Share

บทที่ 32 ขโมย

last update Last Updated: 2025-06-23 00:00:07

หลี่เฟิ่งเซียนหันมองเขา ตัดสินใจทดสอบว่าตัวเองเป็นคนเลวแบบจ้าวเหลียงด้วยหรือไม่ นางทิ้งผ้าห่มของตน 

“ข้าจะนอนกับเจ้า”

พูดแล้วนางก็นั่งลงข้างเขาไม่รอคำตอบ กอดแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้และหลับตา ทิ้งตัวไปที่เขาเต็มที่ นางช่างเฉลียวฉลาดและมีความรู้ความสามารถในการรบกวนมู่เฉินเสมอ ยามที่นางอยู่ชิดกับตัวเขา หลี่เฟิ่งเซียนได้กลิ่นเปลือกไม้จางๆจากตัวเขา สิ่งนั้นยิ่งทำให้นางมั่นใจว่านางต้องการหอมแก้มของเขา อยากจะกินเต้าหู้เขาสักครั้งสองครั้ง

‘นี่ข้าก็เป็นคนเลวไม่ต่างจากจ้าวเหลียงหรือ’ นางถามตัวเองและพยายามกดข่มความรู้สึกนั้นไว้

ลู่มู่เฉินตกใจไม่พอ เขายังไม่รู้ว่าควรจะโต้ตอบเหตุการณ์เช่นนี้อย่างไรดี จะขยับตัวก็ไม่กล้า จะหันไหล่ให้นางซบดีๆนางจะได้ไม่ปวดคอก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้หัวใจของเขากำลังจะกระโดดกระดอนออกมาจากอกให้ได้ หากหันไปนางต้องรู้แน่ว่าหัวใจของเขากำลังทุบทะลวงอยู่ด้านในอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงหลับตาลง พยายามสงบใจ 

ผ่านไปจนเย็นเมื่อรถม้าหยุดลง ทั้งคุณหนูใหญ่และท่านเขยต่างไม่ยอมลงจากรถม้า จ้าวเหลียงหาที่พักชั่วคราว สั่งให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ต้องใส่ใจเรียกพวกเขาลงมา 

เมื่อแสงจันทร์ส่องออกมากลางท้องฟ้า ท่ามกลางป่าเขาอันเงียบสงบ หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆลืมตาตื่น นางรู้สึกปวดเมื่อยคอไปหมด ไหล่ข้างหนึ่งอบอุ่น แต่อีกข้างกลับหนาวเหน็บ นางจึงขยับตัวคิดว่าจะควานหาดึงผ้าห่มมาห่ม

“เจ้าหนาวหรือ” เสียงแหบต่ำของลู่มู่เฉินดังขึ้นที่ข้างหู

หลี่เฟิ่งเซียนรีบหันไป แสงจันทร์สาดส่องผ่านกระดาษบุผนังรถม้าเข้ามารำไร นางเห็นไม่ชัดเจน แต่ยังรู้ว่าคนข้างๆเป็นใคร หน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันไม่ถึงครึ่งชุน ความอบอุ่นที่แผ่จากร่างของเขามาสู่นาง ทำให้หลี่เฟื่งเซียนรู้สึกร้อนรุ่ม

“เดี๋ยวข้าหาผ้าห่มให้เจ้า” เขาอาสา ทำท่าจะลุกขึ้น

แต่หลี่เฟิ่งเซียนผลักเขาให้กลับไปนั่งที่เดิม นางชันเข่าข้างหนึ่ง ยกสองมือกักขังเขาเอาไว้ชิดผนัง 

‘ไม่อาจห้ามใจได้’ คำพูดของจ้าวเหลียงลอยผ่านความทรงจำ

ก่อนที่นางจะค่อยๆโน้มตัวลงไปใกล้ ขโมยหอมแก้มเขาครั้งหนึ่ง ถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อดูว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่เห็นเขายังอยู่เช่นเดิม นางตัดสินใจว่าเขาคงไม่ได้รังเกียจ จึงขยับเข้าไปใกล้อีกครั้ง ขโมยหอมแก้มอีกข้างของเขาด้วยเสียเลย

หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนทำเสียงโครมครามจนใกล้จะทะลุอกออกมา นางหอมแก้มเขาไปสองครั้งเขาก็ยังคงอยู่นิ่ง นางไม่รู้ต้องทำเช่นไรต่อไป 

“ข้าจะออกไปหาอะไรรองท้อง” นางแก้ตัวไปเช่นนั้น แต่เสียงของนางสั่นเครืออย่างห้ามไม่ได้ หลี่เฟิ่งเซียนอับอายในความไร้ประสบการณ์ของตัวเอง เขายังคงนิ่งเงียบ นางจึงรีบถอยและตะเกียกตะกายหนีออกจากรถม้า

คืนนั้นหลี่เฟิ่งเซียนไม่กล้าเข้าไปนอนในรถม้าอีก แต่นางกลับไปแย่งผ้าห่มของจ้าวเหลียง นอนข้างกองไฟกับพวกยู่ยี่และอาหง 

ส่วนลู่มู่เฉิน เขายังคงนั่งอยู่ท่าเดิมทั้งคืนราวกับถูกสาปให้เป็นรูปปั้นหิน เริ่มแรกเขานึกว่าเขาอาจไม่สามารถขยับได้อีก แต่พอเช้า เมื่อจ้าวเหลียงมาเรียกให้เขาออกไปฝึกดาบ เขากลับยังคงพูดตอบโต้กับจ้าวเหลียงได้ปกติ

ที่แท้หลี่เฟิ่งเซียนพยายามหลบหน้าเขา จึงสั่งให้จ้าวเหลียงมาสอนเขาฝึกวรยุทธ์ ทั้งนางยังสั่งให้หยวนหยวนต้มน้ำแกงให้เขาตอนเช้าด้วย เพราะนางกลัวว่าเขาจะกลับไปผอมแห้งเช่นเดิม นางเป็นห่วงเขาแต่กลับพยายามหลบหน้า 

ตลอดการเดินทาง หากนางไม่ขี่ม้าก็จะไปแย่งหยวนหยวนกับสาวใช้คนใหม่นั่งในรถม้าขนเสบียง รถม้าที่ควรเป็นของนาง เขาเป็นผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว แม้เขาจะรู้สึกเป็นห่วงว่านางอาจไม่สบายตัว แต่อีกใจก็รู้สึกว่าเช่นนี้ก็ดี เพราะเขาไม่รู้จะมองหน้านางอย่างไร หากยามนี้นางเข้าใกล้ตัวเขาอีก เขาอาจห้ามใจไม่ได้ อาจเผลอทำสิ่งไม่ควรไปก็ได้

ถึงเขาจะอยู่ในรถม้าคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้นั่งสบายๆเช่นที่ใครๆคิด เพราะเขายังต้องทรมานกับภาพทับซ้อนที่นางขโมยหอมแก้มเขา ครั้งแล้วครั้งเล่า มองผนังรถม้าด้านใดก็นึกถึงแต่ริมฝีปากนุ่มๆที่เฉียดผ่านแก้มของเขา ได้กลิ่นอะไรก็นึกถึงแต่กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆจากตัวนาง 

การเดินทางอีกสองสามวันต่อจากนั้นก็ดำเนินไปเช่นนี้ ช่างทรมานยิ่ง!

จวบจนเริ่มเข้าใกล้เขตเมืองหลวง เริ่มมีหมู่บ้าน ผู้คนเดินตามถนนประปราย หลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจพักม้าที่ร้านน้ำชาข้างทางแห่งหนึ่ง วันนี้หยวนหยวนไม่ต้องเตรียมอาหาร เพราะสั่งจากร้านน้ำชาได้ 

ทุกคนเข้ามานั่งกินอาหารในร้าน หยวนหยวนกับอาหงนั่งโต๊ะเดียวกัน ทหารห้าคนแบ่งกันนั่งสองโต๊ะ หลี่เฟิ่งเซียนและลู่มู่เฉินแม้จะนั่งโต๊ะเดียวกัน แต่ต่างคนต่างกินอาหารเงียบๆ ไม่มีใครมองหน้าใคร สาวใช้สองคนและทหารอีกห้าคนต่างรับรู้ถึงบรรยากาศแปลกๆนี้มาสองสามวันแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปาก แม้แต่หยวนหยวนที่ไม่เคยเกรงใจก็ยังไม่กล้า 

หลังมื้ออาหาร ขณะที่ทุกคนกำลังออกมาจากร้านน้ำชา จ้าวเหลียงยังไม่ทันออกพ้นประตูก็มีลูกธนูหลายสิบดอกถูกยิงมาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่จ้าวเหลียงไหวตัวทัน เขาหลบได้และรีบปิดประตูร้านน้ำชา จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ดูจากสถานการณ์ พวกเขาก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้!!

