Share

คำหย่าหลังม่านน้ำตา
คำหย่าหลังม่านน้ำตา
Author: แอนนา สมิธ

บทที่ 1

Author: แอนนา สมิธ
ฉันก้าวเข้าสู่สำนักงานกฎหมาย ในมือที่กำแน่นคือเอกสารการหย่าร้าง สี่ปี... ตลอดสี่ปีในฐานะโซเฟีย มอเร็ตติภรรยาของเจมส์ มอเร็ตติทายาทแห่งตระกูลมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมือง

และวันนี้ ทุกอย่างกำลังจะสิ้นสุดลง

ทนายความไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองตอนที่ฉันเดินเข้าไป

"ฉันต้องการยื่นเรื่องหย่าค่ะ" ฉันเอ่ยขึ้น พร้อมกับวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา

ในที่สุดเขาก็ยอมละสายตาขึ้นมองฉัน ผมหางม้าที่ถูกมัดอย่างขอไปที กางเกงยีนสีซีด และกระเป๋าเป้ที่ยังคงพาดอยู่บนบ่า สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม "สาวน้อย การหย่าร้างไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันเล่น ๆ ตามอารมณ์ชั่ววูบนะครับ"

ฉันเข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงมองฉันอย่างนั้น ฉันดูไม่ต่างจากนักศึกษาที่เดินหลงเข้ามาผิดที่ผิดทาง ไม่เหมือนผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงสี่ปี

แต่ฉันเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว

"แค่ประทับตรารับรองเอกสารก็พอค่ะ" ฉันตอบกลับอย่างใจเย็น "ส่วนลายเซ็นของสามี... ฉันจัดการเอง"

คฤหาสน์มอเร็ตติเงียบสงัดจนผิดสังเกตตอนที่ฉันกลับไปถึง เหล่ายามที่เฝ้าประตูไม่แม้แต่จะกะพริบตารับรู้การมาของฉัน ฉันก็แค่สิ่งของไร้ตัวตนอีกชิ้นในโลกของเจมส์

ฉันมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงานของเขา ประตูแง้มอยู่เล็กน้อยพอให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา

แล้วฉันก็ได้กลิ่น

กลิ่นเห็ดทรัฟเฟิล

เจมส์ย้ำเสมอว่าเขาเกลียดกลิ่นรุนแรงในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม อาหารทะเล หรืออะไรก็ตามที่กลิ่นติดทน แต่ตอนนี้ในอากาศกลับคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมหวนของเห็ดทรัฟเฟิลขาวราคาแพงระยับ ของสำหรับคนพิเศษเท่านั้น

ฉันผลักประตูเข้าไป

เขาอยู่ตรงนั้น เจมส์ มอเร็ตติสามีของฉัน กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานในท่าทีผ่อนคลายอย่างที่ฉันไม่เคยได้เห็นยามเขาอยู่กับฉัน และเคียงข้างเขาก็คือวิกกี้ รอสซี่เพื่อนรักวัยเด็กของเขาที่เพิ่งกลับมาเมืองนี้หลังการหย่าร้างของเธอ

เธอกำลังป้อนขนมปังหน้าทรัฟเฟิลให้เขา ปลายนิ้วเธออ้อยอิ่งอยู่บนริมฝีปากของเขานานกว่าที่ควรจะเป็น

ในที่สุดเจมส์ก็เห็นฉัน รอยยิ้มบนใบหน้าเขาเลือนหายไปทันที

"โซเฟีย" น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "ไม่นึกว่าเธอจะกลับมาเร็ว"

วิกกี้หันมอง ริมฝีปากสีแดงสดของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวน "อ้าว โซเฟีย! เรากำลังกินขนมรองท้องกันน่ะ พอดีมันเหลือแค่สำหรับสองคน แต่ฉันมั่นใจว่าเราพอจะ…"

"ฉันไม่เป็นไร" ฉันพูดตัดบท ก้าวเข้าไปใกล้

ฉันเลื่อนเอกสารไปบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีขัดเงา เสียงกระดาษที่เสียดสีกันดังฝ่าความเงียบกริบในห้องทำงานเจมส์เหลือบมองเล็กน้อย แก้ววิสกี้ในมือชะงักค้างกลางอากาศ ดวงตาเขาหรี่ลง "นี่อะไร?"

