะบัดแขนนางออกจากตัว “พ่อบ้าน ส่งแขก” เขาหันมาสั่งพ่อบ้านในทันที ก่อนจะเดินหนีไปอย่างตัดรำคาญ
เผิงฟู่หลินได้แต่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึง นางมองเขาเดินไปจนลับสายตา น้ำตาไหลรินออกมาเต็มสองแก้ม “ท่านใจร้ายกับข้าเหลือเกิน” นางกล่าวตัดพ้อออกมา ก่อนจะเดินออกจากจวนด้วยความสิ้นหวัง
บทที่ 64 งานมงคลพิธีสมรสพระราชทานระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เหล่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายต่างเดินทางมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ โต๊ะจัดเลี้ยงถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ พรมแดงยาวทอดจากประตูหน้าจวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เผิงฟู่หลินสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มผืนยาวพลิ้วไหวจากผ้าไหมชั้นดี นางแต่งกายงดงามสมกับชื่อเสียงเรื่องความโฉมสะคราญ เผิงฟู่หลินก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามยิ่งนักหนี่ซูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับพระชายาของเขา หนี่ซูเว่ยเฝ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความเศร้าและความยินดี หัวใจของเขาหนักหน่วงขึ้นมาจากความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปในใจ เผิงซูเว่ยทอดถอนหายใจออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าและยิ้มกว้างออกมาให้นางด้วยความยินดี “หลินเอ๋อร์...เจ้าคู่ควรกับความสุขนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความจริงใจในขณะที่บรรยากาศภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัด เสี่ยวเหวินโหลยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน เขามองภาพของเผิงฟู่หลินที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
บทที่ 63 ท่านเป็นท่านพ่อข้าหรอกหรือยามสายของวันใหม่อากาศปลอดโปร่งยิ่งนัก หนี่เส้าจวินพิงกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่คมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าของเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการถูกเขารังแกไม่หยุดในค่ำคืนที่ผ่านมา แววตาของเขาฉายแววลึกซึ้ง ทั้งหวงแหน ทั้งรักใคร่ เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นหรือปลุกหญิงสาวจากการหลับใหล รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา หนี่เส้าจวินยังคงจ้องมองหน้านางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้หนี่เส้าจวินหันหน้าไปมองด้วยสายตาขัดใจที่ถูกรบกวน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าจูยืนอยู่ข้างหน้าประตู เจ้าจูได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระดากอาย“ท่านอ๋องและคุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะมองสภาพภายในห้องที่ราวกับผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่“เจ้ามาช่วยข้าที” เผิงฟู่หลินบอกกล่าวออกไป“พวกเรามิต้องเร่งรีบนักหรอก ทุกคนคงเข้าใจได้ดี” หนี่เส้าจวินพูดขึ้นมาหน้าตาเฉยท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด เผิงฟู่หลินได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าพร้อมค้อนขวับใส่เขาไปหนึ่งที“ท่านอ๋องลืมแ
บทที่ 62 บุตรของข้าท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดมิด เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้ผ้าม่านสีขาวบางบนหน้าต่างสะบัดเล็กน้อย เผิงฟู่หลินขยับกายช้าๆ ไล่ความเมื่อยขบที่ได้รับจากการเคี่ยวกรำของหนี่เส้าจวินอย่างต่อเนื่อง แม้นางจะยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ทว่าร่างหนาของหนี่เส้าจวินที่เกยก่ายนางเอาไว้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาหนี่เส้าจวินนอนอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ยามหลับตาใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ไม่ดุดันและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามปกติเผิงฟู่หลินพลิกตัวขึ้นจ้องมองดูใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างเต็มสองตา บุรุษที่มักมารบกวนนางในยามหลับฝัน บัดนี้อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเข้าออก เผิงฟู่หลินเหม่อมองอย่างใจลอย ความลืมตัวทำให้นางขยับมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสัมผัสไปตามหน้าผากไล้ไปตามแผงคิ้วสีดำเข้มไล่ลงมาที่สันจมูกที่คมเข้ม ริมฝีปากที่หนาเชิดรับกับใบหน้า ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเผิงฟู่หลินอดที่จะยกยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ แต่ทันใดนั้นร่างของเธอก็ปลิวขึ้นมาทาบอยู่บนตัวของหนี่เส้าจวิน เขาปรือตาขึ้นพร้อมดึงตัวนางขึ้นมาก่ายเกยแนบชิดที่หน้าอก ร
บทที่ 61 สะสางหนี่เส้าจวินสาวเท้าก้าวเข้ามาภายในเรือนนอนของเผิงฟู่หลิน ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและดุดัน แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนน่าหวาดหวั่นใจเผิงฟู่หลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่หนี่เส้าจวินกลับใช้พละกำลังที่มีรัดนางจนแทบขยับไม่ได้ สองมือปัดป่ายทุบตีไปตามแผ่นหลัง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิได้ส่งผลอันใดกลับมาหนี่เส้าจวินเดินตรงไปยังที่เตียงนอน ก่อนจะโยนร่างของเผิงฟู่หลินลงบนเตียงในทันที จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินกลับไปแล้วปิดประตูลงอย่างเต็มแรงเสียงประตูที่ปิดกระแทกลงเสียงดังสนั่นทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว นางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สะโพกของนางกระแทกลงบนฟูกอย่างแรงเผิงฟู่หลินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความขุ่นเคืองใจ ลมหายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเมื่อครู่ นางยืนประจันหน้ากับหนี่เส้าจวินอีกครั้งหนี่เส้าจวินหันมาเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลินด้วยสายตาที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเคืองที่มีร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา นางหายตัวไปเกือบหกปีทั้งยังกลับมาพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกนางว่า “แม่” เสียอีก แค่เพียงคิดว่านางคลอเคลียกับบุรุษคนอื่นก็ทำเอาหนี้เส้าจวินแทบค
บทที่ 60 พบกันอีกคราเผิงฟู่หลินเดินทางกลับมายังจวนสกุลเผิง นางเงยหน้าขึ้นมองประตูที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก หกปีแล้วที่นางจากไปแต่ทว่าจวนสกุลเผิงยังคงสงบไม่แตกต่างจากในวันวานเผิงฟู่หลินก้าวเท้าเข้าไปภายในจวน พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมรายงานว่านายท่านทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เผิงฟู่หลินจึงเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวในทันทีราชครูเผิง ฮูหยินเซียงและเผิงอันอวี้กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันทีที่ทั้งสามเห็นเผิงฟู่หลินก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง ฮูหยินเซียงรีบก้าวเท้าเข้ามากอดเผิงฟู่หลินเอาไว้แน่น “หลินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”“หลินเอ๋อร์...เจ้ากลับมาครั้งนี้คงมิคิดจะออกเดินทางอีกใช่หรือไม่” เผิงอันอวี้ที่ก้าวเท้ามาตรงหน้าเผิงฟู่หลิน พร้อมกล่าวดักคอน้องสาวของตนในทันที“พี่ใหญ่ ข้าได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว สถานที่ใดที่ข้าเคยใฝ่ฝันข้าล้วนได้เห็นกับตาตนเองทั้งสิ้น บัดนี้ข้าจะกลับมาอยู่บ้าน ข้าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวของข้า” เผิงฟู่หลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส หกปีที่ผ่านมานางได้เดินทางไปทั่ว ทั้งดินแดนตอนเหนือจนถึงดินแดนตอนใต้ สถานที่ที่นางเคยได้แต่จินตนาการจากการ
บทที่ 59 เจ้าหนีข้าไปแล้วหนี่เส้าจวินแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้รับข่าวว่าเผิงฟู่หลินได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา เผิงฟู่หลิน...นางหนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ“พวกเจ้าออกตามหาพระชายาทุกเส้นทาง ต้องตามหานางให้เจอ” คำสั่งที่ดุดันแฝงความโกรธเคือง ทำให้เหล่าองครักษ์รีบรับคำสั่งพร้อมกระจายตัวออกตามหาในทันที“ว่าไงนะ” เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วจวน เมื่อองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของเผิงฟู่หลินเลยแม้แต่น้อยหนี้เส้าจวินที่หัวเสียอย่างมาก เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอักษร ทำเอาเหล่าองครักษ์ได้แต่ยืนแข็งเกร็ง เหงื่อไหลซึมออกมาด้วยกลัวโทสะของหนี่เส้าจวิน“ตามหาต่อไป แม่ทัพเผิงแจ้งข่าวว่านางเดินทางไปดินแดนใต้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหานางไม่พบ”ทั้งที่หนี่เส้าจวินคิดว่าเผิงฟู่หลินไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกล ทว่าเวลาผ่านไปเกือบเดือนก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ ของนาง เขาสั่งการให้ทหารออกตามหาเผิงฟู่หลินในทุกเส้นทางและทุกทิศที่นางอาจจะเดินทางได้ แต่หนี้เส้าจวินกลับไม่รู้ว่าเผิงฟู่หลินได้เปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปยังดินแดนทางเหนือแล้ว ดังนั้นการตามหาของเขาก็ไม่ต่างจากการง