Share

ข่าวลือ

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-04-28 02:16:03

รุ่งเช้า เมื่อหมอหลิวเข้าไปทำงานที่วังหลวงก็พบกับนายท่านกงที่ดักรอเขาอยู่ที่หน้าประตูวัง

“อาเฮ่อ ข้าขอคุยกับเจ้าสักประเดี๋ยว”

“หากเจ้าจะพูดเรื่องหมั้นหมายของชิงเออร์ เห็นทีข้าคงไม่มีเรื่องจะพูด”

“อย่างไรเล่า อาเฉียงเป็นบุรุษ เรื่องสตรีย่อมต้องมีกันบ้าง เจ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย หากเขาได้แต่งชิงเออร์เข้าตระกูลแล้วข้ารับรองว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” นายท่านกงเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านๆ

“หึ กงป๋อเหวิน ข้าเห็นเจ้าเป็นสหาย หากเจ้ากล้าเอ่ยเช่นนี้กับข้าอีกครั้ง แม้แต่ความเป็นสหายข้าก็จะไม่เหลือให้เจ้า” หมอหลิวจ้องมองนายท่านกงอย่างไม่สบอารมณ์

“ใช่แล้ว ใต้เท้ากง ท่านพูดได้เห็นแก่ตัวนัก บุตรชายท่านจะทำตัวเช่นไรก็ได้อย่างนั้นรึ”

หมอหลิวได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าเป็นผู้ใด เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปทำความเคารพให้เว่ยอ๋อง

เมื่อเห็นเว่ยอ๋องเดินเข้ามาพูดสีหน้าของกงป๋อเหวินก็ซีดขาวทันที เพราะกงหลี่เฉียงกลับมาที่จวนแล้วเล่าสิ่งที่เว่ยอ๋องได้เอ่ยกับเขาออกมาให้บิดาได้ฟัง

“กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ” กงป๋อเหวินเอ่ยขอตัวทันที เขาหันไปมองหน้าหมอหลิวก่อนจะเร่งรีบเดินจากไป

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลิวขอบคุณเว่ยอ๋อง

“มิได้ สิ่งที่เปิ่นหวางพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเปิ่นหวางขอตัวก่อน” เขาเดินถอดน่องไปอย่างสบายใจ

หมอหลิวมองตามแผ่นหลังของเว่ยอ๋องไปอย่างครุ่นคิด น้อยครั้งนักที่เว่ยอ๋องจะยอมเข้าประชุมเช้า มันช่างบังเอิญเสียจริง ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปที่ห้องทำงานของตน

เว่ยอ๋องมิได้อยากจะเข้าประชุมเช้าที่น่าเบื่อเสียหน่อย แต่เพราะรู้ว่าวันนี้กงป๋อเหวินจะต้องรั้งตัวหมอหลิวเพื่อพูดคุยเรื่องงานหมั้นหมายอีกแน่นอน จึงได้จอดรถม้ารออยู่ที่หน้าวังหลวง

เมื่อเห็นหมอหลิวลงจากรถม้า เขาก็เดินตามลงมาทันที ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

หลังจากประชุมเช้าเสร็จลง เว่ยอ๋องถูกพี่ชายรั้งตัวไว้เพื่อพูดคุย เขาจำต้องเดินตามฮ่องเต้ไปที่ห้องทรงงาน

“อาจ้าน เจ้าเข้าร่วมประชุมเช้าได้อย่างไร” ฮ่องเต้ ฉีฮุ่ยหลงเอ่ยถามน้องชายอย่างสงสัย

“ข้าอยากเข้าฟังบ้างก็เท่านั้น” เขาหมุนจอกน้ำชาเล่นอย่างไม่ใส่ใจ

“หึ แต่เรื่องที่เจิ้นรู้มา คงไม่เพียงเท่านั้นกระมัง” ฮ่องเต้มองน้องชายอย่างหยอกล้อ

“เรื่องอันใดเล่า แล้วข้าไปเกี่ยวอันใด เสด็จพี่อย่าได้มองข้าเช่นนี้” เว่ยอ๋องถลึงตามองพี่ชายอย่างเขินอาย เมื่อถูกจับได้

