เข้าสู่ระบบ@จุดรวมพล
เสียงรองเท้าหนังที่กระทบกับพื้นกระเบื้องก่อนที่ประตูกระจกจะถูกผลักเข้ามาทั้งที่คนด้านในยังไม่ทันได้อนุญาติส่งผลให้ดวงตาคมกริบตวัดมองอัตโนมัติ ตามด้วยลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาพรืดใหญ่ ไร้มารยา ข้ามหัวแบบนี้มีคนเดียวเลย “ทำหน้าเข้มเชียวนะเฮีย เมียเฮียไม่โอเคเหรอ?” เสียงหยอกล้อดังจากริมฝีปากหยักได้รูปของเจ้าของดวงหน้าหล่อเหลา ทะเล้น ทว่ามีเสน่ห์ใช่เล่นอย่างไบรอัน “ปากดีเหมือนรู้ทุกอย่างเลยนะ” “ไอ้ไบรท์น้องใครกันล่ะครับ ก็ต้องฉลาดให้ได้ครึ่งของเฮีย ถึงจะเป็นน้องชายเฮียได้ไง ใครจะยอมให้เฮียลันเสียหน้ากัน” “กวนตีนได้ใจกูจริงๆ” อลัน พ่นคำพูดที่เคยชิน ถึงอย่างนั้นไอ้แสบไบรอันก็ยิ้มกว้าง มันไม่เคยโกรธ ไม่เคยงอแง ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยถ้าคนที่พูดคือเขา แค่เขาเท่านั้นที่พูดมันได้ เพราะถ้าเป็นคนอื่น มันก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เรียกผมมามีอะไรให้รับใช้เหรอครับ” “นัดแองจี้ให้หน่อย” “แองจี้… ผู้จัดการดารา?” “อ่า พามาเจอ มีเรื่องจะคุย” “อะไรอ่ะ คือเจอแล้วปิ๊งเลยงี้ปะ คือผมก็เห็นนะว่าเฮียมองสาว แต่ระดับเฮีย แค่กระดิกนิ้วสาวก็วิ่งเข้าหาแล้วปะ” คือไอ้ไบรท์งงกับการกระทำของเฮียมากเลยนะ ชอบอะไรขนาดนั้น เหมือนชอบมาก มากแบบมากจริงๆ ทว่าอลันถอนลมหายใจออกมาทันที สบตากับน้องตัวดีที่ความจริงแล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเท่านั้น ไม่ใช่คนที่คลานตามกันมาแบบท้องแม่เดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ค่อนข้างสนิท สนิทมากไม่ต่างจากพี่น้องกันจริงๆ “ผู้หญิงที่เฮียเล็งอ่ะ ชื่อข้าวฟ่าง เป็นเด็กในสังกัดของคุณแองจี้นั่นแหละ เขาสวยมากเลยนะ เข้าวงการด้วยการเล่นเอ็มวีเพลง เหมือนจังหวะชีวิตอ่ะ ตอนนั้นนักร้องเจ้าของเพลงก็คือเฉยๆ ไม่ได้ดังมาก แต่เพลงนี้ดันแมทช์ นางเอกเอ็มวีสวย ทุกอย่างมันเลยปังไปด้วยกัน จากนั้นคุณแองจี้เลยทาบทามไปเป็นเด็กในสังกัดตัวเอง เด็กเขาเยอะ บางทีเด็กที่มีก็มากกว่างานที่ได้ แต่ตอนนี้คนที่เฮียเล็งเขาฮอตนะ เท่าที่ดูๆ น่าจะมีเสี่ยเลี้ยงสายเปย์ทาบทามบ้างแหละ” “กูรู้แล้ว” “อ้อเหรอ…” ไบรอันยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะถามต่อทันที “แล้ว… เฮียจะลองลงสนามปะล่ะ” “เมียกู คือกูต้องลงสนามด้วย?” “แหมๆ ออกตัวแรงจัด ได้กันสองสามครั้งไม่เรียกเมียนะครับ ไม่งั้นมีเมียเป็นร้อยมั้งเฮียอ่ะ” มองหน้าหล่อๆ ของเฮียด้วยสายตาไม่เชื่อ ไม่อยากเชื่อโว้ยว่าเฮียจะเป็นคนแบบนี้ “กูไม่ใช่มึง” “เรียบร้อย ตอบกลับเสียงดังฟังชัดกระแทกหน้าไอ้ไบรท์อย่างจังเลยครับ” ไบรอันยิ้มมุมปาก เฮียอลันไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยเสียอาการเพราะผู้หญิงคนไหน ไม่เคยมองใครนานๆ แต่วันนั้นเหมืือนจะเมา ก็มีนัดแฮงค์เอ้าท์กันบ้างตามประสาผู้ชาย ที่ผับวันนั้นดันมีคนกลุ่มหนึ่งจัดปาร์ตี้วันเกิด ก็ตามนั้นแหละ เจ้าของวันเกิดสวยมาก ดีกรีดารานางแบบ หน้าสวย หุ่นเป๊ะ ผิวเหมือนคนกินกลูต้าจนเข้าเส้น สว่าง โดดเด่น กระแทกใจเฮียอลันอย่างจัง ตอนแรกก็แอบมองอยู่ห่างๆ แต่คุ้นๆ เหมือนทางนั้นจะมีปัญหา ดาราที่กำลังฮอตๆ และเผลอดื่มจนเมาคงเพราะอยากปลดปล่อยในวันเกิด ตอนนี้รู้ตัวหรือยังก็ไม่รู้ว่าวันนั้นมีใครบางคนรวมหัวกันทำบางอย่าง คนเราอ่ะ ถ้าได้มีความลับ บางทีเรื่องของผลประโยชน์มันก็อาจจะเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย เรื่องนี้มีเงื่อนงำแน่นอน “นัดแองจี้ให้ด้วย” “ได้นะครับ ไว้ผม…” “วันนี้!” อลันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำ ทำคนที่มีลีลาแพรวพราวระบายรอยยิ้มได้กว้างกว่าเดิม “เฮียอ่ะ… คิดถึงสาวอ่ะดิ” “อย่ารู้เยอะ” “รู้เยอะตรงไหน รู้นิดเดียวเนี่ย รู้ว่าแอบมอง รู้ว่าพาขึ้นห้อง รู้ว่าเฮียเรียกเขาว่าเมีย” “อย่าปากโป้ง ไม่งั้นมึงเจอ” “เฮียไม่ขู่ ผมก็เจอ” “ใช่มึงเจอ” “เจอเฮียอยู่กับสาว วันต่อมาเฮียเรียกเขาว่าเมีย?” “เจอตีนกูเนี่ยแหละ” “โหย… เฮียก็รู้ว่าผมไม่สู้ หยอกนิดหยอกหน่อยกะใส่เดี่ยวตลอด เอาเป็นว่าผมจะนัดแองจี้ให้ ว่าแต่… เฮียคิดจะทำอะไรเหรอครับ” “ไม่ต้องรู้สึกเรื่องได้ไหม” “งั้นบอกเฮียเลอร์สืบแทนดีไหม?” เฮียเลอร์ที่หมายถึง ‘ไคเลอร์’ พี่ใหญ่สุดในบรรดาเราสามคนที่สนิทกันมากๆ อันที่จริงก็โสดสาม แต่เหมือนจะมีบางคนใจบางเพราะเจอสาวถูกใจ “เก็บมัน!” “เฮียไม่อ่อนโยนอ่ะ! นี่น้องนะเว้ย” รู้ว่าเฮียลันแม่งมาเฟียใหญ่ จะสั่งสอนใครแค่กระดิกนิ้วก็ได้แล้ว ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาซ่อนความร้ายกาจเอาไว้จริงๆ ด้วย “เฮีย นี่ลูกน้องเฮียกะอุ้มผมจริงๆ นะเว้ย” ไบรอันเริ่มลนลานเมื่อ ‘แซม’ มือขวาคนสนิทของเฮียเริ่มขยับตัว ใครไม่กลัวแต่ไอ้ไบรท์กลัวครับ ใครจะไปอ่านใจเฮียลันออกวะ ไม่มีหรอก ไม่เคยมี! “มึงจะนัดแองจี้ดีๆ หรืออยากนัดด้วยน้ำตา” “เฮียอ่ะ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้ นี่น้อง” “ต้องอุ้มไปคุยไปไหมครับ” แซมแซวน้องชายของเจ้านายด้วยรอยยิ้ม แค่เฮียลันสั่ง มือก็พร้อมลั่นตลอดเวลา “ถ้าจะรุมกันขนาดนี้นี่นะ” “มึงจะสู้?” “ถ้าอยากมีชีวิตแบบอยู่รอดปลอดภัยก็ต้องยอมสิครับ ยอมตามระเบียบเลย” อลันยกยิ้มทันที เช่นเดียวกับลูกน้องคนสนิทที่ยิ้มตาม ใครจะไปคิดกันว่ามาเฟียผู้มีอิทธิพลล้นมือ ทำธุรกิจหลายอย่างที่มีทั้งขาวและดำ เมื่อก่อนไม่เคยปรายตามองใครอย่างเฮียอลัน มาตอนนี้กลับสละเวลาอันมีค่ามาสนใจเรื่องสาว แล้วคนอย่างเฮียอ่ะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่เคยมีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้ เรื่องนี้ก็คงเช่นกัน! อีกด้าน “…อะไรนะคะพี่แองจี้ ลูกค้าปลดฟ่างเหรอคะ ทำไมล่ะคะ มันเกิดอะไรขึ้น หรือเขารู้เห็นอะไรมา” มือเรียวที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นเพิ่มแรงบีบที่มากกว่าเก่า วันนี้ทั้งวันเธอไม่เป็นอันทำอะไรเลย เฝ้าเปิดโทรศัพท์ ส่องไอจี ส่องโซเชียล เพราะกลัวจะมีข่าวภาพหลุดหรือคลิปหลุดดารานางแบบอักษรย่อขอไข่ ซึ่งก็เป็นเธอ ทั้งที่ดูแล้วไม่เจออะไร แต่ก็อดประสาทเสียไม่ได้ ไหนจะคำพูดของผู้ชายคนนั้นที่เคยพูดเอาไว้ เธอไม่สามารถวางใจอะไรได้เลย ทั้งที่เขาเฉย แต่ก็เหมือนจะยังอันตรายอยู่ เหมือนอย่างตอนนี้ที่อยู่ๆ เธอก็โดนปลดแบบฟ้าผ่าทั้งที่ไม่กี่วันข้างหน้ากำลังจะได้เริ่มงาน “ฟ่างไปมีเรื่องกับใครไว้ไหม?” “มีเรื่องงั้นเหรอคะ” “ฟ่างต้องพยายามนึกดีๆ ว่าไปมีเรื่องกับใครไว้หรือเปล่า ถ้ารู้แล้วฟ่างต้องคุยนะ ต้องรีบไปเคลียร์กับเขาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และก่อนที่งานชิ้นนี้จะหลุดมือ” ————————- นิสัยเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ของเฮียลัน ต้องให้ข้าวฟ่างมาปราบเท่านั้น 555555555ภายในห้องตรวจที่อุณหภูมิเย็นจัด และไม่รู้ว่าความหนาวหรือว่าเขากำลังตื่นเต้นกันแน่ที่ทำให้หัวใจแกร่งเต้นแรงในตอนนี้ ไคเลอร์จับจ้องที่หน้าจอที่กำลังเคลื่อนไหว คุณหมอกำลังทำอัลตร้าซาวด์ กำลังดูการเคลื่อนไหว และการเจริญเติบโตของเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในครรภ์ ดูจังหวะการเต้นของหัวใจ หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่เองมันก็เต้นตาม “ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อและคุณแม่ด้วยนะคะ คุณได้ลูกสาวค่ะ” สูตินรีแพทย์เอ่ยออกมาเมื่อรู้เพศที่แท้จริง สิ่งนั้นเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพ่อและแม่ได้ในทันทีเช่นกัน “ลูกสาวผมแข็งแรงดีใช่ไหมครับคุณหมอ” คุณพ่อที่ได้ลูกสาวรีบเอ่ยถาม ในขณะที่มืออีกข้างกุมมือเมียรักเอาไว้แน่น “แข็งแรงดีค่ะ น้ำหนักตัวของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ถือว่าคุณแม่บำรุงเจ้าตัวน้อยได้ดีทีเดียวเลยค่ะ” คนถูกชมยิ้มกว้าง เธอน่ะอยากจะบอกออกไปทันทีว่าที่ทุกอย่างมันดีแบบนี้มันไม่ได้เป็นเพราะเธอแค่คนเดียว แต่เป็นเพราะพ่อของลูกด้วยที่เขาคอยเอาใจใส่ ดูแลเรื่องอาหาร เขาหาข้อมูลทุกอย่างเพียงเพราะอยากดูแลเธอให้ดีที่สุด“ช่วงไตรมาสที่สองคุณแม่จะไม่มีอาการแพ้ท้องแล้ว หมอแนะนำให้อาหารแต่ละมื้อให้จัดเตรียมให้ครบห้าหมู่นะคะ ไม่
พลอยชมพูอมยิ้มออกมาอย่างชอบใจในตอนที่มองพ่อของลูกลงมือบีบนวดที่ขาของเธอ นิ้วยาวทั้งห้าวางขย้ำลงเบาๆ ไม่ทิ้งน้ำหนักมากจนเกินไปเพราะกลัวว่ามันจะทำให้เธอเจ็บแล้วผิวช้ำ นอกเหนือจากการระมัดระวังเรื่องการลงแรง ก็เห็นจะเป็นการอดทนต่อความรู้สึกของตัวเองที่มันกำลังทำให้เขารวนอยู่ในตอนนี้ บ่อยครั้งที่พ่อของลูกหายใจติดขัด และหลายครั้งที่เขาเลือกที่จะเบือนหน้าหนี ปล่อยให้มือสัมผัสอยู่แบบนั้น แต่สายตาไม่กล้าจับจ้อง ราวกลับกลัวว่าจะต้านทานความรู้สึกของตัวเองไม่ไหวยังไงยังงั้น“พี่เลอร์ ขยับขึ้นมาบีบด้านบนอีกหน่อยได้ไหมคะ มันปวดตรงต้นขามากเลยค่ะ” “ให้ขยับขึ้นด้านบนอีกเหรอ” “ใช่ค่ะ ขยับขึ้นมาเลย พลอยเมื่อยมาก” คนฟังลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ในเมื่อเธอออกคำสั่ง เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว แค่เธอบอกว่าเมื่อย เขาก็พร้อมที่จะนวด และบ่อยครั้งที่เผลอลูบแทนการนวด มันเป็นอะไรที่โคตรยากสำหรับเขาเลย “พี่เลอร์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงหายใจแรงแบบนั้นล่ะ” ไคเลอร์เลือกที่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ “เหนื่อยไหมคะ อยากให้พลอยนวดให้พี่คืนไหม” เธอถามตาใส รู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังเล่นใหญ่แกล้งเขา