"แบบฟอร์มความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยที่มหาวิทยาลัยต้องการลายเซ็น" ฉันรีบพลิกไปหน้าสุดท้าย

"สำหรับโครงการวิจัยของฉัน" ฉันกลืนก้อนเหนียวในลำคอ "เพราะตอนนี้คุณคือครอบครัวคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่"

ความจริงอันขมขื่นลอยอวลอยู่ระหว่างเรา พ่อแม่ฉันจากไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์อันน่ากังขาเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ผลักฉันเข้ามาในโลกของเจมส์ เขารู้ดีกว่าใครว่าฉันตัวคนเดียวมากแค่ไหน

เจมส์ขมวดคิ้ว "ไหนขอดู..." เส้นประสาททุกเส้นพลันขึงตึงราวกับสายเปียโน เขาไม่เคยขออ่านอะไร ปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นเอกสารอะไรจากมหาวิทยาลัย เขาก็จะเซ็นให้โดยไม่คิดจะมองซ้ำสอง

ทำไมต้องเป็นวันนี้? ทำไมต้องเป็นตอนนี้?

"โธ่ เจมส์คะ" วิกกี้หัวเราะเบา ๆ พลางลูบแขนเขา "คุณจริงจังเกินไปแล้ว! ก็แค่แบบฟอร์มธรรมดา จำไม่ได้เหรอคะว่าเดือนที่แล้วเราต้องเซ็นเอกสารงานกาล่าไปตั้งเยอะแยะ?"

ในฐานะทายาทแห่งรอสซี่เอนเตอร์ไพรส์ พันธมิตรทางธุรกิจคนสำคัญของตระกูลมอเร็ตติ วิกกี้จึงสามารถกลับเข้ามาอยู่ในโลกของเจมส์ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ ทุกวันนี้พวกเขาตัวติดกันตลอดเวลา ทั้งในงานประมูล งานเลี้ยงหรู หรือแม้แต่ในห้องเล่นโป๊กเกอร์ที่อบอวลด้วยควันบุหรี่อันเป็นที่ตกลงธุรกิจมืด ทุกย่างก้าวของเจมส์ในวันนี้ มักจะมีวิกกี้ในชุดเดรสหรูเคียงข้าง ราวกับทั้งสองเป็นของที่เกิดมาคู่กัน

เจมส์ลังเล ก่อนหยิบปากกาหมึกซึมขึ้นมาตวัดลายเซ็นอย่างรวดเร็ว ลายเซ็นเดียวกับที่เขาใช้เซ็นอนุมัติคำสั่งตายและปิดดีลธุรกิจพันล้าน

ฉันฉวยเอกสารกลับคืนมาก่อนที่เขาจะทันสังเกตเห็นหัวกระดาษที่พิมพ์ตัวหนาว่า "คำร้องขอหย่า"

วิกกี้ยิ้มเยาะ "พูดตามตรงนะเจมส์ คุณปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาว... มากกว่าภรรยาซะอีก"

เจมส์ไม่ปฏิเสธ เขาเพียงยกวิสกี้ขึ้นจิบ

ฉันหันหลังและเดินจากมา ก่อนที่ใครจะทันเห็นว่ามือฉันกำลังสั่นเทา

เมื่อประตูบานนั้นปิดลง

ฉันก็ได้รับอิสรภาพ

ขณะย่างก้าวผ่านโถงหินอ่อนในคฤหาสน์มอเร็ตติ ฉันกำเอกสารหย่าที่ลงนามไว้แน่น แม้หมึกอาจจะยังไม่แห้งสนิท แต่ชีวิตการแต่งงานของเรามันจบลงนานแล้ว

ฉันยังจำได้ว่าเจมส์เคยแตกต่างจากนี้แค่ไหน ยามที่ฝ่ามืออบอุ่นของเขาลูบไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังตอนที่เขาคิดว่าฉันหลับ ยามที่เขาดึงฉันเข้าไปในมุมมืดอย่างแสดงความเป็นเจ้าของในงานเลี้ยงของตระกูล และทาบทับริมฝีปากลงมาอย่างร้อนแรง

แต่ตอนนี้เขาแทบไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ

พ่อแม่ฉันเสียชีวิตตอนฉันอายุสิบหก ดอน มอเร็ตติประมุขของตระกูลในขณะนั้นรับฉันมาอุปการะเพื่อตอบแทนคุณพ่อฉัน อดีตคนขับรถผู้เคยรับกระสุนแทนเขา และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันต้องมาอาศัยอยู่ร่วมชายคากับเจมส์ มอเร็ตติ