“วันนี้ เสด็จแม่เรียกตัวคุณหนูไป๋เข้าวัง อีกไม่นานคงได้เจ้าไปพบ”

จอกน้ำชาในมือของเว่ยอ๋องชะงักลง เขายืดตัวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“หึ ข้าไม่แต่ง มิเช่นนั้นข้าจะหนีไปอยู่ที่ชายแดนเหนือ”

“เรื่องนี้เจ้าคงต้องไปพูดกับเสด็จแม่เอง เจิ้นช่วยเจ้ามิได้”

“เสด็จพี่ ท่านรู้ดีว่าข้าต้องการอันใด หากเสด็จแม่บังคับข้า พรุ่งนี้คุณหนูไป๋อาจจะต้องตกน้ำแล้วถูกบุรุษจวนใดสักจวนช่วยเหลือเป็นแน่”

“เช่นนั้นเจิ้นจะไปพูดกับเสด็จแม่ให้เจ้าเอง” ฮ่องเต้โบกมือไล่น้องชายของตนให้ออกไปให้ไกลสายตา

เขารู้ดีว่าที่เว่ยอ๋องพูดมิใช่เพียงแค่ขู่ แต่เขาสามารถทำได้จริง

ตั้งแต่ที่รู้เรื่องตระกูลหลิวจะหมั้นหมายกับตระกูลกง เขาก็ดื่มสุราย้อมใจอยู่ในตำหนักเสียหลายวัน จนไทเฮาอดที่จะเห็นใจบุตรชายคนเล็กของนางไม่ได้

จึงได้ส่งนางกำนัลเข้ามาในตำหนักเว่ยอ๋องหลายคน และทุกคนยังมีใบหน้าละม้ายเยว่ชิงเสียสองถึงสามส่วน หวังให้เขารับนางพวกนั้นเป็นสาวใช้ข้างห้อง

แต่เว่ยอ๋องกลับส่งพวกนางทุกคนเข้าไปในค่ายทหาร เพื่อให้ทหารที่ยังไม่แต่งงานใต้อาณัติของเขาแต่งนางเข้าเรือน

เรื่องนี้สร้างความตกใจให้ไทเฮาอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าบุตรชายของตนจะจัดการเช่นนี้ หากส่งพวกนางกลับเข้าวังยังจะดีเสียกว่า

พอไล่เว่ยอ๋องกลับออกจากวังไปแล้ว ฮ่องเต้จึงได้ไปที่ตำหนักของไทเฮา เพื่อพูดเรื่องที่เขาเอ่ยกับน้องชายให้เสด็จแม่ฟัง

“สวรรค์ อาจ้านพูดเช่นนี้รึ” ไทเฮายกมือขึ้นทาบอก

นางไม่ได้กลัวว่าคุณหนูไป๋จะโดนจัดการเช่นไร หากคิดจะให้นางแต่งให้กับเว่ยอ๋อง แต่กลัวว่าบุตรชายจะหนีไปประจำการอยู่ที่ชายแดนเหนือและไม่ยอมกลับมาให้นางได้เห็นหน้าอีก

“เสด็จแม่ เรื่องคู่ครองของอาจ้าน ท่านก็ปล่อยให้เขาจัดการเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“เหอะ แล้วไอเจียจะทำอันใดได้เล่า” นางมองค้อนบุตรชายคนโตที่เข้ากันดีกับน้องชาย

ข่าวลือในเมืองหลวงเรื่องที่ตระกูลหลิวจับได้ว่าคุณชายกงลอบพบกับคุณหนูตู้ ระหว่างทั้งสองตระกูลเอ่ยเรื่องหมั้นหมายกันก็ถูกลือไปทั่ว

ทั้งจากคนที่เห็นเหตุการณ์จริง และทั้งที่คนนำเอาเรื่องราวไปแต่งเติม แม้แต่โรงงิ้วในเมืองหลวงยังเล่นเรื่องนี้ติดต่อกันหลายวัน