ความสบายใจถาโถมเข้าใส่จนคนตัวเล็กระบายรอยยิ้มออกมาจนได้ พลอยชมพูกอดคอพ่อของลูกเอาไว้แน่น แค่ได้พูดออกมามันกลับทำให้เธอสบายใจมากกว่าที่คิด หากรู้แบบนี้เธอคงบอกเขาตั้งแต่แรก ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องคิดมากอยู่แบบนั้นแน่นอน “พลอยไม่รู้ว่าตอนที่พี่เลอร์ไปทำงาน พี่จะเจอใครบ้าง” “หึงหวงพี่?” คนถามยิ้มมุมปาก เชื่อเถอะว่าเขาไม่ได้อึดอัดหรือลำบากใจแบบที่เธอกลัวแน่ เขารู้สึกดีมากต่างหากที่เธอรู้สึกแบบนี้ เพราะมันเป็นคำตอบว่าในหัวใจของเธอมันมีเขาจริงๆ “ก็ตอนนี้พลอยท้องอยู่ ทุกอย่างมันไม่ได้ดูดีเหมือนเดิมแล้ว” อาจจะเป็นรูปร่าง หรืออะไรหลายๆ อย่างที่มันเปลี่ยนแปลงไป เธอรู้ว่าผู้ชายทุกคนไม่ได้คิดแบบเดียวกัน และไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคน แต่ก็อย่างที่เธอบอกความรู้สึกพวกนี้มันเกิดขึ้นมาเองเธอพยายามที่จะหลีกเลี่ยงแล้วแต่เธอทำไม่ได้ “วันที่พี่เสียใจที่สุด คือวันที่พี่ปล่อยให้พลอยหลุดมือ พี่เกือบสูญเสียผู้หญิงที่พี่รักไปพร้อมกับลูกแท้ๆ ของพี่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้พี่เสียใจมากที่สุด และในเมื่อมันเป็นแบบนั้นพี่จะปล่อยให้ผู้หญิงที่พี่บอกว่ารักเสียใจเพราะการกระทำของพี่ได้ยังไง” “……”“ตอนนี้พลอยไม่ได้เป็นแค่เม
@คอนโดมิเนียมของไคเลอร์ คนที่แอบน้อยอกน้อยใจไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ตั้งแต่ตอนที่พ่อของลูกหายออกไปจากห้อง ทั้งที่พยายามบอกตัวเองและเตือนสติตัวเองอยู่ตลอดว่าเขาแค่ออกไปทำงาน แต่เธอกลับไม่สามารถข่มความคิดเอาไว้ได้เลย ร่างบอบบางดันตัวลุก ก่อนจะขยับตัวไปเปิดไฟบริเวณหัวเตียงจนภายในห้องนอนส่องสว่าง ใบหน้าที่ถูกกระทบด้วยแสงไฟขาวจัดกว่าเก่า ในขณะที่ในแววตาฉายความรู้สึกทุกอย่างออกมาอย่างชัดเจนเช่นกัน พลอยชมพูขยับตัวลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า คว้าโทรศัพท์มือถือมาปลดล็อกเพื่อดูเวลาบนหน้าจอ ทุกอย่างยังคงว่างเปล่าไม่มีข้อความจากพ่อของลูกส่งมาถามไถ่กัน เขาอาจจะวุ่นวายและติดธุระอยู่กับเรื่องงาน หรือบางทีก็อาจจะมีอย่างอื่นที่น่าสนใจมากกว่าเธอ ความคิดมากกระตุ้นให้ธารน้ำตาให้ตีตื่นขึ้นมาจนได้ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างที่หายไปเพียงแค่ในตอนนี้มีเธออยู่ในห้องชุดหรูตามลำพัง เธออยากให้เวลามันเดินเร็วมากกว่านี้ อยากให้เขารีบกลับมา อยากเรียกร้องให้เขากลับก่อนเวลาด้วยซ้ำ แต่เธอกลับไม่กล้าพอ กลัวว่าหากเข้าไปก้าวก่ายมากเกินไปมันจะทำให้ทุกอย่างแย่ไปมากกว่าเดิม มือบางลวงตาวางโ
