แชร์

บทที่ 5/1

ผู้เขียน: กวินทร์แก้ว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-16 23:31:59

“ซื้อได้หรือเปล่าคะ หนูลืมบอกคุณอาไปเลยว่า...ต้องซื้อยี่ห้อไหน” ขนิษฐาเอ่ยถามด้วยความเก้อเขินพลางเหลือบมองเภสัชสาวที่ยังคงยืนมองมาที่เธอกับอัฐพลจากภายในร้านด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เธอจึงรีบดึงสายตากลับมามองที่ชายหนุ่มเพื่อรับคำตอบ

            “อืม เธอจำได้เลยหยิบมาถูก...” ชายหนุ่มเงียบลงพลางก้าวเข้าประชิดก่อนจะรวบเอวหญิงสาวเอาไว้หลวมๆ “ความจริงอาไม่ได้อยากซื้อเลย ‘สดและปล่อย’ มันดีกว่ากันเยอะ”

            เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบเสียงกระเส่า ทิ้งท้ายด้วยการไล่พรมจูบแผ่วเบาที่ติ่งหูของเธอก่อนจะผละออกห่าง จ้องมองใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มมุมปาก

            “หนูว่าเรากลับดีกว่าค่ะ เอ่อ จริงสิคะ คุณธีรภพบอกว่าคุณอาลงมาหาอะไรกิน จะแวะซื้อก่อนขึ้นไปก็ได้นะคะ”

            การถูกคนร่างสูงเย้าหยอกให้รู้สึกวาบหวามหัวใจ ทำให้เธอหลุบตาลงด้วยความเขินอายและเพื่อเลี่ยงสบตาพราวเสน่ห์ของเขาที่ส่งมาก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แม้จะอายที่ถูกเขาจับได้ในเรื่องที่โป้ปด มิหนำซ้ำยังมารู้สาเหตุที่เธอจำเป็นต้องออกมาข้างนอกยามมืดค่ำเช่นนี้ ยิ่งคิดขนิษฐาก็รู้สึกทั้งเขินทั้งอายจนสัมผัสได้ว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวไปหมด มือเล็กรู้สึกชื้นเหงื่อขึ้นมาฉับพลันเมื่อตนหวนนึกไปถึงคืนแรกที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันดีและหยุดนึกถึงไม่ได้ แต่กลับกันเธอก็ไม่อาจหลงคิดไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบหรือเพราะรสชาติของสวาทในราคะที่ปะทุขึ้นมา เธอไม่แม้แต่กล้าคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากความตั้งใจของเขาและเธอ

            “อาไม่หิวข้าวแล้วล่ะ อาหิวคนตรงหน้ามากกว่า”

            ไร้คำพูดฉับพลัน ตอนนี้ขนิษฐาไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเดินต่อ สมองขาวโพลนเพียงเพราะคำพูดของเขาที่ตรงไปตรงมาอย่างชัดเจนโดยเฉพาะกับหัวใจที่มันมีผลให้เต้นแรงระรัวจนกลัวว่ามันจะดังให้อีกฝ่ายได้ยิน หนำซ้ำความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นมาให้รู้สึกว่า...

มันทำให้รู้สึกดีปะปนไปกับความเขินอาย

            “อะ อืม หนู...”

            กว่าเธอจะหาเสียงของตัวเองที่จะเปล่งออกไปได้ก็นานอยู่เป็นนาที แต่แล้วตนก็ไม่รู้จะพูดออกไปเช่นไรดีจึงเงียบลงอีกครั้ง ทำให้คนร่างสูงหลุดหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูสาวเจ้าพลางยกมือวางลงบนศีรษะของเธอ ก้มใบหน้าลงไปใกล้จนเหลือช่องว่างเพียงคืบเดียว

            “อายังไม่ทำหรอก อาจะรอพรุ่งนี้...วันศุกร์”