ตู้ซิงเยียนอับอายจนไม่กล้าออกจากจวน ร้อนถึงบิดาของนางที่เป็นเพียงอาลักษณ์เล็กๆ อยู่ในราชสำนักเท่านั้น ต้องออกหน้าเรื่องนี้ด้วยตนเอง

นายท่านตู้เดินทางไปที่จวนตระกูลกง เพื่อพูดคุยกับพี่สาวของตน

“พี่หญิง ท่านต้องจัดการเรื่องนี้ให้ข้า เยียนเออร์ไม่มีหน้าออกไปพบเจอผู้คนแล้ว นางเก็บตัวอยู่ในเรือน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน”

“ข้าเข้าใจแล้ว แต่เจ้าก็รู้ว่ายังมิอาจแต่งนางเข้ามาในยามนี้ได้” ตู้ซื่อก็ร้อนใจเช่นกัน

ยิ่งข่าวเรื่องไม่มีงานหมั้นหมายระหว่างสองตระกูลเกิดขึ้นแล้ว เจ้าหนี้ก็เริ่มมาที่จวนอย่างเปิดเผย และเร่งให้ชำระเงินคืนโดยเร็วที่สุด

นางจึงได้รู้ว่าตอนนี้การแต่งงานกับเยว่ชิงสำคัญมากเพียงใด

“ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร บุตรสาวของข้าที่เป็นหลานสาวของท่าน เสื่อมเสียชื่อเสียงจนไม่เหลือชิ้นดี ท่านยังจะไม่ยอมแต่งนางเข้าจวนตอนนี้อีกรึ” เขาลุกขึ้นโวยวายเสียงดัง

“เพ้ย หากแต่งเข้าจวน เรื่องสินสอดตอนนี้ข้าไม่มีให้ เจ้ายังอยากจะแต่งเข้าจวนข้าอีกหรือไม่เล่า”

“เหอะ ไม่มีสินสอดก็ต้องหามา ไม่เช่นนั้นข้าจะพาเยียนเออร์ไปร้องทุกข์ที่ศาลต้าฉี”

“เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้ข้าจะต้องหารือกับท่านพี่ก่อน” ตู้ซื่อเห็นน้องชายดูท่าจะไม่ยอมถอย นางจึงได้ใจเย็นลง เพื่อขอให้เขากลับไปก่อน

“ข้าให้เวลาพวกท่านสามวัน หากยังไม่ส่งแม่สื่อไปที่จวนของข้า เรื่องนี้ได้ถึงศาลต้าฉีอย่างแน่นอน” เขาสะบัดชายเสื้อเดินออกจากห้องโถงไปอย่างไม่พอใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าไม่เป็นแล้วภรรยาที่แสนดี   ตอนจบ

    เสิ้นเจิ้งซี เขาน่าจะหายดีแล้ว แต่กลับบาดเจ็บจนนอนซมเช่นเขา เพียงเท่านี้เว่ยอ๋องก็รู้แล้วว่าสหายของตนคิดเช่นใดกับแม่นางน้อยที่เพิ่งเจอเพราะเรื่องของเยว่ชิงทำให้ซูหนี่นางตกกระไดพลอยโจร ติดตามเว่ยอ๋องและเสิ้นเจิ้งซีเข้าเมืองหลวง หลังจากที่นางรู้ว่าทั้งสองมาสืบเรื่องชนเผ่านอกด่านก็ไม่คิดไล่พวกเขาอีกหลังจากที่เดินทางกลับมาพร้อมพวกเขาทั้งสอง นางได้ติดตามไปหาเยว่ชิงที่อยู่เมืองเจียงซาน จนภายหลังนางได้มาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของหมอหลิว ซูหนี่นางมาอยู่ที่โรงหมอฮุ่ยซิว ตรวจคนไข้แทนเยว่ชิงที่กำลังตั้งครรภ์นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเสิ่นเจิ้งซีคิดเช่นใดกับนาง เพียงแต่นางอายุเพิ่งจะสิบเจ็ดหนาวเท่านั้น สำหรับผู้อื่นถือว่าออกเรือนช้า แต่สำหรับนางคิดว่าเร็วไปด้วยซ้ำแต่เมื่อถูกเยว่ชิงนางช่วยพูดให้เสิ่นเจิ้งซีทุกคน จิตใจของนางก็เริ่มสั่นคลอน“หนี่เออร์ เจ้ารู้เรื่องที่ใต้เท้าเสิ่นต้องเดินทางไปประจำการที่เมืองเหอตงแล้วหรือไม่” เยว่ชิงเอ่ยถามซูหนี่เมื่อนางมาเล่นกับหลานชาย“ไม่เจ้าค่ะ” ซูหนี่นางตกใจไม่น้อย เพราะว่านางไม่ได้พบเสิ่นเจิ้งซีมาหลายวันแล้ว“เห็นว่าจะออกเดินทางเร็วๆ นี้” เยว่ชิงลอบสังเกตอาการของซ

  • ข้าไม่เป็นแล้วภรรยาที่แสนดี   อยู่นิ่งๆ กันไม่เป็นหรือ

    “ดูท่าแล้วสหายของเจ้าคงจะตายในไม่ช้า” นางเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากอกของเขาไม่น้อย ทั้งยังลูกธนูที่ฝังอยู่ในอกของเขาด้วย“แม่นาง เจ้าไปตามหมอมาให้ข้าได้หรือไม่” น้ำเสียงที่เขาเอ่ยกับนางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด“ข้าเป็นหมอ ยังจะต้องไปตามผู้ใดอีก หากไม่อยากให้สหายของเจ้าตายก็เอาดาบออกไปจากคอข้าเสีย” นางไม่รู้ว่าพวกเขาใช่คนร้ายหรือไม่ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะตัวนางมิอาจสู้พวกเขาได้“อย่าได้คิดเล่นเล่ห์กับข้า” เขาเอ่ยเตือนนางอีกครั้ง“เช่นนั้นเจ้าจะอยู่ท่านี้กับข้าทั้งคืนก็ได้ ข้าไม่ได้เดือดร้อน” นางเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นหากเขาจะฆ่านางคงไม่ต่อปากต่อคำกับนางนานเพียงนี้บุรุษด้านหลังของซูหนี่วางดาบลง แล้วเข้าไปดูสหายของเขาทันทีซูหนี่ยืนกอดอกมองอย่างใจเย็น เขาหันมาทางนาง พร้อมทั้งขอร้องให้ช่วย“เจ้าก็พาเขาเข้าไปในเรือนของข้าสิ หรือต้องให้ข้าเข้าไปช่วยอุ้มด้วยอีกคน” นางเลิกคิ้วถามอย่างยียวน เมื่อครู่เอาดาบจ่อคอนางได้ ก็คงจะมีแรงเหลือแบกเพื่อเข้าไปด้านในเมื่อเห็นว่านางคงไม่ช่วย บุรุษผู้นั้นก็แบกร่างของสหายเข้าไปด้านในเรือน ซูหนี่นางจึงเดินตามเขาไป เพื่อช่วยดูอาการของเขา“ถอดเสื้อของเขาออก แล้วเจ้

