ฉู่จื่อหลานกล่าว “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงได้แต่หวังว่าอีกเดี๋ยวหลินอู๋จะไม่ประมูลชุดเครื่องประดับมรกตนั้นอีกนะ”หรงฉือก็คิดเช่นนี้เหมือนกันแต่ว่า...มันจะเป็นไปได้เหรอ?ชุดเครื่องประดับมรกตราคาเปิดประมูลอยู่ที่ 50 ล้านมีคนชูป้ายให้ราคา 75 ล้านหรงฉือเป็นคนถัดมาที่ยกป้ายให้ราคา “90 ล้าน”“100 ล้าน”“125 ล้าน”เห็นว่าหลินอู๋ไม่ได้ยกป้ายประมูล หรงฉือกับฉู่จื่อหลานจึงถอนหายใจออกมาหนึ่งที แต่ในตอนที่เธอคิดจะยกป้ายประมูลอีกครั้ง หลินอู๋ก็ชูป้ายขึ้นเช่นกัน“250 ล้าน”“!”ท่ามกลางเสียงร้องอันเปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมเจือความตื่นตะลึงของทุกคน หลินอู๋ค่อย ๆ ลดมือลงด้วยสีหน้าเรียบเฉยหรงฉือกำหมัด ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ราคา “300 ล้าน”“325 ล้าน”“350 ล้าน”หรงฉือฟังถึงตรงนี้ ในใจยังคงลังเลวันเกิดครบรอบ 70 ปีของคุณยายเธอเป็นโอกาสหายาก ถ้าหากว่า 400 ล้าน——เธอเพิ่งนึกมาถึงตรงนี้ หลินอู๋ก็ยกป้ายประมูลต่อ “600 ล้าน”หรงฉือรู้สึกแน่นหน้าอก หลังกลับมาหายใจคล่องอีกครั้ง ก็วางป้ายในมือลงเงียบ ๆอาจเป็นเพราะว่าความร่ำรวยของเฟิงถิงเซินนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนแล้วเมื่อ
หลินอู๋ให้ราคาสูงลิ่วในพริบตาอีกครั้ง!หรงฉือหัวใจหล่นวูบอย่างอดไม่ได้ในมือเธอไม่ได้มีเงินมากมายนักการประมูลครั้งนี้ งบที่เธอตั้งไว้ในตอนแรกคือไม่เกิน 150 ล้านอย่างไรเสีย ธุรกิจในตอนนี้ของตระกูลหรงก็ไม่ค่อยเจริญรุ่งเรืองพวกเขาไม่ได้มีเงินเหลือเฟือสำหรับเอามาใช้จ่ายมือเติบได้แต่ว่าตอนนี้...เหรินจี่เฟิง “140 ล้าน”หรงฉือยกป้าย “150 ล้าน”หรงฉือเอ่ยปากตามหลังเขาติดกันถึงสองครั้ง แถมเสียงใสกังวานและอ่อนหวาน ไพเราะน่าฟังจับใจเหรินจี่เฟิงได้ยินเสียงแล้วจึงมองมาเมื่อได้เห็นหรงฉือ ก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งทีแล้วคลี่ยิ้มหรงฉือเห็นเขามองมา ก็พยักหน้าตอบอย่างมีมารยาทในเวลานี้เอง หลินอู๋ยกป้ายประมูลต่อ “200 ล้าน”หรงฉือไม่มีกะใจจะมาสนใจเหรินจี่เฟิงแล้ว หลังจากได้ยินพลันกำมือแน่นในตอนนี้เอง เหรินจี่เฟิงได้เอ่ยปากอีกครั้ง “215 ล้าน”หรงฉือตามมาติด ๆ “225 ล้าน”หลินอู๋ “250 ล้าน”ตู้ม!สมองของหรงฉือระเบิดออกในทันทีงบที่เธอตั้งไว้ในตอนแรกคือ 150 ล้านก็จริงทว่าเมื่อครู่ตอนหลินอู๋ยกป้ายประมูล เธอก็ได้แอบเพิ่มงบในใจจาก 150 ล้านเป็น 250 ล้านแล้วราคาที่สู