ทั้งเสี่ยวเอ้อทั้งเจ้าของร้านต่างหวาดกลัววิ่งไปหลบอยู่หลังร้าน

“เป็นพวกไหนกัน มารดามันเถอะ” หลี่เฟิ่งเซียนสบถ 

“โจรปล้นธรรมดาจะเหิมเกริมเช่นนี้หรือ นี่เข้าเขตเมืองหลวงแล้วนะ” อาหงวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ

“อืม ข้าเห็นด้วย ข้าเก็บลูกธนูที่ทะลุกำแพงเข้ามาได้ ดูแล้วลูกธนูเป็นแบบทั่วไป แต่กลับใช้เหล็กชั้นดีแบบเดียวกับกองทัพ” จ้าวเหลียงพูด พร้อมกับยกลูกธนูในมือออกมาให้ทุกคนดู

“คนของหลงอี้หรือ?!!” หลี่เฟิ่งเซียนคาดการณ์ นางรู้สึกหวาดกลัว

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 50 ภรรยาผู้อื่นยืนอยู่ตรงนี้

    เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 49 เรียนรู้การเข้าหอ

    “มันก็ไม่ใช่ฉี่เช่นนั้น มันออกมานิดเดียว ไม่ได้เปื้อนผ้าห่ม แต่ก็เปื้อนตามขาด้านใน จับต้องได้ เพราะมันเหนียวๆ ใสๆ” หลี่เฟิ่งเซียนหน้าทั้งร้อนทั้งแดง เรื่องน่าอายเช่นนี้นางไม่เคยพูดกับใคร แต่หากเป็นเช่นคืนนั้นอีก ตอนเขากำลังเข้าหอกับนาง นางไม่รู้ว่าจะรับมือเช่นไร สู้อับอายกับอาหงยังดีเสียกว่า อย่างน้อยนางข่มขู่อาหงได้“หรือว่า..ที่จริงแล้วข้ากำลังป่วยอยู่” หลี่เฟิ่งเซียนพูดออกไปเมื่อคิดได้บางอย่าง นางเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา“ห๊ะ! เอ่อ ไม่สิ ไม่ใช่ ให้ข้าถามก่อนเจ้าอย่าเพิ่งโวยวาย....ฉี่ที่เจ้าพูดนั้น มันใสๆ เหนียวเล็กน้อย และออกมาจากผลท้อของเจ้า เจ้า..เจ้าเคย..กับท่านเขยแล้วหรือ” อาหงพยายามสรรหาคำพูดที่ฟังแล้วไม่น่าเกลียดเกินไปมาถาม“เคยอะไร ข้าไม่เคยสักครั้ง เราสองคนยังไม่เคยเข้าหอ หากเคยไปแล้วข้าจะมานั่งกลุ้มใจเช่นนี้หรือ” หลี่เฟิ่งเซียนตัดพ้อ“เจ้าไม่เคยแล้วน้ำใสๆ นั่นจะออกมาได้อย่างไรกัน” อาหงขมวดคิ้วแน่น“ก็นั่นสินะ ข้า ข้ากำลังป่วยใช่หรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนสลดยิ่งนัก“แล้วน้ำนั่น ไหลมาตอนไหนหรือ” อาหงซักอย่างละเอียด“ห๋า เอ่อ ก็ ..ก็หลังจากที่เขา ..เขา..เขากัด” หลี่เฟิ่งเซียนอธิบาย