            สิ้นคำพูด ขนิษฐาช้อนตาขึ้นประสานนัยน์ตาคู่สวยมีเสน่ห์ สองแก้มร้อนผ่าวก่อนจะค่อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ รู้สึกลำคอเหนียวจนต้องกลืนน้ำลาย เผลองับริมฝีปากล่างของตัวเอง หัวใจที่เพิ่งสงบไปกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง อาการเหล่านี้ล้วนถูกทำให้เกิดขึ้นจากคำพูดของชายหนุ่ม ไม่เพียงคำพูดของเขาที่มีผลต่อเธอ แต่ยังมีอากัปกิริยาของเธอที่ส่งผลต่อหัวใจและสิ่งที่อยู่หว่างขาภายใต้กางเกงที่ปวดหนึบขึ้นมาฉับพลันเพียงเพราะเธอช้อนสายตาขึ้นมามองและการงับริมฝีปากของสาวเจ้า

            “คือ อะ อืม...ถ้าคุณอาไม่หิวข้าวแล้วก็กลับกันค่ะ พรุ่งนี้หนูต้องไปทำงานแต่เช้า” หญิงสาวเปล่งเสียงแหบพร่าก่อนจะกระแอมปรับน้ำเสียงพูดออกไป ย่างก้าวเดินกลับไปตามทางเส้นทางกลับคอนโดมิเนียมพลางยกมือขึ้นมาลูบลำคอตัวเองก่อนจะเปลี่ยนมาแค่ใช้นิ้วชี้ลูบไปลูบมาเบาๆ ครุ่นคิดถึงอาการคอแห้งของตัวเองที่ก่อขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

            “อย่าทำตัวน่ากินเกินไปหนูนิด ถ้าอาทนไม่ไว้ขึ้นมา...แม้แต่วันศุกร์อาก็คงไม่รอแล้ว” ชายหนุ่มมองอากัปกิริยาและสีหน้าของหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเปล่งเสียงพูดตามหลัง ก้าวเดินตามกลับคอนโดมิเนียม

ทว่าคำพูดที่แม้จะไม่เห็นสีหน้าของคนพูดก็ทำให้สาวเจ้ารีบเร่งเดินหนีด้วยความเขินอายสับสนกับความรู้สึกในใจที่พยายามปฏิเสธ กำลังส่งเสียงร้องออกไปให้ตนหยุดเดินหันกลับไปพูดตัดความสัมพันธ์ที่มันยังไม่ถลำลึกมากไปกว่านี้ให้เด็ดขาด แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับบอกให้เธอรีบเดินหนีแทน

อัฐพลและขนิษฐาเดินเข้าลิฟต์โดยไร้ลูกบ้านคนอื่นตามเข้ามาเมื่อเวลาล่วงเลยมาอยู่ช่วงดึกหลังเดินกลับมาถึงคอนโดมิเนียม เมื่อประตูลิฟต์ถูกปิดชายหนุ่มจึงก้าวมายืนอยู่ด้านหน้าหญิงสาวก่อนจะดันเธอให้ชิดติดผนังลิฟต์อย่างไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว เป็นเหตุให้สาวเจ้าเงยขึ้นมองคนร่างสูงด้วยความตกใจ เพียงแค่เธอเงยใบหน้าขึ้นยังไม่ทันพูดออกไปสักคำ ริมฝีปากบางอวบอิ่มก็ถูกเขาจู่โจมประกบจูบ มือใหญ่รั้งท้ายทอยไม่ให้เธอถอยหนี

            เขาบดเคล้าริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วงชวนวาบหวามหัวใจกว่าสัมผัสเร่าร้อน ความหนักหน่วงไม่รีบร้อนบดเคล้าหาความหวานจากปากอิ่มอย่างอ้อยอิ่งนั้นส่งผลให้หัวใจของเธอสั่นสะท้าน ความอ่อนไหวจู่โจมให้แข้งขาของเธออ่อนยวบจนต้องยกมือขึ้นมาเกาะที่เอวของเขา ต้านทานความหวามไม่ได้จนเผยอริมฝีปากออก ลิ้นอุ่นสบโอกาสสอดเข้าโพรงปากกระหวัดเกี่ยวหาความหวานละมุนจากจูบที่บดเคล้าหนักหน่วงหาความหวานชวนเคลิ้มไปกับสิเน่หามธุรส แทนที่ด้วยเพลิงไฟเร่าร้อนเมื่อถูกลิ้นอุ่นเกี่ยวกระหวัดอย่างอ่อนโยนแต่สร้างความรุ่มร้อนซาบซ่านในกายหญิงสาว โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องลงไปถึงเนินเนื้อที่ร้อนฉ่า ปั่นป่วนวาบหวาม