เฟิงถิงเซินหัวเราะ “ไม่เป็นไร ไหนว่าคุณย่าคุณชอบไง? ประมูลเถอะ”เมื่อเห็นรอยยิ้มของเฟิงถิงเซิน หัวใจของหลินอู๋พลันชุ่มชื่น เธอยกป้ายอีกครั้ง “300 ล้าน”เหรินจี่เฟิงตามมาติด ๆ “350 ล้าน”พูดจบ ก็เอ่ยกับเฟิงถิงเซินเสียงดัง “ประธานเฟิง ผู้อาวุโสที่บ้านผมชอบวัตถุโบราณแบบนี้ คุณพอจะช่วยไว้หน้ากันสักครั้งได้ไหมครับ?”เฟิงถิงเซินมองไป แล้วยิ้มตอบอย่างรักษามารยาท “ต้องขอโทษประธานเหรินด้วย ที่บ้านผมก็มีผู้อาวุโสชอบเหมือนกัน”บทสนทนานี้พวกเขาก็ไม่กลัวคนอื่นจะได้ยินเลยหรงฉือกับฉู่จื่อหลานจึงย่อมได้ยินแล้วเช่นกันแจกันดอกไม้นี้จะประมูลไปให้คุณย่าหลินแต่เฟิงถิงเซินกลับเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสของตัวเอง จะเห็นได้ว่าเขามองตระกูลหลินเป็นครอบครัวของตัวเองไปแล้วจุดนี้ เมื่อเทียบกับท่าทีของเขาที่มีต่อครอบครัวเธอแล้ว ช่างต่างกันราวฟ้ากับดินหลินอู๋ยกป้าย “425 ล้าน”คราวนี้ เหรินจี่เฟิงไม่ได้ตามแล้วสุดท้าย หลินอู๋ได้แจกันดอกไม้โบราณใบนั้นไปในราคา 425 ล้าน ทำเอาผู้คนต่างส่งสายตาอิจฉาไปที่เธออีกครั้งตอนเคาะค้อนไม้ขานราคาสุดท้าย ที่จริงในใจหลินอู๋รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักแม้ตระกูลหลินก็นับว่าเ
อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้ตอนที่อวี้มั่วซวินพาเธอไปเข้าร่วมงานเลี้ยงกับนิทรรศการเทคโนโลยีคราวก่อน เขาก็ไม่สนใจการมีอยู่ของเธอเลยตั้งแต่ต้นจนจบงานเธอคิดมาถึงตรงนี้ งานประมูลก็ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อพิธีกรเดินขึ้นเวที คนโดยรอบก็พากันเงียบเสียงลงหรงฉือได้ดูรายการสินค้าประมูลในค่ำคืนนี้มาอย่างละเอียดแล้วหรงฉือถูกตาต้องใจชุดเครื่องประดับมรกตและภาพปักของผู้มีชื่อเสียงภาพหนึ่งส่วนในท้ายที่สุดเธอจะประมูลชิ้นไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระหว่างการประมูลไม่นานงานประมูลก็เริ่มขึ้นหรงฉือมีเป้าหมายชัดเจน หากไม่ใช่สินค้าประมูลที่หมายตาไว้ หรงฉือก็ไม่ยกป้ายเลยก่อนหน้านี้ทางฝั่งของเฟิงถิงเซินกับหลินอู๋ก็ไม่ได้ยกป้ายประมูลแต่อย่างใดหลังจากการประมูลดำเนินมาได้สักพัก หรงฉือและฉู่จื่อหลานต่างสังเกตเห็นว่าหลินอู๋เริ่มยกป้ายแล้วสิ่งที่หลินอู๋ต้องการประมูลคือสร้อยข้อมือเพชรเส้นหนึ่งซึ่งเป็นผลงานของนักออกแบบเมืองนอกชื่อดัง แค่ดูจากสไตล์ก็รู้แล้วว่านี่เป็นสร้อยข้อมือสำหรับวัยรุ่นเฟิงถิงเซินต้องประมูลสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้กับหลินอู๋อย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัยเลยราคาประมูลเริ่มต้นของสร้อ