เจมส์คือทุกสิ่งที่ฉันไม่ควรปรารถนา เย็นชา อันตราย ไร้ความปรานี เพียงอายุยี่สิบห้าเขาก็กุมอำนาจในองค์กรไปแล้วกว่าครึ่ง หน้าหนังสือพิมพ์ขนานนามเขาว่า "นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง" แต่คนในโลกมืดรู้ดีกว่านั้น

แรกเริ่มฉันพยายามรักษาระยะห่าง ทำตัวให้ไร้ตัวตน จนกระทั่งคืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อน วันที่เจมส์กลับมาบ้านในสภาพทั้งร่างเปรอะไปด้วยเลือดของคนอื่น

เขาเจอฉันตอนอยู่ในห้องครัวขณะกำลังทำแผลมีดบาดของตัวเอง บาดแผลอันเป็นของขวัญจากลูกน้องคนหนึ่งของพ่อเขา ผู้ที่มองว่าเด็กในอุปการะของเจ้านายเป็นเหยื่อชั้นดีที่เล่นงานได้ง่าย

เจมส์ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงรับอุปกรณ์ทำแผลไปจากมือที่สั่นระริกของฉัน และลงมือทำแผลให้ด้วยตนเอง วินาทีที่นิ้วโป้งของเขาสัมผัสโดนต้นขาด้านในของฉัน ฉันควรจะผลักไสเขาไป

แต่ฉันกลับรั้งเขาไว้ให้ชิดกว่าเดิม

เราแต่งงานกันในสามสัปดาห์ให้หลัง เจมส์เรียกมันว่าข้อตกลงทางธุรกิจเพื่อให้ความคุ้มครองแก่ฉัน และสร้างความชอบธรรมให้เขา ฉันเกือบจะหลงเชื่อคำพูดนั้น จนกระทั่งวิกกี้ รอสซี่กลับมาที่เมืองนี้ จู่ ๆ จำนวนการประชุมตอนดึกของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

วิกกี้ ทายาทหญิงแห่งตระกูลรอสซี่ อาณาจักรธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของตระกูลเธอมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับตระกูลมอเร็ตติและนับตั้งแต่เธอกลับมาหลังจากหย่าขาดกับสามีชาวฝรั่งเศส เธอก็กลายเป็นเงาตามตัวเจมส์ แทรกซึมเข้าไปทั้งในการประชุม ในรถ และในชีวิตของเขา

เหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้วคือฟางเส้นสุดท้าย

ฉันรอคอยเขาที่ร้านดันเต้นานถึงหกชั่วโมงเพื่อฉลองมื้อค่ำในวันครบรอบของเรา ร้านอาหารที่เจมส์เป็นเจ้าของในนามบริษัทบังหน้า สุดท้ายแล้วไมเคิลมือขวาของเขาก็ปรากฏตัวในเวลาเที่ยงคืน พร้อมด้วยสร้อยข้อมือเพชรและคำแก้ตัวที่ว่า “ติดปัญหาทางธุรกิจ”

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันได้เห็นภาพถ่ายในคอลัมน์ซุบซิบเป็นภาพเจมส์และวิกกี้ที่โรงละครโอเปร่า โดยมือของเธอซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อทักซิโด้ของเขา ในตำแหน่งที่เขามักใช้เก็บปืน

วินาทีนั้นเองฉันจึงเริ่มวางแผนเพื่ออิสรภาพ

เอกสารการหย่าร้างเปรียบเสมือนบททดสอบสุดท้ายของฉัน เจมส์ลงนามในนั้นโดยไม่ได้อ่าน เพราะมัวแต่ลุ่มหลงวิกกี้ที่คอยส่งสายตาและจุมพิตที่ลักลอบมอบให้

บัดนี้ขณะยืนอยู่ใจกลางโถงทางเข้าอันโอ่อ่าของคฤหาสน์ ฉันใช้นิ้วโป้งลูบไล้ตราประทับนูนของเจ้าพนักงาน ในอีกหนึ่งเดือน กระดาษแผ่นนี้คือตั๋วสู่อิสรภาพของฉัน