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 48 เรียนรู้เรื่องในห้องหอ

    เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเขาพูดครั้งเดียวยาวๆเช่นนี้ หลี่เฟิ่งเซียนพูดไม่ออกได้แต่นิ่งฟัง“ที่ท่านย่าไม่ชอบข้า นั่นก็เพราะนางรักเจ้ามาก อยากให้เจ้าได้แต่งงานกับผู้ที่จะดูแลเจ้าได้ ผู้ที่จะสามารถแบกตระกูลหลี่ไว้บนบ่า แต่เจ้ากลับคว้าเอาใครไม่รู้เช่นข้ามาแต่งงาน ทั้งอัปลักษณ์ ทั้งพิการ นางเพียงกลัวว่าภายภาคหน้าเจ้าจะลำบาก หากว่าท่านแม่ทัพไม่อยู่แล้ว” ลู่มู่เฉินเข้าใจความคิดของท่านย่าเป็นอย่างดี และไม่โทษผู้ใดที่เขามีชีวิตเช่นนี้ “แต่ว่า..เจ้าจะเจ็บมือหากอยู่ในที่เย็นๆ” นางยังคงเป็นห่วงเขา แม้จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพูด“ไม่ต้องห่วง ข้ามีกล่องเข็มของเจ้าช่วยชีวิตแล้ว เวลาที่รู้สึกเจ็บ ข้าสามารถฝังเข็มที่มือบรรเทาความเจ็บได้” เขาตอบอย่างอ่อนโยน“เจ้า พูดจริงหรือ เจ้าย้ายไปอยู่ในห้องดีๆก็ได้ จวนของข้าสามารถดูแลเจ้าได้ ไม่จำเป็นต้องประหยัดเพียงนั้น เจ้า ..ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนยังดื้อดึง คำพูดท้ายๆนางไม่กล้าสบตาเขาเพราะความเขินอาย จึงก้มหน้าลงบิดมือไปมา“อย่าเหลวไหล ถึงจวนของเจ้าจะมีเงินมากมาย แต่ก็ต้องรู้จักรักษา และหามาเพิ่ม พรุ่งนี้เจ้าควรไปขอโทษท่านย่าด้วย เข้าใจหรือไม่” เข

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 47 ยังไม่หลับ

    “รีบลุกขึ้นมา เจ้าไม่สบายอยู่ เดี๋ยวจะอาการหนักกว่าเก่า” หลี่เฟิ่งเซียนเป็นห่วงสามี“อย่าเหลวไหล ท่านย่าทำโทษเจ้าอยู่ อย่างไรข้าย่อมต้องรับโทษแทนเจ้า เจ้าอย่าทำให้ท่านโกรธอีก” ลู่มู่เฉินดุนาง หลี่เฟิ่งเซียนก็เงียบตามเขาพูด นั่งลงข้างๆเขา“เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ มีข้ารับโทษแทนเจ้าแล้ว เมื่อวานเจ้าเหนื่อยทั้งคืน หากยังต้องมานั่งคุกเข่าตากอากาศเย็นตอนกลางคืน เจ้าจะไม่สบายได้” เขาพูดอย่างอ่อนโยนกับนางลู่มู่เฉินพูดถึงเรื่องที่นางชกต่อยจนชายชาตินักรบผู้หนึ่งอย่างจ้าวเหลียงต้องนอนรักษาตัวลุกไม่ขึ้น แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับนึกไปถึงเรื่องที่เขาทำให้นางอ่อนระทวยจนไม่มีแม้แต่แรงขยับตัว นางรู้สึกแก้มสองข้างร้อนๆ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เพราะมืดแล้ว สาวใช้ที่ยืนรอบๆต่างไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูใหญ่ แต่ไม่ใช่ลู่มู่เฉิน เขารับรู้ถึงความเขินอายของนางได้ คราแรกเขาไม่แน่ใจว่าเหตุใดจู่ๆนางจึงเขินอาย แต่เมื่อนึกย้อนทบทวนคำพูดของตัวเองแล้ว เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อยในความชวนให้เข้าใจผิดของคำพูดนั้น สองสามีภรรยาโง่งมต่างเขินอายโดยไม่มีผู้ใดรับรู้เพล้ง!! เสียงถ้วยกระเบื้องแตกดังออกมาจากเรือนของ