  • ข้าไม่เป็นแล้วภรรยาที่แสนดี   ผู้บุกรุกยามค่ำคืน

    ซูหนี่นำออกมาอีกครั้ง แต่นางไม่ยื่นไปต่อหน้าเขา เปิดออกให้ดูบนมือของนางแทน โสมหัวใหญ่ถูกเปิดออกให้ดูเพียงชั่วครู่เดียวก็ทำให้หลงจู๊ตกตะลึงได้แล้ว“เชิญพวกเจ้าเข้าไปรอในห้องรับรองก่อน ข้าจะไปตามท่านหมอมาประเมินราคาให้” หลงจู๊เรียกเสี่ยวเอ้อให้พาทั้งสามเข้าไปนั่งรอให้ห้องรับรอง“ท่านป้า พี่หลาง อีกครู่พวกท่านเพียงนั่งนิ่งๆ ก็พอเจ้าค่ะ ข้าจะต่อรองเรื่องราคาเอง อย่าได้แสดงสีหน้าอันใดออกมาเด็ดขาด หากพวกท่านไม่อยากได้ราคาที่น้อยลง” ทั้งสองรีบพยักหน้ารับอบย่างเชื่อฟังป้าชงอดมองเด็กสาวตรงหน้าของเขาไม่ได้ นางใจกล้าถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ตอนที่ต่อรองกับหลงจู๊นางไม่มีท่าทางที่ตื่นกลัวเลยสักนิดทั้งสามนั่งรอเพียงไม่นาน หลงจู๊ก็เดินนำท่านหมอเข้ามาด้านใน“ไหนเจ้าเอามาให้ข้าดูเสียหน่อย” เขาร้องถามอย่างตื่นเต้น หากหลงจู๊ไม่ได้มองผิดไปโสมหัวใหญ่เพียงนั้นย่อมมีราคาไม่น้อยกว่าห้าร้อยปีเป็นแน่ครั้งนี้ซูหนี่นางไม่ได้เล่นตัวแต่อย่างใด นางนำโสมขึ้นมาวางตรงหน้าของท่านหมอ เมื่อเขาได้เห็นก็อุทานออกมาทันที“สวรรค์ โสมพันปี เจ้า เจ้าไปเจอได้อย่างไร”“ท่านจะรับซื้อหรือไม่เจ้าคะ” นางไม่เอ่ยตอบเพราะไม่อยากเ

  • ข้าไม่เป็นแล้วภรรยาที่แสนดี   เดินเท้าเข้าเมือง

    เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้น บิดาของซูหนี่ได้เข้าขวางกลุ่มชนเผ่านอกด่านไว้ เพื่อให้ทุกคนได้หลบหนี แต่มารดาของนางไม่ยอมทิ้งบิดาแล้วหนีไปเพียงลำพังจึงได้จบชีวิตลงไปด้วยอีกคน“ท่านป้าข้ามีอะไรจะให้ท่านเจ้าค่ะ” ซูหนี่ส่งห่อผ้าที่นางนำมาด้วยให้ป้าชง“สวรรค์ ของดีเช่นนี้ เจ้ามิเก็บไว้เอง” นางร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าด้านในคือสิ่งใด“ข้ามีสองหัวเจ้าค่ะ แบ่งให้ท่านหนึ่งหัว เพื่อขอบคุณท่านที่ดูแลข้ามาเป็นอย่างดี” ซูหนี่นางจึงเล่าเรื่องว่านางพบโสมได้อย่างไรให้ป้าชงฟัง“เด็กดี อย่างน้อยสวรรค์ก็เมตตาเจ้าแล้ว” ซูหนี่ยิ้มไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่นางมาที่นี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายสำหรับนางกันแน่“ข้าจะเข้าไปขายโสมที่เมืองพรุ่งนี้ ท่านป้าจะไปพร้อมข้าหรือไม่”“ไปๆ” เพราะอาหารที่เรือนของนางก็เริ่มจะหมดแล้ว อย่างไรก็ต้องเดินทางเข้าเมืองอยู่ดี“ท่านป้า ทางที่ดีเรื่องโสม ท่านอย่าเพิ่งบอกผู้ใดนะเจ้าคะ” ซูหนี่นางกลัวว่าหากผู้อื่นรู้จะเข้ามาขโมยไปเสีย“ข้าเข้าใจแล้ว”เมื่อพูดคุยกันอีกเพียงไม่กี่ประโยคซูหนี่นางก็ขอตัวกลับเรือน เมื่อมาถึงเรือนนางก็เข้าไปพักในมิติทันทีรุ่งเช้าซูหนี่เก็บข้าวของที