ไม่มีอีกแล้วกรงทอง ไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไป

ให้เจมส์จะครอบครองอาณาจักรของเขา ความโหดร้าย และวิกกี้ของเขาไปเถิด

ส่วนฉัน ปรารถนาแค่ได้ชีวิตของตัวเองคืนก็พอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คำหย่าหลังม่านน้ำตา   บทที่ 11

    เจมส์ยืนนิ่งราวกับต้องมนตร์สะกด นี่คือโซเฟีย มอเร็ตติ นักวิจัย ผู้รอดชีวิต... ผู้เปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนา ความสามารถ และความเป็นอิสระอย่างแรงกล้า ไม่ใช่ภรรยาผู้เงียบขรึมและว่านอนสอนง่าย ผู้ซึ่งเขาได้ผลักไสให้เป็นเพียงฉากหลังในโลกอันซับซ้อนและรุนแรงของเขา นี่คือผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดจะทำความเข้าใจความรู้สึกของเธอ ผู้ซึ่งเขาเคยมองข้ามความทะเยอทะยานของเธอ และผู้ซึ่งเขาได้ละเลยแก่นแท้ของตัวตนเธอมาโดยตลอด เขาไม่เคยเข้าใจเธอเลย ความจริงที่เพิ่งตระหนักได้นั้นถาโถมเข้าใส่เขารุนแรงไม่ต่างจากหิมะถล่มที่พัดพาเขามาที่นี่ เขาแต่งงานพร้อมกับข้อตกลงที่สะดวกสบาย กับเงาอันงดงาม และเขาเพิ่งจะได้เห็นผู้หญิงผู้ปราดเปรื่องและทรหดอดทน คนที่เขาปล่อยให้หลุดลอยไปจากเงื้อมมือโดยไม่มีวันหวนกลับ ก็ในตอนที่เธอกำลังเดินจากเขาและโลกของเขาไปอย่างเด็ดเดี่ยว ความเจ็บปวดรวดร้าวจากความตระหนักรู้นั้นช่างลึกซึ้ง เป็นบาดแผลที่บาดลึกยิ่งกว่าอาการบาดเจ็บทางกายใด ๆ ขณะที่โซเฟียหายลับเข้าไปในเต็นท์เก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมอง เศษเสี้ยวสุดท้ายของเกราะกำบังเก่าแก่ของเขาก็แหลกสลายเป็นผุยผง เกราะป้องกันที่สร้า

  • คำหย่าหลังม่านน้ำตา   บทที่ 10

    ถ้อยคำที่เจมส์ มอเร็ตติซักซ้อมมาตลอดการเดินทางแสนบ้าคลั่งบนเฮลิคอปเตอร์ ตลอดการค้นหาอย่างสิ้นหวัง และตลอดการรอคอยอันแสนสาหัส พลันละลายหายไปราวกับเกล็ดหิมะที่โปรยลงบนพื้นผิวร้อนฉ่า เมื่อได้มายืนอยู่ต่อหน้าโซเฟียท่ามกลางความโกลาหลหลังเหตุหิมะถล่ม สิ่งเดียวที่เล็ดลอดออกมาได้คือคำขอโทษที่เปลือยเปล่าและตะกุกตะกัก "โซเฟีย" เขาเริ่มเอ่ย น้ำเสียงแหบแห้งจากความหนาวเย็นและความอ่อนล้า "เรื่องที่เธอต้องเผชิญ... ฉันรู้แล้ว เรื่องท้อง... ฉันรู้ก็แล้ว" "พอสักที!" โซเฟียตัดบท น้ำเสียงเธอเฉียบคมราวน้ำแข็งขั้วโลก รอยยิ้มเย้ยหยันอันเปราะบางปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเธอ "คุณลงทุนบินข้ามโลกมาครึ่งใบเลยเหรอคะ คุณเจมส์ เพียงเพื่อจะมาเยาะเย้ยความโง่เขลาในอดีตของฉันเหรอ?" ถ้อยคำของเธอซึ่งถูกลับคมมานานหลายเดือนด้วยความเจ็บปวดและความเด็ดเดี่ยวอันเงียบงัน เชือดเฉือนเขาด้วยความแม่นยำดุจใบมีดศัลยแพทย์ เขาสะดุ้งโหยง คำกล่าวนั้นกระแทกกระทั้นไปถึงกระดูก "ไม่! พระเจ้า ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉัน... ฉันรู้ว่าฉันทำร้ายเธอมามากแค่ไหน ฉันผิดเอง ผิดอย่างมหันต์" แววตาของเขาซึ่งแดงก่ำจากการไม่ได้นอนมาสามสิบชั่วโมง อ้อนวอนเธอ "