            เธอมัวเมาไปกับรสจูบที่หอมหวานราวน้ำผึ้ง ทว่าในเวลาเดียวกันก็รุ่มร้อนหัวใจที่ระอุไปด้วยไฟตัณหาเช่นกัน ฉับพลันสมองขาวโพลน หูอื้ออึงไร้ซึ่งเสียงรบกวน มีเพียงเสียงหัวใจเต้นแรงของเธอและเขาที่ดังก้องกังวานให้ได้ยิน…เธอกำลังถูกเขามอมเมาด้วยจูบที่วาบหวามแสนหวานแต่ร้อนระอุด้วยเพลิงตัณหา

เขาทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังดื่ม Blue Blazer ค็อกเทลที่เต็มไปด้วยความขมฝาดคอ หวานติดลิ้นและอบอวลด้วยเพลิงไฟ

มือเล็กยังคงเกาะเอวชายหนุ่มเอาไว้ไม่ปล่อยเพื่อเป็นที่ยึดหลักไม่ให้ตนล้มลงไป มือใหญ่ที่วางบนเอวหญิงสาวเริ่มลูบไล้ลงต่ำไปตามบั้นท้ายกลมกลึงจนถึงปลายกระโปรงทรงเอก่อนจะดันมันขึ้นสูง ล้วงมือเข้ามาในกางเกงใน นวดคลึงก้นกลมเนียนนุ่มก่อนจะบีบอย่างเต็มมือจนเธอครางอยู่ในลำคอขาว

“อือ...”

            ทั้งสองขยับกายเข้าประชิดกันอย่างไม่รู้ตัว เธอกำลังระเริงไปกับรสตัณหาที่ปะทุขึ้น มือเล็กเริ่มเคลื่อนไหวลูบไล้ไปกับร่างกายกำยำอย่างสะเปะสะปะ ความปวดหนึบและอุ่นวาบภายใต้กางเกงกำลังขยับขยายให้เพลิงราคะในตัวตื่นขึ้น พลันเสียงครางคำรามดังขึ้นเมื่อมือเล็กกำลังล้วงมือเข้ามาภายใต้เสื้อเชิ้ตตามช่องว่างระหว่างกระดุม ลูบหน้าท้องที่แข็งเป็นลอนด้วยกล้ามเนื้ออย่างไม่ประสีประสาที่เกิดจากความอยากลองอยากรู้ของหญิงสาว มือเล็กที่ซุกซนไม่เลิกยิ่งทำให้เขาเริ่มต้านทานมือเล็กไม่ไหว มือใหญ่ที่ล้วงบีบคลึงก้นกลมเริ่มล้วงลึกมากขึ้นจนปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความเปียกแฉะของน้ำหวานจากเกสรดอกไม้