ดวงตากลมสวยกระพริบถี่ๆ ในยามที่มองพ่อของลูกแต่งตัวที่หน้ากระจก จังหวะที่ไคเลอร์ฉีดน้ำหอมลงบนร่างกายเป็นตอนที่พลอยชมพูหันไปมองเวลาบนนาฬิกาแขวนผนัง ตอนนี้มันสี่ทุ่มกว่า เป็นเวลาที่เราควรพักผ่อนด้วยกันบนเตียงเหมือนทุกๆ วัน แต่วันนี้พ่อของลูกกลับมีงานที่ต้องไปจัดการ “วันนี้จะกลับตอนกี่โมงคะ” ที่จริงเธอไม่ได้อยากตั้งคำถามนะ เพราะระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากที่เราสองปรับความเข้าใจกัน ไคเลอร์ให้เวลาเธอมาโดยตลอด ทั้งดูแล เอาใจใส่ ให้เวลามากที่สุดเท่าที่เขาจะให้ได้ จากที่ตอนแรกคิดว่าเพียงพอและคงเข้าใจเขาได้ไม่ยากในเรื่องงานที่เขาทำ แต่ในจังหวะที่คนรักต้องออกไปทำงานจริงๆ เธอเองกลับมีความรู้สึกว่าที่ผ่านมามันยังไม่พอ เธอโลภมากกว่านั้น อยากได้เวลาจากเขามากกว่านั้น อยากรั้งตัวเขาให้อยู่กับเธอ อยู่ในสายตากันตลอดเวลา เขาออกไปทำงานแต่ละวัน จะเจอใครบ้าง และเขาจะเผลอถูกใจใครหรือเปล่า เธอรู้ว่าเรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้ง่ายมาก รู้ว่าต้องใช้ความเชื่อใจ เพราะเวลาแบบนี้เธอกลับห้ามความคิดที่มันรบกวนอยู่ในตอนนี้ไม่ได้“น่าจะกลับเช้าเลย พลอยนอนได้เลยนะ ไม่ต้องรอพี่” คนบอกพับแขนเสื้อเชิ้ตลวกๆ ทั้งที่เขาฉีดน้ำห
“ให้วินช่วยล้างไหมเฮีย” คาลวินเดินตามพี่ชายเข้ามาในห้องครัว และยังอดที่จะอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นคนตัวโตเริ่มปรับตัวเป็นทั้งสามีและพ่อที่ดี ต่อให้จะเป็นภาพที่แปลกตามากแค่ไหน แต่มันก็น่ารักมากอยู่ดี “ไม่ต้อง” “วินอาจจะล้างสะอาดกว่าเฮียก็ได้นะครับ” “มีธุระอะไรก็พูดมาเลย ไม่ต้องมาเซ้าซี้ กูรำคาญ หรืออยากให้คิดบัญชีที่มึงปั่นกูจนหัวหมุน” ไคเลอร์ปรายสายตามองคนที่กำลังคุยด้วย ที่จริงก็ปล่อยผ่านได้นั่นแหละ ไม่ได้ติดอะไรทั้งนั้น เพียงแค่พอเจอหน้ามันก็อดที่จะพูดไม่ได้แค่นั้นเอง“เฮียโกรธวินมากเหรอครับ”“แล้วสิ่งที่มึงทำกับกู กูควรรักมึงมากขึ้นงั้นเหรอ?”“แล้วถ้าวินบอกว่าขอโทษล่ะครับ” คำพูดของคาลวินส่งผลให้คนตัวโตกว่าชะงัก คิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากันทันที“มึงว่าไงนะ”“วินอยากขอโทษเฮียครับ ขอโทษทุกเรื่องเลย วินรู้นะว่าวินทำเกินไป ทั้งที่ควรเข้าข้างพี่ชายตัวเอง แต่วินกลับไม่ทำ” พูดไปยิ้มไป และถ้าให้พูดตามความรู้สึกจริงๆ หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้อยู่ดี “แล้วยังไงต่อ?”“วินมาขอโทษครับ ขอโทษที่ทำให้เฮียคิดมากหลายวัน”“แต่กูคิดมากเป็นเดือน”“อ้าวเหรอครับ หรือวินนับวันผิดนะ”“มึงกว