  • คำหย่าหลังม่านน้ำตา   บทที่ 9

    หิมะที่ถล่มลงมาได้เปลี่ยนช่องเขาให้กลายเป็นสุสานแห่งหิมะและเศษเหล็กที่บิดเบี้ยว เจมส์ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทีมกู้ภัยมืออาชีพ ฝ่ามือเขาพุพองอยู่ใต้ถุงมือขณะที่เขาจ้วงสับลงบนน้ำแข็ง โลกของเขาตีบแคบลงเหลือเพียงจังหวะของขวานที่ยกขึ้น จามลง ขุดค้น... ทุกการเคลื่อนไหวคือการไถ่บาป ภาพความทรงจำดาหน้าเข้ามาจู่โจมเขาระหว่างการเหวี่ยงขวาน เสียงหัวเราะของโซเฟียดังอู้อี้อยู่ใต้หิมะที่โปรยปรายระหว่างทางไปเวอร์มอนต์ ท่วงท่าที่เธอเคยวาดสมการลงบนฝ่ามือเขาเพื่ออธิบายงานวิจัย และหยาดน้ำตาอันเงียบงันของเธอที่โรงพยาบาลในวันที่เขาอยู่กับวิกกี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งตะโกนใส่เขาเป็นภาษาเยอรมัน ชี้ไปที่ถุงมือที่เปื้อนเลือดของเขา เจมส์เมินเฉย ความเจ็บปวดนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่บีบรัดรอบปอดเขา ความหวาดกลัวที่ว่าเขาได้ฝังเธอทั้งเป็นมานานก่อนที่ภูเขาลูกนี้จะทำ แสงสนธยาหลั่งรินสู่รัตติกาล ภาพเบื้องหน้าของเจมส์พร่าเลือนด้วยความอ่อนล้า ปลายนิ้วของเขาชาหนึบอยู่ใต้ผ้าพันแผลที่หน่วยแพทย์บังคับพันให้ เขาแทบไม่รับรู้ถึงความโกลาหลใกล้ ๆ จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังแทรกผ่านม่านแห่งความสับสนวิปลาสของเขา "คัด

  • คำหย่าหลังม่านน้ำตา   บทที่ 8

    ร่างทั้งร่างของเจมส์ มอเร็ตติแข็งทื่อไปกับถ้อยคำของนักศึกษาสาว "เสียลูก?" คำพูดนั้นมีรสชาติราวกับเศษแก้วอยู่ในปากเขา นักศึกษาสาวผมสีน้ำเงินจ้องมองเขาอย่างเกรี้ยวกราด มือของเธอกำตำราเรียนไว้แน่น "มีไอ้สารเลวคนหนึ่งทำเธอท้องแล้วก็หายหัวไป ไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาตอนที่เธอหมดสติ" แต่ละพยางค์ดังสะท้อนก้องราวกับเสียงปืนในลานกว้างอันเงียบสงบ โซเฟียกำลังตั้งท้องลูกของเขา ภาพในโรงพยาบาลฉายวาบขึ้นมาในหัว... ใบหน้าซีดเซียวของโซเฟียในลิฟต์ กระดาษที่ถูกขยำไว้ในกำมือเธอ ส่วนเขาน่ะเหรอ? กำลังควงวิกกี้ไปตามนัดตรวจครรภ์ของเธออย่างกับสุภาพบุรุษผู้ประเสริฐ "ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" ถ้อยคำถูกเค้นผ่านลำคอที่แห้งผากของเขา ริมฝีปากของนักศึกษาสาวเม้มเป็นเส้นตรง "ไปแล้วค่ะ เดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว" สวิตเซอร์แลนด์ ใบสมัครที่เขาเคยเยาะเย้ย หิมะที่เขาเคยอ้างว่าเธอจะต้องเกลียด ทุกถ้อยคำดูแคลนในวันนั้น บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นคมมีดที่บิดคว้านอยู่ในท้องเขา เที่ยงคืนนั้น เจมส์หมกตัวอยู่ในห้องทำงานบนเพนต์เฮาส์ของเขา สั่งการเสียงกร้าวผ่านโทรศัพท์เพื่อทำลายทุกอุปสรรคและขั้นตอนอันยุ่งยาก เมื่