            เขาเลื่อนมือเข้าไปใกล้มากขึ้นบดเคล้ากลีบดอกไม้อย่างอ้อยอิ่งทว่าหนักหน่วงจนขาของเธออ่อนระทวย ซาบซ่านท้องน้อยที่เกิดจากสัมผัสอุ่นของปลายนิ้ว เธอบดเบียดด้านหน้ากับสิ่งที่เด้งตึงออกมาเล็กน้อยจากเป้ากางเกงของเขา สร้างความเสียวซ่านในใจของทั้งสองมากขึ้น เขาไม่รีรอที่จะสัมผัสน้ำหวานด้วยเรียวนิ้ว ใช้นิ้วแหวกกลีบดอกไม้เตรียมสอดนิ้วอุ่นเข้าไปสัมผัสความนุ่มนิ่มแต่แล้วก็เลื่อนมือใหญ่ออกมาตามผิวเนื้ออย่างอ้อยอิ่งผ่านบั้นท้าย ลากไล้มาตามสะโพกจนถึงเนินเนื้ออูมก่อนจะค่อยๆ ลากมือใหญ่ลงต่ำสัมผัสไรขนบางที่ปกปิดสิ่งสวยงาม เขายังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เพราะมันดีจนเธอครางหวานออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งได้มือใหญ่สัมผัสโดนสิ่งสวยงามที่เปียกแฉะด้วยน้ำหวาน บดคลึงอย่างหนักหน่วงอยู่ครู่ก่อนจะสอดนิ้วอุ่นเข้าไปสำรวจความอุ่นนิ่ม ดึงเข้าดึงออกเชื่องช้าแต่หนักหน่วงอ้อยอิ่งให้รู้สึกซาบซ่านหัวใจ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณอาเพื่อน   ตอนพิเศษ

    แสงแดดยามสายของวันสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนปลุกให้เชอเอมตื่นจากภวังค์เมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องกระทบลงบนเปลือกตา หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังแสงแดดพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจก่อนเปลี่ยนมากุมขมับฉับพลันเมื่ออาการปวดศีรษะแล่นปราดขึ้นมาจนต้องร้องโอดครวญออกมาก่อนพลิกตัวนอนตะแคงข้างกุมขมับ “ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลยเรา” เสียงหวานบ่นอุบกับตนเองก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากเมื่ออาการปวดศีรษะยิ่งทวีคูณขึ้น แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบทั่วทั้งตัวส่วนบนก็ทำให้หญิงสาวชะงัก อาการปวดศีรษะทุเลาลงลืมตาขึ้นด้วยความฉงนก่อนมองไปรอบๆ จึงพบว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนตัวเอง แต่แล้วสายตาไปสะดุดลงที่กรอบรูปหัวเตียงของอัฐพลจึงรับรู้ได้ว่าตนค้างคืนที่ห้องของผู้เป็นอา ทว่า ขณะที่เชอเอมกำลังเรียบเรียงสติและความทรงจำเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีแขนหนักๆ ของใครบางคนมาพาดลงบนหน้าตักของตัวเอง หญิงสาวจึงก้มลงมองแขนแกร่งที่อยู่บนตักแต่ไม่เท่ากับความน่าตกใจที่ได้พบว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า เธอรีบปัดแขนแกร่งออกจากตักพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อ

  • คุณอาเพื่อน   บทส่งท้าย

    เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งไพเราะรับเข้ากับเสียงลมและเสียงธรรมชาติชวนให้ขนิษฐาที่นั่งอยู่บนผ้าปูริมชายหาดระบายยิ้มรับสายลมอย่างมีความสุขพลางหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มยิ้มให้กว้างขึ้นเมื่อเวลานี้เธอสามารถยิ้มได้อย่างไม่ติดขีดใดๆ ได้อีกเมื่อความสุขที่แท้จริงได้ก่อเกิดขึ้นในชีวิตของเธอแล้ว เมื่อเสียงหัวเราะใสอย่างสนุกสนานของลูกชายวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งหยอกล้อกับผู้เป็นพ่ออยู่เบื้องหน้า ขนิษฐาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพอัฐพลกำลังวิ่งไล่จับลูกชายก่อนจะจับได้พลางยกขึ้นจากพื้นทรายเพื่อเล่นให้ลูกชายรู้สึกหวาดเสียวอย่างสนุกสนานและชอบใจ มือเล็กที่เท้ากับพื้นยกขึ้นมาเพียงหนึ่งข้างเพื่อลูบวนเบาๆ ที่หน้าท้องนูนของตนที่มีอายุครรภ์ในหกเดือน หญิงสาวมองสามีและลูกชายอย่างมีความสุขอย่างเต็มความรู้สึกหลังเหตุการณ์มากมายผ่านพ้นไป พลันฉุกคิดถึงตนเองที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกครั้งแม้จะพบว่าลูกของหญิงสาวปลอดภัยแต่ก็ควรระวังไม่ให้ออกแรงด้วยเพราะเจอเหตุการณ์และการกระทบกระเทือนมา จนคนเป็นพ่อลูกชายวัยห้าขวบกังวลจนเธอแทบทำอะไรเองไม่ได้จัดการให้ทุกอย่างจนแพทย์สั่งให้กลั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/2

