บทที่ 3
เงียบหาย
ถึงแม้จรัสรักจะถือว่ายังเป็นเด็กใหม่ ทว่าสกิลการดูแลและเอาใจแขกครั้งที่แล้วถือว่าสอบตก เจ๊ระเบียบจึงสั่งให้เธอลงมานั่งรอรับแขกรวมกับคนอื่น ๆ ที่ชั้นล่าง เนื่องจากเจ๊ไม่วางใจให้เธอดูแลลูกค้าวีไอพี
แขกคนแล้วคนเล่าเดินเข้ามาเลือกนางฟ้าไปนั่งคลอเคลียข้างกาย จรัสรักสะดุ้งทุกครั้งเมื่อเผลอสบตากับแขกที่กำลังกวาดสายตาเลือก หากแล้วเธอก็รีบดึงสายตาหลบทุกครั้งราวกับกลัวว่าจะเป็นคนที่ถูกเลือก
“น้องหนูคนสวย เสี่ยขอดูหน้าชัด ๆ หน่อยสิ”
ทว่าเหมือนว่าครั้งนี้เธอจะหลบไม่พ้น จรัสรักจำต้องเงยหน้าขึ้นไปให้ลูกค้าชายวัยกลางคนได้ดูชัด ๆ ตามคำขอ คนที่แทนตัวเองว่าเสี่ยพยักหน้าราวกับพอใจ จากนั้นก็หันไปพูดกับผู้ช่วยผู้จัดการร้านซึ่งรับหน้าที่ดูแลลูกค้าในขั้นต้น
“น้องสวยขนาดนี้ทำไมถึงได้โดนมองข้าม”
“น้องรอให้เสี่ยมาเลือกไงครับ” ผู้ช่วยหนุ่มตอบเอาใจ เชียร์ขายเด็กในร้านสุดฤทธิ์ เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมน้องไอลีฟถึงยังไม่ถูกเลือก “น้องเพิ่งมาใหม่ครับ แขกคนก่อน ๆ อาจจะมีเด็กที่นั่งด้วยประจำอยู่แล้ว”
เสี่ยพยักหน้าเข้าใจ ยกมือลูบคางพลางมอง ‘น้องไอลีฟ’ อย่างพิจารณาครั้งสุดท้าย หากเทียบกับเด็กคนอื่น ๆ ที่ยังเหลืออยู่ บอกเลยว่าไม่มีใครสวยเท่าน้องไอลีฟอีกแล้ว
“โอเคครับ ผมให้น้องมานั่ง...”
“ลีฟ มานี่ ลูกค้าเรียก”
เสี่ยยังพูดไม่ทันจบ ถูกเจ๊ระเบียบซึ่งเดินมาจากไหนไม่รู้เอ่ยแทรกอย่างรีบร้อน พร้อมกวักมือเร่งให้หญิงสาวรีบเดินออกไปหา
“เจ๊ครับ” ผู้ช่วยหนุ่มรีบสะกิดให้เจ๊ระเบียบรู้ตัว ว่ากำลังแย่งเด็กคนเดียวกันกับลูกค้า
“อ้าว เสี่ยพจน์ รอบนี้หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ” สาวใหญ่ทักทายลูกค้าเสียงหวานอย่างเป็นกันเองเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“ช่วงที่ผ่านมางานยุ่งนิดหน่อย เพิ่งจะมีเวลาว่างน่ะ”
“เหรอคะ แล้วนี่เสี่ยเลือกน้อง ๆ ได้หรือยังเอ่ย เบียบรับรองเลยนะคะว่าเด็กที่ร้านเอาใจเก่งกันทุกคน”
“เลือกได้แล้ว ผมเลือกน้องไอลีฟ” เสี่ยตอบพร้อมบุ้ยใบหน้าไปยังหญิงสาวที่เดินไปยืนอยู่ข้างหลังคู่สนทนาหลังจากโดนเรียกตัว