  • คำหย่าหลังม่านน้ำตา   บทที่ 7

    ปลายนิ้วของเจมส์ มอเร็ตติสั่นระริก ขณะไล้ไปบนตราประทับดุนนูนของเอกสารการหย่า ฝ่ามือของวิกกี้ทาบลงบนบ่าเขา "เจมส์คะ ก็แค่เรื่องงี่เง่าของเด็กมหาลัย เดี๋ยวเธอก็คลานกลับมา..." "ผมมีภรรยาแล้ว" ถ้อยคำคำรามลอดลำคอของเขาราวกับเสียงปืน เขาผลักเธอออกไปอย่างแรงจนร่างเธอกระแทกแจกันคริสตัลแตกกระจาย เศษแก้วกระจายเกลื่อนไปบนพื้นหินอ่อน ไม่ต่างจากเศษเสี้ยวชีวิตแต่งงานของเขาที่แหลกสลาย อากาศเย็นเฉียบปะทะเข้าที่ใบหน้าตอนที่เขาพรวดพราดออกไปข้างนอก รถเมอร์เซเดสของเขาคำรามลั่น พวงมาลัยสั่นสะเทือนอยู่ภายใต้มือที่บีบแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ประตูรั้วมหาวิทยาลัยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เจมส์สาวเท้าอย่างรวดเร็วผ่านกลุ่มนักศึกษาที่กำลังหัวเราะร่า กระเป๋าเป้ของพวกเขาหนักอึ้งไปด้วยตำราเรียนและอนาคต เขาสะท้านในอกเมื่อตระหนักได้อย่างน่าชังว่าตนเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าห้องทดลองของโซเฟียอยู่ห้องไหน ไม่รู้จักชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ ไม่เคยเอ่ยถามถึงงานวิจัยของเธอเลยสักครั้งเดียว "ห้องแล็บชีววิทยาเหรอครับ?" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองชุดสูทยับยู่ยี่ของเขาด้วยสายตาดูแคลน "พวกนักศึกษาปริญญาโทเก็บของย้ายออกไปหมดตั

  • คำหย่าหลังม่านน้ำตา   บทที่ 6

    รถเมอร์เซเดสหักหลบอย่างรุนแรงขณะที่เจมส์เกือบพุ่งชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ เสียงตะโกนด่าทออย่างเกรี้ยวกราดของคนขับทะลุผ่านหน้าต่างที่ปิดสนิทเข้ามา แต่เจมส์ไม่แม้แต่จะสะดุ้ง ข้อนิ้วเขาขาวซีดอยู่บนพวงมาลัย หนังที่หุ้มพวงมาลัยลั่นเอี๊ยดภายใต้แรงบีบของเขา "เจมส์!" มือที่ตกแต่งเล็บอย่างสวยงามของวิกกี้ทาบลงบนอก สร้อยข้อมือเพชรของเธอกระทบกับแผงคอนโซลหน้ารถ "ช่วงนี้คุณเป็นอะไรไปคะ? คุณลืมเรื่องนัดดูหนังของเรา แล้วนี่ยังจะพยายามฆ่าเราสองคนอีกเหรอ?" เขาไม่ได้มองเธอ "ผมเหนื่อย คุณไปกับเพื่อน ๆ คุณเถอะ" ถ้อยคำนั้นไร้ความรู้สึกและเอ่ยออกมาโดยอัตโนมัติ จิตใจเขาล่องลอยไปที่อื่น... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อความสุดท้ายที่โซเฟียส่งหาเขาเมื่อเกือบหนึ่งเดือนก่อน เป็นข้อความเรียบง่ายว่า "ที่แล็บเลิกดึก ไม่ต้องรอนะ" หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกเลย ไม่มีการโทร ไม่มีการส่งข้อความ วิกกี้พ่นลมหายใจอย่างขัดใจ พลางเติมลิปสติกขณะส่องกระจกแต่งหน้า "คุณเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่โซเฟียหมกตัวอยู่แล็บล้ำค่าของเธอนั่นแหละค่ะ เอาจริง ๆ นะ เธอก็แค่งอนที่คุณใช้เวลาอยู่กับฉันมากกว่า" สันกรามของเจมส์ขบเกร็งขึ้น มันไม่สมเหตุสมผลเลย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status