    “นี คุณหยุดเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” จิระภัทรพูดเตือนสติบ้าง“ไม่ต้องพูด คุณบอกฉันว่าเป็นศัตรูกับอัฐไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูสนิทสนมกันล่ะคะ” เสาวนีหันมาพูดพลางเล็งปืนออกมาที่ทุกคน“ผมเป็นคนส่งเพื่อนผมเข้าหาคุณเอง ผมผิดเอง...นี ผมขอโทษ คุณยังมีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นนะ” อัฐพลตอบพลางขยับเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ พร้อมจิระภัทรอย่ารู้กันดีเมื่อเห็นเสาวนีไม่ทันตั้งตัวเซนโซก้าซึ่งเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองกำลังเข้ารวบตัวเสาวนีจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอ เขาจึงคิดเข้าไปช่วยน้องสาวแต่แล้วความเคลื่อนไหวของเขากลับทำให้เสาวนีจับได้จึงบันดาลโทสะออกมา“หยุดนะ! อย่าคิดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ฉันยิงนังนี้กับลูกในท้องแน่” เสาวนีตวาดลั่นพลางเล็งปืนสะเปะสะปะไปมาในจังหวะนั้นเองที่อัฐพลตัดสินใจชำเลืองตามองจิระภัทรพลางพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนก้าวเท้าเข้าไปล็อกตัวหญิงสาวทันทีให้ออกห่างจากขนิษฐาอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวจนสำเร็จ ทว่าปืนกลับลั่นขึ้นหนึ่งนัดสร้างความตกใจแก่ทุกคน ต่างพากันมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่กกำลังกอดรัดหญิงสาวเพียงคนเดียวล้มลงไปนอนกับพื้นปัง!ทุกคนให้ความสนใจที่คนทั้งสามโดนไม่ทันสังเกตขนิษฐ

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/1

    “คุณแค่จะใช่เธอเป็นตัวประกันต่อกรกับมันหมอนั่นไม่ใช่เหรอนี” “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญมันท้องฉันเลยต้องทำหลักประกันให้ไม่มีข้อบกพร่องยังไงล่ะคะ คนอย่างอัฐไม่มีทางปล่อยให้ลุกในท้องนังเด็กนั่นเป็นอะไรแน่...หลักประกันชิ้นดีเลยนะคะ” “แต่นั่นเด็กนะนี เด็กทียังไม่...” “เด็กแล้วยังไงล่ะคะ เจตน์ ความจริงตอนนี้คุณไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หน้าที่ของคุณแค่ทำให้ไฟที่งานดับและพาตัวมันมาให้ฉันที่นี่เท่านั้น!” เสียงคนกำลังมีปากเสียงกันปลุกให้ขนิษฐารู้สึกตัวตื่น ไม่เพียงเสียงผู้คนแต่ยังมีลมเย็นที่ปะทะผิวกายจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจนเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันพลางค่อยๆ ไล่เรียงความทรงจำหลังไฟดับสาวเจ้าผละออกจากอัฐพลพลางหันมองซ้ายขวาท่ามกลางความมืดด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกมีคนเข้ามาประชิดจากด้านหลังพร้อมกับใช้บางอย่างประกบลงที่จมูกและปากของตนก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป จนกระทั่งตอนนี้ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นจึงพบว่าตนกำลังถูกมัดกับเสาบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคือเสาอะไรและไม่เพียงรู้ว่าตนถูกมัดติดเอาไว้แน่น แต่ยังรับรู้ว่าตนกำลังอยู่บนดาดฟ้าของบริษั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/5