“อุ๊ย คงไม่ได้ค่ะเสี่ย น้องไอลีฟมีคนจองแล้ว” ระเบียบเอ่ยคล้ายแสนเสียดาย ก่อนจะเริ่มเสนอเด็กคนอื่น ๆ ให้ “วันนี้ลองให้น้องมิ้นต์เอาใจดูไหมคะ แขกทุกคนชมเป็นเสียงเดียวกันเลยนะคะว่าน้องดูแลดี เอาใจเก่ง”
“แต่ผมเลือกน้องไอลีฟไปแล้ว” เสี่ยวัยกลางคนไม่ยอมเปลี่ยนใจง่าย ๆ ยิ่งโดนตัดหน้าไปแบบนี้ก็ยิ่งยอมไม่ได้ ในเมื่อเขามายืนเลือกก่อน ก็ต้องมีสิทธิ์ได้ก่อนสิ
“ไม่ได้จริง ๆ ค่ะเสี่ย น้องไอลีฟไม่ว่างแล้วจริง ๆ”
“ไม่ว่างได้ยังไง ก็เห็นยืนว่างอยู่เนี่ย”
“มีลูกค้าคนอื่นโทรเข้ามาจองค่ะ ลูกค้ากำลังขับรถมารับ”
จรัสรักมองคนพูดด้วยความสงสัย กำลังขับรถมารับงั้นหรือ หมายความว่าเธอต้องออกไปข้างนอกเลยใช่ไหม แล้วลูกค้าคนนั้นคือใครกัน เธออยากรู้แต่ไม่มีจังหวะให้ถาม เพราะคนที่ตอบเธอได้กำลังคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้าอยู่
“ใครกันที่กล้ามาตัดหน้าผม มันจ่ายให้คุณมากเท่าผมหรือเปล่า” เสี่ยเริ่มแสดงความกร่างออกมา เขาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ แต่ละคืนที่มาเขาจ่ายเงินไปไม่ใช่น้อย ๆ ซึ่งควรได้รับสิทธิ์พิเศษเหนือคนอื่นด้วยซ้ำ
“เสี่ยขา สำหรับเบียบ เบียบคิดว่าไม่มีใครเปย์เก่งเท่าเสี่ยอีกแล้วค่ะ” เจ๊ระเบียบตอบเอาใจ “แต่เบียบกลัวว่าน้องไอลีฟจะดูแลเสี่ยได้ไม่ดีพอ คือน้องอ้อนไม่เก่งเลยค่ะ เบียบเลยคิดว่าน้องมิ้นต์น่าจะทำให้เสี่ยพอใจได้มากกว่า”
“แต่ผมเลือกแล้ว” เสี่ยพจน์ยืนยันคำเดิม
“เอางี้ค่ะเสี่ย ถ้าเสี่ยยอมเลือกคนอื่น ๆ แทน เดี๋ยวคืนนี้เบียบจะลดค่าตัวน้อง ๆ ให้เสี่ยเป็นกรณีพิเศษเลย ดีไหมคะ”
เสี่ยพจน์หรี่ตาลง นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “…ลดเท่าไร”
โถ่เอ๊ย! ทำมาเป็นโม้ว่าตัวเองจ่ายเยอะ ความจริงก็แค่ตาแก่ขี้เหนียวดี ๆ นี่แหละ ระเบียบแอบเบะปากและพูดแขวะในใจ ทว่าสีหน้ายังยิ้มแย้ม รีบยื่นข้อเสนอสุดพิเศษ
“สักสิบเปอร์เซ็นต์ดีไหมคะ”
“ยี่สิบ”
ยังจะมีหน้ามาต่อรองอีก แต่เพื่อให้เรื่องมันจบลงอย่างง่ายดาย ระเบียบจึงยอมจบที่ตัวเลขยี่สิบเปอร์เซ็นต์ คำนวณแล้วก็ยังกำไรงาม ด้วยลูกค้าปริศนาที่โทรเข้ามาให้ค่าตัวจรัสรักเทียบเท่ากับตัวท็อปที่คอยบริการอยู่โซนวีไอพี ซึ่งมากกว่าเรตธรรมดาถึงเท่าตัว