  • ข้าไม่เป็นแล้วภรรยาที่แสนดี   แหวนหยกติดตัวมาด้วย

    ด้านหน้าของนาง ที่ใกล้ปากถ้ำ มีต้นโสมอยู่หลายหัว ในตอนแรกนางกลัวว่าตาจะฝาดไป จึงได้เดินเข้ามาดูใกล้ๆ“แล้วจะเก็บยังไง อะไรก็ไม่มีให้ขุด” เมื่อซูหนี่ยื่นมือออกไปที่โสมตรงหน้า ระหว่างที่นางใช้ความคิดว่าจะเอาสิ่งใดมาขุดโสม จึงไม่ได้ทันเห็นว่าโสมนับสิบหัวที่อยู่ในดินเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว“เฮ้ยยย” นางร้องออกมาอย่างตกใจ พร้อมทั้งลุกขึ้น แล้วเดินหาว่าโสมหายไปได้อย่างไร นางขยี้ตาอยู่หลายหน พื้นดินตรงหน้าก็ยังว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม“โสมของข้า” นางทรุดตัวลง แล้วร้องออกมาเสียงดังอย่างเสียใจแต่แล้วก็มีโสมโผล่ขึ้นมาอยู่ในมือของนางทันที เมื่อนางร้องเรียกโสมเสร็จ“เฮ้ยย” ซูหนี่โยนโสมทิ้งอย่างตกใจ นางก้มลงมองมือของนาง ก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นแหวนหยกแบบเดียวกับที่นางได้มาจากร้านขายยาอยู่ที่นิ้วของนาง“คงไม่ใช่มั้ง” นางครุ่นคิด ก่อนจะคลานไปหยิบโสมที่นางโยนทิ้งไปกลับมาอีกครั้งในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้ว และอยากรู้ว่าสิ่งที่คิดไว้มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ซูหนี่จึงได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เก็บ” นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อโสมในมือหายไปทันทีที่นางพูดจบนางทำเช่นเดิมอยู่หลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่คิดไว้

  • ข้าไม่เป็นแล้วภรรยาที่แสนดี   เรื่องราวของซูหนี่

    ซูหนี่แพทย์สาว เธอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลชื่อดังในกรุงปักกิ่ง เพราะชื่อเสียงเรื่องการผ่าตัดของเธอทำให้มีคนไข้มากมายต้องการจะรักษากับเธอ แม้จะต้องรอคิวนับเดือนก็ตาม“หมอไป๋คะ วันนี้มีคิวผ่าตัดสามคิว คุณจะให้ฉันเตรียมห้องผ่าตัดเลยไหม” พยาบาลเดินเข้ามาหาไป๋ซูหนี่ที่ห้องทำงานของเธอเธอยกยิ้มที่มุมปาก เพราะเธอเพิ่งจะเดินทางมาถึง กาแฟสักแก้วก็ยังไม่ได้กิน จะตามให้เธอไปผ่าตัดเลยหรือไง แต่เธอก็ต้องตอบไปว่า“ได้ค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”ในแต่ละวันของเธอไม่มีสิ่งใด มากไปกว่าอยู่ที่ห้องผ่าตัดและกลับไปพักที่ห้องพักข้างโรงพยาบาล เหตุผลที่เธอเลือกเรียนหมอ คงเป็นเพราะแม่ของเธอป่วยหนัก เธอที่ได้แต่ยืนมองพยาบาลเข็นแม่เธอเข้าห้องผ่าตัดไปโดยทำอะไรไม่ได้ครั้งนั้นแม่ของเธอไม่ได้ออกมาจากห้องแบบมีลมหายใจ เธอเสียชีวิตเพราะช็อกจากการผ่าตัด ทำให้ซูหนี่ตั้งมั่นไว้แล้วว่าเธอจะต้องเรียนหมอ เพื่อช่วยคนที่ป่วยเหมือนแม่ของเธอนอกจากที่เธอจะเลือกเรียนแพทย์ปัจจุบันแล้ว เธอยังสนใจเรื่องสมุนไพรของแพทย์แผนจีนไม่น้อย หลังจากที่มีเวลาว่างจากเรื่องเรียน เธอจะไปช่วยงานที่ร้านขายยาแผนจีน เพื่อหาความรู้และหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างที่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status