    “สาวน้อยของแม่ ยังไม่ได้มีแค่คำอวยพรจากพ่อแต่ยังมีจากแม่ด้วยนะ...แม่ไม่มีคำพูดอวยพรอะไรมากมายแต่แม่จะขอให้ลูกพบกับสิ่งล้ำค่าอีกชิ้นที่กำลังมีหัวใจดวงน้อยในท้องของหนู ต่อจากนี้ก็เป็นข่าวดีที่จะบอกว่าแม่จะอยู่ที่ไทยจนกว่าหลานแม่จะคลอด” เขมมิกามองสามีและลูกสาวด้วยรอยยิ้มก่อนพูดออกไป ยื่นมือไปลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก“มาพูดกันแบบนี้ ทำให้หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่กลับกันเลยนะคะ” ขนิษฐาพูดขึ้นอย่างออดอ้อนเมื่อได้รับความรักจากพ่อและแม่ของตนท่านทั้งสองส่งยิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะหันไปมองทางประตูห้องเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น ขนิษฐาอาสาเดินไปดูบุคคลที่มาเยือนในเวลา พลันฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเซนโซก้าที่กลับจากฮ่องคนแต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปหากเป็นพี่ชายก็คงไม่กดกริ่งเช่นนี้ทั้งที่เธอเคยบอกพร้อมยื่นกุญแจห้องสำรองเอาไว้แล้วก่อนอีกฝ่ายเดินทาง แต่แล้วเมื่อหญิงสาวเปิดประตูจึงพบกับอัฐพลที่กำลังยืนถือกล่องสีดำกำมะหยี่พร้อมรอยยิ้มทันทีที่เห็นเธอ“คุณอาไม่ได้เข้าบริษัทไปเตรียมงานเหรอคะ” สาวเจ้าถามหลังหันกลับมาจากหันไปมองพ่อและแม่ของตน“ไปมาแล้วและกลับมาเพื่อเอาสร้อยข้อมือมาให้หนูนิดใส่กับชุด” ชายหนุ่มตอบพล

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/4

    ขนิษฐานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นแม่และพ่อขงอตนด้วยความรู้สึกผิดหลังเล่าทุกอย่างให้พวกท่านได้รับรู้ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกของอัฐพล ปฏิกิริยาตกใจแกมนิ่งอึ้งของท่านทั้งสองไม่ได้ผิดคาดไปจากที่ครุ่นคิดเอาไว้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดอย่างไม่น่าให้อภัยในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว “หนูขอโทษพ่อกับแม่นะคะกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” หญิงสาวกระพุ่มมือขึ้นมาก้มลงกราบลงที่ตักผู้เป็นพ่อก่อนก้มลงกราบผู้เป็นแม่ตาม ผละออกห่างมองพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง สาวเจ้ารู้ตัวเองว่าตนทำผิดและทำตัวให้พวกท่านทั้งสองผิดหวังในตัวเธอโดยเฉพาะกับผู้เป็นแม่ที่แสดงสีหน้าราบเรียบจนเธอดูไม่ออกว่าทันกำลังคิดหรือกำลังรู้สึกเช่นไร ต่างจากผู้เป็นพ่อที่แม้จะแสดงสีหน้าตกใจแกมเสียใจอยู่น้อยๆ แต่ท่านยังมีสีหน้าให้พอเดาออกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร “พ่อผิดหวังในตัวลูกที่มีความคิดอะไรก็ไม่รู้ไม่ยอมบอกเขาเสียที” ซานเซสชำเลืองมองภรรยาที่รักก่อนพ่นลมหายใจออกมาเพื่อรวบรวมสติให้มั่นก่อนตัดสินใจพูดออกมาเมื่อภรรยาเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าลูกสาว ด้วยเพราะตนนึกเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status