“ลูกค้าลีฟคือใครเหรอคะ” จรัสรักถามด้วยความสงสัยหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย เสี่ยพจน์ยอมเลือกคนอื่นไปเอนเตอร์เทนแต่โดยดี
“ฉันก็ไม่รู้ ไม่เห็นหน้า” สาวใหญ่ยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องปกติ ทำเอาคนฟังใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เจ๊รับงานให้เธอโดยไม่สแกนลูกค้าก่อน ถ้าเกิดเป็นคนไม่ดีขึ้นมาเธอจะทำอย่างไร อย่างน้อย ๆ เจ๊ก็น่าจะรู้จักชื่อ หรืออาจจะเคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เป็นแบบนี้เธอไม่สบายใจเลย
ระเบียบสังเกตเห็นแววตาเป็นกังวลของเด็กสาว กำลังจะอธิบายรายละเอียดให้ฟัง ทว่าโทรศัพท์ในมือกลับดังขึ้นมาขัดจังหวะ หล่อนรับสายและพูดคุยเพียงแค่ครู่เดียวก็วาง ก่อนจะเร่งคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปเก็บของ
“ลูกค้ามาถึงแล้ว รีบไปเก็บของแล้วออกไปที่หน้าร้าน ลูกค้าบอกรอในลานจอดรถทิศใต้ รีบไป อย่าให้ลูกค้ารอนาน”
เพราะคำว่า ‘เงิน’ คือปัจจัยสำคัญ จรัสรักจึงไม่มีทางเลือก อย่างไรชีวิตเธอก็แขวนอยู่บนความเสี่ยงอยู่แล้ว เสี่ยงเพิ่มอีกนิดคงไม่เป็นไร หรือบางทีเธออาจจะคิดมากไปเอง หญิงสาวเดินเข้าไปหยิบกระเป๋า จากนั้นก็ออกไปหาลูกค้าที่ลานจอดรถ
ร่างบางยืนหันซ้ายหันขวา มองไปรอบ ๆ บริเวณ แต่ก็ไม่เห็นลูกค้าคนที่ว่า มีชายสองคนยืนสูบบุหรี่คุยกันอยู่ พวกเขาหันมามองเธอแค่แวบเดียวก่อนจะหันกลับไปคุยกันต่อ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ไหนเจ๊ระเบียบบอกว่าลูกค้ารออยู่ที่ลานจดรถทิศใต้ไง เธอก็มาถูกที่แล้วนี่นา
แรงสั่นจากสมาร์ตโฟนรุ่นเก่าในกระเป๋า เรียกให้จรัสรักละความสนใจจากการตามหาลูกค้าไว้ชั่วคราว เธอหยิบออกมาดูก็พบว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาคือเบอร์แปลก แต่กระนั้นเธอก็เลือกที่จะกดรับ
[จำรถผมไม่ได้ ?]
“คะ” หญิงสาวไม่เข้าใจที่ปลายสายพูด “ใครคะ”
[ผมเอง]
ระหว่างที่จรัสรักกำลังนึกว่าใครคือคนในสาย ไฟหน้าของรถคันหนึ่งก็สาดสูงขึ้น ก่อนที่รถคันนั้นจะเคลื่อนตัวออกจากช่องจอด มาจอดใกล้ ๆ กับจุดที่เธอยืนอยู่ พร้อมกระจกฝั่งคนขับถูกลดลง
หญิงสาวตาโตขึ้น หัวใจพลันกระหน่ำอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
“คุณ!”
ตอนพิเศษ 3“เกรซซี่!”เจ้าของชื่อซึ่งกำลังนอนคว่ำกระดิกปลายเท้าระบายสีอยู่กลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เงยหน้าขึ้นไปมองน้าสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีกระดาษอะไรสักอย่างติดมาด้วยฟังจากน้ำเสียงที่เรียกเมื่อกี้เกรซซี่รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ เพราะปกติเวลาน้ากิ๊ฟต์กลับบ้าน น้ากิ๊ฟต์จะเรียกหาเกรซซี่ด้วยเสียงที่นุ่มนวลหรือไม่ก็ร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้แค่เรียกเสียงเข้มไม่พอ ยังทำสีหน้ายุ่งใส่กันอีกเกรซซี่ไปทำอะไรของน้ากิ๊ฟต์พังหรือเปล่านะ...ก็ไม่นี่นา ไม่ได้เข้าไปในห้องของน้ากิ๊ฟต์เลยด้วยซ้ำใจจริงอยากวิ่งเข้าไปรับอย่างที่เคยทำ ทว่าวันนี้เกรซซี่สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังขานรับน้าสาวเสียงหวาน “...ขาน้ากิ๊ฟต์”จารวีหันหน้าไปไหว้แม่และยายของตนที่นั่งเอนกายบนตั่งไม้อีกฝั่งของบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง จากนั้นก็ยื่นเอกสารรายงานผลการเรียนชั้นอนุบาลไปตรงหน้าหลานสาวสุดที่รัก “อันนี้คืออะไรเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้”กนกนุชขยับนั่งขัดสมาธิ มองน้ากิ๊ฟต์กับกระดาษเอสี่ที่ถูกยื่นออกมาตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินตามหลังน้องสาวตัวเองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ตอนพิเศษ 2โชคดีที่จิณณ์ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงแรกที่ยังไม่เปิดเทอมอาจจะมีร้องไห้โยเยบ้าง เพราะตื่นมาแล้วไม่เจอใครอยู่ในระยะสายตา แต่พอค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอนว่าตื่นแล้วไปหาพ่อหรือหายายกับทวดได้ที่ไหน แกก็เริ่มเรียนรู้และเข้าใจ จากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้ตอนเช้าอีกเลยฉะนั้นหลังเล่านิทานส่งลูกเข้านอนเสร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงได้มีเวลาสวีตหวานในห้องส่วนตัวกันบ้าง“เรียนทำขนมวันนี้เป็นไงบ้าง” จิณณ์เอ่ยถามภรรยาที่กำลังใช้สำลีลบเครื่องสำอางซึ่งแต่งแต้มเพียงบางเบา เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองเพื่อจะเข้าไปอาบพร้อมกันจรัสรักมองเรือนร่างของสามีผ่านกระจก ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็สั่นรัวขึ้นมา หญิงสาวรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสจุดอื่น แม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเธอก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้เสียที“กะ...ก็ดีค่ะ พี่ฟางใจเย็นและสอนดีมาก” เธอตอบเสียงกะตุกกะตัก เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ จิณณ์ดึงชุดคลุมอาบน้ำช่วงไหล่ของภรรยาลง ก่อนจะประทับจูบร้อน ๆ ลงบนไหล่เปลือย จากนั้นก็พูดต่อ“คุณอยากได้สูตรไหนหรือ
ตอนพิเศษ 1หลังจากงานแต่งงานและทำบุญขึ้นบ้านใหม่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นเสร็จสิ้นไป จิณณ์ก็ขอให้ทุกคนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หญิงมากวัยทั้งสองคนมีอาการงอแงเล็กน้อย ด้วยไม่อยากละทิ้งบ้านของตนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายจรัสรักพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมทั้งอธิบายให้แม่และยายของตนเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้จะทิ้งบ้านหลังนั้น แต่ด้วยสภาพที่เก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีข้าวของเก็บไว้มากมาย ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้เคลียร์ของและจะทำการรีโนเวตบ้านใหม่ จากนั้นจะยกให้เป็นชื่อของจารวีจิณณ์ถามน้องสาวภรรยาว่าอยากรื้อแล้วสร้างใหม่เลยหรือไม่ จะได้บ้านในแบบที่ต้องการ ทว่าจารวีปฏิเสธพร้อมบอกว่าเอาไว้ก่อน เพราะล่าสุดพี่เขยก็เพิ่งจะถอยรถมินิคูเปอร์คันละสามล้านให้เป็นของขวัญเรียนจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยให้เหตุผลว่าระบบเซฟตีมันดีมากกว่ารถอีโคคาร์ทั่วไป ยังไม่นับคอนโดมิเนียมที่กำลังเลือกดูเพื่อจะซื้อให้พักอาศัยระหว่างที่เรียนต่อเนื่องจากสองพี่น้องมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ แต่ขาดแรงสนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ทำให้ต้องเลือกเดินในเส้นทางอ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)“แต่งงานกับผมนะครับ”ในเมื่อเขาดีและทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องปฏิเสธ ถึงจะเป็นการขอครั้งที่สอง แต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จรัสรักพยักหน้า ตอบรับคำขอของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี“ค่ะ รักจะแต่งงานกับคุณ”จบประโยคนั้นร่างบางก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อไฟที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ ตัวบ้านสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวง พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายดังขึ้นด้วยความยินดีใบหน้าสวยมองไปตามเสียงก็เจอกับเด็กหญิงกนกนุชในชุดสวยถือช่อดอกไม้วิ่งเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปข้างหลังอีกก็เจอแม่และยายที่นั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีปรานกับกฤษณ์เข็นให้ พร้อมทั้งพีรัช ภริตา จารวี และคุณหญิงพรรษา ยืนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจรัสรักรู้ว่าวันนี้มีนัดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของเธอก่อน พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงรถเลย“ป้อจิน เอาให้แม่” เสียงของลูกสาวดึงสายตาเธอให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหญิงกนกนุชยื่นช่อดอกทานตะวันให้คุณพ่อตามที่พ่อปรานบอก“ขอบคุณครับ” จิณณ์รับดอกไม้มาถือ ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวเข้ามากอดและกดจมูกหอมแก้มแ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)หลังจากหมูกระทะมื้อค่ำสิ้นสุดลง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดสถานที่ จิณณ์รับหน้าที่พาเด็กหญิงกนกนุชไปอาบน้ำ เนื่องจากหนูน้อยเริ่มตาปรือเพราะใกล้ถึงเวลาเข้านอนเมื่อบรรยากาศภายในบ้านเริ่มเงียบสงบ จารวีนั่งเล่นกับหลาน พูดคุยกับแม่และยายสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนอ้อมใจก็จัดที่นอนเตรียมพักผ่อน หน้าที่พยาบาลพิเศษในบ้านหลังนี้ไม่ได้หนัก และคนป่วยก็ไม่ได้จู้จี้จุกจิก พอทำหน้าที่หลักเสร็จก็สามารถนอนพักผ่อนได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีห้องนอนส่วนตัวให้ ต้องนอนรวมกันที่ห้องโถงจรัสรักเดินมาเช็กความเรียบร้อยที่ครัวหลังร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านขายของตามปกติหลังจากหยุดไปทำธุระหนึ่งวัน“อุ๊ย!” ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับสิ่งใด ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากคนที่เดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวยิ้มและเอ่ยถามกลั้วขำ “อะไรคะเนี่ย”“อยากกอด” จิณณ์คลายวงแขนแล้วหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ”จรัสรักหลุดขำ นึกเอ็นดูคนตัวโตที่เริ่มงอแง นับวันก็ยิ่งเหมือนลูกมากขึ้นทุกที “คงอีกนานค่ะ ยังไม่ได้ลงเสาเลย”“รู้งี้ผมให้
บทที่ 31 คนพิเศษ“แม่แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้ดุ”“ดุ” ใบหน้าน้อย ๆ เอียงซบไหล่แกร่ง พยายามหลบสายตาแม่ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหล่มอง“รับปากแม่ได้ไหมว่าครั้งหน้าเกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนออกบ้านทุกครั้ง” จรัสรักยังคงเสียงแข็งแต่ก็ยังฟังดูอ่อนโยนอยู่ในที เธอไม่ได้อยากเป็นแม่ใจร้ายหรอก แต่บางทีก็ต้องบอกต้องสอนกันบ้าง“รับปากแม่เร็ว คนเก่งของพ่อทำได้อยู่แล้ว” จิณณ์ให้กำลังใจ พร้อมเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันไปหาคนเป็นแม่“ต่อไปนี้เกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งค่ะ” หนูน้อยยอมพูดแต่โดยดี ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ส่งยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะอย่างชื่นชม“เก่งมากค่ะ”กลายเป็นคุณพ่อที่ทวนความจำให้ลูกแทน “จำได้ไหมครับ ที่คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่รองเท้าจะเกิดอะไรขึ้น”“จะเหยียบปะตู เลือดไหล ต้องไปหาหมอ แล้วก็ร้องไห้แง ๆ” จิณณ์ไม่แก้ไขที่ลูกพูดผิด รู้ดีว่าความเข้าใจของแกก็คือตะปูนั่นแหละ“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เกรซซี่ต้องใส่รองเท้าทุกครั้งนะ โอเคไหม”“โอเคค่า” เมื่อเคลียร์กันลงตัว หนูน้อยก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส“หาแม่ไหม พ่อจะขนของลงรถ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งลูกให้คนเป็นแม่อุ้ม ซึ่งมือเล็ก ๆ