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 46 คุกเข่า

    หลี่เฟิ่งเซียนรีบร้อนไปรับยู่ยี่กลับมา แต่พอไปถึงที่พักของคนใช้นอกจวน นางก็ได้รับรู้ว่ายู่ยี่ไม่ได้อยู่ในที่พักนี้ ยู่ยี่ถูกบังคับให้ไปเช่าบ้านอยู่ และวันนี้นางก็ต้องไปซักผ้าที่แม่น้ำ หลี่เฟิ่งเซียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางยิ่งรู้สึกผิดต่อยู่ยี่ที่พามาลำบากอยู่ในเมืองหลวง หลี่เฟิ่งเซียนสัญญากับตัวเองว่าหากพานางมาได้แล้วจะดูแลนางให้ดีขึ้นเรื่องนี้ หรือเรื่องสามี ทั้งสองเรื่องผิดที่ตัวนาง นางเป็นคนพาพวกเขามาแต่ไม่ดูแลพวกเขา คิดว่าท่านย่ารักนางอย่างไรก็จะดูแลคนของนางให้ดี ที่ไหนได้ท่านย่ากลับเห็นคนไม่เท่ากัน บ่าวก็ยังเป็นบ่าว บ่าวก็ยังแบ่งกันเป็นหลายชั้น สูงต่ำกันไปตามมารยาทที่ได้รับฝึกสอนอีก ส่วนเขยของจวนแม่ทัพอย่างลู่มู่เฉิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านย่ารังเกียจเขาเพียงใด บังคับให้เขาอยู่ในห้องมืดๆ ผนังไม่ดี ลมเย็นพัดเข้ามาได้ตลอดคืน ผ้าห่มฟู่ปูนอนก็เป็นของเก่า ทั้งที่นางก็บอกไปแล้วว่าเขาป่วยอยู่ในห้องที่มีอากาศเย็นนานๆไม่ได้ นางไม่อาจไม่รับความผิดนี้ นางจะชดเชยให้พวกเขาหลี่เฟิ่งเซียนควบขี่ม้าไปรับยู่ยี่ที่แม่น้ำ ทันทีที่นางเห็นคุณหนูใหญ่ ยู่ยี่ก็ร้องไห้ออกมายกใหญ่ ทั้งด่าทั้งบ่นคุณหนูใหญ่

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 45 นอนในห้องของสามี

    มือเย็นยะเยือกที่ไร้เนื้อหนัง บนหลังมือยังเต็มไปด้วยตุ่มใส เล็บยาวสีแดงน่ากลัว คืบคลานเข้าหาตัวนางทีละเล็กทีละน้อย มือข้างนั้นดึงเสื้อผ้าของนางขาดจนไม่เหลือชิ้นดี หลี่เฟิ่งเซียนตัวแข็งทื่อคล้ายโดนพิษขยับไม่ได้มือที่มีเพียงกระดูกนั้นผลักนางด้วยความแรงชนิดที่นางคิดไม่ถึง ตัวนางล้มลงไปบนกองฟางเปียกชื้น มันทั้งเหม็นทั้งคัน นอกจากกองฟางนั้นแล้วรอบๆ มีแต่สิ่งปฏิกูล นางร้องขอความช่วยเหลือแต่อ้าปากไม่ได้ ทั้งห้องอับชื้นมีเพียงแสงสว่างสายหนึ่งส่องเข้ามาจากด้านบนนางรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่งับเบาๆ แถวปลายคาง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปตามผิวเนื้อวิ่งตรงไปที่ท้องน้อยของนาง ก่อนจะทำให้ผลท้อชมพูของนางสั่นระริกราวกับโดนไฟลวก สองมือที่มีแต่กระดูกตระกองกอดนาง บีบบังคับให้นางต้องแอ่นอกไปชิดโครงร่างผอมแห้ง ลิ้นชื้นแฉะเลียไปตามคอระหง วกกลับไปดูดริมฝีปากล่างของนางเบาๆ แต่นางยังรู้สึกเจ็บมากหลี่เฟิ่งเซียนกลัวจับใจ แต่ร่างนั้นยังคงกอดกัดนางต่อไป มันกัดริมฝีปากของนางจนเปื่อยก่อนจะผลักนางล้ม ฉีกกระชากตู้โตวของนาง ก่อนจะทาบทับลงไปบนหน้าอก นางรู้สึกถึงยอดถันชมพูที่กำลังเสียดสีกับโครงกระดูก ก่อนที่โครงกระดูกจะโน้มตัว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status