วันต่อมาหลังจากหรงฉือกับฉู่จื่อหลานแต่งตัวเสร็จ ก็ตรงไปที่งานประมูลหรงฉือกับฉู่จื่อหลานไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องมากนักทว่าพวกเธอก็มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมาก เมื่อพวกเธอปรากฏตัวในโถงประมูล ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายฉู่จื่อหลานเคยเข้าร่วมงานประมูลหลายครั้ง ค่อนข้างกระตือรือร้นในวงสังคม จึงมีคนไม่น้อยที่รู้จักเธอแต่เป็นครั้งแรกที่หรงฉือได้พบคนอื่นเมื่อเห็นหรงฉือเข้าร่วมงานประมูลมากับฉู่จื่อหลาน ก็มีคนไม่น้อยที่คาดเดาว่าตกลงแล้วเธอเป็นลูกสาวจากตระกูลไหนตำแหน่งของพวกเธออยู่แถวหลังตรงกลางพวกเธอไม่ได้มาถึงเร็วนักหลังจากพวกเธอนั่งลงไม่กี่นาที งานประมูลก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วทันใดนั้นเอง จู่ ๆ แถวหน้าก็เกิดความวุ่นวายขึ้นหรงฉือกับฉู่จื่อหลานได้ยินเสียงก็มองไปหลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลงฉือก็ชะงักการเคลื่อนไหวฉู่จื่อหลาน "คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเฟิงถิงเซินกับหลินอู๋...ไม่คิดเลยว่าพวกเขาก็มาเหมือนกัน"พูดจบ ก็ถามหรงฉือ "เรื่องที่พวกเขาก็มางานประมูลด้วย เธอรู้หรือเปล่า"หรงฉือส่ายศีรษะ "ไม่รู้"เธอไม่คิดว่าเขาจะมาร่วมงานด้วยเฟิงถิงเซินก็ไม่ได้บอกเธอว่าเขาจะมาร่วมงานเช่นกัน
หรงฉือรู้ว่าเขาไม่อนุญาตให้เธอเข้าใกล้ห้องทำงานของเขา เธออยู่ในห้องนอนและอ่านหนังสือรอเขาจนกระทั่งเกือบตีหนึ่ง เฟิงถิงเซินจึงเพิ่งกลับมาที่ห้องเห็นเขากลับมา หรงฉือก็วางหนังสือลงและมองเขา เฟิงถิงเซินเห็นแบบนั้น ก็ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "มีอะไร?"หรงฉือก็ไม่อ้อมค้อม พูดตามตรง "ฉันได้ยินว่าอีกสองวันจะมีงานประมูลการกุศลงานหนึ่ง..."เฟิงถิงเซินดึงเนกไทบนคอลงอย่างสง่างาม ได้ยินแบบนั้นก็มองเธอ และพูด "คุณอยากได้บัตรเชิญเข้าร่วมการประมูลเหรอ?"หรงฉือชะงักไป "ใช่""เข้าใจแล้ว"พูดจบ เฟิงถิงเซินก็หันหลังเดินไปที่ห้องเสื้อผ้า ผ่านไปครู่หนึ่งก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเขาตอบรับตรงไปตรงมาขนาดนี้ หรงฉือรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยทว่าในเมื่อเขาตอบรับแล้ว เธอก็สบายใจตอนนี้ดึกแล้ว เธอวางหนังสือและนอนลงบนเตียง เฟิงถิงเซินยังอาบน้ำไม่เสร็จ เธอก็หลับไปแล้วเนื่องจากงานประมูลจะจัดวันมะรืน ตอนเย็นของวันถัดมา หลังจากหรงฉือออกจากฉางโม่แล้ว ก็กลับมาที่วิลล่าแห่งนี้ทว่าตอนที่เธอกลับมา เฟิงถิงเซินไม่อยู่ แต่เฟิงจิ่งซินกลับอยู่บ้านเห็นเธอกลับมา เฟิงจิ่งซินก็รบเร้าว่าอยากให้เธอทำของอร่อยให้กินหรงฉือตกล